ログインหลังจากสั่งคัตซึกับคิราวะเสร็จ โอยามะก็อุ้มฉันขึ้นมาที่ชั้นสอง ฉันรู้เพราะรู้สึกได้เวลาที่เขาก้าวขึ้นบันได ซึ่งถึงจะแอบกลัวแต่สุดท้ายเขากลับทำให้ฉันรู้สึกว่าทุกก้าวที่เขากำลังก้าวมันมั่นคงเหลือเกิน“มองหน้าฉันแบบนี้ กำลังอยากต่อรองอะไรอีก” โอยามะถามอย่างรู้ทัน เขาไม่ได้ก้มหน้ามามองฉันด้วยซ้ำ แต่กลับรู้ว่าฉันกำลังแอบมองเขาอยู่“ขอโทษนะ”“รอบที่เท่าไหร่แล้วล่ะ”“แล้วก็ขอบคุณที่นายทำตามที่รับปากฉันเอาไว้” ฉันรีบพูดออกไปในทันทีเพราะกลัวว่าตัวเองจะปอดแหกไม่กล้าพูดต่อโอยามะนิ่งไปสักพักก่อนที่เขาจะทิ้งลมหายใจหนักๆ ออกมา พร้อมกับเอื้อมมือไปเปิดประตูห้องแล้วพาฉันเดินเข้าไปตอนที่เขาเอื้อมมือไปเปิดประตูห้องแล้วอุ้มฉันด้วยมือเพียงข้างเดียว ฉันไม่รู้สึกถึงความแตกต่างเลยด้วยซ้ำ มันเหมือนกับว่าเขาสามารถอุ้มฉันเดินขึ้นบันไดได้ด้วยมือเพียงข้างเดียวอย่างสบายๆฟุ่บ!สุดท้ายเขาก็อุ้มฉันมาวางลงบนเตียง ก่อนจะถอยหลังออกไปยืนมองฉันตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า ทำเอาฉันต้องรีบกระเด้งตัวเองขึ้นแล้วเอื้อมคว้าผ้าห่มมาคลุมตัวเองเอาไว้“เตรียมตัวให้พร้อมล่ะ คิราวะจะมารับตอนเก้าโมง”“อืม” ฉันพยักหน้าเบาๆ พร้อมกับตอบออกไ
“ลุกขึ้นมา” คำสั่งของโอยามะทำให้ฉันเบิกตาโพลง แต่ตอนนี้ฉันไม่มีแรงแล้วจริงๆ ไม่ไหวแล้ว วินาทีนี้ต่อให้เขาจะฆ่าฉันตรงนี้ฉันคงต้องยอม“ฉันไม่ไหวแล้วโอยามะ”“ฉันสั่งให้ลุก”“ไม่ไหว ฉันยอมแพ้ ฉันจะไม่ดื้อกับนายอีกแล้วจริงๆ”“เฮอะ”“ไม่เอาแล้ว ขอร้องล่ะนะ”“จำคำพูดของตัวเองเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน คราวหน้าถ้าเธอกล้าหันหลังให้ฉันอีก มันจะไม่จบแค่นี้! มานี่!” ข้อมือของฉันถูกโอยามะคว้าไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะกระชากฉันเข้าหาตัว“โอ๊ย”“อยากถูกตีตราใช่มั้ย?”ฉันเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว“เงยหน้า”“ฉัน...อื้อออ” เสียงอื้ออึงในลำคอไม่สามารถเปล่งออกไปได้เมื่อริมฝีปากของฉันโดนฝ่ามือหนาๆ ของโอยามะทาบปิดเอาไว้ ก่อนที่เขาจะโน้มใบหน้ามาฝังริมฝีปากของเขาลงบนซอกคอของฉันแล้วจัดการขบเม้มมันแรงๆ จนฉันดิ้นพล่านไปหมดครั้งแล้วครั้งเล่าที่ฉันรู้สึกว่าซอกคอของฉันถูกเขากัดแรงๆ อย่างป่าเถื่อน ก่อนที่สุดท้ายริมฝีปากของเขาจะมาจบลงที่ริมฝีปากของฉัน“ซี้ดดด”“สี่รอยนี่พอใจรึยัง” โอยามะเงยหน้ามาสบตาฉันแล้วถามเบาๆ ปลายนิ้วเรียวยาวของเขาลูบวนไปมาอยู่บนลำคอของฉันชวนให้รู้สึกขนลุก ฉันเดาว่าตอนนี้คอของฉันคงมีรอยจ้ำสีแดงๆ ของค
“ลุกขึ้นมา!” เสียงตะคอกของโอยามะทำให้ฉันสะดุ้งเฮือก ก่อนจะถูกเขากระชากขึ้นมาทั้งที่ยังไม่ทันตั้งสติ“ถ้าทนไม่ไหวก็ร้องออกมา”ถ้อยคำเย้ยหยันของโอยามะทำให้ฉันกัดฟันแน่นแล้วพยายามทรงตัวให้อยู่ในท่าเดิม แววตาที่เคยดุดันตอนนี้กำลังเปล่งประกายวิบวับเจ้าเล่ห์ต่อมาก็เป็นฉันที่ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นกับตาว่าใบหน้าของโอยามะกำลังเคลื่อนลงต่ำฟุ่บ!“ถ้ายังพูดไม่ฟังก็คงต้องสอนกันนานหน่อยนะ ฮานะ”“นะ...นาย...”“แยกขาออกแล้วนั่งนิ่งๆ ฉันจะทำอะไรกับร่างกายของเธอก็ได้ทั้งนั้น และไม่จำเป็นต้องขออนุญาตเธอด้วยซ้ำ”“แต่ฉัน...”“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น จำไม่ได้เหรอว่าเธอเลือกเอง เมื่อกี้ถ้าเธอไม่อวดดี ป่านนี้เธอก็กลับขึ้นห้องไปนอนพักแล้ว เสียใจด้วยนะที่ตอนนี้ฉันให้เธอพักไม่ได้ แยกขาออก!” โอยามะยังคงตะคอกใส่ฉันซ้ำๆ เสียงดุดันของเขาทำให้น้ำตาฉันไหลอาบแก้ม ก่อนจะค่อยๆ แยกขาออกจากกันช้าๆ ซึ่งคงไม่ทันใจเขา เขาถึงได้จับมันแยกออกจากกันโดยเร็วด้วยตัวเอง แถมยังยกมันชันขึ้นกับโต๊ะจนเป็นรูปตัวเอ็มใหญ่“ยกก้นขึ้นมา”ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้หญิงไร้ยางอายที่ไม่ว่าเขาจะสั่งอะไรฉันก็ต้องทำตามอย่างง่ายดาย ไม่มีสามัญสำนึก
“แยกขาออก”ในเวลากลางวันที่แสงสว่างส่องเข้ามาจนมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน รวมถึงหน้าต่างก็ยังเปิดออกทุกบานอย่างตอนนี้ ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกว่าชอบบรรยากาศในรถมากกว่าอีก อย่างน้อยความมืดก็ยังช่วยปิดบังทุกอย่าง ทุกความรู้สึกเอาไว้ได้บ้าง“หรือเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา”“ปะ...เปล่าๆ” ฉันรีบตอบ พูดจบก็ค่อยๆ แยกขาออกจากกันช้าๆ ทุกวินาทีที่กำลังผ่านไปบีบหัวใจของฉันแน่นขึ้นทีละนิดๆ จนฉันแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว“กว้างอีก”“ฉัน...”“ทำตามที่สั่ง หรือไม่ก็ใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกไปซะ แต่มีข้อแม้ว่าถ้ายกเลิกข้อตกลงกลางทาง เธอต้องยอมเสียค่าปรับเป็นการส่งเพื่อนเธอให้ไดสึเกะในวันพรุ่งนี้ทันที!”นี่อาจเป็นวิธีสั่งสอนฉันว่าไม่ควรคิดจะลองดีกับเขา ตอนนี้ต่อให้อยากจะกลับตัวก็ทำไม่ได้แล้วฉันกลั้นใจแยกขาออกจากกันเพิ่มอีกนิดตามคำสั่ง กำลังจะหลับตาลงแต่โอยามะกลับทักท้วงขึ้นมาอีกรอบ“ห้ามหลับตา” ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ชอบมองตาฉันนัก“นั่งนิ่งๆ ล่ะ ห้ามขยับ ครางได้แต่ห้ามพูด”มันน่าอายที่สุดในชีวิตก็ตอนที่เขาสั่งว่าครางได้แต่ห้ามพูดหัวใจฉันเต้นแรงขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อโอยามะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้ามาใกล้ ก่อนที่เขาจะ
“ถ้านายคิดว่าสิ่งที่นายทำคือการทรมานฉัน นายก็รู้เอาไว้เลยว่านายทำสำเร็จแล้วโอยามะ ฉันกำลังทรมานมากจริงๆ” ฉันบอกทั้งน้ำตา ก่อนจะก้าวเท้าต่อมาอีกหนึ่งก้าวเสียงปืนเมื่อครู่เรียกความตื่นตกใจให้ทุกคนวิ่งกรูกันเข้ามาอออยู่ที่หน้าประตู ตอนนี้ทุกคนคงรู้แล้วว่าคนที่ถือปืนเป็นโอยามะ ไม่ใช่ฉัน สายตาคัตซึดูตกใจมาก ต่างจากคิราวะที่เป็นคนยืนขวางทุกคนเอาไว้“ออกไป”“ครับ” เป็นคิราวะที่ยังทำหน้าที่ได้ดีเสมอ เขาหันไปสั่งให้ทุกคนถอยกลับออกไปก่อนจะหันกลับมาทำความเคารพโอยามะแล้วจึงตามทุกคนออกไปทีหลัง ซึ่งคนสุดท้ายก็คงเป็นฉันหมับ!แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเพล้ง!เสียงจานบนโต๊ะอาหารถูกโอยามะกวาดด้วยแขนยาวๆ ของเขาตกลงไปแตกกระจายอยู่เกลื่อนพื้นด้านล่าง ก่อนจะผลักให้ฉันถอยกลับไปนั่งลงบนโต๊ะตามเดิม เพียงแต่แค่คนละด้านของโต๊ะเท่านั้น“มาลองดูกันว่าเธอหรือฉันจะชนะ”“ฉันไม่ได้อยากจะชนะนาย ฉันก็แค่อยากได้เพื่อนฉันคืน” ฉันพูดทั้งน้ำตา หยดแล้วหยดเล่าที่ไหลลงมาต่อหน้าเขา แต่สายตาคู่นั้นก็ยังไม่มีทีท่าจะเห็นใจหรือเวทนาฉันสักนิด“งั้นเรามาแลกกัน”“นายอยากได้อะไรก็บอกมาสิ แต่ฉันขอแค่อย่างเดียว อย่าทำร้ายพวกเขาเลย ฉันผ
“ฉันผิดไปแล้ว” ฉันบอกเสียงสั่น เริ่มรู้สึกร้อนที่ขอบตาเหมือนน้ำตากำลังจะไหล แต่ก็พยายามจะกลั้นเอาไว้ ภาพเหตุการณ์เมื่อวานตอนที่โอยามะพยายามล้วงคอฉันผุดขึ้นมาในหัว ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าไม่ได้เขาฉันอาจจะอาการหนักกว่านี้ จริงอยู่ว่าอาจไม่ถึงตาย แต่ก็คงกลายเป็นปัญหาสุขภาพเรื้อรังอย่างที่ได้ยินคุณหมอบอกกับคัตซึ“แล้วเธอคิดว่าฉันควรจัดการยังไงกับเธอดี โทษฐานที่เธอคิดจะขโมยชีวิตของตัวเองที่มีฉันเป็นเจ้าของ”“ฉัน...”“คิดเหรอว่าความตายจะทำให้เธอหนีฉันพ้น”ฉันรู้สึกได้ว่าเสียงของโอยามะเย็นขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่ได้ตะคอกใส่ฉันเลยสักนิด แต่ฉันก็ยังรู้สึกได้ถึงความดุร้ายผ่านทางสายตาคู่นั้น ฉันคิดว่าภายใต้ใบหน้าและท่าทางสงบนิ่งของเขามีพายุอารมณ์ซ่อนอยู่ และนั่นแหละที่ฉันกลัว“ฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีก ฉันสัญญา ยกโทษให้ฉันเถอะนะ”มันเป็นความบ้าบิ่นครั้งที่สองในชีวิตที่ฉันกล้าขอร้องให้เขายกโทษให้ ส่วนครั้งแรกน่ะเหรอ ก็ตอนที่กล้าย่องเข้าไปขโมยของในห้องเขายังไงล่ะ“ง่ายไปหน่อยมั้ย แค่คุกเข่าอ้อนวอนแล้วจบเรื่อง ฉันกลัวว่ามันจะทำให้เธอได้ใจ”“ฉัน...ยอมทุกอย่าง” พูดจบฉันก็หลับตาแน่น ความนิ่งของเขากำลังทำให้ฉันร้อนรุ