ส่วนเซี่ยโฮ่วตานรั่วกับองค์ชายหนิง ทั้งสองก็ถูกขังอยู่ที่ราชสำนักฝ่ายในเช่นกันพวกขุนนางฝ่ายบู๊ที่ติดตามทั้งสองมาและเข้าร่วมเรื่องที่เกิดขึ้นในวังวันนั้นก็ถูกขังอยู่ในเรือนจำกระทรวงยุติธรรมด้วยขุนนางฝ่ายบุ๋นที่ฉีตะวันออกพามาด้วยที่อยู่ในที่พักก็ถูกกรมกลาโหมออกคำสั่งขับไล่ไปแล้ว ให้พวกเขาออกจากเมืองหลวงภายในสามวันที่ปรึกษาขององค์ชายหนิงได้พูดคุยกับเจ้ากรมกลาโหมว่าด้วยความสัมพันธ์ของทั้งสองแคว้นจะไม่มีการสังหารทูต และบอกว่าจักรพรรดิอู่อันไม่มีสิทธิ์คุมขังองค์ชายหนิงเจ้ากรมกลาโหมที่มารับตำแหน่งใหม่นั้นเป็นคนที่ท่านอดีตเสนาบดีแนะนำมา นั่นก็คือแม่ทัพสือผู้เป็นอดีตรองเจ้ากรมกลาโหมปีนี้แม่ทัพสือเพิ่งจะอายุสี่สิบ มีความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊ และยังมีนิสัยที่ตรงไปตรงมาเขาปฏิเสธการโต้แย้งข้าง ๆ คู ๆ ของที่ปรึกษาองค์ชายหนิงไปอย่างหนักแน่น พลางเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “เรามิสังหารองค์ชายหนิงกับองค์หญิงตานรั่วหรอก! แต่พวกเขากล้ายุยงให้องค์ชายก่อเรื่องทั้งยังแทรกแซงเรื่องการเมืองของฉินตะวันตกของเราอีก พวกเขาก็ต้องได้รับการปฏิบัติดังเชลยศึก!”“หากต้องการให้พวกเขากลับฉีตะวันออกก็ให้องค์จักรพรรดิข
คำพูดของหมิ่นกูทำเอาหลิงอวี๋ตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่จากนั้นหลิงอวี๋ก็ยิ้มออกมาวันนั้นมีเหตุชิงบัลลังก์ ภายในวังเกิดความโกลาหลวุ่นวายไปหมด คาดมิถึงเลยว่าที่ตำหนักอ๋องอี้เองก็วุ่นวายเช่นกันมีคนฉวยโอกาสช่วงชุลมุนวางยาพิษจนองค์หญิงหกเซียวทงเป็นใบ้ จื่อผิงก็ฉวยโอกาสชุลมุนสังหารเสวี่ยฉินอีกนี่หากเป็นเพียงปกติที่มีบุญคุณความแค้นกันก็ยังพอว่า แต่หากมีแรงจูงใจอื่นก็น่ากลัวแล้ว!ตอนนี้อนุชายาทั้งสี่ก็เหลืออยู่เพียงเนี่ยนจือกับจื่อผิงที่ยากจะคาดเดาที่สุดแล้ว เช่นนั้นควรจะเก็บสองคนนี้ไว้หรือไม่กัน?หลิงอวี๋เพียงคิดดูแต่ก็ยังตัดสินใจเก็บสองคนนี้เอาไว้ก่อนเมื่อเห็นว่าเซียวหลินเทียนได้รับความสำคัญจากองค์จักรพรรดิมากขึ้นทุกวัน บรรดาขุนนางเหล่านั้นจะต้องพยายามวางแผนส่งคนเข้ามาอย่างแน่นอน เก็บสองคนนี้ไว้ก็สามารถช่วยตนจัดการกับพวกคนมิดีเหล่านั้นได้!คนเลวย่อมต้องมีคนเลวกว่ามาจัดการ ตนมิได้มีเวลามาจัดการกับเรื่องมิดีภายในบ้านพวกนี้ การที่สองคนนี้ช่วยตนจับตามองไว้ก็นับว่าเป็นประโยชน์แล้ว“มิต้องไปยุ่งกับนาง ให้คนคอยจับตาดูพวกนางทั้งสองคนอย่างเงียบ ๆ หากมีสิ่งใดที่เป็นผลเสียต่อตำหนักอ๋องอี้ค่อยมาแจ้
หลิงอวี๋มิอยากให้หานอวี้รู้สึกว่าพวกนางต่ำต้อย จึงเอ่ยไปอย่างอดทน“พวกเจ้าล้วนเป็นพี่น้องที่ดีของข้าก็น่าจะรู้ดีว่าข้ามิเคยมองว่าพวกเจ้าเป็นทาส ข้าเองก็หวังให้พวกเจ้าได้แต่งงานดี ๆ เช่นกัน!”“เจ้าจำไว้นะหานอวี้ พวกเจ้ามิเคยเป็นคนต่ำต้อย เรื่องแต่งงานก็อย่าได้ด้อยค่าตนเอง ทองคำจะสามารถส่องแสงได้ด้วยตนเอง ทำให้คนอื่นเห็นแล้วมาร้องขอเอง!”หานอวี้คล้ายจะเข้าใจคำพูดของหลิงอวี๋แต่ก็มิเข้าใจ แต่ว่าก็รับเอาไว้หลิงอวี๋มองนางเดินจากไปแล้วก็ครุ่นคิดว่า พวกนางรับใช้ที่อยู่ข้างกายตนนั้นล้วนถึงวัยแต่งงานกันหมดแล้ว นางเองก็ควรที่จะเป็นห่วงเรื่องการแต่งงานของพวกนางแล้วเช่นกันหลิงอวี๋กลับไปที่ตำหนักอ๋องอี้ นางมิได้รีบร้อนไปรับพวกของหลิงเยวี่ยกับแม่นมลี่กลับมานางต้องจัดการเรื่องความสัมพันธ์ของตนกับเซียวหลินเทียนก่อนแม้ว่าเรื่องที่ฉินรั่วซือควบคุมจิตใต้สำนึกของเซียวหลินเทียนจะมิใช่ความผิดของเซียวหลินเทียนแต่สิ่งที่เซียวหลินเทียนแสดงออกมาในครั้งนี้ก็ทำให้หลิงอวี๋ผิดหวังกับเขามากหลิงอวี๋กลับไปที่ตำหนักอ๋องอี้แต่มิได้ไปอาศัยอยู่ที่เรือนริมวารี ทำให้พวกองครักษ์เช่นลู่หนานค่อนข้างวิตกกันไปหมด ห
ท่านจินต้าเข้ามาคุยธุระกับเซียวหลินเทียนพอดี ครั้นได้ยินเรื่องนี้ก็รีบเข้ามาเอ่ยเลย “เรื่องนี้กระหม่อมลืมรายงานท่านอ๋องไปเลยพ่ะย่ะค่ะ!” “ท่านอ๋อง คนของกระหม่อมได้พบกับจางซื่อนางผดุงครรภ์ที่ทำคลอดให้พระชายาในตอนนั้นแล้ว หลังจากที่ได้บีบบังคับนาง จางซื่อก็ยอมรับว่าครั้งที่แล้วนางรับเงินจากชิวเหวินซวงจึงจงใจป้ายสีพระชายาพ่ะย่ะค่ะ!”“นางบอกว่า เด็กที่พระชายาคลอดมานั้นมีอายุครรภ์มิครบจริง ๆ แม่นมลี่เองก็มิได้ติดสินบนนาง!”เซียวหลินเทียนได้ยินดังนั้นก็มองจ้าวซวนอย่างดุร้ายครั้งที่แล้วเขาก็ให้จ้าวซวนไปตรวจสอบเรื่องนี้ ผลคือคำตอบที่จ้าวซวนให้ตนคือไม่!จ้าวซวนถูกเซียวหลินเทียนมองมาก็รู้สึกผิดเล็กน้อยพลางเอ่ยออกไป “ท่านอ๋อง ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมสะเพร่าเอง!”ท่านจินต้าคิดแค่อยากจะรีบคลายความเข้าใจผิดให้ท่านอ๋องกับหลิงอวี๋ ต่อไปอย่าได้หมางเมินกันเพราะเรื่องนี้อีกเลย เขาจึงเอ่ยต่อ“ยังมีแม่นมจูที่รับผิดชอบเลี้ยงดูพระชายามาด้วยพ่ะย่ะค่ะ เรื่องจดหมายรักที่อธิบายมิได้นั้นล้วนเป็นชิวเหวินซวงที่เอาไปให้นาง แม่นมจูบอกว่า เมื่อก่อนมิเคยเห็นพระชายาเขียนจดหมายรักให้ผู้ใดเลย!”“ส่วนพวกเรื่
เซียวหลินเทียนรู้สึกว่า มีกองทัพหลวงที่กำจัดสายลับไปแล้วกับค่ายกองทหารเสือที่ได้สร้างขึ้นใหม่คอยเฝ้าวังหลวงไว้แล้ว น่าจะมิเกิดเรื่องใหญ่อะไรส่วนอวี๋เฮ่า ภายนอกเขาเป็นองครักษ์กองทัพหลวงในวัง แต่แท้จริงแล้วเขาก็เป็นสมาชิกของค่ายกองทหารเสือเช่นกัน เซียวหลินเทียนตรวจสอบอยู่หลายครั้งจนมั่นใจว่าเขาไม่มีจุดน่าสงสัยจึงได้วางใจใช้งานเขาอวี๋เฮ่ามาถึงที่นี่กลางดึกเช่นนี้ แม้ว่าจะมิใช่เรื่องใหญ่ ก็แต่ต้องเป็นเรื่องที่มิสามารถให้ใครรู้ได้!“ข้าจะไปเรียกหลิงอวี๋ เจ้าไปเตรียมกลุ่มไว้ แล้วเตรียมพร้อมรอคำสั่ง!”เซียวหลินเทียนจะเข้าวังโดยมิเตรียมการอะไรเลยมิได้จากประสบการณ์เรื่องเหตุที่เกิดขึ้นในวัง อันตรายใด ๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ดังนั้นเซียวหลินเทียนต้องเตรียมตัวให้พร้อม“อาอวี๋ เกิดเรื่องแล้ว!”เซียวหลินเทียนรวบรวมความกล้าเคาะประตูเรือนบุหงาไฟในเรือนบุหงายังคงสว่างอยู่ หลิงอวี๋ต้องยังมิได้พักผ่อนแน่นอนหลังจากนั้นมินานสุ่ยหลิงก็เปิดประตูแล้วขมวดคิ้วพลางเอ่ย “คุณหนูของเราเพิ่งจะนอนไปเพคะ หากมิใช่เรื่องเร่งด่วนค่อยว่ากันวันพรุ่งเถิดเพคะ!”“ปลุกนางตื่นเถิด มีเรื่องด่วนในวังให้เรารี
“ไทเฮา!”หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนเรียกเป็นเสียงเดียวกันหลิงอวี๋ใจเต้นรัว นางเห็นถังถีเตี่ยนทิ้งมือทั้งสองแล้วยืนตรงอยู่ข้างไทเฮาพร้อมกับสีหน้าที่ดูเศร้าหรือว่าองค์จักรพรรดิจะสวรรคตแล้ว?“อาอวี๋… เทียนเอ๋อร์ พวกเจ้ามาแล้ว!”ไทเฮาได้ยินเสียงของทั้งสองคนก็หันมามองความเลื่อนลอยบนใบหน้าของไทเฮาหายไปอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยความมุ่งมั่นและความเด็ดขาด“ถังถีเตี่ยน เจ้าออกไปพักก่อนเถิด!”หลังจากคำพูดของไทเฮา ถังถีเตี่ยนกับบรรดาคนสนิทก็เดินออกไปอย่างรู้หน้าที่“ไทเฮา เสด็จพ่อ… อาอวี๋ เจ้ายืนตะลึงอะไรเล่า ไปตรวจเสด็จพ่อสิ!”เซียวหลินเทียนเห็นสีหน้าของไทเฮาก็ตื่นตระหนกทันทีหลิงอวี๋ก็ตกใจเช่นกัน นางรีบก้าวไปข้างหน้า แต่ก็ถูกไทเฮาห้ามเอาไว้“เสด็จพ่อของเจ้าสิ้นลมไปเมื่อสิบห้านาทีที่แล้ว!”ไทเฮาเอ่ยอย่างสงบ “ถังถีเตี่ยนได้ตรวจเขาและยืนยันแล้ว!”“หากเจ้าอยากจะตรวจ อีกประเดี๋ยวค่อยตรวจเถิด! เรื่องด่วนที่สุดในตอนนี้คือพวกเราจะจัดการกับเรื่องหลังจากนี้อย่างไร!”อะไรนะ? จักรพรรดิอู่อันสวรรคตแล้วจริงหรือ?หลิงอวี๋ก้าวสะดุดล้มและทรุดลงไปนั่งกับพื้นนี่เป็นครั้งแรกที่นางสิ้นสติเช่นนี้!ไ
คำพูดนี้ของเซียวหลินเทียนเป็นการรับหน้าที่สำคัญที่ไทเฮาได้มอบหมายให้แล้ว และเป็นการรับในความสัมพันธ์แห่งพันธมิตรที่แน่นแฟ้นจนมิอาจทำลายได้ที่เขากับไทเฮาได้สร้างขึ้นแล้วไทเฮายิ้มอย่างปลื้มใจแล้วพยักหน้า จากนั้นก็ดึงให้เซียวหลินเทียนเดินไปด้านข้างในหัวของหลิงอวี๋เป็นความสับสนวุ่นวายไปหมด นางลุกขึ้นแล้วรีบไปตรวจดูจักรพรรดิอู่อันจู่ ๆ จักรพรรดิอู่อันก็สวรรคต นี่จะต้องมีคำอธิบายที่เหมาะสมสิมิเช่นนั้นไทเฮากับเซียวหลินเทียนจะถูกคนครหาเอาได้!นางตรวจไปก็จัดการความคิดของตนไปด้วยก่อนหน้านี้ บรรดาองค์ชายพยายามฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาท ทว่าเพียงชั่วพริบตา จักรพรรดิอู่อันก็มาสวรรคตไปเช่นนี้แล้วเซียวหลินเทียนจากที่อยู่ในฐานะอ๋องกลับได้กระโดดขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งจักรพรรดิเลย แล้วองค์ชายคังกับองค์ชายเย่จะยอมหรือ?ยังมีขุนนางน้อยใหญ่อีก!ดูจากจ้าวฮุยที่เป็นผู้นำพรรคพวกองค์ชายคังจะยอมสยบต่อเซียวหลินเทียนหรือ?หลิงอวี๋มิได้นึกถึงการเปลี่ยนตัวตนของตนเลยแม้แต่น้อย!เซียวหลินเทียนเป็นจักรพรรดิแล้ว นางเป็นพระชายาเพียงผู้เดียวของเซียวหลินเทียน เช่นนั้นก็ต้องเป็น
จะว่าคำพูดเหล่านี้ของเซียวหลินเทียนทำให้หลิงอวี๋ประทับใจก็มิแน่ชัดนัก ความจริงใจในสายตาของเขาต่างหากที่ทำให้หลิงอวี๋ประทับใจหลิงอวี๋เพียงแค่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยออกไป “ทรงงานก่อนเถิดเพคะ! เรื่องของเราไว้ค่อยคุยทีหลังได้!”เซียวหลินเทียนยังทำใจคลายอ้อมกอดออกจากหลิงอวี๋มิได้ เขากลัวว่าทันทีที่ตนคลายออกแล้วต่อไปจะไม่มีโอกาสได้โอบกอดหลิงอวี๋แล้ว“อาอวี๋ ข้ารู้ว่าเจ้ามิชอบฟังคำพูดยิ่งใหญ่ เจ้าดูการกระทำของข้าแล้วกัน!”“ต่อไปข้าจะเป็นสามีที่ดี จะเป็นพ่อที่มีความสามารถ”เซียวหลินเทียนยิ่งพูดก็ยิ่งแน่วแน่หลิงอวี๋เอ่ยอย่างกรุ่นโกรธ “เซียวหลินเทียน ก่อนหน้านี้เราก็มิได้คาดคิดว่าเสด็จพ่อจะเสด็จสวรรคตคืนนี้ เรื่องราวหลังจากนี้ไม่มีผู้ใดบอกได้แน่ชัดหรอกเพคะ!”“เรื่องนี้… เอาไว้ค่อยคุยทีหลังเถิด!”หลังจากพูดจบ หลิงอวี๋ก็ใจแข็งผลักเซียวหลินเทียนออก จากนั้นนางก็ตรงดิ่งไปหาไทเฮาเพื่อช่วยไทเฮาเตรียมการเรื่องงานพระราชพิธีพระบรมศพการเปลี่ยนสถานะนั้นหมายถึง การที่สภาพแวดล้อมก็มีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย จิตใจของคนก็จะยิ่งเปลี่ยนแปลง!หลิงอวี๋เป็นคนที่เคยอ่านประวัติศาสตร์ประมาณห้าพันปีมาแ
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร