จากนั้นจึงรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา และเห็นแม่นางจิ่วใช้อุปกรณ์บางอย่างที่ไม่รู้ว่าคืออะไร หัวเข็มแหลมๆ แทงเข้าไปในแขนนางพอทเียบกับอาการบาดเจ็บบนตัวตนเองแล้ว ความเจ็บปวดนี้มันเล็กน้อยมากจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "จะจัดการให้เจ้าสักหน่อยก่อน จากนั้นออกไปแล้วค่อยว่ากัน ทนหน่อยนะ""ได้..ซี๊ด!" หานกวงขานรับ อดพูดไม่ได้เลยว่าแม่นางจิ่วทำงานได้รวดเร็วเด็ดขาดมากจริงๆพอขานรับก็ปวดจี๊ดขึ้นทันที! แม่นางจิ่วไม่รู้ว่าสาดอะไรลงไปที่แผลบนขานาง ทำเอาแผลของนางเจ็บจนแทบทะลุไปถึงใจ!หลังจากนั้น จั๋วซือหรานก็คลี่ผ้าคลุมผืนหนึ่งออกมาห่อตัวนางไว้จากนั้นจึงตะโกนออกไปด้านนอก ขอคนสองขาดีดีเข้ามาแบกหานกวงออกไปหน่อย พวกเราเตรียมออกไปได้แล้วและก็มีองครักษ์เงาสองคนเข้ามาทันที พอเห็นสภาพแผลของหานกวง ก็ล้วนรู้สึกทนไม่ได้ขึ้นมาเพราะวในกลุ่มองครักษ์เงาอย่างพวกเขาเดิมทีไม่มีหญิงสาว มีแค่หานกวงคนเดียว ปกติพวกเขาก็ค่อนข้างจะยอมให้นางหน่อยตอนนี้ถูกทำร้ายจนเป็นแบบนี้"ระวังขาของนางด้วย พยายามอย่าไปโดนเข้า พวกเราไป"เหล่าองครักษ์เงาแบกหานกวงตามไปอยู่กับเหล่าองครักษ์เงาคนอื่นในคุกใต้ดิน เดินตามหลังจั๋วซือหรานออกจา
จั๋วซือหรานพอเห็นสีหน้าขมขื่นของเฟิงฮ่วน ก็ยิ้มออกมา "ข้าไม่ลืมอยู่แล้ว ว่าข้ายังมีหนี้ข้างนอกอยู่เท่าไรที่ยังไม่ได้ชำระ"จั๋วซือหรานพูด นิ้วก็ขยับกลางอากาศปรากฏม้วนสาสน์เล็กๆ หลายม้วนทั้งหมดล้วนเป็นสัญญาวิญญาณแห่งคำพูดที่จั๋วซือหรานทำขึ้นกับผู้อาวุโสหลายคน ตอนวิกฤตโรคระบาดกู่ของตระกูลเฟิงเมื่อครั้งนั้นพวกเขาล้วนรับปากจั๋วซือหรานแล้วข้อหนึ่งเวลานี้ ไม่ใช่แค่เฟิงฮ่วน ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ที่ทำสัญญาวิญญาณแห่งคำพูดกับนางเหมือนเฟิงฮ่วนเมื่อตอนนั้น ก็ล้วนหน้าเจื่อนกันไปหมดจั๋วซือหรานยิ้มตาโค้ง "พวกเจ้ายังติดค้างข้าอยู่เงื่อนไขหนึ่ง"ผู้อาวุโสพวกนั้นก็ปากแข็งพูดว่า "แต่ว่า! ห้ามเป็นภัยกับตระกูลเฟิง!""จะมีภัยกับตระกูลหรือไม่ เดิมทีก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างส่วนบุคคล ยากจะตัดสิน ดังนั้น ข้าจึงอยากเห็นว่าจิตวิญญาณแห่งคำพูดนี้จะตัดสินอย่างไร" จั๋วซือหรานมองพวกเขานางเองช่วงนี้ก็มาทบทวนเงื่อนไขสัญญาวิญญาณแห่งคำพูด รู้สึกว่าน่าสนใจมากเงื่อนไขกว้างๆ แบบนี้ อย่างห้ามทำอันตรายต่อตระกูล มันเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากเจ้าคิดว่ามีอันตรรายต่อตระกูล แต่ข้าคิดว่านี่ไม่มีอันตรายต่อตระกูล ข้าไม่ได้ให้
ตอนนั้นก็รู้สึกว่าน่าตกตะลึงแล้ว พอมาได้ยินใกล้ๆ แบบนี้ ก็น่าตกใจจริงๆที่น่าตกใจกว่าคือ พริบตาต่อมา คนที่เตรียมจะไปขวางคนนั้น มือของเขา...ขาดไปแล้วมือของเขาเหมือนถูกอะไรที่น่ากลัวฟาดออกไป จากตำแหน่งที่สูงขึ้นมาจากข้อมือเล็กน้อย เลือดเนื้อเละเทะไปหมดข้อมือที่ขาดร่วงลงบนพื้น นิ้วยังคงกระดิกอยู่จั๋วซือหรานมองเขา เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา "ครั้งต่อไปจะเป็นหัว ไม่ใช่หัวข้างบนนะ แต่เป็นไอ้หัวข้างล่างนั่น"คนผู้นี้เหงื่อแตกพลั่ก กุมข้อมือ ถอยไปอยู่ข้างๆ ไม่กล้าทำอะไรอีกจั๋วซือหรานตอนนี้จึงเดินนวยนวดไปตรงหน้าผู้อาวุโสคนนั้น ยื่นมือไปรับสัญญาทาสจากในมือเขา เก็บเข้าไปในมิตะพริบตานี้เอง ผู้อาวุโสคนนี้จู่ๆ ก็จะโจมตีเข้ามา ชักกระบี่ประจำตระกูลทันทีอากาศรอบๆ มีคลื่นความร้อนหลั่งทะลัก!โจมตีไปทางจั๋วซือหราน!จั๋วซือหรานแหงนตาขึ้นมอง ไม่มีใครเห็นว่าในมือนางมีมีดสั้นปรากฏขึ้นตอนไหนแค่ในชั่วจังหวะหายใจนี้ผู้อาวุโสก็ใส่ไปหลายกระบวนท่าจังหวะที่กระบวนท่าสุดท้ายเข้าปะทะ ผู้อาวุโสก็โซซัดโซเซถอยไปหลายก้าว ทานกำลังของจั๋วซือหรานไม่ไหวตอนนี้เอง ร่างหนึ่งก็กะเผลกตรงเข้ามาทางนี้ดูแล้วซมซานอย่าง
จั๋วซือหรานพอพูดคำนี้ออกไป ผู้อาวุโสตระกูลเฟิงสีหน้าก็ปั้นยากเสียแล้ว!เพราะจั๋วซือหรานพูดไว้ไม่ผิด คนของพวกเขาล้วนเอาออกไปจัดการเฟิงเหยียนหมดแล้ว ต่อให้เฟิงเหยียนจะถูกพวกเขาวางแผนใส่ จนพลังที่แท้จริงอ่อนแอลงมาแล้วก็ตามแต่สำหรับพวกเขา ก็ยังประมาทไม่ได้ปฏิบัติการครั้งนี้จะพลาดไม่ได้ เพราะตัวตนของจั๋วซือหราน รวมถึงความสัมพันธระหว่างเฟิงเหยียนกับจั๋วซือหรานที่ลึกซึ้งขึ้นทุกวันสำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ดังนั้นก่อนที่พวกเขาจะรักลึกซึ้งไปยิ่งกว่านี้ แล้วทำเรื่องให้ยุ่งยากกว่าเดิม พวกเขาก็จะลงมือเสีย!จึงได้มีปฏิบัติการในครั้งนี้ อดพูดไม่ได้เลย ว่าค่อนข้างจะสำเร็จอยู่ความสามารถของเฟิงเหยียนถูกลดทอนลงไปอย่างมาก พวกเขาถึงจัดการได้ไม่เช่นนั้น ภายใต้สถานการณ์ที่พวกเขาไม่กล้าสังหารเขาจริงๆ อย่างมากก็ทำได้แค่ลงโทษเขาแบบนี้ หากเขาคิดจะทำการขัดขืนขึ้นมา ตระกูลเฟิงก็ยากที่จะรับไหวเช่นกันปฏิบัติการนี้สำเร็จอย่างมากแล้วแท้ๆเพียงแต่ว่า พวกเขาคิดพลาดไป หรือก็คือพวกเขาคิดไม่ถึง ว่าเรื่องนี้จั๋วซือหรานจะมีปฏิกิริยาอย่างไรตอนนี้พวกเขาก็เพิ่งเข้าใจว่าทำอะไรผิดพลาด แต่ก็เ
เรื่องนี้ จะปิดไว้ก็ไม่ใช่ว่าจะปิดได้ง่ายๆ ดังนั้นเพียงไม่นาน ในเมืองหลวงก็มีข่าวแพร่ออกมาตระกูลซางทำอะไรจั๋วซือหรานไม่ได้ ขนาดตระกูลเฟิงก็ยังถูกแม่นางจั๋วจิ่วควบคุมไว้แล้ว!แต่ว่าจั๋วซือหรานไม่มีเวลาไปสนใจเสียงของโลกภายนอกพวกนี้ นางรีบกลับมารักษาแผลที่ขาของหานกวง ต่อเอ็นที่เท้าหานกวงรู้สึกมหัศจรรย์อย่างมาก เพราะว่า นางเดิมทีคิดว่าไม่เหลือความหวังใดๆ แล้วแต่วา่จั๋วซือหรานหลังจากรักษาจนเสร็จ หานกวงยังคิดว่าตนเองเข้าใจผิด แต่ไม่ใช่เล่ย ความรู้สึกที่เท้าค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นแล้ว! กระทั่งเท้ายังขยับได้อีกด้วย"แม่นางจิ่ว! ท่านรักษาให้หายได้จริงด้วย!"จั๋วซือหรานก้มลงมองนางแบบแปลกๆ "คิดว่าข้าล้อเจ้าเล่นหรือ?"ฉุนจวินเขียนเนื้อหามาไม่น้อย ยังไม่ได้ให้จั๋วซือหรานอ่าน เหล่าองครักษ์เงาก็ทยอยกันเล่าเรื่อง จึงได้พอเข้าใจถึงเรื่องราวคร่าวๆในใจโมโหอย่างมาก ต่อตระกูลเฟิงและอี้ชิงคนทรยศนั่นเจี่ยงเทียนซิงเองเข้ามาเช่นกัน ดูกังวลอย่างหนัก ถ้าเป็นแต่ก่อน เขาอาจจะทำเป็นไม่สนใจ หรือแค่ให้อิ๋นไห่นำคำพูดมาแล้วก็แล้วกันไปแต่ว่าตอนนี้...เขาทนไม่ไหวแล้ว"ซือหราน หลังจากนี้เจ้าคิดจะทำอย่างไรกัน? เจ
พวกเขาจึงมองหน้ากันไปมาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงไปทำงานกัน จากนั้นจึงกินกันอย่างมีความสุขตอนนี้ ไม่มีใครสนใจแล้วว่าก่อนหน้านี้ที่จั๋วซือหรานปิดตัวทำอะไรอยู่ในห้องแล้วจั๋วซือหรานมองเหล่าองครักษ์เงาที่กินกันอย่างมีความสุขในเรือน นางยกปากขึ้นยิ้มๆ จากนั้นจึงหมุนตัวไปที่ข้างเรือน......กลางดึกในจวนตระกูลเฟิงหวาดระแวงกันมาก แค่ลมพัดใบไม้ไหวก็คิดว่าศัตรูบุกไม่เคยมีใครมาสร้างแรงกดดันมากขนาดนี้กับตระกูลเฟิงมาก่อนนี่ทำเอาเหล่าผู้อาวุโสตระกูลเฟิง ทั้งรู้สึกอัปยศและรู้สึกโกรธเคืองมากแต่กลับยังต้องให้ความสำคัญขึ้นมา!ไม่เพียงแต่หน่วยลาดตระเวน มีอัตรารอบสูงขึ้นกว่าแต่ก่อนเท่านั้นแต่เหล่าผู้อาวุโสก็ไม่กล้าที่จะหลับตากัน"นางปีศาจสาวนั่น! ทำไมถึงได้มีพลังขนาดนี้!""ไม่รู้ว่าเจ้าคนไร้ค่าเฟิงเหยียน ให้กำลังกับนางไปมากน้อยแค่ไหน!""เจ้าว่าคืนนี้นางจะมาจริงไหม?""ใครจะรู้เล่า? น่าอับอายเสียจริง แค่คำพูดเดียวของนาง...!"ตอนนี้ก็ยังไม่ได้หลับไม่ได้นอนไม่มีคนสังเกตเห็น ว่ามีร่างปราดเปรียวราวกับแมวราตรีร่างหนึ่ง แฝงตัวเข้ามาในเรือนตระกูลเฟิงแล้วแล้วเหล่าผู้อาวุโสที่จุดโคมกันสว่างไสว กล
"ก็คงไม่บีบคั้นนาง! แล้วนางก็ไม่ต้องมาฆ่าคนด้วย!""มีคนไปผิดใจนางมาตั้งเยอะ ก็ยังไม่เคยเห็นนางคลั่งจนฆ่าคนแบบนี้เลย!""พวกท่านทำไมต้องทำแบบนี้? งานหมั้นหมายก่อนหน้านี้ก็เป็นพวกท่านที่กำหนด แล้วตอนนี้ทำไมถึงไปขับไล่พวกเขา""ทำไมคนที่ตายไม่ใช่พวกท่านกัน?"เหล่าผู้อาวุโสถลึงตาโต มองหน้ากันไปมา เบิกตาอ้าปากค้างตามหลักการที่พวกเขาพูดกับเหล่าอาวุโสแบบบี้ถือว่ากำเริบเสิบสาน แต่ชั่วขณะหนึ่ง เหล่าผู้อาวุโสกระทั่งลืมที่จะตะคอกออกไปด้วยซ้ำเพราะวพกเขาก็รู้อยู่รางๆ ว่าเรื่องราวมันค่อยๆ ควบคุมไม่อยู่แล้วมีเรื่องบางอย่างเหมือนกำลังพัฒนาไปในทิศทางที่พวกเขาควบคุมไม่ได้...อีกด้านหนึ่ง จั๋วซือหรานนั่งดื่มชาอยู่ในโรงน้ำชา ดื่มไปคำหนึ่งก็ขมวดคิ้วไม่อร่อยเลยกินกับข้าวไปคำหนึ่ง ก็ขมวดคิ้วอีกห่วยแตกเจี่ยงเทียนซิงรู้สึกจนใจ หัวเราะเอ่ยขึ้นว่า "พวกเรารีบมารับช่วงต่อ ก็ไม่ห่วยแตกแบบนี้แล้ว"จากนั้น ที่ประตูก็มีเงาคนลับๆ ล่อๆ เดินเข้ามาบนหัวสวมหมวกปิดหัว เดินไปมาอย่างรีบร้อน ปิดบังหน้าส่วนใหญ่ไว้ แต่ตราประทับจันทร์เสี้ยวบนหน้าผากนั่นก็ยังเผยออกมาอย่างชัดเจนจั๋วซือหรานมองแล้วก็พูดไม่ออก เจ
จั๋วซือหรานยิ้มตาโค้ง "มาก็มาแล้ว ทุกครั้งไม่เคยจะเข้ามาเสียที เอาแต่แอบฟังอยู่ข้างๆ มันใช่เรื่องไหม?"ฮั่วจือโจวเดินเข้ามา มองนางอย่างจำใจ "แม่นางจิ่วไม่รู้จริงหรือว่าตัวเองเป็นตัวยุ่งยากระดับไหน? ที่ข้าเข้ามา ก็ถือว่าเสี่ยงอันตรายมากแล้วนะ"จั๋วซือหรานฟังคำพูดเขา หัวเราะพยักหน้า "ข้ารู้อยู่แล้วว่าข้าเป็นตัวยุ่งยาก เป็นความเสี่ยง"ฮั่วจือโจวคิดจะพูดต่อ แต่จั๋วซือหรานก็ชิงพูดมาก่อน "แต่ว่านะ ถึงแม้ข้าจะเป็นความเสี่ยง แต่ว่ากำไรกับความเสี่ยงมันก็ของคู่กันไม่ใช่หรือ?""ดังนั้นข้าถึงคอยฟังอยู่นี่ไง อยากจะฟังว่าเจ้าจะให้ผลกำไรอะไรกับข้า" ฮั่วจือโจวเอ่ยขึ้น "ถึงอย่างไรจากสถานการณ์ของเจ้าในตอนนี้ ตระกูลเฟิงถ้าเจ้าคิดจะผิดใจให้ถึงที่สุด แล้วถ้าตะรกูลเฟิงไปจับมือกับตระกูลขุนนางอื่นล่ะก็..."ฮั่วจือโจวพูด ส่ายหัวเบาๆ "แม่นางจิ่ว ถึงตอนนั้นต่อให้ข้าอยากจะร่วมมือกับเจ้าแค่ไหน แต่ที่ตระกูลก็คงสร้างแรงกดดันกับข้าอย่างมาก ไม่ยอมให้ข้าทำเรื่องเช่นนี้แน่นอน ""ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับ แต่มันก็เป็นอย่างที่เจ้าพูดนั่นล่ะ ตระกูลขุนนางก็เป็นกันเช่นนี้ เหนื่อสิ่งอื่นใดทั้งหมด สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือผลปร
พอได้ยินคำนี้ของจั๋วหวาย สีหน้าจั๋วซือหรานก็ชะงักไปพอนึกถึงจั๋วเฮ่ออิงที่สีหน้าเปลี่ยนแล้วรีบร้อนออกไปวันนั้นนางรู้สึกว่าการคาดเดาของเสี่ยวหวาย...ดูสมเหตุสมผลดียังไม่ต้องพูดถึงว่าจั๋วเฮ่ออิงไปหาเซี่ยอวิ๋นซี แล้วจะมีผลลัพธ์อย่างไรจั๋วซือหรานแม้จะไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม แต่ก็มีความรู้สึกรักอย่างจริงใจต่อเซี่ยอวิ๋นซีด้วยความเข้าใจต่อตัวเซี่ยอวิ๋นซีของนาง จั๋วซือหรานรู้สึกว่า เซี่ยอวิ๋นซีเป็นคนที่อ่อนนอกแข็งในการที่นางสามารถเลี้ยงลูกสองคนจนโตได้เพียงลำพังก็มองออกได้ไม่ยากคนแบบนี้ ในสถานการณ์ปกติขีดจำกัดจะชัดเจนมากนางจะอ่อนโยนกับคนของตนเอง แต่มีนิสัยที่แข็งกร้าวในสายตาไม่อาจทนเห็นสิ่งไม่ดีได้ ยอมหักแต่ไม่ยอมงอตอนที่นางรักจั๋วเฮ่ออิงก็คือรักจริงๆ ถ้าหากไม่มีลูกน้อยสองคนคอยรั้งนางไว้ นางคงฆ่าตัวตายตามจั๋วเฮ่ออิงไปตั้งแต่ตอนรู้ว่าเขาตายแล้วแต่พอมีตัวตนอย่างสุ่ยจิ้งหลาน เซี่ยอวิ๋นซีก็ไม่แน่ว่าจะอดทนต่อจั๋วเฮ่ออิงได้อีกตอนที่ไม่รัก ก็อาจจะไม่รักได้จริงๆแต่แล้วทำไมล่ะ แค่จั๋วเฮ่ออิงไปบอกเรื่องของนาง ด้วยนิสัยของเซี่ยอวิ๋นซี ต่อให้ฟ้าถล่มก็คงจะรีบมาหาอยู่ดีจั๋วซือหรานถอนห
ตอนนี้ จั๋วซือหรานเห็นหน้าตนเองในน้ำได้เห็นสภาพของตนเองชัดๆ ดีขึ้นมากแล้วจริงๆแต่นางยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าสภาพของตนเองก็กำลังแย่ลงอย่างรวดเร็วดังนั้น ตนเองตอนนี้...อยู่ห่างจากชายคนนั้นไม่ได้จริงๆถ้าแค่ห่างจากชายคนนั้น ตนเองก็อาจจะทนต่อไปไม่ไหว แล้วกลับไปอยู่ในสภาพก่อนหน้านี้อีก นั่นมันอันตรายเอามากๆส่วนตนเองถ้าหากยังตามชายคนนี้อยู่ตลอดล่ะก็...จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว ในใจก็อดคิดไม่ได้ ตอนนี้ตนเองอย่างน้อยยังพอทนไหว ไม่ต้องตัวติดกับเขาตลอดเวลาก็ได้แต่...นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นนะจั๋วซือหรานเป็นคนที่เตรียมพร้อมล่วงหน้าอยู่เสมอ นางยกมือขึ้นลูบท้องน้อยเบาๆในใจยังคิดขึ้นอย่างกังวล ถ้าหากอายุครรภ์มากขึ้น สถานการณ์แบบนี้ก็น่าจะยิ่งรุนแรงขึ้นด้วยถึงตอนนั้นหากตนเองต้องอยู่กับเขาตลอดเวลาถึงจะรักษาสภาพให้คงที่ได้ล่ะ?ถ้าตนเองเป็นอย่างที่เขาบอกล่ะ ที่ว่าต้องการแสงแดดแล้วในเวลากลางวันแบบนั้น...คนนึงต้องการแสงแดด แต่อีกคนกลับถูกแสงแดดทำร้ายสถานการณ์แบบนี้ มันเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆนางผ่อนคลายลงหน่อย แต่เขากลับทรมานขึ้นมาถ้าพอนางทรมาน เขาถึงจะผ่อนคลายลงมาได
ขณะที่ตระหนักถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็ตระหนักได้ถึงอีกจุดหนึ่งถ้าบอกว่า ตนเองหลังจากนี้อยู่ห่างเขาไม่ได้ แต่หลังจากนี้ยังต้องการแสงแดดล่ะก็เช่นนั้นก็เท่ากับว่า...นางมองชายหนุ่มที่โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เห็นอักขระคำสาปประหลาดบนหน้าตาคนสมองทื่อนี้ ปรากฏขึ้นมาต่อเนื่อง หายไป แล้วก็โผล่ออกมารักษาแผลไฟไหม้...จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปสองก้าวอย่างอดไม่อยู่ พอมาถึงตรงหน้าเขา ก็ยกมือขึ้นมาเบาๆเขาไม่ขยับ จ้องมองนางนิ่งจั๋วซือหรานแตะลงไปบนหน้าเขาเบาๆ ราวกับว่าแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนางขมวดคิ้วแน่นเขามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "พลังวิญญาณของข้า ช่วยอะไรท่านไม่ได้แล้วหรือ"น่าจะเพราะตนเองตั้งท้องจนงงๆ ไปแล้วจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะไม่พอใจเจ้าคนสมองมีปัญหาตรงหน้านี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกระทั่งถึงตอนนี้ จั๋วซือหรานจึงเพิ่งรู้สึกตัวพลังของตนเองก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่สามารถบรรเทาอาการทำร้ายตนเองของเฟิงเหยียนได้แท้ๆ แล้วยังทำให้เขาต้านทานแสงแดดได้ระดับหนึ่งอีกด้วยแต่ตอนนี้ทำไมเหมือน...มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ?ทว่าเฟิงเหยียน ดูเหมือนจะ
ขณะที่จั๋วซือหรานขมวดคิ้วคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมุดเข้ามาด้วยกัน...กับเขาในผ้าห่มที่มืดสนิทนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้นเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ ในผ้าห่มมืดๆ ภายใต้ระยะใกล้ชิดที่แทบจะเบียดกันของคนทั้งสองนี้ จึงยิ่งชัดเจนเป็นพิเศษ...กระทั่งความหยาบกร้านแหบพร่าเล็กๆ ในน้ำเสียง ก็ยังชัดเจน ชัดเจนเอามากๆ!ยิ่งไปกว่านั้น เพราะความใกล้ชิดมากๆ ยังมีกระแสลมแผ่วๆ ที่เหมือนจะพัดผ่านข้างหูนางไปเหมือนกับแม้กระทั่งตอนที่เขาหัวเราะเสียงทุ้ม การสั่นสะเทือนของทรวงอก ตนเองก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนด้วย!จั๋วซือหรานกัดริมฝีปากเบาๆจึงได้ยินเสียงของตาคนสมองทื่อ ยังคงเป็นเส้นเสียงหยาบๆ ที่ชวนหลงใหลนั่นอยู่บอกกับนางว่า "นี่เจ้ากำลัง...เชื้อเชิญข้าหรือ?"จั๋วซือหรานเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝันที่อยู่กับคนรัก ถือว่าถูกกวนให้ตื่นก็ได้ มีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่บ้างก็เรื่องปกติดังนั้นนางจึงไม่มีเวลามาปรับอารมณ์กับตาคนสมองทื่อนี่จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "ข้าควรจะมองท่านถูกเผาตายทั้งเป็นไปซะ"ตาสมองทื่อนี่ก็ไม่รู้ทำไมผ่านไปคืนนึงนิสัยก็เปลี่ยนไป จู่ๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้นบางทีคงเพร
จั๋วซือหรานได้ยินอารมณ์เจ็บปวดจากในน้ำเสียงเขา และได้ยินถึงอารมณ์เสียใจด้วยอันที่จริงสำหรับสำหรับอาการข้าหึงตัวข้าเองที่แปลกใหม่นี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกจนใจอยู่หน่อยๆ แล้วยังดูน่าขำอีกด้วยผลลัพธ์คือพอแหงนตามอง สีหน้ารอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็แข็งทื่อไปทันทีอารมณ์ที่เรียกว่าความกังวล ก่อตัวขึ้นมาในดวงตามิน่าในน้ำเสียงเขาถึงมีความเจ็บปวดอยู่ตอนนี้ อักขระคำสาปปรากฏขึ้นบนตัวเขาแล้ว แสดงรูปลักษณ์ที่ประหลาดออกมา"นี่คือ..." จั๋วซือหรานยกมือมากำข้อมือเขาแต่นี่ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่เขตแดนจิตใต้สำนึกบางอย่าง เป็นแค่ในความฝันเท่านั้น แน่นอนว่าจับชีพจรเขาไม่ได้"ไม่เป็นไร" บนสีหน้าชายหนุ่มแม้จะเต็มไปด้วยอักขระคำสาปประหลาด สายตาที่ก้มลงมามองนางกลับดูอบอุ่น "ไม่เป็นไร"เหมือนกลัวว่านางจะกังวล เขาจึงบอกว่าไม่เป็นไรขึ้นมาอีกครั้งจั๋วซือหรานตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วขึ้นมานิ้วโป้งของชายหนุ่มกดลงเบาๆ ที่หว่างคิ้วนาง นวดๆ เหมือนติดจะนวดคลายสีหน้าอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นออก"พักผ่อนให้ดี กินข้าวให้ดีด้วย" เขาเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเบ้ปากเบาๆ เหลือบมองเขา "ถ้าหากเจ้าส
จั๋วซือหรานไม่ส่งเสียง ครู่เดียว จึงถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "อันที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้ยืนหยัดขนาดนั้น แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจนตรอกจริงๆ ข้าก็ยังไม่อยากละทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ลอง"เฟิงเหยียนกอดนาง ในสีหน้ามีความเจ็บปวดเสียงยิ่งแหบพร่า เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเหยียบซ้ำรอยมารดาของข้า และข้าก็ไม่อยากให้ลูกของเราเติบโตมาเป็นเหมือนข้าด้วย หากเรื่องนี้ ไม่มีวิธีอื่นแก้ไขได้นอกจากปล่อยให้มีฝันร้ายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...ข้าก็หวังให้ฝันร้ายนี้หยุดลงที่ตัวข้าพอ"เสียงของชายหนุ่มแหบพร่ามาก ในน้ำเสียง...ก็มีความสิ้นหวังที่ปิดไว้ไม่มิดอยู่ ทิ่มแทงเข้ามาที่ใจของจั๋วซือหรานต้องเป็นแบบไหนกันนะ...ถึงบีบคั้นให้คนดีๆ ที่หยิ่งทะนงและยอดเยี่ยมคนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนี้...ราวกับสัตว์ที่ถูกกักขังไว้จั๋วซือหรานมองเขา ครู่ต่อมา ก็ถอนหายใจเบาๆเอ่ยขึ้นว่า "จริงๆ แล้ว...เดิมทีข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ การวางแผนและความคิดของข้าจึงไม่ได้เล่าใด้คนอื่นฟัง"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แค่แหงนตามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานยิ้มๆ "ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าไม่แน่ข้าอาจมีวิธี แม้ตอนนี้ข้ายังพูดถึงเหตุผลออกมาให้ชัดเจนไม่ได้ แต
แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว
ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ
กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย