เมื่อสวนเริ่มเปิดมีผู้คนทยอย เข้าไปซื้อตั๋ว แบบระบบอัตโนมัติ กันอย่างเนื่องแน่น แน่นอนว่าโกโร่และฮิบาริ ได้ยืนรอคิวเป็นอันดับแรก
ไอโกะรู้สึกดีใจ ที่จะได้ชมสวนดอกไม้ กว้างใหญ่เป็นครั้งแรก หลังจากที่ได้ดูมาจากโซเชี่ยลต่าง ๆ จนติดตา และเก็บเอาไปฝัน
ฝันว่า ในดงดอกไม้นั้น มีเธอและยูตะ หยอกล้อเล่นกัน ราวกับคู่รักธรรมดาคู่หนึ่ง มีความสุขกับบรรยากาศรอบ ๆ ท่ามกลางดอกไม้หลากสีสายพันธุ์
แต่นั่นมันเป็นเพียงแค่ความฝัน ไม่มีวันเป็นจริงได้ เธอรู้ว่า สักวันเขาต้องจากไป เธอจึงพยายามชักชวนให้เขา พาเธอมาเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ ด้วยกัน ให้อยู่ในความทรงจำลึกๆ ในหัวใจ ถึงแม้มันอาจไม่มีความหมาย มากมายสำหรับเขา แต่สำหรับเธอแล้ว คงไม่มีวันลืมเขาได้ ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจอยู่
เมื่อทุกคนเดินผ่านประตูทางเข้า ก็พบกับรถรางหลากสี เพื่อให้คนนั่ง เข้าไปชมสวนดอกไม้ ได้ทุกโซน เพราะบางคนอาจเดินไม่ไหว
อีกจุดหนึ่งทางสวน มีบริการเช่ารถจักยานให้ปั่น เพื่อกันการเกิดอุบัติเหตุ จึงแยกเส้นทาง ระหว่างจักรยาน กับคนเดินเท้าอย่างชัดเจน
ไอโกะหันไปจับแขนชายหนุ่ม เขย่าแล้วเงยหน้าถามเขา อย่างประจบ ผิดกับไอโกะเมื่อวานนี้ราวคนละคน
“ยู ปั่นจักรยานกัน คุณขี่แล้วให้ฉันนั่งซ้อนนะ”
ยูตะหันไปสั่งลูกน้องทางสายตา โดยไม่ต้องพูดอะไร เหมือนสายตาของเขา กับลูกน้องทั้งสองคน สามารถลิงก์หากันได้ยังไงยังงั้น
รถจักรยาน มีลูกน้องของยูตะปั่นคนละคัน ส่วนเขาเองเป็นคนปั่นอีกคัน แล้วมีไอโกะนั่งซ้อนท้าย
“หยู้ดดด ก่อน ยู!โกโร่ ฮิบาริ เลี้ยวซ้ายไปทางนั้นก่อน มีของกินกับรถไอศรีมอยู่นั่นด้วย”
ไอโกะตะโกนบอก ทั้งสามคนเสียงดัง จนตกใจ รถเกือบจะเกี่ยวกันล้ม ดีที่พวกเขาขายาว จึงยันพื้นได้ ก่อนเลี้ยวตามกันไปในโซนของกิน
“โว้ๆๆๆ พวกนายสองคน อย่าขี่ใกล้กันนักสิ เกือบเกี่ยวกันล้มแล้วนะ ฮ่ะๆ ๆ ผู้ชายตัวโต ขี่จักรยาน แล้วพันกันล้ม ขายขี้หน้าแย่เลย”
หญิงสาวกอดเอวยูตะ ขณะพูด และหัวเราะพวกเขาอย่างสนุก จนยูตะต้องส่ายหน้า ก่อนเหลือบสายตา ไปมองลูกน้องทั้งสองคน แล้วพากันยิ้มขำเมื่อเห็นตัวเอง เหมือนที่ไอโกะว่าไว้จริงๆ
เมื่อไปถึงโซนของกิน เห็นคนต่อแถวกันยาวเหยียด หญิงสาวถึงกับบ่นอุบ
“ฮู้!คนเยอะจริง เมื่อไหร่เราจะได้กินละนี่”
“เดี๋ยวให้โกโร่กับฮิบาริต่อคิวซื้อไว้ เราไปทางโน้นกันดีกว่า”
ยูตะเอียงหน้า มาบอกหญิงสาว ที่นั่งซ้อนท้ายเขาอยู่ด้านหลัง
เขาปั่นจักรยานพาหญิงสาว มาจนถึงลานดอกไม้ เป็นเนินเตี้ยบ้างสูงบ้าง กว้างสุดลูกหูลูกตา มีดอกเนโมฟิลา สีฟ้าเต็มไปหมด
“ว๊าว!!สวยจัง สวยที่สุดเลย” หญิงสาวอุทานเบาๆ อย่างรู้สึกถูกใจ ดวงตาเป็นประกาย เต็มไปด้วยความสุข
ชายหนุ่มยังไม่ทันจอดรถสนิท เขาถูกไอโกะดึงแขน ลากไปถ่ายรูปด้วยกัน กลางลานดอกไม้นั่นแล้ว
“ดูไกล ๆ ว่าสวยแล้ว ดูใกล้ยิ่งสวยกว่า ยู...ถ่ายรูปให้ฉันหน่อยสิ เอาหลาย ๆ รูปเลยนะ”
หญิงสาวสั่ง ชายหนุ่มก็ได้แต่ทำตามคำสั่ง โดยไม่ปริปากบ่น
ดูแต่อาวุธ ของมีคม มาเยอะแล้ว ดูสาวงาม ท่ามกลางดอกไม้ มันก็ทำให้รู้สึกดีไม่น้อย
เมื่อพาเธอเที่ยวทุกโซน ไอโกะรู้สึกเมื่อยล้า จนเกือบลากขากลับมา ตรงจุดจอด รถจักรยานไม่ไหว
หญิงสาวทิ้งตัวลงนั่ง บนพื้นหญ้าข้างทาง เหยียดขาออก แล้วใช้มือนวดบริเวณปลีน่องเรียว
“นั่งรอฉันตรงนี้แหละ เดี๋ยวฉันไปเอาจักรยานมารับ” ยูตะเอ่ยก่อนจะหมุนตัวเดินไป แต่กลับถูกหญิงสาว จับอุ้งมือใหญ่เอาไว้ทัน
“ไม่...อย่าทิ้งฉันไว้”
ชายหนุ่มจึงเปลี่ยนใจ นั่งยองลงข้างๆ ก่อนยื่นมือไปจับปลีน่องเรียว มานวดให้เธอเอง หญิงสาวพยายามชักขากลับ แต่ถูกมือหนาจับไว้แน่น สายตาคมเหลือบมองมา เหมือนบอกเธอว่า....
“พูดกับฉันดีกว่า ฉันอ่านสายตา คุณไม่ออกหรอกนะยู ฉันไม่มีลิงก์สายตากับคุณ เหมือนสองคนนั่น”
ไอโกะพูดดักคอ ก่อนหัวเราะ ทำให้ยูตะยิ้มออกมาได้
“คุณยิ้มสวย ทำไมไม่ชอบยิ้ม” ชายหนุ่มหุบยิ้มทันที เมื่อถูกหญิงสาวเอ่ยทัก
“ยิ้มอีกสิ ยิ้มกับฉันนะยู คุณยิ้มกับฉันได้ไหม” หญิงสาวเอ่ยกับเขาราวกับขอร้อง ชายหนุ่มจึงค่อยคลี่ยิ้มออกมาได้
“บางครั้งชีวิตมันเศร้า ทำให้เรายิ้มไม่ออก แต่บางอย่าง ทำให้รู้สึกดี เราก็ควรยิ้มออกมาได้”
เด็กนักเรียนปกเสื้อกะลาสี กำลังสอนวิธียิ้ม ให้กับชายหนุ่มที่แก่กว่าเธอ มากกว่าสิบปี ทำให้รู้สึกดีเหมือนกัน
ทั้งสอง มองสบประสานสายตาให้กัน อย่างมีความหมาย จนหญิงสาวรู้สึกได้ นั่นหมายความว่า ทั้งคู่ มีลิงก์เชื่อมโยงกันทางใจและสายตา อย่างที่เธอและเขาเข้าใจความหมาย ที่สื่อออกมาจากหัวใจ และสายตาของกันและกัน ได้อย่างชัดเจน
ยูตะนอนตะแคงทอดสายตามองร่างบางที่อยู่ในอ้อมแขนด้วยความรัก...เสียงลมหายใจสม่ำเสมอ บ่งบอกว่าเธอกำลังหลับสนิท...ชายหนุ่มกดจมูกลงกับแก้มนุ่มหนักๆ จนทำให้อีกคนตื่น...ปรือตาขึ้นมามองแล้วเห็นว่าเขากำลังจับมือของเธอขึ้นมาแนบข้างแก้มของตัวเอง“นอนไม่หลับเหรอคะ” เสียงหวานอู้อี้ติดจะงัวเงียเอ่ยถามก่อนขยับร่างเข้ามาชิด เอื้อมแขนเล็กกอดเขาไว้ แล้วซุกหน้ากับอกอุ่นเพื่อนอนต่อ“มีหลายเรื่องต้องคิดน่ะ”ประโยคนี้ของเขาทำเอาคนที่ไม่ค่อยคิดอะไรในหัว...รู้สึกหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง...เพราะห่วง...ความรู้สึกของคนที่เธอกำลังกอดอยู่หญิงสาวเปิดเปลือกตา ก่อนเงยหน้าขึ้นมองเขา ขมวดคิ้วเชิงถามแทนเสียง แล้วหยัดตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมกันยูตะเลือกที่จะเดินตัวเปล่าไปเปิดตู้ หยิบผ้าขนหนูมาส่งให้เธอ ก่อนพาตัวเองหายเข้าไปในห้องน้ำ โดยไม่ตอบคำถามของอีกฝ่ายไอโกะมองตามร่างสูงที่เดินตัวเปล่าผ่านหน้าไปอย่างงงๆ ทั้ง ๆ ที่มีผ้า แต่เจ้าตัวกลับเอาพาดบ่าซะอย่างงั้น...แล้วนะ ก็ไม่รู้หรือไงว่าเธออาย...ถึงแม้จะเห็นและสัมผัสเขาทั้งตัว แต่มันยังไม่ชินที่จะให้เธอเห็นเขาเดินโทง ๆ ขนาดนี้คำพูดของเขานั่นอีก...มันทำให้เธอหายง่วงไปแล้ว..ตอนนี้
เขากอดเธอไว้กับตัว พากระโดด แล้วเหวี่ยงเธอขึ้นมาบนชั้นลอยพร้อมกับตัวเองอย่างง่ายๆ ราวกับว่าเขากำลังแบกนุ่นอยู่...แบกเธอขึ้นที่สูงขนาดนี้...โดยไม่ต้องใช้เชือกอีกด้วยเหอะ...เขาเท่...มีเสน่ห์....น่าหลงไหล..เกินไปแล้วนะ...กับชุดที่ใส่นี่ก็ด้วยอ่ะ...ชายหนุ่มปล่อยร่างบางลงกับพื้น แล้วหมุนตัวทำท่าจะกระโดดพุ่งตัวลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว...เหมือนกับตอนที่เอาตัวเธอขึ้นมา....แต่ทว่าเขากลับเสียจังหวะเพราะ...จุ๊บ!แขนเรียวบางที่คล้องคอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แถมยังเขย่งปลายเท้าจุ๊บปากของชายหนุ่มผ่านเนื้อผ้าที่ปิดใบหน้าเขาไว้อีกยูตะส่ายหน้าก่อนดึงผ้าที่ปิดปากลงไว้ใต้คาง แล้วโน้มตัวกดริมฝีปากหนัก ๆ กับเธออย่างเร็วแล้วผละออกเพราะรู้ว่าต้อง..แบบนี้เธอถึงจะยอมปล่อย…หญิงสาววิ่งตามไปดู...จนสุดราวที่กั้นไว้... เธอกวาดตามองคนที่อยู่ด้านล่างซึ่งเวลานี้..ฝ่ายตรงข้ามส่วนใหญ่จะได้รับบาดเจ็บ..โดยมีชายในชุดดำ.ยืนคุมพวกนั้นอยู่ทั่ว...และมีจำนวนมากกว่าหลายเท่าตัวอีกด้วยยูตะยืนเท้าเอวอยู่ด้านหน้า จ่อปลายดาบเข้ากับคอหอยของฟุมิโอะที่มีสภาพร่อแร่เต็มที...แต่ยังปากดีท้าทายเจ้าของปลายดาบอย่างไม่กลัวตายเช่นกัน“ฆ่าฉัน
“พ่อคะ..พ่อไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”ประโยคแรกที่ได้ยินคือหญิงสาวเอ่ยถามคนเป็นบิดา...ที่ยืนอยู่หลังโต๊ะอีกฝั่ง บนนั้นมีแฟ้มเอกสารที่พอจะเดาได้ว่า อีกฝ่ายกำลังบังคับให้ทำอะไรบนใบหน้าฮินาตะมีสีช้ำ หางตาบวมปูด..หางคิ้วแตกยับ ยังเห็นเลือดเกาะกรังจนมองใบหน้าที่แท้จริงของท่านไม่ออกเลย มันบังคับ และซ้อมพ่อของเธอ …หญิงสาวพยามกลืนน้ำตาของความอ่อนแอเข้าไปข้างใน...สั่งใจตัวเองให้เข้มแข็งเข้าไว้ไอ้สารเลว....รู้แบบนี้เธอฆ่าลูกมันทิ้งแต่ทีแรกไปแล้ว“พ่อไม่เป็นไรลูก”ฮินาตะตอบลูกสาวกลับมาเพราะไม่อยากให้เธอกังวล เขารู้ว่า ยังไงยูตะต้องมาช่วย เขาจึงไม่ยอมเซ็นเอกสารมอบอำนาจ ยอมให้พวกมันซ้อมเพื่อถ่วงเวลาเอาไว้ แต่ไม่คิดว่าลูกสาวของเขาจะถูกจับตัวมาด้วยแบบนี้“หุบปาก!พวกแกหมดเวลาพูดกันแล้ว ถ้าแกไม่ยอมเซ็นเอกสารนะฮินาตะ ลูกสาวแกกลายเป็นศพตรงนี้แน่...ว่าไง...”สองพ่อลูกเงียบเสียงลง มองสบนัยน์ตาด้วยความหมายที่ต่างคนต่างรู้ดีอยู่แล้ว พอดีกับที่ฟุมิโอะรู้สึกแปลกใจเมื่อไม่เห็นลูกชายตัวเองเข้ามาเสียที เขาจึงหันไปเอ่ยถามกับลูกน้องที่ยืนคุมตัวของไอโกะเอาไว้ว่า“แล้วฮิโรชิลูกพี่แกไปไหน ทำไมไม่มาด้วย”ฟุมิโอะเลิกคิ้วส
ดื้อ!แต่ก็ชอบ...ดีกว่าตอบแต่ค่ะๆๆๆ นั่นมันก็จืดชืดไปหน่อย...“เธอใส่ชุดราตรี มันเด่น ไม่คล่องตัว...แล้วฉันเป็นห่วง ไม่อยากพะวงหน้าพะวงหลัง”เขาพยายามอธิบายตามมา แต่คิดเหรอว่าเธอจะยอมฟัง…นอกจากไม่ฟังแล้วยังทำเหมือนไม่ได้ยินอีกนะนั่นน่ะ“คุณพอจะมีชุดดำแบบคุณให้ฉันใส่บ้างไหมล่ะคะ แบบครบชุดทั้งอาวุธด้วย”ยูตะหัวเราะหึในลำคอ...ก็เดาใจเธอไม่เคยผิดเลยสินะ...ว่าเมียดื้อของเขาต้องพูดแบบนี้ ไม่งั้นคงไม่ใช่ไอโกะ“มันต้องปีนป่าย โรยตัวจากเชือกลงมา ต้องทำให้ตัวเบา เธอยังไม่เคยฝึกอะไรแบบนี้ ทำไม่ได้หรอกนะ”“ทำได้ค่ะ...คุณก็ทำตัวเบา แล้วให้ฉันขี่หลังพาปีนขึ้นไป แล้วก็พาไต่ลงมา มันก็เหมือนเป็นการฝึกไปในตัวนะฉันว่า...”แล้วมาบอกเขาว่ามีผัวแล้วไม่ใช่เด็ก...แต่ที่พูดออกมาแต่ละประโยคนั่น มันใช่ผู้ใหญ่แล้วเถอะ“นินจามันต้องใช้ความเบา ความเร็ว..และคล่องตัว....แล้วฉันจะอุ้มเธอกระเตงไปได้ยังไงล่ะ...ไม่อยากให้ลูกศิษย์กับลูกน้องฉันมาหัวเราะเรา แล้วฝ่ายนั้นอีกพวกมันต้องหัวเราะเยาะฉันแน่ แล้วฉันจะคุมคนได้ยังไง…รอฉันอยู่ที่นี่เถอะนะ”“...!!...”“............นะ”“..........ไอ..นะ”เขาอ้อนก่อนทิ้งหัวที่มีผ้าคลุมสีด
ยูตะไม่รอช้า รีบพิมพ์ข้อความลับส่งถึงโกโร่...หลังจากที่ไอโกะได้วางสายไปแล้ว...ที่เลือกส่งข้อความลับนั่นก็เพราะว่า...ถ้าเขาเลือกใช้โทรศัพท์ คนอยู่ใกล้ ๆ อาจได้ยินด้วยนี่สิ...ฝ่ายโกโร่..เมื่อเห็นข้อความที่เด้งขึ้นมาก็รู้แล้วว่า ลูกพี่ของเขามีคำสั่ง...และต้องปฎิบัติตามโดยไม่ให้คุณไอโกะรู้นั่นแหละคำสั่งมีอยู่ว่า ให้ถ่วงเวลาหญิงสาวเอาไว้...ก็แค่นั้น...“ โกโร่ นายรู้จริง ๆ ใช่ไหมว่ามันจับตัวพ่อฉันไปไว้ที่ไหน ” ไอโกะเอ่ยถาม...เพราะรู้สึกคุ้นตากับบริเวณที่ผ่านมารอบ ๆ ตัวรถบอดี้การ์ดที่ขับตามมาทางด้านหลังนั่น ก็รู้สึกแปลกใจ ว่าทำไมคันหน้าของเจ้านาย ถึงได้ขับรถวนไปวนมาแบบนั้น ในเมื่อใกล้จะถึงที่หมายอยู่แล้วนั่นน่ะพวกเขาขับติดตามรถคันหน้าของเจ้านายไปสักพัก...จึงเข้าสู่เส้นทางหลักที่นายใหญ่ของพวกเขาถูกจับตัวไปจริง ๆ เสียทีก่อนถึงที่หมาย ยูตะได้ส่งข้อความไลน์บอกโกโร่ว่า..."อย่าเพิ่งบุกเข้าไปด้านหน้า เพราะเวลานี้พรรคพวกของฟุมิโอะ ได้เตรียมตั้งรับเอาไว้ด้วยเช่นกัน...พาเธอมาหาฉันที่จุดนัดพบตอนนี้เลย"เมื่อถึงจุดรวมพล...โกโร่มองเห็นรถตู้ที่จอดอยู่ในระยะไกลเป็นจำนวนมาก เขารู้ได้ทันทีว่านั่นคือล
ร่างสูงของยูตะลงมาจากเวทีแล้วเดินตรงปรี่เข้ามาหาฮิบาริที่รอเขาอยูด้านล่าง เพื่อรับฟังรายงานจากลูกน้องคนสนิท ขณะเดินตามกันออกมาจากงานพร้อมกับคนของเขาที่หญิงสาวทิ้งไว้ให้ครึ่งหนึ่ง“คนของเรามาถึงแล้วใช่ไหมฮิบาริ” เขาเสหน้าหันมาถาม ขณะรูดเน็คไทล์ลง เมื่อเดินมาถึงลานจอดรถแล้ว“ถึงแล้วครับ กำลังรอคำสั่งของลูกพี่”“ส่งโลเกชั่นให้แล้วบอกให้รีบตามมา...ได้เวลาตัดริบบิ้นเสียที” ชายหนุ่มเอ่ยกับลูกน้องเสียงขรึม “รู้ใช่ไหมว่าพวกที่โจมตีนายใหญ่ของเราคือใคร...” เขาถามต่อ“แก๊งของคุณฟุมิโอะครับ...” ฮิบาริหันมาตอบ...ต่อเมื่อเห็นชายหนุ่มเงียบเสียงของตัวเองลง เพื่อรอฟังรายงานของฮิบาริต่อจากนั้น“โกโร่โทรมาบอกว่า...เมื่อกี้คุณไอกับพวกของเราถูกคุณฮิโรชิเอาลูกน้องมาขวางไว้...ดันโผล่มาตอนที่เธอกำลังรีบ...เลยโมโหซัดมีดเข้าใส่จนตั้งรับไม่ทัน...ปักกลางตูดเข้าไปเต็มๆ”ยูตะหัวเราะพรืด...นึกภาพเวลาเธอโมโห หัวฟัดหัวเหวี่ยงแล้วต้องขำ..น่าฟัดจะตายเหอะ...ขัดขืนนิดๆ พอมีจริตจกร้านหน่อยๆ มันทำให้เขาคึกคักทุกทีด้วยสิ..ยิ่งนึกถึงเสียงครางเรียกชื่อเขาหวานๆนั่น มันทำให้รู้สึก...คึกขึ้นมาอีกแล้วเหอะ...เวลาหน้าสิ่วหน