Share

บทที่ 479

Author: หว่านชิงอิ๋น
“แม่นางฝูเสวี่ยเป็นสหายขององค์ชายเจ็ด และเป็นสหายของข้าเช่นกัน หวังว่าใต้เท้าหลิวจักให้เกียรตินาง”

แม้ประโยคของฟู่เฉินหวนจะง่าย แต่สายตาของเขากลับเต็มไปด้วยไอสังหารคมคาย

นี่ทำให้หัวใจของใต้เท้าหลิวสั่นคลอน เขามิกล้าพูดสิ่งใดต่อ

ฟู่เฉินหวนหันร่างจากไป

ใต้เท้าหลิวกัดฟัน ไฟโทสะในใจยากที่จะดับ อุตส่าห์จะได้มือแล้วเชียว!

ผู้รับใช้ด้านหลังวิ่งขึ้นหน้า “ใต้เท้าหลิวสำเร็จยังหรือขอรับ? นายท่านส่งข้าน้อยมาตรวจสอบ”

“ถูกอ๋องสำเร็จราชการทำลายแผน นางหนีไปแล้ว!”

“บอกนายท่านเจ้า ข้าเสี่ยงดวงที่จะหาเรื่องท่านอ๋องสำเร็จราชการและองค์ชายเจ็ด ข้ามิได้จักเอาเพียงคน เงินก็ต้องเพิ่มให้ข้าห้าเท่า!”

ใต้เท้าหลิวคิดถึงร่างชดช้อยของฝูเสวี่ย ในใจก็คันยุบยิบ

ต่อให้เสี่ยงที่จะหาเรื่องผู้อื่น เขาก็ต้องชิงฝูเสวี่ยมาให้ได้!

ผู้รับใช้ตอบด้วยรอยยิ้ม “นายท่านกล่าว สามารถเพิ่มให้ท่านสิบเท่า! เพียงแต่หวังว่าท่านกล้าเผชิญปัญหา และมิย่อท้อง่าย ๆ”

ใต้เท้าหลิวหัวเราะเย็นทีหนึ่ง “มิต้องห่วง ข้าจักจับตัวนางมาให้ได้!”

หลังลั่วชิงยวนหนีไปด้วยวิชาตัวเบา นางจ้างรถม้าอีกคัน แอบเข้าไปเปลี่ยนชุดในหอ และกลับตำหนักเงียบ ๆ

หลั
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 480

    นางรีบจับอาภรณ์บนราวมาคลุมก่อนที่ร่างเย็นนั้นจะเดินถึงหน้าฉากกั้น ลั่วชิงยวนหยิบหน้ากากขึ้นมาปิดหน้าของตนไว้ด้วยความเร็วที่เร็วที่สุดพวกเขาสบตากัน ภายใต้ไอร้อนอบอวล นางถือหน้ากากบังหน้าไว้ อาภรณ์ถูกน้ำซึมจนเปียกชื้น แนบสนิทกับร่างนาง เผยให้เห็นร่างอรชรสายตาลึกซึ้งของฟู่เฉินหวนเต็มไปด้วยความตะลึง และยืนนิ่งตรงข้ามนางเช่นนี้เมื่อลั่วชิงยวนได้สติ นางผูกหน้ากาก หยิบชุดคลุมและจะหนีออกไปด้านนอกแต่กลับถูกฟู่เฉินหวนจับข้อมือไว้ และกระชากนางกลับมาทันใดลั่วชิวยวนเซถอยหลัง ล้มลงในอ้อมอกของเขาอย่างแรง“เจ้าเป็นใคร?” เสียงของฟู่เฉินหวนแหบพร่าเล็กน้อย ข่มความตกใจแรงกล้าในใจไว้กลิ่นสมุนไพรนี้ เหมือนกันกลิ่นของลิ่นฝูเสวี่ยวันนี้ไม่มีผิด!ลั่วชิงยวนมิตอบ นางเหยียบไปที่เท้าของเขาอย่างแรง คิดจะหักร่างหลบแต่ท่าทีของฟู่เฉินหวนกลับว่องไวเป็นอย่างมาก ควบคุมนางไว้ได้ในไม่กี่ท่วงท่า แขนของเขาตรึงนางไว้ในอ้อมกอด ยื่นมือเพื่อจะถอดหน้ากากของนางทิ้งวินาทีนั้นหัวใจของลั่วชิงยวนบีบรัด และรีบเอ่ยปาก “อย่ามาแตะ!”“ลั่วชิวยวน! เจ้าจริงด้วย!” ฟู่เฉินหวนตะลึง มองนางอย่างมิอยากจะเชื่อ หว่างคิ้วเขามีไอ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 481

    นางเงยหน้ามองเขาด้วยท่าทีแข็งกร้าว “สตรีต่ำช้าอย่างหม่อมฉันหาได้คู่ควรกับท่านอ๋องไม่! ไฉนท่านอ๋องจึงไม่หย่ากับหม่อมฉันเล่า?!” “เจ้า!” ฟู่เฉินหวนโกรธจัด ดวงตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยแววหนาวเหน็บเย็นชา ลั่วชิงยวนมิได้แปลกใจที่ฟู่เฉินหวนจะเดือดดาลถึงเพียงนั้น อ๋องผู้สำเร็จราชการเป็นสถานะอันสูงศักดิ์ นางจะไปสถานที่อย่างหอนางโลมเพื่อร่ายรำ แล้วทำให้ตนต้องชื่อเสียงมัวหมองได้อย่างไรกัน? นางรู้มาตั้งแต่ต้นแล้วว่า ขืนนางไปร่ายรำที่หอนางโลม หากมีผู้ใดพบเข้าก็จะเป็นความผิดร้ายแรง แต่เพื่อให้ได้เงื่อนงำเกี่ยวกับมารดาของตนจากลิ่นฝูเสวี่ย นางจึงไม่มีทางเลือก นางไม่คาดคิดเลยว่า ฟู่เฉินหวนจะจับได้เร็วถึงขนาดนั้น “ท่านอ๋องมิจำเป็นต้องรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเพคะ ต่อให้ท่านหย่ากับหม่อมฉันแล้วอภิเษกสมรสกับลั่วเยวี่ยอิง พ่อตาของท่านก็ยังเป็นลั่วไห่ผิง หามีอันใดเปลี่ยนแปลงแต่ไม่” น้ำเสียงเรียบนิ่งของลั่วชิงยวนฉายแววเยียบเย็น “อย่างไรเสีย หม่อมฉันก็จะร่ายรำเช่นนี้ต่อไป ถ้าหากท่านอ๋องคิดจะป่าวประกาศออกไป ท่านก็ต้องคำนึงถึงชื่อเสียงของตนเองด้วยเพคะ” นางมองฟู่เฉินหวนด้วยท่าทีสงบนิ่ง วาจาของนาง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 482

    รอยยิ้มหยันผุดขึ้นตรงมุมปาก จากนั้นนางก็เงยหน้ามองฟู่เฉินหวน “ท่านอ๋องเอาแต่กล่าวโทษว่าหม่อมฉันทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เช่นนั้นในฐานที่เป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการแล้ว การที่มอบพระชายาอย่างหม่อมฉันให้บุรุษอื่นหมายความว่าอันใดกัน?” ฟู่เฉินหวนแววตามืดมน เขาหันหลังเดินจากไปพลางเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้าจะให้เวลาเจ้าได้เตรียมตัวชั่วหนึ่งถ้วยชา” เมื่อฟู่เฉินหวนออกมาจากเรือนก็เดินมาที่หน้าเรือน ซูโหยวรีบเดินเข้ามาหา “ท่านอ๋อง ทุกอย่างพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฟู่เฉินหวนสายตาเย็นชาเล็กน้อยพลางกล่าวขึ้นมาว่า "หลังจากเข้าไปในจวนแล้วเจ้าจงรีบลงมือเสีย!" “พ่ะย่ะค่ะ!” ซูโหยวตอบตกลงพลางขมวดคิ้วแล้วถามด้วยท่าทีลังเลใจว่า “แต่ให้พระชายาไปถ่วงเวลาจะมิอันตรายเกินไปสักหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ?” “นั่นก็คือสาเหตุที่ต้องรีบลงมืออย่างไรเล่า! นอกเหนือไปจากนั้น ก็ยังมีองครักษ์เงาอีกห้าสิบนายที่ลอบเคลื่อนพลพร้อมลงมือได้ทุกเมื่อ!” “พ่ะย่ะค่ะ!” ลั่วชิงยวนที่อยู่ในห้องผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เรียบร้อยแล้ว ที่แท้ก็เป็นอาภรณ์ที่สั่งให้ศาลารุ้งเมฆาตัดเย็บขึ้นมา นางสวมอาภรณ์สีแดงที่มีผ้าแพรแดงถักเป็นดอกโบตั๋นขนาดใหญ่อัน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 483

    ทั้งสองคนมิได้เอ่ยวาจาใดอีกตลอดการเดินทาง แต่รถม้าก็มาถึงนอกจวนตระกูลหลิวอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พวกเขาจะลงจากรถม้าก็ได้ยินเสียงดังขึ้นทางด้านนอก จนฟังดูราวกับมีผู้คนอยู่มากมาย ฟู่เฉินหวนนั่งสงบจิตใจอยู่ในรถม้าก่อนที่จะลุกขึ้นจากรถม้า ลั่วชิงยวนลุกขึ้นและกำลังจะลงจากรถม้า เมื่อนางเห็นฟู่เฉินหวนยื่นมือให้นาง ลั่วชิงยวนก็ลังเลไปชั่วขณะ ในยามนี้เอง เสียงของใต้เท้าหลิวก็ดังขึ้นมาว่า “โอ้ แขกผู้สูงศักดิ์มาแล้ว!” ดวงตาของลั่วชิงยวนพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา จากนั้นนางก็ฝืนใจวางฝ่ามือลงบนมือของฟู่เฉินหวนเพื่อให้เขาช่วยพานางลงจากรถม้า แต่ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้น ลั่วชิงยวนก็รีบชักมือกลับทันที ยามนี้ฟู่เฉินหวนสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวอันเปี่ยมไปด้วยความกังวลและความรังเกียจที่นางมีต่อเขา ฟู่เฉินหวนสูดหายใจลึก ๆ พลางกำหมัดแน่นแล้วเอามือไพล่หลัง “แม่นางฝูเสวี่ย ในที่สุดเจ้าก็มาที่จวนของข้ามิใช่หรือไร?” ใต้เท้าหลิวมีสีหน้าภูมิอกภูมิใจแล้วยื่นมือออกมาราวกับจะกอดนางไว้ ลั่วชิงยวนหลบฉากด้วยท่าทีรังเกียจเพื่อหลีกเลี่ยงสัมผัสของเขา เมื่อเห็นท่าทีเมินเฉยของนาง ใต้เท้าหลิวกลับมิได้บังเกิด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 484

    ลั่วชิงยวนตัวแข็งทื่อ วาจาต่ำช้าน่ารังเกียจเหล่านั้นทำให้นางรู้สึกโมโหเสียจนมิอาจสะกดกลั้นอีกต่อไปแล้ว ฟู่เฉินหวนเองก็พลันขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีแล้วเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมาว่า “ใต้เท้าหลิว” ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าไม่พอใจ เมื่อใต้เท้าหลิวสังเกตเห็นเข้าก็รีบลุกขึ้นตะโกนว่า “นี่ วันนี้แม่นางฝูเสวี่ยมาเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของพวกเรา นับเป็นเรื่องหาได้ยากยิ่งที่จะเชิญนางมาร่ายรำให้พวกท่านได้ชมดู อย่าได้ล้อเล่นจนสร้างความอับอายให้แก่แม่นางฝูเสวี่ยอีกเลย!” จากนั้นเสียงดนตรีก็บรรเลงต่อไป ลั่วชิงยวนกำหมัดแน่นแล้วมองฟู่เฉินหวนจากระยะไกล สายตาทิ่มแทงของนางทำให้ฟู่เฉินหวนรู้สึกอึดอัดจนต้องยกจอกสุราขึ้นดื่มอึกหนึ่ง นางสามารถร่ายรำในหอนางโลมได้ แต่ไฉนจึงร่ายรำที่นี่มิได้? ฟู่เฉินหวนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันและแววตากลับเย็นชา ในที่สุดลั่วชิงยวนก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ร่างกายของนางจดจำทุกท่วงทำนองและการเคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยำ ต่อให้ลิ่นฝูเสวี่ยมิได้อยู่ด้วยนางก็สามารถร่ายรำได้สมบูรณ์แบบ ทว่าเรื่องนี้ก็ทำให้นางเข้าใจว่าตนมิใช่ลิ่นฝูเสวี่ย ย่อมมิอาจเปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนใจดังเช่นอีกฝ่าย ก่อนที่เสียงดนตรีจะ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 485

    ถึงกระนั้นบุรุษพวกนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นสุดขีด อันที่จริงผู้ที่มาในวันนี้ต่างคละเคล้ากันไป บางคนก็สุภาพอ่อนน้อมและบางคนก็คิดจะเข้าใกล้นาง ทว่าหามีผู้ใดเป็นดังเช่นแม่ทัพสวี่ กระทั่งถึงทีของแม่ทัพสวี่ เขาก็ยกจอกสุราพลางรีบลุกขึ้นแล้วคว้าข้อมือของลั่วชิงยวน “แม่นางฝูเสวี่ย มาแลกกันดื่มเถอะ” “ปล่อยข้านะ!” น้ำเสียงของลั่วชิงยวนกรุ่นโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว แต่แม่ทัพสวี่กลับจับข้อมือของนางเอาไว้แน่นมิยอมปล่อย “แม่นางฝูเสวี่ย ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว ดื่มสักจอกก็คงไม่เสียหายหรอกกระมัง” แม่ทัพสวี่ยิ้มเยาะฉายแววสัปดน ลั่วชิงยวนอดรนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว นางกระแทกจอกสุราลงบนโต๊ะพลางรีบชักมีดสั้นออกมาจากแขนเสื้อ จากนั้นก็วาดผ่านอย่างว่องไว ถึงแม่ทัพสวี่จะตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว แต่มีดสั้นคมกริบก็ยังถากเข้าตรงลำคอจนทิ้งรอยเลือดเอาไว้ แม่ทัพสวี่หวาดกลัวเสียสีหน้าซีดขาวจวนจะล้มลงไปอยู่แล้ว หลังจากมีคนคอยประคองเอาไว้ เขาก็โมโหจนตัวสั่นพลางกล่าวว่า “เจ้า! เจ้ากล้าดีอย่างไรมาสังหารคน?!” “ใครก็ได้ จับตัวนางมาให้ข้า” ลั่วชิงยวนกำมีดสั้นเอาไว้แน่น จากนั้นนางก็ข่มกลั้นโทสะแล้วหันไปมองท่านอ๋องผู

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 486

    ลั่วชิงยวนรู้สึกตื่นตกใจอยู่บ้าง ฮูหยินของใต้เท้าหลิว ก่อนหน้านี้นางเคยได้ยินซิ่งอวี่เล่าให้ฟังว่าฮูหยินของใต้เท้าหลิวเป็นคนเข้มงวดยิ่งนัก เขาจึงมิกล้าไปที่หอนางโลมอย่างโจ่งแจ้ง เขามักจะสั่งให้ผู้ใดสักคนส่งตัวแม่นางมาที่จวนอยู่เสมอ วันนี้ใต้เท้าหลิวจัดงานเลี้ยงใหญ่ขึ้นในจวนและเชิญฝูเสวี่ยมาร่ายรำเป็นพิเศษ ฮูหยินผู้นี้น่าจะมาคิดบัญชีกับนางเป็นแน่ ชั่วครู่ต่อมา ประตูก็โดนถีบให้เปิดออก ฮูหยินหลิวบุกเข้ามาในห้องด้วยท่าทีคุกคาม สายตาของอีกฝ่ายที่คมกริบราวกับมีดจับจ้องมาที่นาง “เจ้าคือนังจิ้งจอกน้อยจากหอฝูเสวี่ยใช่หรือไม่?!” ฮูหยินหลิวมีโหนกแก้มสูง ใบหน้าเรียวเล็ก และสายตามุ่งร้ายอันเด่นชัดก็แฝงไปด้วยแววอำมหิต อีกฝ่ายมิใช่ผู้ที่จะรับมือได้ง่าย ๆ เลย ฮูหยินหลิวก้าวเดินเข้ามาคว้าไหล่ของลั่วชิงยวน อีกฝ่ายพยายามออกแรงกระชากหน้ากากบนใบหน้าของนาง เพราะหมายจะกรีดหน้านางโดยแท้จริง “นางสารเลว! เจ้าหารู้ไม่ว่าจวนตระกูลหลิวของข้าเป็นสถานที่ใด กล้าดีอย่างไรถึงได้เข้ามาที่นี่?” ลั่วชิงยวนคว้าข้อมือของฮูหยินหลิวเอาไว้แน่น ทำให้ฮูหยินหลิวเจ็บเสียจนต้องร้องออกมา “หยุดนะนางสารเลว! ปล่อยข้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 487

    “เจ้าค่ะ” ฮูหยินหลิวเหลือบมองลั่วชิงยวนที่อยู่บนพื้นแล้วหันหลังจากไป เมื่อฮูหยินหลิวออกไปพร้อมปิดประตูทิ้งท้าย แสงสว่างที่เหลืออยู่ในดวงตาของลั่วชิงยวนก็ค่อย ๆ หายไป จากนั้นนางก็ถูกปกคลุมไปด้วยความรู้สึกบีบคั้น เงาร่างของใต้เท้าหลิวค่อย ๆ ใกล้เข้ามาแล้วโน้มใบหน้าใหญ่โตลงมามองนาง รอยยิ้มเยาะโฉดชั่วบนใบหน้าของเขาชวนให้รู้สึกกระดูกสันหลังสั่นสะท้าน ความหวาดกลัวเกาะกุมจิตใจของนางขึ้นมาทันที “ไม่ว่าเขาจะหยิ่งยโสเพียงใด สุดท้ายเจ้าก็ตกอยู่ในเงื้อมมือของข้ามิใช่หรือไร? หามีสตรีนางใดในเมืองหลวงที่ข้าจะมิได้มาไม่" หลิวหม่านยิ้มพลางเอื้อมมือออกมาสัมผัสหน้ากากบนใบหน้าของนาง ลั่วชิงยวนพยายามกระถดถอยเพราะคิดจะหลบเลี่ยงเขา สิ่งนี้ทำให้หลิวหม่านแหงนหน้าแล้วหัวเราะ “อย่าห่วงไปเลย ข้ามิถอดหน้ากากของเจ้าหรอก หน้ากากนี้ออกจะงดงามถึงเพียงนั้น!” ลั่วชิงยวนพยายามขยับตัวเพื่อลุกขึ้น แต่นางกลับมิอาจควบคุมอาการเวียนศีรษะได้ นางสัมผัสได้ถึงความเย็นตรงท้ายทอยและเกรงว่าเลือดจะไหลมิหยุด หลิวหม่านลุกขึ้นจุดเทียนพลางนั่งยอง ๆ ข้างลั่วชิงยวนอีกครั้ง จากนั้นก็เขย่าแท่งเทียนให้น้ำตาเทียนหยดใส่ลั่วชิงย

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1422

    ร่างที่ไร้ศีรษะร่างหนึ่งถือกระบี่เดินเข้ามาหาลั่วชิงยวน โซ่เหล็กด้านหลังลากคนสามคนไว้แม้จะออกแรงสุดกำลังแล้วก็ยังฉุดรั้งโหยวจิ้งเฉิงไว้มิได้แต่ร่างของโหยวจิ้งเฉิงในตอนนี้ไม่มีศีรษะแล้ว ยากที่จะควบคุมร่างกายได้ลั่วชิงยวนถือกระบี่เงื้อฟันไปยังร่างของฝูเหมิ่ง เช่นเดียวกับตอนที่โหยวจิ้งเฉิงตัดแขนขาของอวี๋ตันเฟิ่งนางกำลังแก้แค้นและระบายความแค้นอย่างบ้าคลั่งตัดแขนของเขาขาดทีละข้างกระบี่ห้วงสวรรค์ร่วงลงสู่พื้นไปพร้อมกับแขนจากนั้นขาทั้งสองข้างของเขาก็ขาดกระเด็นอวี๋ตันเฟิ่งอาละวาดแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อมองไปยังซากศพที่กองอยู่บนพื้น ดวงตาของลั่วชิงยวนก็ราวกับถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉานใต้หล้าเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดทั้งสามที่อยู่มิไกลต่างตกตะลึงมิเคยเห็นฉากที่นองเลือดเช่นนี้มาก่อนแต่ถึงแม้ร่างกายจะแหลกละเอียด โหยวจิ้งเฉิงก็ยังมิตายทันใดนั้นมีร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากซากศพ แล้วลอยละลิ่วไปอวี๋ตันเฟิ่งกรีดร้องแหลม “โหยวจิ้งเฉิง เจ้าอย่าหวังว่าจะหนีไปไหนได้อีก! ข้าจะทำให้เจ้ามิได้ผุดได้เกิด!”พลังในร่างของนางพลันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นลมพายุโหมกระหน่ำ ลั่วชิงยวนรู้สึกราว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1421

    ใบหน้านั้นบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นโหยวจิ้งเฉิง“ต่อไปก็ถึงตาพวกเจ้าแล้ว” เขาเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งเย็นเยือกโฉวสือชีกำกระบี่ในมือแน่น ปกป้องคนใบ้และอวี๋โหรวไว้ส่วนลั่วชิงยวนค่อย ๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้าในดวงตาค่อย ๆ ก่อเกิดจิตสังหารนางหลับตาลง แล้วกล่าวว่า “อวี๋ตันเฟิ่ง ไปแก้แค้นของเจ้าเถิด”ลั่วชิงยวนมอบร่างของตนให้อวี๋ตันเฟิ่งโดยสมบูรณ์เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของนางยังคงเป็นใบหน้าเดิม เพียงแต่แววตานั้นกลับดุดันยิ่งนัก ดวงตาสีแดงก่ำเต็มไปด้วยความแค้นเสียงของอวี๋ตันเฟิ่งดังขึ้น “โหยวจิ้งเฉิง ความแค้นระหว่างข้ากับเจ้า วันนี้ถึงคราวสะสางแล้ว”“สิบกว่าปีที่ผ่านมา ข้าคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะฉีกร่างเจ้าเป็นชิ้น ๆ อย่างไรถึงจะสาสมกับความแค้นในใจข้า”“แต่คาดมิถึงว่าเจ้าจะตายไปแล้ว”“แต่ก็มิเป็นไร วันนี้ข้าจะฉีกร่างเจ้าให้เป็นชิ้น ๆ ให้ได้!”เมื่อกล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็กระโจนเข้าไปเสียงอาวุธปะทะกันอย่างรุนแรงดังขึ้นแต่ในเวลานี้เอง โหยวจิ้งเฉิงก็พุ่งไปยังกำแพง คว้ากระบี่ห้วงสวรรค์มาได้ จากนั้นกระโจนออกนอกห้องไปอวี๋ตันเฟิ่งรีบไล่ตามไปสีหน้าคนใบ้เปลี่ยนไป กระบี่ห้วงสวรรค์! หากฝูเหมิ่ง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1420

    ต่งอวิ๋นซิ่วตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบยกมือขึ้นมาป้องกัน แล้วต่อสู้กับฝูเหมิ่งแต่พลังในตอนนี้ของต่งอวิ๋นซิ่วเทียบกับฝูเหมิ่งแล้วยังอ่อนแอกว่ามากนักสุดท้ายก็ถูกฝูเหมิ่งบีบคอไว้แน่นลั่วชิงยวนเห็นชัดเจนว่าในร่างของฝูเหมิ่งตอนนี้คือโหยวจิ้งเฉิง!เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ? เขาจะฆ่าต่งอวิ๋นซิ่วภรรยาของตนหรือ?เมื่อเห็นดังนั้น โหยวเซียงก็ชักกระบี่พุ่งเข้าไปหมายจะช่วยต่งอวิ๋นซิ่ว แต่ฝูเหมิ่งกลับมิหลบเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้กระบี่ในมือนางแทงทะลุร่างจากนั้นฝูเหมิ่งก็ฟาดมือไปทีหนึ่ง โหยวเซียงจึงกระเด็นปลิวไปโหยวเซียงกระอักเลือดออกมาต่งอวิ๋นซิ่วร้อนใจยิ่งนัก “เซียงเอ๋อร์ มิต้องสนใจแม่ รีบหนีไป!”โหยวเซียงจะทนมองดูมารดาของตนถูกฆ่าได้อย่างไร นางพยายามลุกขึ้นมาสู้ต่อแต่ฝูเหมิ่งกลับมองโหยวเซียงอย่างดุดัน แล้วกล่าวขู่ “คนที่ข้าต้องการฆ่ามีเพียงต่งอวิ๋นซิ่วเท่านั้น เจ้าจงหลีกไป”“มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก”เมื่อได้ยินดังนั้น โหยวเซียงก็ตกใจจนยืนอึ้งไปกับที่ แล้วกล่าวเสียงสั่นเครือ “พ่อ… พ่อลูกหรือ?”ตอนนี้เสียงของฝูเหมิ่งก็มิใช่เสียงของฝูเหมิ่งอีกต่อไปแล้วเมื่อต่งอวิ๋นซิ่ว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1419

    ขณะนี้เอง โหยวเซียงก็ฉวยโอกาสหลบหนีจากมือของลั่วชิงยวนไปได้ต่งอวิ๋นซิ่วมองพวกเขาอย่างเย็นชา “ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็เตรียมตัวตายได้เลย!”ทันใดนั้นบนคานเรือนก็ปรากฏชายชุดดำจำนวนมากพร้อมถือหน้าไม้เล็งมาที่พวกเขาลูกดอกอันคมกริบประกายแสงเย็นลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก หัวเราะอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมการมาอย่างดี ตอนนี้พวกข้าคงหนีออกจากห้องนี้ไปมิได้แล้วใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนสังเกตประตูห้อง รวมถึงผนังห้องทุกด้าน แล้วพบว่ามีกลไกบนประตูเหนือศีรษะ ต่งอวิ๋นซิ่วหัวเราะเบา ๆ “แน่นอน นี่คือห้องกลไกที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือพวกเจ้าที่บุกรุกเข้ามาบนเขา”“วันนี้พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกไปแม้แต่คนเดียว!”ลั่วชิงยวนจับกระบี่ห้วงสวรรค์แน่นแล้วพุ่งไปที่กลไกจุดหนึ่งบนผนังห้อง ฟาดฟันกระบี่ลงไปอย่างแรงต่งอวิ๋นซิ่วรีบดึงโหยวเซียงหลบหลีกไปแต่ใครเล่าจะรู้ว่าลั่วชิงยวนมิได้โจมตีพวกนาง แต่กลับฟันกลไกบนผนังห้องทำให้ประตูห้องลงกลอนอย่างสมบูรณ์เมื่อเห็นเช่นนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็หัวเราะเยาะ “เจ้าช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก”ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างมีความหมาย “เช่นนั้นรึ? ยังมิรู้เลยว่าใครกันแน่ที่จะ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1418

    ร่างที่เดินออกมาจากฝูงชนนั้นมีท่าทางคุกคามยิ่งนักลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย นั่นคือสตรีที่นางเห็นในความทรงจำของอวี๋ตันเฟิ่งต่งอวิ๋นซิ่ว!โหยวเซียงดิ้นรนพลางเงยหน้ามองต่งอวิ๋นซิ่วด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านแม่… เป็นความผิดของลูกเองที่ปล่อยให้พวกมันขึ้นเขามาได้”หากมิใช่เพราะลั่วชิงยวนรู้ทางลับของวัดร้างแห่งนั้น พวกนางคงไม่มีทางขึ้นเขามาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!ต่งอวิ๋นซิ่วมองด้วยความเจ็บปวดแล้วตวาดใส่ลั่วชิงยวน “ปล่อยลูกสาวข้าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าตายเยี่ยงไร้ที่ฝัง!”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “เมื่อคืนยังพยายามทำลายวิญญาณที่เหลือของอวี๋ตันเฟิ่งอยู่เลย วันนี้เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูของเจ้าคือใคร?”“ใครกันแน่ที่จะตายแบบไร้ที่ฝัง ยังบอกมิได้หรอก”เมื่อได้ยินดังนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็สะดุ้งเฮือก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากท่าทางของนางดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามซ่อนไว้ได้ดีนางมองลั่วชิงยวนอย่างใจเย็น แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงเมืองแห่งภูตผี ก็คงต้องการของล้ำค่าของเมืองแห่งภูตผีสินะ”“พวกเจ้าอยากได้อะไร ข้าสามารถให้เจ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1417

    นางปฏิเสธอย่างหนักแน่นลั่วชิงยวนกลับยกยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น “พานางไปด้วย ไปวัดร้าง!”พวกเนางมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ โหยวเซียงดิ้นรนตลอดทาง แต่โฉวสือชีและคนใบ้จ้องมองทุกการกระทำของนางอย่างใกล้ชิด มิเปิดโอกาสให้นางหลบหนีไปได้แม้แต่น้อยเมื่อเดินไปได้ไกลมากพอสมควร เสียงไก่ขันยามรุ่งอรุณก็ดังขึ้นแล้วในที่สุดพวกเขาก็มาถึงวัดร้างแห่งนั้นในวัดร้างมีพระพุทธรูปที่เป็นซากปรักหักพังล้มลงบนพื้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีใครมานานแล้วเมื่อมองหาอย่างละเอียดก็พบรอยเท้าบนพื้นลั่วชิงยวนมั่นใจยิ่งขึ้น นี่คือสถานที่ที่ถูกต้อง!โหยวเซียงจ้องมองทุกการกระทำของลั่วชิงยวนอย่างกระวนกระวาย เกรงว่าลั่วชิงยวนจะพบกลไกเข้าแต่ลั่วชิงยวนกลับสังเกตปฏิกิริยาของโหยวเซียง ค่อย ๆ เดินไปในแต่ละที่โดยอาศัยการสังเกตปฏิกิริยาโหยวเซียงสุดท้ายลั่วชิงยวนจึงเพ่งเล็งไปที่ผนังด้านหนึ่งแล้วเริ่มค้นหากลไกเสียงเปิดกลไกดังแกร๊กดังขึ้นประตูบานหนึ่งบนพื้นพลันเปิดออกหลังจากที่ลั่วชิงยวนเปิดประตูแล้วก็พบว่าด้านล่างยังมีประตูอีกบานหนึ่ง และบนนั้นก็มีกลไกเช่นกันแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วเรื่องนี้ง่ายมากเมื่อประต

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1416

    “เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1415

    โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1414

    ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status