“หลิงเฟิง เรื่องผู้ใหญ่ในบ้านของเจ้า ข้าในฐานะคนนอกขอมิแสดงความคิดเห็น!”แม่ทัพกู่เอ่ยอย่างอดทน “ข้าแค่อยากจะบอกเจ้าว่า แม่ของเจ้าก็คือแม่ของเจ้า และเจ้าก็คือเจ้า! ในภายภาคหน้าเจ้าจะเป็นคนแบบใด จะเดินไปในเส้นทางใด มีเพียงเจ้าที่ตัดสินใจได้ ผู้ใดก็มาทำแทนเจ้ามิได้!”“จริงสิ ที่เจ้ามาอยู่ใต้บังคับบัญชาของข้ามิใช่เจตนาของท่านอดีตเสนาบดี แต่เป็นเจตนาของพระชายา!”“นางบอกว่าท่านอดีตเสนาบดีเฉลียวฉลาดมาตลอดชีวิต นางมิอยากเห็นตระกูลหลิงมีลูกที่อกตัญญู นางหวังให้พวกเจ้าพี่น้องใช้ความสามารถเป็นเกียรติแก่ตระกูลหลิงได้!”หลิงเฟิงถือจดหมายของท่านอดีตเสนาบดีและอ่านอย่างตั้งใจตลอดทั้งคืน เขาเชื่อในอุปนิสัยของท่านอดีตเสนาบดี เขาจะไม่มีวันจงใจใส่ร้ายแม่ของตนเพื่อสนับสนุนหลิงอวี๋แน่หลิงเยี่ยนกับหวางซือตายไปหมดแล้ว จากนี้ไปเขาจะเป็นเสาหลักของบ้านรอง เขาควรแบกรับความรับผิดชอบของบ้านรองหลิงอวี๋สามารถฝึกฝนตนโดยมิคำนึงถึงความแค้นในอดีตได้ พี่หญิงผู้นี้ เขามิยอมรับก็ต้องยอมรับ!แม้ว่าหลิงเฟิงจะยังมีปมในใจอยู่บ้าง แต่ก็มิสามารถต้านทานหลิงอวี๋ได้เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วบุญคุณความแค้นของรุ่นพ่อแม่มิควรมา
แม่ทัพกู่ได้ยินว่าท่านอดีตเสนาบดีจะมาส่งเสบียงด้วยตนเองก็รู้สึกดีใจมาก เขามิได้เจอท่านอดีตเสนาบดีมาหลายปีแล้ว ครานี้จะได้พูดคุยเรื่องเก่า ๆ กันเสียหน่อย!เซียวหลินเทียนซักถามเรื่องสถานการณ์ทางทหาร จึงได้รู้ว่าราษฎรที่อาศัยอยู่ถาวรของเมืองซานต้งมีเพียงประมาณหนึ่งพันคนเท่านั้น โดยส่วนใหญ่เป็นครอบครัวยากจนที่มาหาเลี้ยงชีพในเหมืองถ่านหินเพียงแต่การขนส่งยังมิได้รับการพัฒนา กอปรกับที่เว่ยเหนือกับฉีตะวันออกมักจะทำสงครามกัน เหมืองถ่านหินที่ขุดขึ้นมาจึงมิสามารถขายหรือขนส่งออกไปได้ ชีวิตของทุกคนจึงยากจนข้นแค้นเซียวหลินเทียนกำลังคิดเกี่ยวกับทางเข้าสู่แดนเทพของโม่เหอ จึงเปลี่ยนหัวข้อเป็นเรื่องนี้แทนแม่ทัพกู่จึงได้รู้เรื่องที่หลิงอวี๋ถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยลักพาตัวไปเขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทส่งกระหม่อมมาประจำการที่โม่เหอ ให้กระหม่อมให้ความสนใจกับสิ่งแปลก ๆ ในโม่เหอ กระหม่อมตั้งตัวเมืองหลวงไว้ที่เมืองซานต้งเพราะที่นี่คือสถานที่ที่มีสิ่งแปลก ๆ เกิดขึ้นบ่อยครั้งพ่ะย่ะค่ะ!”แม่ทัพกู่ยื่นมือชี้ออกไปไกล ๆ “มีภูเขาอยู่ห่างจากที่นี่ไปสามสิบลี้ คนท้องถิ่นเรียกว่าภูเขาไท่กู่ ได้ยินมาว่า ภูเข
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?เผยอวี้กับฉินซานต่างมองหน้ากัน คำพูดของเด็กถือว่าเป็นเรื่องเหลวไหลได้ แต่หลิงเฟิงเป็นคนกันเอง เขาไม่มีทางโกหก!เซียวหลินเทียนก็รู้สึกว่าเหลือเชื่อเช่นกัน ในป่านั้นจะต้องมีอะไรแปลก ๆ เป็นแน่!“เช่นนั้นก็อย่าไปเสี่ยงเลย อดทนรอสักสองวัน!”เซียวหลินเทียนมิรู้ว่าในป่ามีอันตรายอะไรอยู่ จะให้แม่ทัพของตนไปเสี่ยงได้อย่างไรหากหลิงอวี๋กับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยต้องเข้าสู่แดนเทพ ก็จะต้องผ่านเมืองซานต้ง พวกเขาเฝ้าอยู่ที่เมืองซานต้งก็อาจจะเจอหลิงอวี๋ได้แม้ว่าจะตัดสินใจที่จะมิเสี่ยงเข้าไปในป่าแล้ว แต่วันรุ่งขึ้นเซียวหลินเทียนก็ยังพาเผยอวี้ ฉินซานและหลิงเฟิงไปสำรวจที่ภูเขาไท่กู่แตกต่างจากคนธรรมดาเช่นหลิงเฟิง พวกเซียวหลินเทียนต่างเป็นผู้บำเพ็ญตน ทันทีที่เข้าใกล้ป่าในภูเขาไท่กู่ ก็สัมผัสได้ถึงความรุนแรงของสนามแม่เหล็กแล้วหลิงอวี๋เคยบอกกับเซียวหลินเทียนเกี่ยวกับเรื่องสนามแม่เหล็กที่เจดีย์วัดไคหยวน เซียวหลินเทียนจึงรู้ทันทีว่าป่าแห่งนี้เหมาะสำหรับการบำเพ็ญตนเขามิกลับไปที่เมืองซานต้ง ให้เผยอวี้ตั้งค่ายอยู่ใกล้ ๆ ให้ทุกคนรอขันทีโม่กับแม่นมอูที่นี่ พลางบำเพ็ญตนไปด้วยเซียวหลิน
ที่จริงแล้วหลิงอวี๋เองก็มิอยากให้เสวี่ยหลานไปตายหรอก นางแค่อยากจะลงโทษเสวี่ยหลานสักหน่อยเท่านั้นในความคิดของหลิงอวี๋ เด็กคือกระดาษเปล่าที่ไร้เดียงสาแม้ว่าเจ้าวังจะโปรดปรานเจ้าวังน้อยมาก แต่เจ้าวังก็ไม่มีทางจะติดตามเจ้าวังน้อยได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงผู้ที่รับผิดชอบในการสั่งสอนและดูแลเจ้าวังน้อยคือเสวี่ยหลานกับเสวี่ยเหมยเสวี่ยหลานเมินเฉยต่อการกระทำชั่วร้ายของเจ้าวังน้อยและมิได้สั่งสอน นี่คือการมิรับผิดชอบต่อเจ้าวังน้อยหลิงอวี๋อยากจะใช้สิ่งนี้สั่งสอนบทเรียนที่ลึกซึ้งแก่เสวี่ยหลานดูเหมือนว่ามิเคยมีผู้ใดให้คำแนะนำเช่นนี้กับหวงฝู่หมิงจู นางเอียงหัวเล็ก ๆ คิด แล้วรู้สึกว่าสิ่งที่หลิงอวี๋พูดนั้นมีเหตุผล จึงเอ่ย “เช่นนั้นวันนี้เปลี่ยนเป็นเสวี่ยหลานไปต่อสู้กับหมาป่าหิมะ!”“เจ้าวังน้อย อย่าไปฟังนาง นางแค่อยากแก้แค้นบ่าวที่เฆี่ยนตีนางเมื่อวานเพคะ!”เสวี่ยหลานร้องออกมาอย่างกังวล “เจ้าวังน้อย บ่าวภักดีต่อท่าน แต่สตรีมาใหม่ผู้นี้เต็มไปด้วยความชั่วร้าย ควรจะโยนนางเข้าไปต่อสู้กับหมาป่าหิมะนะเพคะ!”เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินว่าเสวี่ยหลานคิดจะลากตนลงน้ำไปด้วย ก็เอ่ย “เจ้าวังน้อยชาญฉลาดยิ่งนัก เหตุ
เสวี่ยหลานรู้สึกว่าแขนของนางถูกหมาป่าหิมะข่วน เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของเจ้าวังน้อย ก็มิสนใจที่จะตรวจสอบอาการบาดเจ็บของตนแล้วหลบไปด้านข้างตามคำแนะนำหลิงอวี๋มองเสวี่ยหลานถูกหมาป่าหิมะสองตัวไล่ล่าจนมิสามารถเข้าใกล้กริชได้อย่างเย็นชา มุมปากก็โค้งขึ้นอย่างเยาะเย้ยเสวี่ยหลานมีวรยุทธ์ก็ยังถูกหมาป่าหิมะไล่ล่าจนตื่นตระหนก หากเปลี่ยนเป็นตนลงไป เกรงว่าคงจะเต็มไปด้วยบาดแผลนานแล้ว!หลังจากต่อสู้กันสักพัก ในที่สุดเสวี่ยหลานก็มีเวลาไปคว้ากริชได้เจ้าวังน้อยจึงตะโกนอย่างตื่นเต้น “สังหารมัน… สังหารมัน!”เสวี่ยหลานยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้หลิงอวี๋อย่างยั่วยุแต่ก็มีความหมายแฝงแม้ว่านางจะมิได้พูด แต่หลิงอวี๋ก็เข้าใจความหมายของรอยยิ้มนั้น มันก็คือ...เจ้ารอข้าก่อนเถิด ข้าจะทำให้เจ้าตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน!หลิงอวี๋มิได้สนใจกับการยั่วยุนี้ นางมิใช่คนโง่ รู้ดีว่ายามนี้ตราบใดที่ตนบอกเจ้าวังน้อยว่าเสวี่ยหลานมีความสามารถถึงเพียงนี้ หมาป่าสองตัวก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย เหตุใดมิเพิ่มไปเป็นหมาป่าสี่ตัวด้วยความตื่นเต้นของหวงฝู่หมิงจูในตอนนี้ จะต้องตกลงที่จะเพิ่มไปอย่างแน่นอนเพียงแต
ทันใดนั้นหลิงอวี๋ก็มิสามารถคิดอะไรได้อีก นางกระโดดลงไปในหลุม กลิ้งตัวลงบนพื้นสองสามครั้ง แล้วกลิ้งพุ่งไปหาแม่หมาป่าตั้วนั้นแม่หมาป่ายังคงหายใจอยู่ เมื่อเห็นหลิงอวี๋ ดวงตาสีเขียวก็รื้น และมีน้ำตาไหลออกมาจากหางตา“เจ้าอดทนไว้ ข้าจะช่วยลูกของเจ้า!”หลิงอวี๋รู้สึกแสบจมูก นางกลั้นน้ำตาไว้แล้วผลักเสวี่ยหลานออกไป จากนั้นก็คุกเข่าลงกับพื้นและยื่นมือออกไปเปิดท้องของแม่หมาป่าตามรอยมีดแม่หมาป่ามิไหวแล้ว หากมิเอาลูกหมาป่าออกจากท้องให้ทันเวลา ลูกหมาป่าก็จะสิ้นใจอยู่ในร่างของแม่หลิงอวี๋หยิบลูกหมาป่าตัวหนึ่งออกมาจากท้องของแม่หมาป่า มันตายแล้ว มันถูกเสวี่ยหลานแทงจนตายแล้วก็อีกหนึ่งตัว และอีกหนึ่ง...ในท้องของแม่หมาป่ามีลูกทั้งหมดหกตัว แต่มีเพียงสองตัวเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ลูกหมาป่าสองตัวขดตัวอย่างสั่น ๆ ขนที่ตัวยังมองเห็นสีมิชัดเจน ล้วนถูกเลือดของแม่หมาป่าย้อมเป็นสีแดงไปหมด“ลูกของเจ้ายังมีชีวิตอยู่!”หลิงอวี๋อุ้มลูกหมาป่าทั้งสองไปไว้ข้างกายแม่หมาป่าทั้งน้ำตา ดวงตาสีเขียวของแม่หมาป่าสะท้อนภาพลูกทั้งสอง แล้วน้ำตาก็ไหลอาบดวงตาของมัน“บรู๊ว…”มันใช้แรงที่เหลือผลักลูกหมาป่าทั้งสองตัวเข
ที่ไหล่ของเสวี่ยหลานมีชิ้นเนื้อหายไป ทั่วทั้งร่างกายก็เปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉานนางขวางทางหลิงอวี๋ แล้วมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาเย็นชา หลิงอวี๋เองก็สบตานางอย่างมิยอมแพ้เช่นกัน...ทั้งสองจ้องมองกันและกัน แล้วเสวี่ยหลานก็เอ่ยอย่างมิพอใจ “นางสารเลว ข้าจะจดจำบัญชีนี้ไว้ รอข้าก่อน ข้าจะทำให้เจ้าต้องตายทั้งเป็น!”นี่นับเป็นการท้าทายหรือไม่?หลิงอวี๋หัวเราะเยาะพลางเอ่ย “มิรู้ว่าใครกันแน่ที่จะตายทั้งเป็น! เจ้ามีกลอุบายใดก็งัดออกมา ข้ามิกลัวเจ้าหรอก!”“เสวี่ยหลาน!”นางรับใช้คนหนึ่งตะโกนมาไกล ๆ เสวี่ยหลานจึงทำได้เพียงมองหลิงอวี๋อย่างโกรธเคือง จากนั้นจึงหันหลังเดินออกไปหลิงอวี๋อุ้มหมาป่าน้อยสองตัวที่ชุ่มไปด้วยเลือดกลับไปที่เรือน เมื่อเหล่านางกำนัลเห็นเลือดบนตัวของหลิงอวี๋ ก็ล้วนตกใจจนหลบอยู่ไกล ๆปี้เอ๋อร์ก็กลัวหมาป่าน้อยเช่นกัน แต่เมื่อเห็นหมาป่าน้อยสองตัวนอนเชื่องอยู่ในอ้อมแขนของหลิงอวี๋ ก็กล้ามากขึ้นนางหาเสื้อผ้าเก่า ๆ มาให้หลิงอวี๋พันตัวหมาป่าน้อยสองตัว แล้วช่วยหลิงอวี๋หาอ่างน้ำร้อนมาหลิงอวี๋ทำความสะอาดหมาป่าน้อยทั้งสองอย่างอดทนสิ่งที่ทำให้หลิงอวี๋ประหลาดใจก็คือ ลูกหมาป่าทั้งสองตัวม
คำเตือนของเสวี่ยเหมยและการเหลือบมองก่อนจะไปทำให้หลิงอวี๋ระมัดระวังขึ้นมาทันทีนางเพิ่งมา แม้แต่นางกำนัลเหล่านี้ก็ล้วนมิรู้จักแต่เสวี่ยหลานเป็นคนดังต่อหน้าหวงฝู่หมิงจู นางกำนัลเหล่านี้จะต้องถูกอำนาจของนางบีบให้มาช่วยนางทำร้ายตนอย่างแน่นอน!การจะทำสิ่งใดเพียงคนเดียวนั้นยากนัก!หลิงอวี๋มิรู้ว่าเสวี่ยหลานจะจัดการกับตนอย่างไร อยากจะป้องกันก็มิรู้ว่าจะป้องกันอย่างไรหลิงอวี๋กลับมาที่ห้องของตน เห็นหมาป่าน้อยสองตัวที่ดูเหมือนจะได้กลิ่นนม ต่างก็เดินไปอยู่หน้ากระปุกนมแล้วโน้มไปหากระปุกนมท่าทางโน้มตัวไปข้างหน้านั้นช่างน่ารักนัก เห็นแล้วหลิงอวี๋ก็ใจอ่อนหลิงอวี๋มิสนใจจะคิดเรื่องของตน แล้วหาจานมารินนมหมาป่าน้อยสองตัวกินนมบนจานหมดในทันทีหลิงอวี๋ก็รินนมให้พวกมันต่อ หลังจากกินนมไปครึ่งกระปุก หมาป่าน้อยทั้งสองก็อิ่มแล้วมุดเข้าไปในเสื้อผ้าเก่าที่ปี้เอ๋อร์นำมาให้และผล็อยหลับไปหลิงอวี๋ทำความสะอาดสิ่งตกค้างบนพื้นแล้วนอนลงบนเตียง ครุ่นคิดว่าเสวี่ยหลานจะใช้กลอุบายอะไรมาตอบโต้ตนขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น จู่ ๆ นางก็นึกถึงลูกปัดสีเขียวที่แม่หมาป่าให้ไว้ในมือของตน หลิงอวี๋จึงหยิบออกมาลูกปัดนี้เป็
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร