LOGINงานหมั้นจบลงได้เพียงไม่กี่วันเขาพาคู่หมั้นกลับเมืองลั่วหยางด้วยกัน แม้จะไม่ค่อยเต็มนักแต่มิอาจหาข้ออ้างอันใดได้อีก
“ต้องโทษข้า หากข้าไม่สะดุดล้มเรื่องทั้งหมดคงไม่เกิดขึ้น”
“ช่างเถิด ใช่ความผิดเจ้าคนเดียวเสียที่ไหน ข้าผิดด้วยเช่นกัน”
“คุณชาย ถึงแล้วขอรับ” สาวใช้คนสนิทบอกเจ้านายของตน เมื่อเดินทางถึงที่หมายเรียบร้อยแล้ว
“อวี่ซิน เจ้าเข้าไปพักผ่านในจวนก่อน ข้ามีธุระต้องไปจัดการเสียหน่อย” ชายหนุ่มบอกคู่หมั้นสาวทันที
“ท่านจะไปที่ไหนหรือเจ้าคะ”
“…” ฝ่ายอวี่ซินเห็นคนที่ตนถามไม่ตอบกลับมาถึงได้รู้ตัวว่าไม่ควรเซ้าซี้ให้เขารำคาญ มิเช่นนั้นแทนที่คนที่เขาเลือกจะเป็นนางอาจเป็นสตรีแซ่เสี่ยวผู้นั้นแทน
“เช่นนั้นข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะเจ้าคะ”
“ฮุ่ยหลิง ฝากเจ้าดูแลนางด้วย” เขาหันไปสั่งบ่าวคนสนิท ก่อนควบม้ามุ่งหน้าไปยังจวนตระกูลเสี่ยวทันที เดิมทีเขาควรกลับมาตั้งนานแล้ว ทว่าเพราะงานหมั้นทำให้กลับล่าช้ากว่ากำหนดหลายวัน ไม่รู้ว่าเหม่ยเหรินที่รออยู่จะรู้สึกเช่นไร นางยิ่งไม่ชอบคนผิดคำพูดเสียด้วย
“คุณชายท่านนี้ไม่ทราบว่าท่านมาหาใครหรือขอรับ”
“ข้ามาหาเหม่ยเหริน”
“เช่นนั้นรอสักครู่ บ่าวจะไปรายงานคุณหนูว่ามีคนมาพบ ส่วนคุณหนูจะพบหรือไม่นั้นเดี๋ยวเดียวคงรู้”
ไม่นานนักหญิงสาวรูปโฉมงดงามที่ตนไม่ได้พบมานานได้ปรากฎตัวขึ้น
“คุณชาย ท่านกลับมาช้านะเจ้าคะ” คำทักทายด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกดังขึ้น
“พอดีมีเรื่องเกิดขึ้นกะทันหันน่ะ ข้าถึงได้กลับมาช้ากว่ากำหนด”
“เรื่องกะทันหันที่ท่านว่าใช่เรื่องหมั้นหมายกับคุณหนูตระกูลฟางใช่รึไม่”
“เหม่ยเหริน คือข้า...”
“ท่านไม่ต้องอธิบายอันใด ข้าย่อมรู้อยู่เต็มอกว่าคุณชายสูงศักดิ์เช่นนั้นจะมาเลือกสตรีธรรมดาเช่นข้าได้อย่างไร”
“เจ้าฟังข้าก่อน ข้าไม่ได้อยากหมั้นหมายกับนาง”
“แม้ท่านไม่ต้องการ แต่ท่านก็ไม่อาจยืนหยัดและหนักแน่นได้ ข้าเกลียดบุรุษเช่นนี้ที่สุดท่านก็รู้ดี”
“ข้าสัญญาว่าจะถอนหมั้นนางทันที หลังจากที่ข้าเข้ารับตำแหน่งขุนนางแล้ว เจ้าเชื่อใจข้าสักครั้งได้รึไม่” เขากุมมือนางพร้อมกับอ้อนวอน
“ก็ได้เจ้าค่ะ” แม้จะเกลียดความไม่หนักแน่นและไม่เด็ดขาดของบุรุษตรงหน้า แต่นางยังอยากลองให้โอกาสเขาอีกสักครั้ง
ฟางอวี่ซินพักผ่อนอยู่ในเรือนครึ่งค่อนวันจนเริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย ในใจคิดวางแผนกำจัดศัตรูหัวใจให้พ้นทาง นางจะใช้ความไม่เด็ดขาดของคู่หมั้นหนุ่มให้เป็นประโยชน์ ดูทีแล้วเขาไม่ใช่คนที่รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมสตรี เพราะถ้าหากรู้ทันเขาคงไม่กลายเป็นคู่หมั้นหมาด ๆ ของนางรวดเร็วเช่นนี้ เสี่ยวเหม่ยเหริน นางคนต่ำช้ากล้าดีอย่างไรมาคิดอาจเอื้อมชนชั้นสูงทั้งที่ตัวเองเป็นเพียงบุตรสาวของพ่อค้าไร้ชาติตระกูลเท่านั้น คอยดูเถิดว่าระหว่างคุณหนูจากสกุลสูงศักดิ์เช่นข้ากับคนชั้นต่ำเช่นเจ้า คุณชายหวังหย่งจะเลือกใคร
“คุณหนู บ่าวได้ยินว่าคุณชายกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
“จริงรึ”
“เจ้าค่ะ”
“เจ้าช่วยข้าเปลี่ยนชุดที”
ทั้งคู่ร่วมกินอาหารค่ำด้วยกันเป็นมื้อแรกนับตั้งแต่รู้จักกัน อวี่ซินคอยตักอาหารให้เอาอย่างเอาอกเอาใจ
“พรุ่งนี้ท่านว่างหรือไม่เจ้าคะ”
“เจ้าถามทำไมหรือ”
“หากท่านว่างข้าอยากเที่ยวชมเมืองลั่วหยางกับท่านเสียหน่อย”
“ได้สิ”
“ท่านพี่เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ” นางถาม เพราะเห็นเขาเอาแต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดราวกับว่าคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา
“ข้าไม่ได้เป็นอะไร อวี่ซิน”
“เจ้าคะ”
“เดิมทีเรื่องระหว่างเรามิได้เกิดขึ้นเพราะความรัก หากแต่งกันไปรังแต่จะมีทุกข์มากกว่าสุข ข้าว่าเราถอนหมั้นกันเถิด”
“ท่านพูดเช่นนี้ออกมาได้เยี่ยงไร เราเพิ่งหมั้นกันได้ไม่นานท่านคิดอยากถอนหมั้นแล้วหรือ” นางตัดพ้อด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น
“อวี่ซิน ข้าขอโทษจริง ๆ ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้วว่าข้ามีคนที่ข้ารักอยู่ก่อนแล้ว”
“ข้ารู้เจ้าค่ะ เหตุใดท่านถึงได้เอาแต่ย้ำเตือนให้ข้ารู้สึกเจ็บปวดอยู่ได้ ท่านลองมองมาที่ข้าสักครั้งได้รึไม่ ข้ามีอะไรด้อยไปกว่านางอย่างนั้นหรือ”
“เจ้าพูดผิดแล้ว เจ้าไม่มีอะไรด้อยไปกว่าเหม่ยเหรินสักนิด”
“เช่นนั้นท่านเลือกข้าแทนนางไม่ได้หรือ หากท่านอยากได้นางมาเป็นอนุข้าก็ไม่ขัดข้อง ข้าขอเพียงได้อยู่ข้างกายท่านเท่านั้น”ครั้นได้ยินคำพูดของนางที่เอ่ยกับเขาทั้งน้ำตาทำให้หวังหย่งมิอาจยืนกรานปฏิเสธอันใดได้อีก
“หากไม่ได้เป็นดังที่ข้าคิด แล้วเหตุใดเจ้าถึงได้เอามือมาลูบปากข้ากัน” เขายกยิ้มไปพลางถามไปพลาง จนคนใต้ร่างเริ่มรู้สึกเขินอายอยู่ไม่น้อย “ข้าแค่อยากรู้ว่าริมฝีปากของบุรุษจะอ่อนนุ่มหรือหยาบกร้านถึงได้เผลอไผลทำเรื่องเช่นนั้นไป” “งั้นหรือ” เขาแสร้งเห็นด้วย จากนั้นค่อย ๆ โน้มใบหน้าลงมาเรื่อย ๆ จนลมหายใจเป่ารดหน้านางเข้า “ท่านจะทำอะไรหรือเจ้าคะ” ว่าพลางดันหน้าอกชายหนุ่มให้ออกห่าง แต่ทว่ากายแกร่งไม่ได้ขยับเขยื้อนแม้แต่นิดเดียว “เจ้าอยากรู้นักไม่ใช่หรือว่าริมฝีปากข้าจะอ่อนนุ่มหรือไม่ แทนที่จะใช้มือ มิสู้ใช้ปากไม่ดีกว่าหรือ” เอ่ยจบก็ทาบทับริมฝีปากลงไปแผ่วเบา ก่อนขบเม้มเข้าที่ริมฝีปากล่างของนางเพื่อหยอกล้อ “อื้อ” ซ่งอันเว่ยพร่ำจูบนางจนพอใจถึงได้ปล่อยริมฝีปากของนางให้เป็นอิสระ ขณะที่มืออีกข้างปลดเปลื้องอาภรณ์จนร่างของหญิงสาวเปลือยเปล่าไร้ซึ่งสิ่งใด ไม่นานนักร่างกายของเขาก็เปลือยเปล่าไม่ต่างจากนาง... อี้ชางสือมองภาพเบื้องหน้าทั้งรอยยิ้ม ยามเห็นภาพคู่สามีภรรยารักใคร่กลมเกลียว “ท่านพี่ ท่านฝึกซ้อมมาหลายชั่วยามแ
ทางด้านของฮูหยินผู้เฒ่าที่อาการป่วยทรุดลงเรื่อย ๆ จนไม่อาจลุกจากเตียงได้แต่นอนเป็นผักเท่านั้น “อาการของท่านแม่ เป็นเช่นไรบ้าง” เขาถามสาวใช้ข้างกายมารดา “อาการของฮูหยินผู้เฒ่าแย่ลงเรื่อย ๆ เลยเจ้าค่ะ” “ไปตามท่านหมอมาเร็วเข้า” “ตามไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกเจ้าค่ะ ท่านหมอเพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้เอง ทั้งยังบอกว่าอาการของฮูหยินผู้เฒ่าไร้หนทางรักษาแล้ว” อนุเมิ่งบอกสามี “จะ...เจ้า นางคนเนรคุณ” เสียงแหบแห้งหมดเรี่ยวแรงพูดขึ้น “พักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้าจะดูแลท่านเอง” นอกจากนางจะไม่โกรธแล้ว นางยังส่งยิ้มให้หญิงชราด้วยซ้ำไป ฝั่งของฟู่ซิวแวะมาเยี่ยมมารดาสามีบ้างบางครั้ง เพราะอนุเมิ่งขอเป็นคนดูแลเอง “ฮูหยิน ตั้งแต่อนุเมิ่งไปดูแลฮูหยินผู้เฒ่าอาการของนางก็แย่ลงเรื่อย ๆ เลยนะเจ้าคะ หรือว่านางจะ...” “เจ้าอย่าได้เสียงดังไป เพราะถ้าหากนางไม่ได้ทำเช่นนั้นจริงคนที่เดือดร้อนคงกลายเป็นพวกเราแทน” นางบอกเสียงเบา ทั้งที่ในใจรู้อยู่แล้วว่าเมิ่งไป่ซูวางยาพิษฮูหยินผู้เฒ่า แต่นางไม่คิดเปิดโปงเรื่องนี้ เพราะเห็นสมควรว่าสตรีว
ชายหนุ่มถอดรองเท้าของนางออกหนึ่งข้าง ซึ่งเป็นข้างที่นางได้รับบาดเจ็บ แล้วฉีกชายเสื้อของตัวเองมาพันข้อเท้านางไว้ ก่อนอุ้มหญิงสาวไว้ในอ้อมกอดด้วยความหวงแหน จากนั้นเดินกลับกระโจมไป แม่ทัพซ่งวางร่างของนางลงบนเก้าอี้ด้วยความทนุถนอม ก่อนออกไปสั่งให้คนสนิทเรียกท่านหมอมาดูอาการ ทว่าไม่ทันจะได้ทำเช่นนั้นเขาถูกมือของหญิงสาวชุดรั้งแขนไว้เสียก่อน “จะไปไหนหรือเจ้าคะ” “ข้าจะให้คนไปตามท่านหมอมารักษาเจ้า” “ข้าไม่ต้องการหมอ” “ถ้าไม่ต้องการหมอ แล้วเจ้าต้องการอะไร” “ข้าต้องการท่าน” นางบอกทั้งใบหน้าแดงซ่านอย่างปิดไม่มิด “…” “ทำไมไม่ตอบข้าล่ะเจ้าคะ” “ปล่อยก่อน” “ท่านอยากรู้ใช่รึไม่ว่าคนที่ข้ารักคือใคร เช่นนั้นข้าจะบอก” “ไม่ต้อง ข้าไม่อยากรู้” เขาปฏิเสธทันควัน เพราะยังไม่พร้อมรับฟัง “ซ่งอันเว่ย ท่านฟังข้าพูดให้ดี ๆ ข้าจะพูดแค่ครั้งเดียว” “ข้าไม่....” “คนที่ข้ารักคือท่าน ไม่ใช่ใครอื่น” นางแทรกขึ้น พร้อมกับลุกขึ้นสวมกอดจากด้านหลัง “ที่เจ้าพูด...จริงหรือ ไม่ใช่เ
“น้องพี่ ใครเป็นคนทำให้เจ้าอารมณ์เสียหรือถึงได้ทำสีหน้าบึ้งตึงเช่นนี้” “เปล่าเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้เป็นอะไร” “เจ้าปิดบังพี่ไม่ได้หรอก เมื่อครู่ข้าเห็นรถม้าของตระกูลซ่งมาส่งเจ้า ดูทีว่าต้นเหตุคงเป็นซ่งอันเว่ย พี่จะไปจัดการเขาให้เอง” “พี่ชางสือ ท่านจะทำอะไรเขางั้นหรือ” “ข้าจะเตะเขาสักสิบครั้ง ต่อยสักหมัดสองหมัด ให้คนผู้นั้นรู้เสียบ้างว่าอย่าริอาจมารังแกน้องสาวของข้า” “ท่านพี่ จะทำเช่นนั้นไม่ได้นะเจ้าคะ อีกไม่นานข้ากับท่านแม่ทัพต้องแต่งงานแล้ว หากใบหน้าเขาบอบช้ำ ข้าคงทนเห็นไม่ได้” “เจ้านี่ช่างเป็นห่วงเขาเสียเหลือเกิน ไหนเจ้าบอกพี่ว่าไม่ได้คิดอันใดกับเขาเล่า” “ขะ...ข้าแค่เป็นห่วงเท่านั้น อีกอย่างท่านแม่ทัพไม่ได้รักข้าเช่นกัน” “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่ได้รักเจ้า” “อะ...เอ่อ” “ข้าจะบอกความจริงให้เจ้าฟัง เจ้าคิดว่าคนเย็นชาอย่างซ่งอันเว่ยจะเสียเวลาไปรับสตรีที่ไม่รู้จักกลับเมืองหลวงด้วยตัวเองงั้นหรือ ทั้งยังคอยคุ้มกันจนถึงจวนอีก” “เรื่องนั้นท่านแม่ทัพบอกข้าว่า เป็นเพราะท่านไหว้ว
“สรุปว่าท่านจะให้ข้าอยู่เรือนรับรองหรือ” “ใครบอกเจ้ากัน เรือนใหญ่ออกจะกว้างขวาง อีกอย่างพวกเราเป็นสามีภรรยากันอยู่เรือนหลังเดียวกันก็สะดวกสบายดี หรือเจ้าไม่อยากอยู่ร่วมชายคาเดียวกับข้างั้นหรือ” “มีผู้ใดบ้างที่ทำเช่นนี้ ปกติแม้เป็นคู่สามีภรรยากัน แต่ยังต้องแยกเรือนกันอยู่เลยนะเจ้าคะ” นางถาม เพราะตามปกติแล้วสามีจะอยู่เรือนใหญ่เพียงคนเดียว “ข้าไม่สนใจเรื่องพวกนั้นสักนิด” “แต่ถ้าท่านมีอนุคงไม่สะดวก หากอยู่เรือนหลังเดียวกัน” “ข้าไม่เคยคิดอยากมีอนุ ข้าจะมีเจ้าเป็นฮูหยินเพียงผู้เดียวเท่านั้น” เขาบอกเสียงจริงจัง จนนางเริ่มรู้สึกหวั่นไหว ตั้งแต่รู้จักกันมาเขาเป็นคนชัดเจนตลอดมา ไม่เคยมีสักครั้งที่ทำให้นางต้องหาคำตอบด้วยตัวเอง “เช่นนั้นห้องนอนของข้า” “ที่เรือนนี้ไม่มีห้องนอนของเจ้า มีแต่ห้องนอนของเรา” ท้ายประโยคเขาเอื้อนเอ่ยเบา ๆ ราวกับสายลมอ่อน ๆ พัดผ่านยอดหญ้า ไหนจะท่าทีเก้เก้อดูก็รู้ว่าคนพูดรู้สึกเช่นไร “วันนี้เจ้าพอมีเวลาว่างให้ข้าทั้งวันรึไม่” “ถามทำไมหรือเจ้าคะ” “เย็นนี้ในเมืองจัดง
หลังจากส่งบุตรสาวอีกคนแต่งออกไปถึงเมืองเป่ยโจว ก็ถึงคราวของอี้เหม่ยเหรินหมั้นหมายกับแม่ทัพหนุ่ม ผู้ซึ่งเป็นที่หมายปองของสตรีทั้งเมืองหลวง นอกจากเขาจะรูปโฉมงดงามราวเทพเซียนแล้ว ยังมากด้วยความสามารถและอนาคตไกล จนพวกขุนนางในราชสำนักต่างยกลูกสาวของตัวเองใส่พานมาถวายอยู่ไม่ขาด ทว่าเขากลับไม่สนใจสักนิด ด้วยเหตุผลเพียงข้อเดียวคือนาง หญิงสาวธรรมดาที่เขาเคยพบเจอเมื่อสี่ปีก่อน นางเป็นบุตรสาวพ่อค้าชื่อดังของเมืองลั่วหยาง เวลาเห็นนางยิ้มทีไรทำให้หัวใจหยาบกระด้างของชายหนุ่มอ่อนระทวยลงราวกับถูกไฟลน ยามนึกถึงคราแรกที่พานพบพลันทำให้ใจสั่นไหวรัวเร็ว “คุณหนู รอบ่าวด้วยเจ้าค่ะ” “เล่อจิน เจ้ารีบตามข้ามาเร็วเข้า” หญิงสาววัยแรกแย้มกึ่งเดินกึ่งวิ่ง ก่อนหันมาบอกสาวใช้คนสนิท “โอ๊ย” สุดท้ายนางสะดุดล้มเข้าจนได้ “แงง” เสียงเด็กชายร้องไห้เสียงดัง เพราะหมั่นโถวที่ตนถืออยู่ตกพื้น “เด็กน้อย ข้าไม่ได้ตั้งใจ” ว่าพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำตาด้วยความรู้สึกผิดเต็มอก “หมั่นโถวลูกนี้ ข้าลำบากลำบนกว่าจะทำงานหาเงินซื้อได้” เด็กน้อยเอ่ยทั้งน้






![เฟิ่งหวง [鳳凰]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
