Masukหลังจากศศิธรหมดสติไปเธอก็มาโผล่ในมิติที่มีแต่ความมืดมิดและว่างเปล่ามีเพียงแสงเลือนรางเท่านั้น หญิงสาวค่อยๆ เดินไปตามทางที่มีแสงสว่างเล็ดลอด
เข้ามา จนถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่เป็นพื้นดินกว้างมีลำธารพาดผ่านรอบข้างเต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ เธอมองตามลำธารไปจนสุดสายตาก็พบว่ามันเป็นลำธารที่ไหลลงมาจากน้ำตก เสียงน้ำไหลของลำธารทำให้สมองที่เคยตื้อของเธอปลอดโปร่งมากขึ้น
ศศิธรกำลังทอดสายตาเหม่อมองท้องฟ้าเบื้องหน้าด้วยความรู้สึก
ที่หลากหลายตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาในโลกนี้เธอมีอะไรให้ครุ่นคิดมากมาย“ท่านแม่ขอรับ” เสียงเล็กแทรกขึ้นมาระหว่างที่เธอกำลังสำรวจพื้นที่อยู่
“ว๊าย! เธอเป็นใครเนี่ย แล้วใครแม่เธอ” ศศิธรร้องเสียงหลง ใบหน้าของเธอฉายแววตื่นตกใจ อยู่ดีๆ ก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งมายืนตรงหน้าเธอ หน้าตาก็น่ารักจิ้มลิ้มแต่ดันมาเรียกเธอว่าแม่นี่สิเดือนรับไม่ได้
หลังจากที่ยืนคิดมาสักพักจนเด็กน้อยแทรกขึ้นมาหญิงสาวพอจะเรียบเรียงเรื่องราวต่างๆ ได้บ้างแล้ว
ศศิธรคาดว่าเธอน่าจะเสียชีวิตไปแล้วคงทะลุมิติมาเหมือนนิยายที่เคยชอบอ่านตอนเด็กๆ ในใจก็เป็นห่วงแม่ที่ใกล้ชราแต่เธอก็คิดว่าตัวเธอเองทำประกันชีวิตไว้เยอะแม่ของเธอน่าจะได้อยู่อย่างสุขสบาย
“ข้าเป็นภูตผู้ดูแลอยู่ที่แห่งนี้ขอรับ ท่านก็คือเจ้าของมิตินี้ ข้าขอเรียกท่านว่าท่านแม่ได้ไหมขอรับ ข้าอยู่คนเดียวมานานข้าเหงาเหลือเกิน” พูดเสร็จเด็กน้อยก็
ทำหน้าจะร้องไห้“เอ่อคือ อย่าร้องนะ ก็ได้ๆ ท่านแม่ก็ท่านแม่ แล้วหนูชื่ออะไรบอกพี่ เอ่อ บอกแม่มาสิ”
เด็กน้อยที่เคยทำหน้าจะร้องไห้เมื่อสักครู่กลับยิ้มแป้นขึ้นมาทันที “ข้าชื่อเจียวเจี้ยขอรับ”
ศศิธรพยักหน้ารับพร้อมกับถามเด็กน้อย “แล้วที่แห่งนี้มันคืออะไรกันแน่
เด็กน้อย”เด็กน้อยทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะบอกกับศศิธรว่า “ที่นี่คือมิติวิเศษขอรับ
ท่านแม่สามารถปลูกพืชผักต่างๆ ได้ที่นี่ เวลาที่นี่จะเดินไวกว่าข้างนอก10เท่า ท่านเห็นลำธารที่ไหลมาจากน้ำตกฝั่งนั้นไหมขอรับ” เจียวเจี้ยพูดพร้อมชี้ไปทางที่น้ำตกไหลมา หญิงสาวพยักหน้าช้าๆ“นั่นคือน้ำตกผิงอานขอรับ น้ำที่ไหลจากน้ำตกท่านสามารถนำมารดน้ำต้นไม้ที่ท่านปลูกได้ ใช้ดื่มและใช้อาบได้ ถ้าท่านดื่มเข้าไปมันจะเป็นยาบำรุงให้ร่างกายแข็งแรง หากใช้รดน้ำต้นไม้มันก็จะเจริญงอกงามอุดมสมบูรณ์ และยังช่วยเยียวยารักษาบาดแผลได้ด้วยนะขอรับ” เด็กน้อยพูดเจื้อยแจ้วรอยยิ้มของเขาสว่าง
เจิดจ้าเด็กน้อยทำหน้าครุ่นคิดแล้วพูดต่อ “ท่านมีช่องว่างระหว่างมิติด้วยนะขอรับเพียงท่านนึกถึงมันแล้วเอื้อมมือเข้ามาในมิติท่านก็จะสัมผัสมันได้โดยตรง ท่านสามารถนำของต่างๆ มาเก็บในนี้ได้ ช่องว่างนี้จะช่วยหยุดระยะเวลาของสิ่งของที่
ท่านแม่นำเข้ามา หากท่านนำอาหารมาเก็บไว้มันก็จะยังคงสภาพเดิมไม่เน่าเสีย ด้วยนะขอรับ”เด็กน้อยหยุดพักหายใจก่อนจะทำหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก “เป็นอะไรไปล่ะ ทำไมถึงไม่เล่าต่อ” ศศิธรถามด้วยความสงสัย เมื่อกี้ยังพูดไม่หยุดอยู่เลยทำไมตอนนี้ถึงเงียบไปล่ะ
“ข้ามีอีกสิ่งที่ต้องบอกท่านถึงสาเหตุที่ท่านต้องเข้ามาอยู่ในร่างนี้ขอรับ”
“เจ้าเล่ามาเถิดแม่พร้อมฟัง”
“คืออย่างนี้ขอรับท่านแม่ ร่างที่ท่านแม่อยู่ในตอนนี้ก็คือร่างกายของ
กู้จินเยว่ นางน่าสงสารมากนะขอรับ นางโดนคนในครอบครัวรังแกสารพัด พอมีคนรักก็โดนแย่งไปอีก นางถูกพี่สาวของนางจัดฉากว่ากู้จินเยว่ผลักพี่สาวตัวเองตกน้ำ แล้วคู่หมั้นของนางมาเห็นพอดีเขาโมโหนางเป็นอย่างมากเขากล่าวหาว่านางจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต แล้วยังมีคนปล่อยข่าวลือเรื่องนี้ไปทั่วสร้างความอับอายให้แก่ กู้จินเยว่เป็นอย่างมาก” เด็กน้อยเล่าเสียงเบาลงเรื่อยๆ“แล้วอย่างไรต่อเล่า” สงสารก็สงสารหรอกแต่ความอยากรู้มันมีมากกว่านี่สิ
“วันต่อมานางก็ถูกชายผู้นั้นบอกว่าจะถอนหมั้นขอรับ ก่อนหน้านี้ก็มีคนปล่อยข่าวลือว่านางคอยรังแกข่มเหงหญิงคนนั้นบ่อยครั้ง และด้วยข่าวลือที่แพร่ไปทั่วทำให้นางไม่กล้าออกจากบ้านเลย สุดท้ายนางก็ทนไม่ไหวดื่มยาพิษเข้าไป แล้วท่านที่ร่างกายหมดอายุขัยแต่วิญญาณของท่านยังไม่หมดอายุขัยตามก็มาแทนที่นางขอรับ”
ในใจของศศิธรมีแต่ความสับสน ชีวิตของคนๆหนึ่งจะต้องเจออะไรมากมายขนาดนี้เลยหรอ โลกช่างไม่ยุติธรรมจริงๆ โดนกระทำขนาดนี้แล้วยังต้องมาตายอีก ศศิธรตั้งมั่นได้แล้วว่าต่อไปนี้เธอจะไม่ยุ่งกับคนเหล่านั้นอีกแต่ถ้าเธอโดนกระทำก่อนเธอก็จะสู้กลับสุดตัว เธออยากให้ดวงวิญญาณของจินเยว่คนเก่าได้หลุดพ้นและได้เห็นว่าคนที่จินเยว่รักมีความสุข
ต่อไปนี้เธอคือกู้จินเยว่ไม่ใช่ศศิธรอีกต่อไปแล้ว
“ต่อไปนี้แม่คือกู้จินเยว่เข้าใจไหมเด็กน้อย” เธอก้มลงไปบอกกับเด็กน้อยพร้อมกุมมือของเขาไว้
เธอจะใช้ชีวิตให้ดีที่สุดให้สมกับที่ได้รับโอกาสนี้มาและจะต้องเป็นคนสวยที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองแห่งนี้
เด็กน้อยยิ้มพร้อมพยักหน้ารับคำ “ขอรับท่านแม่เรามาช่วยกันปลูกต้นไม้ให้มันเต็มพื้นที่ไปเลยนะขอรับ ข้ารอท่านมานานมากแล้ว เราจะได้ช่วยกันดูแลที่นี่”
“ได้สิเจียวเจี้ย เรามาช่วยกันปลูกพืชผลให้มันงอกงามแล้วก็เอาไปขายเยอะๆ แล้วเราก็เอาเงินมาทำเป็นที่นอนดีหรือไม่ อย่างที่เขาว่าเกิดมาบนกองเงินกองทองแต่ข้าเกิดมาจนงั้นถ้าเรารวยแล้วเรามานอนบนกองเงินกองทองกันเถิด” หญิงสาวพูดเสร็จก็หัวเราะชอบใจ เด็กน้อยที่เห็นหญิงสาวตรงหน้าหัวเราะเขาก็หัวเราะตามไปด้วย
“ดีขอรับท่านแม่” พูดจบสองแม่ลูกก็มองหน้ากันด้วยสายตาอบอุ่นริมฝีปากทั้งคู่เปื้อนยิ้ม
บทที่ 18 หมูกรอบเช้านี้จินเยว่และเจียวจิ้นออกไปขายของตามปกติ จินเยว่รู้สึกได้ว่าวันนี้นางขายดีกว่าสองวันแรก เพียงเปิดร้านไม่ถึงครึ่งชั่วยามส้มที่เตรียมมาประมาณร้อยผลก็หมดเกลี้ยงขนาดปิดร้านแล้วยังมีคนมาถามหาอยู่เลย ถ้าขายดีแบบนี้ทุกวันก็ดีสิแต่อะไรก็ไม่แน่นอนคนเราคงไม่สามารถกินส้มได้ทุกวันหรอกนางจะต้องหาสินค้ามาขายเพิ่มก่อนจะกลับบ้านจินเยว่ก็นึกขึ้นได้ว่านางยังไม่มีอุปกรณ์สำคัญสำหรับมื้อเย็นนี้เลยชวนเจียวจิ้นไปยังร้านที่ต้องการทันที“เจ้าจะซื้ออะไรอีกหรือเมื่อวานเราก็ใช้จ่ายไปเยอะแล้วนะ” เจียวจิ้นเอ่ยปากเตือนน้องสาว เขากลัวว่าน้องสาวจะกลายเป็นคนฟุ่มเฟือยภายหน้าจะเดือดร้อนได้“ข้าอยากได้เหล็กแหลมลักษณะคล้ายเข็มที่เราเอาไว้เย็บผ้าแต่ขนาดใหญ่กว่าหน่อยเจ้าค่ะ” จินเยว่บอกก่อนจะหันไปถามเจ้าของร้าน“ท่านลุงมีเหล็กแหลมความยาวประมาณฝ่ามือความใหญ่ประมาณตะเกียบไหมเจ้าคะ”“ตอนนี้ไม่มีหรอก ถ้าอยากได้เจ้ามารับพรุ่งนี้ลุงจะทำให้ใหม่”“งั้นข้าเอาสักสองอันนะเจ้าคะ”“ได้สิ ทั้งหมดก็ยี่สิบห้าอีแปะนะเจ้าสั่งจำนวนน้อยราคาก็จะสูงหน่อย”“ไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ข้าจะมารับช่วงสายๆ นะเจ้าคะ”จินเยว่รู้สึกเ
บทที่ 17 คนที่ไม่อยากเจอบ่ายวันนั้นจินเยว่เข้าไปเก็บส้มในมิติ นางไม่ต้องกังวลว่าส้มพวกนี้จะหมดเพราะพวกมันมีมากมายเหลือเกินแต่อาจจะต้องเอาสินค้าอย่างอื่นไปขายเพิ่มมาหมุนเวียนไปเรื่อยๆเมื่อเก็บส้มเสร็จก็พากันกลับบ้าน จินเยว่นึกขึ้นได้ว่านางลืมเปลือกหอยที่อาสี่นำมาให้เมื่อวานไปเลย โฉมสะคราญเดินไปในห้องครัวนำเปลือกหอยใส่ตะกร้าและเติมน้ำลงไปใช้มือวนๆ จนน้ำกลายเป็นสีขุ่นก็เปลี่ยนน้ำ นางเอาแปรงมาขัดเพื่อช่วยให้มันสะอาดมากยิ่งขึ้น ทำแบบนี้อยู่หลายครั้งเปลือกหอยที่อยู่ในตะกร้าดูสะอาดขึ้นก็เทน้ำออกจนหมด ก่อนจะนำเปลือกหอยไปวางตากแดดไว้เมื่อถึงเวลานัดส่งสินค้าสองพี่น้องก็นำส้มมาส่งที่ร้านอ้ายเหม่ย พวกเขาตกแต่งร้านสวยงามขนาดของร้านก็น่าจะเป็นร้านเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในตลาดนี้ ร้านอ้ายเหม่ยนี้มีขายทั้งเครื่องประดับมากมายและยังมีพวกเครื่องประทินโฉมอีกด้วย“พวกข้านำจวี๋จื่อมาส่งเจ้าค่ะ” จินเยว่ที่เห็นหญิงชรากำลังคุยกับลูกค้าอยู่ก็รอจนนางคุยเสร็จจึงจะเอ่ยทัก“มาแล้วหรือ มาๆ เข้ามาก่อน” หญิงชราบอกอย่างใจดี“นี่เงินค่าจวี๋จื่อ และนี่ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากยายถือว่าตอบแทนที่คราวก่อนแม่หนูแถมให้ยา
บทที่ 16 มันกินได้จริงหรือสองพี่น้องพากันเดินมาถึงที่บ้านหยอกล้อกันมาตลอดทาง ชีวิตพวกเขาสองสามวันมานี้รู้สึกเหมือนสุนัขที่โดนปลดโซ่คล้องคอออก พวกเขาสามารถทำสิ่งใดที่ใจคิดได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะต้องโดนว่ากล่าวหรือทุบตี ถึงบ้านหลังนี้จะเก่าทรุดโทรมแต่มันก็ให้ความอบอุ่นเป็นบ้านที่เจียวจิ้นไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เขาไม่ต้องโดนกดหัวใช้งานหรือโดนดูถูกเหยียดหยามจากคนในครอบครัววันนี้หนิงเทียนทำกับข้าวเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้นคือผักป่าเอาไปผัดใส่เกลือเล็กน้อยกินกับข้าวต้ม จินเยว่รีบไปล้างมือล้างหน้าเตรียมตัวเพื่อที่จะเข้าครัวทำอาหารต่อ“ท่านแม่ไม่ต้องช่วยข้าหรอกเจ้าค่ะ ข้าทำคนเดียวได้” เอ่ยบอกกับมารดาที่รอช่วยนางอยู่ในครัวร่างเล็กนำเห็ดไปล้างในน้ำสะอาดจนมั่นใจแล้วว่าพวกมันสะอาดไร้สิ่งปนเปื้อนใดๆ ก่อนจะนำไปวางตากลมไว้ให้แห้งสักพัก ระหว่างรอเห็ดแห้งร่างเล็กก็ตักแป้งที่อยู่ในห่อออกมาประมาณหนึ่ง ใส่ชามผสมก่อนที่จะเทน้ำลงไปผสมให้เข้ากันและนำเห็ดใส่ลงไปคลุกเคล้าจนแป้งเหลวๆ เคลือบทั่วทุกอณูของเห็ดเหล่านั้น จินเยว่นำกระทะมาตั้งบนเตาที่หนิงเทียนก่อไฟไว้เมื่อเห็นว่าไอร้อนเริ่มแผ่ออกมาก็ค่อยๆ ใส่เห็ดล
บทที่ 15 ทุกอย่างต้องมีครั้งแรกเสมอ“ท่านป้าหมายถึงใครหรือเจ้าคะ” จินเยว่ยิ้มแต่สิ่งที่นางพูดออกมาทำอีกฝ่ายโกรธจนควันแทบออกหู “ใครเป็นป้าเจ้า!” นางตะโกนออกไปจนลืมว่าเมื่อครู่พึ่งบ่นจินเยว่ที่ตะโกนเสียงดังข้าอายุแค่สามสิบจะมาเป็นป้าใครได้ที่ไหนกัน นังเด็กนี่ปากเสียจริงๆ “ก็ท่านนั่นแหละเจ้าค่ะ ป้า ” จินเยว่เน้นเสียงหนักๆที่คำท้าย“หึ ไม่มีหัวคิดแบบนี้น่ะสิถึงได้นำแค่จวี๋จื่อออกมาขาย”แม่ค้าแผงผักเห็นว่าคนเริ่มมามุงดูนางทะเลาะกับเด็กสาวแผงข้างๆเยอะขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มเรียกสติของตัวเองได้ นางขายตรงนี้มานานถือว่าเป็นทำเลที่ค่อนข้างดีเหมาะสมกับค่าเช่าแผง ถ้าทะเลาะกันจนโดนไล่ไปที่อื่นนางและครอบครัวจะต้องเดือดร้อนแน่ๆ “ข้าไม่อยากเถียงกับเด็กอย่างเจ้าแล้ว” แม่ค้าแผงผักพูดกระแทกเป็นการตัดบทจินเยว่ที่เห็นว่าอีกฝ่ายล่าถอยไปแล้วก็ไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืดแต่อย่างใด นางมาขายของก็ไม่ได้อยากมีปัญหากับใครอยู่แล้ว ร่างเล็กเริ่มส่งเสียงเรียกลูกค้าอีกครั้งแต่คนที่มุงดูอยู่เมื่อกี้ก็ทยอยเดินหนีกันหมด แม่ค้าแผงผักข้างๆแอบยิ้มเยาะที่นางไม่สามารถขายจวี๋จื่อได้ จินเยว่กัดฟันกรอด “ไม่ต้องเสียใจไปหรอก พี
บทที่ 14 ค้าขายครั้งแรก“พรุ่งนี้ท่านไม่ต้องไปหางานหรอก เราเข้าป่าไปหาของมาขายดีกว่าเจ้าค่ะ” จินเยว่บอกกับพี่ชายที่นั่งกลุ้มอยู่“จะดีหรือ ในป่าก็ไม่ค่อยมีอะไรที่ขายได้ราคา แล้วก็ไม่ค่อยมีใครรับซื้อด้วยนะเยว่เอ๋อร์” เจียวจิ้นคิดตามที่เขาบอกกับน้องสาว การเก็บผักผลไม้ในป่าไปขายมีชาวบ้านทำกันเยอะแยะ แต่ก็มักจะโดนกดราคาจนแทบไม่คุ้มที่ต้องเสี่ยงเข้าไปในป่า“พวกเราลองไปกันก่อนเถอะเจ้าค่ะ จะได้หาเงินมาซื้ออาหารและเครื่องปรุงเข้าบ้านด้วย ข้าไม่อยากกินผักต้มทุกวันนะเจ้าคะ” จินเยว่หน้างอเช้าวันต่อมา แสงแดดอบอุ่นยามเช้าทำให้จินเยว่รู้สึกจิตใจสงบ ร่างเล็กและพี่ชายทานอาหารเช้าเสร็จแล้วพากันเดินทางเพื่อไปหาของในป่าพวกเขาเดินเข้ามาไม่ลึกมากนัก จินเยว่มาที่นี่อย่างมีเป้าหมาย ร่างเล็กจำได้ว่าในป่านี้มีผลไม้หลากหลายชนิดโดยเฉพาะจวี๋จื่อหรือส้ม มันขึ้นเต็มไปหมดเป็นผลไม้ที่หาได้ทั่วไปทำให้ไม่ค่อยมีราคา โดยปกติก็จะขายกันจินละ2-3อีแปะเท่านั้น “เจ้าอย่าเดินไปไกลนะพี่ขอตัดไม้ตรงนี้ก่อนเราจะได้เอาไปทำฟืนกัน ฟืนที่ตัดไปครั้งก่อนเกือบหมดแล้ว” เจียวจิ้นหันมาบอกจินเยว่เสร็จก็หันกลับไปตัดไม้ต่อ“เจ้าค่ะท่านพี่ข
บทที่ 13 เปลือกหอย“ที่ดินที่หลังบ้านพวกเราสามารถทำการเกษตรได้หรือไม่เจ้าคะข้าเห็นมันยังว่างอยู่” จินเยว่ถามอย่างกระตือรือร้น“จะว่าได้มันก็ได้อยู่หรอก แต่ที่ดินนี้มันมีปัญหาอยู่ ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอันใดปลูกอะไรก็ไม่ขึ้นสักอย่าง ถึงขึ้นก็เหี่ยวเฉาตายเสียหมด” หนิงเทียนทำหน้ากลุ้มใจ ปัญหานี้มีมานานแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามหาทางแก้อย่างไรก็ไม่สามารถปลูกอะไรบนที่ผืนนี้ได้เลย นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ที่ดินท้ายหมู่บ้านนี้ไม่มีราคา ชาวบ้านที่อยู่แถบนี้ค่อนข้างยากจนเสียส่วนใหญ่เพราะพวกเขาเพาะปลูกในที่ดินของตัวเองไม่ได้ บางคนก็ไปเป็นลูกจ้างโดนกดค่าแรง บางคนก็ไปเช่าที่ดินของคนอื่นเพื่อทำการเพาะปลูก “งั้นข้าขอลองไปดูหน่อยนะเจ้าคะเผื่อจะทำอะไรได้บ้าง”จินเยว่เดินไปยังที่ดินหลังบ้าน นางเดินสังเกตที่ดินไปเรื่อยๆก็พบว่า ต้นไม้ที่ขึ้นรอบๆที่ยังมีชีวิตอยู่ก็มีลักษณะใบเหลือง ลำต้นของพวกมันแคระแกร็น“นี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆแล้วนะเนี่ย” จินเยว่พูดอย่างหนักใจนางเดินสังเกตมาสักพักไม่พบคราบเกลือบนผืนดินและหน้าดินบริเวณนั้นก็มีลักษณะออกสีเหลืองๆอีกด้วยนางเดาได้ทันทีว่าที่ดินพวกนี้ปลูกอะไรไม่ขึ้น







