"เดี๋ยวเขาคงโทรมามั้ง"
"ผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้วเขาคงไม่โทรมาแล้วล่ะ ฉันดีใจกับแกด้วยนะขวัญ"
"ถ้าแกไม่ได้ไปทำที่นั่นฉันอาจจะไม่ไปทำก็ได้" บริษัทนั้นเป็นความฝันของนิสิตนักศึกษาหลายคน ถ้าได้เข้าไปที่นั่น อนาคตความก้าวหน้าก็จะดีด้วย
"อย่าคิดแบบนี้เด็ดขาด รู้ไหมว่าอนาคตยังรอเธออยู่ อย่าเอาอนาคตตัวเองมาไว้กับฉัน" คิดไปอีกทีก็ดีเหมือนกันที่ของขวัญได้งานจะได้ไม่ต้องกลับบ้านที่ต่างจังหวัด
ในขณะที่กำลังคิดอะไรอยู่ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นก็ลอยเข้ามา ทำไมเธอถึงคิดว่าที่เขารับของขวัญเพราะอยากทำประชด หึ..คิดได้ยังไงตัวเองจะมีค่าอะไรมากขนาดนั้นเลยเหรอ
"ฉันคงต้องกลับแล้วล่ะ เดี๋ยวต้องได้ไปเตรียมตัวทำงานเย็นนี้อีก" ถ้ากลับไปที่บาร์นั่น คงไม่พ้นต้องเป็นเมียน้อยไอ้เสี่ยตัณหากลับ แต่ถ้าจะไปหางานที่ใหม่ กว่าจะเดินหางาน และยังไม่รู้เลยว่าเขาจะรับนักศึกษาที่เพิ่งจะจบหรือเปล่า
ของขวัญได้แต่มองตามเพื่อนออกไปจากห้อง ถ้าเปลี่ยนกันได้อยากจะให้เพื่อนเป็นคนได้งานมากกว่า
จ๊ะเอ๋เดินมานั่งรอรถเมล์ที่หน้าปากซอย อยากจะร้องไห้ก็ร้องไม่ได้เดี๋ยวคนหาว่าเป็นบ้า ก็เลยทำได้แค่นั่งมองรถวิ่งผ่านไปมา
"จอดด้วยค่ะ" หญิงสาวลุกขึ้นกวักมือเรียกรถเมล์ที่วิ่งเข้ามาใกล้จะถึงป้าย
ครื่นนน ครื่นนนนน
ขณะที่ก้าวขึ้นรถเมล์เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
ตอนนี้ลนลานมาก ทั้งอยากจะรับโทรศัพท์แต่ก็ต้องหาที่นั่งให้ได้ก่อน
>>{"ฮัลโหลสวัสดีค่ะ โอ้ย"} เธอตัดสินใจเอาโทรศัพท์ขึ้นมารับก่อน แต่พอรถเมล์ออกตัวร่างของเธอก็กระเด็นชนเข้ากับเสารถที่ตั้งอยู่ {"อะไรนะคะ? ฉันได้งานเหรอคะ ขอบคุณมากค่ะ"} พอได้ยินคนที่โทรมาแจ้งเรื่องให้ไปทำงานในวันพรุ่งนี้ จากที่กำลังเจ็บอยู่ก็หายเป็นปลิดทิ้ง
"ฉันได้งานทำแล้ว ฉันได้งานแล้วค่ะ" ดีใจมากจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ คนที่นั่งอยู่บนรถเมล์ต่างก็ยิ้มแบบเอ็นดู และเรียกเธอให้มานั่งลงดีๆ ก่อน
พอนั่งลงได้สิ่งแรกที่ทำคือโทรไปหาแม่
>>{"ฮัลโหลแม่คะ"}
{"มีอะไรเหรอลูก"} เสียงจอยกระซิบพูดกับลูกสาว
>>{"จ๊ะได้งานแล้วนะคะแม่ บริษัทโทรมาบอกว่า.."}
"นี่เวลาทำงานนะ ถึงว่าทำไมห้องน้ำชั้นนี้ถึงได้สกปรก แถมยังมีกลิ่น มั่วคุยแต่โทรศัพท์นี่เอง" ระบบบริษัทมีการแก่งแย่งแข่งขันกันสูง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องแม่บ้าน ที่จอยถูกต่อว่าไม่ได้ถูกต่อว่าโดยตรงหรอก แต่คนที่ว่าให้อยากส่งผ่านคนงานไปให้ถึงหัวหน้าก็แค่นั้น
>>"{ฮัลโหลแม่คะ แม่"} จากที่ดีใจมากเรื่องได้งาน แต่พอรู้ว่าที่แม่ถูกตำหนิก็เพราะเธอ น้ำตาแห่งความปิติยินดีกับกลายเป็นน้ำตาแห่งความโศกเศร้า {"ถ้าจ๊ะเก็บเงินได้แล้ว จ๊ะจะให้แม่เลิกทำงานนะคะ"} หญิงสาวยังคงพูดผ่านสาย ถึงแม้จะรู้แล้วว่าแม่คงรีบเก็บโทรศัพท์จนไม่ได้กดวางสาย
จ๊ะเอ๋ลงจากรถเมล์ได้ ก็เดินเข้ามาในซอย
"คนสวยทำไมวันนี้ดูเศร้าจังเลย" วัยรุ่นในซอยแซวแบบนี้ประจำ แต่ก็ไม่ค่อยมีพิษมีภัยอะไร
จ๊ะเอ๋เลือกที่จะไม่ตอบ เธอยังคงรีบเดินกลับบ้าน เพราะต้องได้เตรียมชุดเพื่อทำงานในวันพรุ่งนี้ ถึงแม้จะเศร้าอยู่มากแต่ก็ดีใจ ที่ไม่ต้องกลับไปทำงานที่บาร์นั้นอีก นี่แสดงว่าเธอรอดพ้นจากนรกขุมนั้นแล้วใช่ไหม
กลับมาถึงจ๊ะเอ๋ก็โทรไปบอกของขวัญเรื่องที่ได้งานทำ ไม่ต้องพูดถึงว่าของขวัญจะดีใจมากแค่ไหน เพราะนั่นถือว่าทั้งสองจะได้ทำงานที่เดียวกัน
เช้าวันต่อมา..ที่บริษัท
"ฉันดีใจจังเลยที่เราได้ทำงานด้วยกัน" พอเจอกันที่หน้าบริษัททั้งสองก็รีบเข้ามากอดกัน ..จนคนที่เดินผ่านไปมาต่างก็มอง
"แล้วเราต้องไปที่ไหนก่อน"
"คงเป็นฝ่ายบุคคลมั้ง"
"จริงด้วยเราต้องไปรายงานตัวก่อนใช่ไหม"
ตุ๊บ! อึบ!!
"อุ๊ยย..ขอโทษค่ะคุณเป็นอะไรไหมคะ"
"มะ ไม่ครับ" ผู้ชายที่ถูกจ๊ะเอ๋หันไปชน ต้องได้พยายามกัดฟันตัวเองไว้ เพราะตรงที่เธอชนคือกล่องดวงใจ
"ฉันขอโทษอีกครั้งนะคะ" ดวงตาของจ๊ะเอ๋มองลงไปดูเป้ากางเกงของอีกฝ่าย เพราะทำไมเธอจะไม่รู้ว่าชนเข้ากับตรงไหน "เรารีบไปเถอะ" จ๊ะเอ๋คว้ามือเพื่อนได้ก็รีบชิ่งหนีไป
"ดูเขาจะเจ็บมากเลยนะแก"
"เจ็บสิโดนเต็มๆ เลยแหละ"
"ใหญ่ไหมวะ"
"ไอ้บ้า!"
"ฮ่าาาาา" ของขวัญถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
"ว่าแต่ผู้ชายคนนั้นทำไมหน้าคุ้นจัง..เหมือนฉันเคยเจอเขาที่ไหน" พอเดินหนีมาจนจะถึงฝ่ายบุคคลแล้ว จ๊ะเอ๋ถึงได้คิดทบทวนดูว่าเคยเห็นเขาที่ไหน..
วันต่อมา..วันนี้พระนาย และพระรามต้องได้กลับก่อน ส่วนพระลักษณ์ต้องนอนเฝ้าห้องหอให้ครบสามคืน เพราะที่นี่เขาถือกัน"นายต้องดูแลงานช่วยคุณพ่อเข้าใจไหม" นี่คือคำสั่งจากพี่ชาย ตอนที่มาส่งน้องขึ้นรถ ซึ่งตอนนี้รถคันของพ่อได้ออกไปก่อนแล้ว"พูดมากบ่นเป็นตาแก่ไปได้""ขึ้นไปบริหารงานช่วยพ่อได้แล้ว ตำแหน่งหัวหน้าใครก็ทำได้" พระลักษณ์หมายถึงให้น้องชายขึ้นไปประจำการที่ชั้นผู้บริหารได้แล้ว บนนั้นมีหลายตำแหน่งที่รอน้องชายอยู่"ครับคุณพ่อคนที่สอง ผมไปได้หรือยัง""ขับรถดีๆ ล่ะ เมียยิ่งกำลังท้องอยู่"ของขวัญและจ๊ะเอ๋ที่ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของรถ ต่างก็มองหน้ากันและยิ้มดีใจที่พี่และน้องเปิดใจคุยกันได้สักทีพอรถของพระรามวิ่งออกไป พระลักษณ์ก็เลยชวนเธอไปเดินดูทุ่งนา เพราะอีกสองวันก็จะกลับกันแล้วเดินมายังไม่ถึงไหนท้องฟ้าก็มืดครึ้ม ฝนเริ่มตั้งเค้ามาอีก เพราะช่วงนี้เป็นฤดูฝน"กลับบ้านกันดีกว่าค่ะ""ไปหลบฝนที่กระท่อมน้อยก่อน""ไปหลบทำไมตรงนั้นคะ กลับบ้านเร็วกว่าอีก""ไปเถอะน่า" ชายหนุ่มรีบพาเธอเดินไปที่กระท่อม เกิดมาไม่เคยพบเจอบรรยากาศแบบนี้ ยิ่งกว่าได้ไปเที่ยวต่างประเทศ เพราะอากาศเวลาฝนตก อยู่ในกระท่อมน้อยกับคน
พระที่ลุงบุญกับจ้อยไปรับกำลังทยอยลงจากรถ สายตาคนเป็นเจ้าบ่าว มองทอดออกไป ซึ่งไม่ได้สนใจพระที่กำลังเดินเข้ามาเลย แต่เขามองหาใครบางคน ที่สามารถจะช่วยให้งานแต่งวันนี้ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ในขณะนั้นมือเรียวของหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ได้ยื่นไปกุมมือของเขาไว้ "ไม่ว่าท่านจะมาหรือไม่มา ยังไงงานแต่งของเราก็...?" สายตาเธอมองออกไปจังหวะที่พระเดินเข้ามาครบแล้ว ก็เห็นว่ามีใครอีกคนที่เดินตามหลังมา "..ท่าน"พระลักษณ์มองตามสายตาของเธอไป ก็เห็นว่าคนที่เขากำลังเฝ้ารอเดินตามเข้ามาด้วย "พ่อ""สวัสดีค่ะ เชิญเข้าไปข้างในก่อนเลยค่ะ" คนที่ยืนรอต้อนรับก็คือแก้วกานดา"สวัสดีครับ วันนี้คุณสวยมากเลย" พระนายอดที่จะชมแม่ของฝ่ายหญิงไม่ได้ เพราะวันนี้นางแต่งตัวสวยจริงๆ"แอ๊ะแอ้ม" เสียงกระไอแอมนี้ดังขึ้น เมื่อกำนันไข่ที่ยืนอยู่ไม่ไกลได้ยินคำชมนั้น "อ้าวคุณกำนัน สวัสดีครับ""สวัสดีครับ" ทั้งสองต่างก็กล่าวคำสวัสดีกัน พระนายเดินเข้ามาส่งยิ้มให้กับคู่บ่าวสาว พระลักษณ์และของขวัญยกมือไหว้ โดยสายตาลูกชายไม่ได้ละไปจากแววตาและรอยยิ้มนั้นของพ่อเลย เพราะมันดูจริงใจไม่เหมือนปั้นหน้า"แล้วน้องล่ะ" เข้ามาถึงก็เห็นแต่คู่บ่าวส
"คุยอะไรกันอยู่คะ" พอเก็บของช่วยผู้ใหญ่เสร็จ ของขวัญและจ๊ะเอ๋ก็เดินมานั่งที่แคร่หน้าบ้านเป็นเพื่อนทั้งสอง"เปล่าหรอกครับ" พระลักษณ์ไม่อยากให้เธอไม่สบายใจไปด้วย"ถ้าคุณมีเรื่องอะไรคุยกับฉันได้เลยนะ" ทำไมของขวัญจะไม่รู้ว่าเขากำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ เพราะเธอก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยตลอด"ทุกอย่างมันต้องมีทางแก้สิ" มือหนาเอื้อมไปโอบเอวหญิงสาวให้เข้ามาซบอกตัวเอง"..อืม" พระรามกำลังจะอ้าปาก แต่ถูกจ๊ะเอ๋ปิดปากไว้แล้วลากตัวออกมา "อะไรของเธอเนี่ย""ฉันรู้นะว่านายจะพูดอะไร""แหมรู้ดีนักนะเรา มานั่งอยู่ในหัวใจพี่หรือไงจ๊ะสาวน้อย""ถ้าฉันไม่ได้อยู่ในนั้นแล้วใครอยู่ล่ะ!""เปล่าครับมันก็เป็นของน้องจ๊ะทั้งสี่ห้องหัวใจนั่นแหละ" เกือบงานเข้าแล้วไหมล่ะดึกๆ ของคืนเดียวกัน"เดี๋ยวแม่ก็จับได้หรอกค่ะ""อีกสองวันก็ถึงงานแต่งแล้ว ท่านไม่ว่าอะไรหรอก" ริมฝีปากหนาพูดในขณะที่ไซร้ซอกคอระหงอยู่ วันนี้พระลักษณ์ลงทุนขอร้องพระราม ให้พาเมียขึ้นไปนอนชั้นบน ส่วนเขาใช้ห้องชั้นล่าง"อื้อ" พอใบหน้าเขาขยับต่ำลงไป หญิงสาวก็เริ่มมีเสียงครางออกมา "ไม่ค่ะ" ของขวัญรู้ดีว่าเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่สะดือแน่"หลายวันแล้วนะไม่ได้กิน""คุณพ
แอด.. แอด.."บอกแล้วไงว่าให้เดินเบาๆ!" พระลักษณ์ กระซิบตะคอกน้องชาย เพราะลงแรงที่ปลายเท้าหนักเกินไป"โทษๆ ที" ถ้าตะคอกเรื่องอื่นมีสวนแน่ แต่เรื่องนี้เข้ากันดียิ่งกว่าปี่กับขลุ่ยทั้งสองย่องเดินมาจนถึงหน้าห้องของสาวๆป๊อก..ป๊อก.. เสียงเคาะส่งสัญญาณเบาๆ เพื่อให้คนด้านในรู้"?" สองสาวกำลังนอนคุยกันอยู่พอดี ไม่ต้องถามก็รู้แล้วว่าเป็นเสียงใครแกร็ก.. ประตูบานนั้นค่อยๆ ถูกเปิดแง้มออก"พวกคุณขึ้นมาทำไม" คนที่มาเปิดประตูก็คือจ๊ะเอ๋"ก็ไอ้นี่น่ะสิมันเล่นนอนดิ้นไปดิ้นมา ใครจะไปนอนหลับ""เรื่องแค่นี้เองนะ" ว่าแล้วจ๊เอ๋ก็กำลังจะปิดประตูไว้"โอ๊ย" แต่มือของใครไม่รู้แหย่เข้ามาจังหวะที่ประตูกำลังจะปิดสนิท"คุณพระลักษณ์!?" จ๊ะเอ๋ตกใจที่ปิดประตูหนีบมือพระลักษณ์"เป็นอะไรไหมคะ" ของขวัญรีบเข้ามาดู "คุณเล่นบ้าอะไรเนี่ย""คิดถึง นอนไม่หลับ" ถึงแม้ประโยคนี้พระลักษณ์จะพูดออกมาเพียงเบาๆ แต่เพื่อนที่อยู่ร่วมห้องก็ได้ยิน"แหวะ" พระรามอดประชดไม่ได้ เพราะแต่ก่อนว่าให้เขาดีนัก เดี๋ยวนี้เป็นไงล่ะเจอกับตัว..หนักกว่าอีก"เดี๋ยวพ่อกับแม่ก็ตื่นหรอกค่ะ พวกคุณลงไปนอนได้แล้ว""ขอเปลี่ยนคู่ได้ไหม""ไม่เอาแม่จัดให้แบบนี้แล
ท้องฟ้ามืดครึ้มเพราะพายุฝนกำลังเข้า แต่ไม่ได้สร้างความหวาดกลัวให้คู่รักที่กำลังนัวเนียกันอยู่ในกระท่อมน้อยนั้นได้เลย"คุณพระลักษณ์คะ" หญิงสาวต้องได้รีบเรียกสติเขาไว้ก่อนที่มันจะเตลิด เพราะสถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะแก่การทำเรื่องที่เขากำลังต้องการในเวลานี้เลย"ไม่มีใครมาเห็นหรอก" เขาพาเธอหลบเข้ามาตรงที่เป็นมุม ซึ่งเป็นผนังมุงด้วยใบจากพอบังสายตาคนได้"ถ้าลุงบุญกับจ้อยมาหลบฝนจะทำยังไงล่ะคะ""ถ้าเลือกให้มาหลบฝนที่นี่กับวิ่งกลับบ้าน คุณคิดว่าทั้งสองจะเลือกอะไร" เพราะระยะทางก็ไม่ได้แตกต่างกันจริงด้วยถ้ามาหลบฝนตรงนี้ก็ทำให้หนาวเปล่าๆ แต่ถ้าวิ่งกลับบ้านยังพอได้ชำระร่างกายแล้วนอนห่มผ้า ..ของขวัญมองไปรอบๆ อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แต่ตอนนี้มืดมากแถมยังมีฝนเลยทำให้มองไม่ค่อยถนัด"สัญญาว่าจะไม่นาน" ถ้ากลับบ้านดีไม่ดีอาจจะไม่ได้เลย แต่อยู่ตรงนี้ทนเจ็บเข่าหน่อยคงพอไหว"อื้อ อ " ทั้งสองไม่ได้ถอดเสื้อผ้า เพราะกางเกงขาสั้นที่เธอสวมใส่อยู่สามารถที่จะส่งผ่านความเป็นชายเข้าไปได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ถนัดเท่าไรแต่ก็ไม่ได้เกินความพยายามของพระลักษณ์"ซี๊ดด" เสียงครางดังออกมาเป็นระยะ ระหว่างความเสียวกับเข่าที่ต้องใช้ค้ำย
ทานข้าวเสร็จของขวัญก็มาช่วยแม่จัดห้อง เพื่อให้เขาใช้นอนในคืนนี้เธอแอบดีใจอยู่ที่ไม่เห็นเขามีท่าทีไม่พอใจ หรือคนที่คิดมากคือเรา? ..อาจเป็นเราเองต่างหากที่ต่อต้านพ่อกับแม่อยู่ในใจ"โอ๊ย" มัวแต่ใจลอยมือก็เลยไปชนถูกเหลี่ยมหัวเตียงเข้า"เป็นอะไรลูก" คนที่รีบถามก็คือแม่..แต่สายตาพระลักษณ์ที่มองมาก็เป็นห่วงไม่ต่างกัน"สงสัยเล็บจะฉีกค่ะ""ทำอะไรไม่เคยจะระวัง แค่ทำความสะอาดห้องยังทำให้ตัวเองเจ็บเลย เดี๋ยวแม่หาที่ตัดเล็บมาให้""ค่ะ" พอแม่เดินออกจากห้องเธอก็มองมาที่เขา อยากดูว่าเขาเป็นห่วงไหม "เจ็บ" เห็นสายตาเขาที่มองมาก็เลยอยากจะอ้อนหน่อย"ก็ตัวเองไม่ระวัง" เขาเป็นผู้ชายแสดงอารมณ์และคำพูดออกมาได้ไม่ค่อยมากของขวัญรู้สึกนอยด์ขึ้นมาในทันทีที่เขาไม่โอ๋"ที่ตัดเล็บมาแล้ว""เดี๋ยวผมตัดให้ครับ" ชายหนุ่มเอื้อมมือไปขอที่ตัดเล็บจากแม่ของเธอ"จัดห้องใกล้จะเสร็จแล้ว งั้นแม่ออกไปดูพ่อก่อนนะ" แก้วกานดาเปิดโอกาสให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันก่อนที่จะแยกห้องนอน"ฉันทำเองค่ะ" พอแม่ออกไปแล้วหญิงสาวก็ยื่นมือไปแย่งที่ตัดเล็บจากเขา แต่พระลักษณ์ไม่ยอมส่งให้ เขายังคว้าตัวเธอเข้ามาใกล้"คุณ!""อย่าทำตัวเองเจ็บอีก" ชายหนุ่