แต่ที่เทียนตูนี้นั้นเมืองรองของต้าเซี่ยแห่งนี้นั้นหลี่หมิ่นถังหรือบัดนี้กลายเป็นเย่ฮูหยินคนใหม่แทนมารดาสามีที่ขยับฐานะขึ้นไปเป็นเหล่าฮูหยินเย่เพราะสามีของนางตายจากไปแล้วเมื่อหลายเดือนก่อนเองชีวิตก็ไม่ได้ง่ายเช่นกัน ยิ่งมารดาของสามีและน้องสาวของสามีเช่นคุณหนูสามเย่ เย่จื่ออิง ที่วันทั้งวันไม่ทำอันใดนอกจากเรื่องสิ้นเปลืองจับจ่ายฟุ่มเฟือยราวกับจวนติ้งอันโหวผติตั๋วเงินออกมาเองได้กับคอยแต่จะก่อเรื่องเดือดร้อนมาให้นางแก้ไขไม่ว่างเว้น
แล้วบัดนี้พอคุณชายรองเย่ เย่จิ่เว่ยถูกส่งกลับมาพร้อมอาการบาดเจ็บหนักนั้นต้องใช้ยาทั้งตัวยาดีและท่านหมอที่เก่งกาจมาเพิ่มเป็นภาระหนักให้นางต้องแบกรับซึ่งย่อมแน่นอนว่าอาการบาดเจ็บหนักนี้ต้องใช้เงินมากตามไปด้วยนั้นยิ่งทำให้ชีวิตของหญิงสาววัยสิบเจ็ดปีนี้ไม่ง่ายยิ่งขึ้น
"ถังถัง ลำบากมากหรือไม่"
ดังนั้นในยามเมื่อนางกลับมาเยี่ยมมารดาและบิดากับเหล่าฮูหยินหลี่ผู้เป็นท่านย่าของตนเองที่จวนสกุลหลี่นางจึงมักจะถูกมารดาและท่านย่าสอบถามด้วยความห่วงใยเสียทุกครั้งไป
"ดูสิเจ้าผ่ายผอมลงอีกแล้วกลับมาเสียนหยางยามใดเจ้าก็มีแต่ผอมลง ข้ากับท่านพ่อและท่านย่าของเจ้าเห็นแล้วปวดใจนักถังถังเอ๊ย"
หลี่ฮูหยินเห็นบุตรสาวคนรองกลับมาเยี่ยมตนเองยามใด ก็ผ่ายผอมลง มารดาที่เลี้ยงดูบุตรชายและบุตรสาวอย่างดีเสมอมาไม่ว่าจะบุตรที่เกิดจากนางและจากอี้เหนียงทั้งสองคน ถึงหมิ่นถังเองหลังจากสี่ขวบต้องขึ้นเขาไปศึกษาในสำนักศึกษาอันต้นๆ ของต้าเซี่ยอยู่สิบปีแต่ตลอดสิบปีนางกับสามีก็ไม่เคยละทิ้งบุตรสาวคนรองแม้แต่น้อยดังนั้นวันนี้พบหน้าหมิ่นถังแล้วนางผอมลงใบหน้าซีดเซียวย่อมปวดใจอย่างยิ่ง
"ท่านแม่ ถังถังไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะ สตรีออกเรือนแล้วต้องแบกรับหลายสิ่ง ผ่ายผอมไปบ้างยังจะนับเป็นอันใดได้"
แต่หลี่เหมือนถังก็ยังคงเป็นหลี่หมิ่นถัง อดทนและทุ่มเท ไม่ว่าจะก่อนแต่งงานหรือหลังแต่งงานบุตรสาวคนรองผู้นี้ไม่เคยปริปากหากไม่ถึงที่สุดจริงๆ
"โถ...ถังถังน้อยของข้า"
หลี่ฮูหยินพูดไม่ออก เพราะรู้ดีบุตรสาวคนรองนั้นรักลึกซึ้งกับซื่อจื่อติ้งอันโหวหรือบัดนี้บุตรเขยของนางผู้นั้นก็กลายเป็นติ้งอันโหวแทนบิดาที่จากไปเมื่อหลายเดือนก่อนไปแล้วมากเพียงใด นางเองก็เป็นสตรีย่อมเข้าใจดีว่าความรักลึกซึ้งนี้ต่อให้ต้องลำบากเพียงใดสตรีเราล้วนทนได้ทั้งสิ้น
"เสี่ยวถังท่านย่ามีคำสอนหนึ่งจะมอบให้เจ้า ปกติแล้วสตรีเราแต่งงานไม่สมควรฟังคำสอนนี้ ทว่าเจ้าคือหลานรักคือสตรีของสกุลหลี่ คำสอนนี้ท่านย่าจะส่งต่อให้เสี่ยวถังได้ฟัง"
เหล่าฮูหยินหลี่ในวัยหกสิบห้าปีมองดูหลานสาวคนรองลำบากมาร่วมสองปีย่อมปวดใจไม่ต่างจากสะใภ้และบุตรชายของตนเองเช่นกัน หลี่หมิ่งถังอาจนับได้ว่าชะตาพลิกผันนัก ไม่เหมือนหลานสาวคนโตเช่นหลี่เหม่ยหลินที่นับตั้งแต่ออกเรือนไปจนถึงวันนี้ล้วนสุขสบายมิได้เผชิญด่านเคราะห์เหมือนคนน้อง
แต่งไปอยู่จวนหนานไห่กั๋วกงที่อิ๋งโหวร่วมสองปีหลี่เหม่ยหลินนั้นให้กำเนิดบุตรชายคนแรกให้กับหนานไห่กั๋วกงซื่อจื่อแล้ว ทว่าหลี่หมิ่นถังคนน้องแม้แต่เข้าหอก็ไม่ได้ทำ ค่ำคืนแต่งงานกลับต้องส่งเจ้าบ่าวไปทัพ นี่ไม่เรียกว่าหลานสาวคนรองของนางอาภัพนักหรอกหรือ และส่วนตัวทั้งเหล่าฮูหยินหลี่และฮูหยินหลี่รวมทั้งใต้เท้าหลี่ต่างไม่มีผู้ใดพึงใจ ที่ฝ่ายเจ้าบ่าวปิดบังเรื่องราชโองการให้นำทัพไปสมทบกับชินอ๋องที่เป่ยฉีกันสักคน ในใจหญิงชรานั้นอยากให้หลี่หมิ่นถังทำเรื่องยื่นขอให้สมรสดังกล่าวกลายเป็นโมฆะแทบแย่แต่ก็จนใจที่หลี่หมิ่นถังนั้นรักเย่จื่อเฉินอย่างมาก หากนางพูดออกไปหลานสาวคนรองของตนนี้คงลำบากใจเป็นแน่
ต่อให้ต้าเซี่ยนั้นมีธรรมเนียมว่าหากบุรุษคนใดยามใกล้แต่งงานแต่มีเหตุให้ต้องไปทัพ หากตั้งใจปกปิดฝ่ายเจ้าสาวให้นับว่าไม่บริสุทธิ์ใจทำลายชีวิตสาวงามร้ายแรงเท่ากับสังหารสตรีให้ตายทั้งเป็นให้เจ้าสาวผู้นั้นสามารถไปร้องเรียนกับทางการทำการฟ้องร้องให้พิธีแต่งงานเป็นโมฆะได้ แต่ก็ยังมีสตรีส่วนน้อยเป็นเช่นหลี่หมิ่นถังที่รู้ทั้งรู้แต่ก็ยอมให้อภัย ทว่ากับเหล่าฮูหยินหลี่แล้วนางเกิดมาจนป่านนี้ย่อมมองได้กระจ่าง บุรุษเห็นแก่ตัวเช่นเย่จื่อเฉินนั้นไม่เหมาะสมที่จะเป็นสามีที่ดี
"สตรีเรานั้นมั่นคงในความรักย่อมดียิ่ง และยิ่งประเสริฐเมื่อยามแต่งงานออกเรือนไปดูแลบ้านเรือนกับคนในจวนของสามีอย่างเต็มที่เต็มกำลังแต่..."
หญิงชรายกมือขึ้นลูบศีรษะที่ปีนี้เติบโตขึ้นมากด้วยความรักและห่วงใยเต็มหัวใจ นางอยากบอกให้หลานสาวคนนี้ยื่นคำร้องขอให้สมรสเป็นโมฆะอย่างยิ่ง แต่เห็นแววตาพลันทราบดีว่าหลี่หมินถังเป็นคนอย่างไร เหล่าฮูหยินหลี่จึงหักห้ามใจตนเองไม่ให้พูดเช่นนั้นออกไป
"แต่ว่ายามใดที่เจ้าพบว่าสิ่งที่ทำลงไปตั้งมากมายแต่พวกเขาไม่เห็นคุณค่าก็จงถอยกลับมานะเสี่ยวถังของ ท่านย่าของสกุลอื่นเป็นเช่นไรก็ช่าง แต่กับบ้านเราท่านย่าจะบอกกับเจ้าว่ายามใดที่คนภายนอกใจร้ายกับเจ้าให้จำเอาไว้ ยังมีบ้านเดิมเสมอ ประตูสกุลหลี่ไม่เคยปิดตายสำหรับบุตรและหลานสาวที่แต่งออกไปยิ่งเป็นเจ้า ท่านย่ากับท่านพ่อและท่านแม่ของเจ้ายังคงคิดว่าเสี่ยวถังนั้นไม่ได้แต่งงานออกไปแม้แต่วันเดียว"
หลังได้ฟังคำของท่านย่ากระบอกตาของหมิ่นถังรู้พลันรู้สึกแสบร้อนจมูกก็คัดคล้ายดังคนเป็นหวัด เพราะชีวิตนี้ของนางโชคดียิ่งที่เกิดมาเป็นบุตรสาวสกุลหลี่ มีท่านย่าที่มากไปด้วยคุณธรรมและเมตตากับบุตรหลานสตรี มีท่านพ่อที่ไม่เคยลำเอียงรักลูกชายมากกว่าลูกสาว ส่วนท่านแม่ของนางยิ่งเป็นแบบอย่างของสตรีใจกว้างและเข้มแข็ง นางเติบโตมาด้วยความรัก แต่ในยามออกเรือนเหมือนดังต้องคำสาปเพราะครอบครัวสามีรวมถึงสามีกลับไม่มีใครรักใคร่จริงใจด้วยสักคน แต่หลี่หมิ่นถังก็คิดว่าหากนางดีต่อพวกเขาก่อน รักพวกเขาก่อนสุดท้ายความดีและความรักที่มีของนางจะเอาชนะใจทั้งครอบครัวและตัวของเย่จื่อเฉินได้ในสักวัน
"ยามใดเหนื่อยล้าจงกลับมาพักผ่อนเสียก่อน ยามใดทุกข์ยากก็ให้กลับมาตั้งหลักยัง บ้านของพวกเรา ด้านนอกจวนจะใจร้าย คนสกุลเย่จะเห็นแก่ตัว จะไม่เห็นคุณค่าของเจ้า แต่สกุลหลี่ไม่ใช่ นับจากเกิดจนตาย ลูกหลานสตรีสกุลหลี่ยังคงเป็นคนสกุลหลี่ตลอดไป"
"ท่านย่า..."
คราวนี้น้ำตาของนางเก็บเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป หนึ่งปีกับเก้าเดือนในสกุลเย่สำหรับเด็กสาวอายุเพียงสิบห้านับมาจนถึงวันนี้นั้นไม่ง่าย ล้วนไม่เคยง่ายเลยสักวันสำหรับนาง
"คนบางประเภทใช่ว่าเขาคิดดีทำดีแล้วจะชนะใจพวกเขาได้โดยเฉพาะกับพวกใจแคบและเห็นแก่ตัว พวกเขาจะไม่ได้เห็นว่าเจ้าเป็นคนดีนะเสี่ยวถัง แต่คนพวกนั้นล้วนเห็นเจ้าเป็นคนโง่! คนโง่ที่ยอมให้พวกเขาหลอกใช้ เป็นคนโง่ให้พวกเขาเรียกร้องเอาแต่ผลประโยชน์เท่านั้น"
"……"
หมิ่นถังนั้นไม่เคยพูดไม่ออกเช่นนี้มาก่อนพอได้ฟังคำพูดของท่านย่าที่เป็นเหมือนความจริงตีแสกหน้าก็ถึงกับจุกในออกจนพูดแก้ตัวแทนสกุลเย่และเย่จื่อเฉินไม่ออกแม้เพียงครึ่งคำ ตลอดมานับตั้งแต่แต่งเข้าสกุลเย่ยากลำบากหรือทุกข์ใจหลี่หมิ่นถังไม่เคยพูดมันออกมา แม้แต่กับสองสาวใช้คนสนิทหรือกับคนที่จวนสกุลหลี่นี้ นางล้วนไม่เคยพูดมันออกมา ในยามทุกข์ หรืออ่อนล้า หมิ่นถังก็หล่อเลี้ยงหัวใจด้วยความรัก ความรักที่ตนเองมีให้กับเย่จื่อเฉินเท่านั้น ใครจะคิดท่านย่าของนางนั้นกลับมองทะลุทุกอย่างเช่นนี้
หนึ่งปีแปดเดือนหลี่หมิ่นถังอดทนผ่านอะไรมากมายล้วนใช้ความรักเป็นแรงใจทั้งสิ้น เรียกว่าหลับหูหลับตาที่จะรัก ถึงรู้ว่าบ้านสามีไม่จริงใจ ที่ยังพูดดีทำดีกับตนก็ล้วนหวังผลประโยชน์ที่นางทำการค้าเก่ง บริหารที่ดินรกร้างว่างให้เต็มไปด้วยรวงข้าว พืชผัก และผลไม้อายุสั้นพลิกฟื้นจนเป็นเงินเป็นทองทั้งสิ้น แต่เพราะนางรักเย่จื่อเฉินจึงทำดีกับครอบครัว กับพ่อแม่และน้องชายน้องสาวเพื่อแสดงความจริงใจ
"เสี่ยวถังจงจำเอาไว้อีกสิ่ง ยามใดที่เจ้ามอบใจอันแท้จริงไปแล้ว แต่คนเหล่านั้นไม่เห็นคุณค่า เจ้าจงอย่าลังเลที่จะถอยออกไปเริ่มต้นใหม่ สิบห้าปีท่าย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ของเจ้าเลี้ยงดูและถนอมเจ้าสุดจิตสุดใจ เจ้ามีค่าสูงล้ำ อย่าได้ให้ผู้ใดมาด้อยคุณค่าของเสี่ยวถังได้รู้ไหมคนดีกับคนโง่นั้นมีเส้นแบ่งบางเบานัก ทำดีถูกคนมัยย่อมประเสริฐ ทว่าทำดีผิดคน จนตายเจ้าก็แค่ตายไปเปล่าๆ ไม่มีค่ากับคนเหล่านั้นเลย คนเราเกิดมาล้วนเลือกได้นะเสี่ยวถัง ท่านย่าคงเตือนสติเจ้าได้เท่านั้น"
ผู้ผ่านโลกมานานย่อมมองทุกสิ่งกระจ่าง แต่เหล่าฮูหยินหลี่ไม่คิดจะขัดขวางหลานสาวคนรอง เพราะคนเราต้องเผชิญทุกข์ยากด้วยตนเองจึงถ่องแท้ในใจคน และหมิ่นถังนิสัยแท้จริงเป็นอย่างไรคนที่เลี้ยงดูอีกฝ่ายมากับมือแม้แต่ในยามหมิ่นถึงขึ้นเข้าไถ่ซานนางก็ยังตามไปอยู่ด้วยบ่อยครั้ง ย่อมรู้ดีที่สุดว่าหลี่หมิ่นถังนั้นในยามรักและตั้งใจกับสิ่งใด นางจะทุ่มไปสุดกำลัง แต่ยามใดที่นางตัดใจ จะตัดเด็ดขาดและไม่มีวันหวนคืนกลับไปยืนในจดเดิมอีกเด็ดขาด!
"เสี่ยวถังทราบแล้ว จะจดจำคำสั่งสอนของท่านย่าและท่านแม่ไม่ลืมตลอดไปเจ้าค่ะ"
ตอนที่5||ที่ใดจะสุขใจเท่าบ้านเราพอคิดตกและตัดสินใจจนแน่วแน่วันนั้นหลี่หมิ่นถังจึงเซซังออกจากจวนติ้งอันโหวตรงกลับเมืองเสียนหยางบ้านเดิมสกุลหลี่มาราวกับคนบาดเจ็บสาหัสใกล้สิ้นใจ แต่กลับไม่มีน้ำตาสักเพียงหยดเดียวตลอดการเดินทางสามชั่วยาม เพราะนางคิดตกแล้วว่าน้ำตาของตนเองสูงค่าราวกับไข่มุกเช่นนั้นจะมาเสียมันให้กับคนเช่นเย่จื่อเฉินนางคิดว่าไม่คู่ควร ที่เสียมาตลอดเกือบสี่ปีนับว่ามากพอแล้วยังดีที่นางยังมีท่านแม่ ท่านย่า ท่านพ่อและน้องชายกับน้องสาว นางยังมีคนในครอบครัวและบ่าวไพร่ที่จริงใจห่วงใยนางอย่างแท้จริงรออยู่ที่จวนสกุลหลี่ หนังสือหย่านางส่งไปแล้วหลังจากกลับถึงจวนสกุลหลี่ได้หนึ่งวัน ส่งไปโดยบิดาของนางเองแต่ทางฝ่ายนั้นกลับดึงดันไม่ยอมลงนาม ทว่าเรื่องนี้หลี่หมิ่นถังยังไม่รีบร้อน นางอยากขอเวลาเยียวยาจิตใจตนเองให้กล้าแกร่งเสียก่อนเพราะเจ็บในคราวนี้นางบาดเจ็บสาหัสนักเหลือเกินนางบาดเจ็บสาหัสจริงๆ ...แต่มิใช่ทางกายที่ได้บาดแผลยับเยินมา ทว่าเป็นทางใจ สินเดิมของนางหมดไปนานแล้วจึงมิได้นำกลับมาด้วย แต่กิจการของนางเองก็มีไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะเป็นกิจการร้านขายข้าวสารฝูเล่อที่มีอีกสาขาในเมืองเสียนหยา
ตอนที่4||หมดแล้ว ข้าหมดใจกับท่านแล้วหลี่หมิ่นถังถามตนเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่ถึงสามวัน เพราะนางยังตั้งสติไม่ได้ก็ผู้ใดมันจะคาดว่าตนเองจะได้รับคำตอบเช่นนี้ 'เจ้าดีเกินไป เพราะเจ้าดีเกินไป หากจะผิดก็ผิดที่เจ้าเป็นคนดีเกินไปหมิ่นถัง' เกิดมาจนถึงวันนี้นางอายุสิบแปดปีบริบูรณ์ได้หนึ่งเดือนแล้วเพิ่งจะเคยได้ยินว่าการเป็นคนดีเกินไปจึงถูกสามีหมางเมินไม่สติหลุดยังจะเป็นคนปกติได้อย่างไรและพอตั้งสติได้นางก็รู้สึกโกรธอยู่ไม่น้อย สองปีเศษที่แต่งงานกับอีกเจ็ดเดือนที่อยู่ร่วมจวนนางหลี่หมิ่นถังล้วนทุ่มเททั้งแรงกายและหัวใจทำดีกับเขาทำดีกับทุกคนที่เขารักและเคารพ ทว่าเย่จื่อเฉินกลับตอบคำถามคาใจของนางมาแค่ไม่กี่ประโยคแล้วหายหน้าออกจากจวนเสียร่วมสองเดือนมันออกจะเกินไปแล้วถึงนางจะเป็นคนใจดีมีเหตุมีผลแต่เช่นนี้นางก็โกรธเป็นเช่นกัน เขาสมควรตอบคำถามของนางให้รู้เรื่องเสียก่อน เช่นนี้ไม่สมกับการเป็นแม่ทัพปกป้องเมืองเทียนตูเลยแม้แต่น้อย ทว่าไม่พึงใจอย่างไรหลี่หมิ่นถังก็ทำได้เพียงแค่รอให้เขากลับจวนเท่านั้นทว่าอีกหนึ่งเดือนต่อมาเย่จื่อเฉินเขากลับมิได้กลับจวนติ้งอันโหวมาแค่เพียงผู้เดียวหากแต่สามีของนางเขาดันกลับมาพร้อมห
และหากหลี่หมิ่นถังคิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเลวร้ายอย่างถึงที่สุดแล้วละก็นางคงคิดผิดไปไกลที่เดียว เพราะต่อจากนั้นอีกเพียงเดือนเดียวเย่จื่อเฉินกลับรับอนุภรรยามาเติมเรือนหลังอีกสองคน ผู้หนึ่งเป็นบุตรสาวของนายกองในกองทัพ อีกผู้คือหญิงคณิกาอันดับหนึ่งของหอหลินเซียง"เรือนหลังก็มีน้องซวงเอ๋อร์แล้ว เหตุใดจึงต้องรับคนมาเพิ่มอีกเจ้าค่ะท่านพี่จื่อเฉิน"คราวนี้หลี่หมิ่นถังไม่ได้ปิดปากเงียบอีกแล้ว นางต้องถามให้กระจ่าง ว่าเหตุใดต้องแต่งอี้เหนียงมาเพิ่มทั้งที่เขายังมีฉิงซวงและนางที่เป็นฮูหยินอยู่ทั้งคน"เจ้าอย่าใจแคบไปหน่อยเลยหมิ่นถัง บัดนี้จื่อเฉินเป็นถึงแม่ทัพปกป้องเทียนตู การมีอนุภรรยาเพิ่มนับว่าเป็นการเพิ่มบารมีให้กับสามี"แต่เย่จื่อเฉินนั้นยังไม่ทันเอ่ยปากเหล่าฮูหยินเย่กลับเอ่ยตัดหน้าเขาเสียก่อน หลี่หมิ่นถังถึงกับหันขวับไปมองมารดาของสามีด้วยสายตากังขาจากใจ"หากหมิ่นถังใจคอคับแคบเช่นนั้นที่ท่านพ่อไม่เคยรับอนุภรรยามาเพิ่มจะกล่าวว่าอย่างไรดีเล่าเจ้าค่ะท่านแม่?"จนกระทั่งเขาสิ้นใจจากไปอดีตติ้งอันโหวผู้เป็นบิดาของสามีนางมีเย่ฮูหยินเพียงคนเดียว หากจะกล่าวว่าอดีตติ้งอันโหวรักเดียวใจเดียวเห็นทีจะยาก แต่
สองปีผ่านไป…ในที่สุดข่าวจากแคว้นเป่ยฉีก็มาถึงมหานครเสียนหยางและจวนติ้งอันโหวในเทียนตูตามลำดับอีกครั้งซึ่งคราวนี้มิใช่ข่าวร้ายเช่นครั้งก่อนๆ แต่เป็นข่าวดี ข่าวที่บอกเล่าว่ากองทัพของชินอ๋อง ซ่างกวนไท่ ได้ชัยชนะเหนือฝ่ายกบฏอ๋องเผ่ากั๋วเซาพร้อมขับไล่เผ่าต่างๆ อีกสามเผ่า ที่ร่วมมือกับเผ่ากั๋วเซาให้แตกฝ่ายถอยร่นขึ้นไปทางเหนือกว่าห้าร้อยลี้สำเร็จแล้ว"ฮูหยินเจ้าค่ะ ฮูหยิน"เพ่ยเจียว สาวใช้คนสนิทของหลี่หมิ่นถัง รีบร้อนนำข่าวที่ได้ยินมาจากเรือนของเหล่าฮูหยินเย่มารายงานผู้เป็นนายของตนเองทันทีที่ได้ฟังว่ากองทัพของชินอ๋องคว้าชัยชนะศึกยาวนานสามปีสักครา"เอะอะอันใดกันเพ่ยเจียว"ผิงเซียง สาวใช้อีกคนของหลี่หมิ่นถังที่กำลังเช็ดฝุ่นตรงมุมห้องอดจะถามสหายของตนเองออกไปก่อนผู้เป็นนายเสียมิได้ ส่วนหลี่หมิ่นถังกำลังตรวจบัญชีกองสูงท่วมศีรษะด้วยใบหน้าอ่อนโยน"ข่าวดีเจ้าค่ะ เป็นข่าวดี"เพ่ยเจียวใบหน้าแดงก่ำ คาดว่าคงวิ่งมาเต็มกำลัง หลี่หมิ่นถังจึงปิดสมุดบัญชีที่ตรวจเสร็จเป็นเล่มสุดท้ายลงทันทีเพราะนางเองก็คาดหวังว่าจะเป็นข่าวดีจากชายแดนเสียที"ข่าวดีอันใด" เสียงหวานถามออกไป ถึงภายนอกของนางดูค่อนข้างใจเย็นแต่ใครเ
แต่ที่เทียนตูนี้นั้นเมืองรองของต้าเซี่ยแห่งนี้นั้นหลี่หมิ่นถังหรือบัดนี้กลายเป็นเย่ฮูหยินคนใหม่แทนมารดาสามีที่ขยับฐานะขึ้นไปเป็นเหล่าฮูหยินเย่เพราะสามีของนางตายจากไปแล้วเมื่อหลายเดือนก่อนเองชีวิตก็ไม่ได้ง่ายเช่นกัน ยิ่งมารดาของสามีและน้องสาวของสามีเช่นคุณหนูสามเย่ เย่จื่ออิง ที่วันทั้งวันไม่ทำอันใดนอกจากเรื่องสิ้นเปลืองจับจ่ายฟุ่มเฟือยราวกับจวนติ้งอันโหวผติตั๋วเงินออกมาเองได้กับคอยแต่จะก่อเรื่องเดือดร้อนมาให้นางแก้ไขไม่ว่างเว้นแล้วบัดนี้พอคุณชายรองเย่ เย่จิ่เว่ยถูกส่งกลับมาพร้อมอาการบาดเจ็บหนักนั้นต้องใช้ยาทั้งตัวยาดีและท่านหมอที่เก่งกาจมาเพิ่มเป็นภาระหนักให้นางต้องแบกรับซึ่งย่อมแน่นอนว่าอาการบาดเจ็บหนักนี้ต้องใช้เงินมากตามไปด้วยนั้นยิ่งทำให้ชีวิตของหญิงสาววัยสิบเจ็ดปีนี้ไม่ง่ายยิ่งขึ้น"ถังถัง ลำบากมากหรือไม่"ดังนั้นในยามเมื่อนางกลับมาเยี่ยมมารดาและบิดากับเหล่าฮูหยินหลี่ผู้เป็นท่านย่าของตนเองที่จวนสกุลหลี่นางจึงมักจะถูกมารดาและท่านย่าสอบถามด้วยความห่วงใยเสียทุกครั้งไป"ดูสิเจ้าผ่ายผอมลงอีกแล้วกลับมาเสียนหยางยามใดเจ้าก็มีแต่ผอมลง ข้ากับท่านพ่อและท่านย่าของเจ้าเห็นแล้วปวดใจนักถังถังเ
สามเดือนผันผ่านชีวิตภายในจวนติ้งอันโหวนั้นไม่ได้ง่ายดายเลย คนมาก แต่กลับไม่มีเงินทองเช่นสกุลหลี่ของหลี่หมิ่นถังแม้แต่หนึ่งส่วนนอกจากไม่มีทรัพย์แล้วติดลบมีแต่หนี้มากมายอีกด้วย เนื่องจากผู้นำตระกูลรุ่นนี้หรือก็คือพ่อสามีของนางไม่ถนัดทำการค้า หรือแม้แต่บริหารที่ดินในมือของสกุลเย่ที่มีมานานสามชั่วอายุคนหลังจากได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ติ้งอันโหวมา จนมาถึงรุ่นของเย่จื่อเฉินกับน้องชายและน้องสาวก็ยิ่งไม่ชำนาญเช่นกันจึงไม่ต่างกับตัวของติ้งอันโหวคือไม่เคยใส่ใจกิจการและที่ดินในปกครองเอาแต่ยกให้เย่ฮูหยินที่ก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวด้านการค้าเช่นเหล่าฮูหยินเย่ที่จากไปนานวันเข้าทั้งกิจการและที่ดินจึงมีแต่ยิ่งถดถอยมากกว่าทำกำไรทรัพย์ที่มีน้อยในรุ่นของติ้งอันโหวผู้เฒ่าจึงมีแต่ขาดทุนและขาดทุนติ้งอันโหวนั้นไม่เก่งกาจด้านการค้านับว่าไม่แปลก ซึ่งก็นับว่าปกติในตระกูลขุนนางและทหาร เพราะท่านเสนาหลี่บิดาของหมิ่นถังเองก็ไม่เก่งด้านทำการค้าอีกหลายตระกูลใหญ่ที่บุรุษรับราชการส่วนใหญ่ในต้าเซี่ยก็เป็นเช่นกัน แต่มารดาของหมิ่นถังนั้นเก่งกาจบริหารสิ่งที่มีในมือจนงอกเงยเป็นเงินเป็นทองมาเลี้ยงดูจนในจวนได้สบายหลังจากท่านย