LOGIN*ภัตตาคารสุดหรู*
เสียงไวโอลินบรรเลงคลอเบาๆ ท่ามกลางแสงไฟสลัวมองแล้วย่อมอบอุ่นสายตา ภายในภัตตาคารหรูหราริมแม่น้ำถูกตกแต่งด้วยโทนสีครีมทอง ประกายวิบวับจากแชนเดอเลียร์เหนือศีรษะห้อยระย้าจากบนเพดาน ส่องแสงกระทบแก้วไวน์จนระยิบระยับ แยมเอาแต่ยืนเกร็งตัวอยู่ด้านหน้า ใจเธอเต้นแรงราวกับเด็กที่ถูกครูใหญ่เรียกพบ "ไม่ต้องกังวลนะหนูแยม พ่อแค่พามาทานอาหารอร่อยกัน ปล่อยตัวตามสบายเถอะนะ" เสียงสุภาพของเปโซเอ่ยขึ้น เขาเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ ผมขาวแซมขมับแต่งตัวด้วยสูทเข้ารูป ดูภูมิฐานจนใครๆ ต้องเหลียวมอง ข้างกายคือดีนาร์ เธอเป็นภรรยาของเขา หญิงวัยกลางคนที่ยังคงงดงามในชุดกระโปรงผ้าไหมสีงาช้าง ใบหน้าสงบและอ่อนโยน เธอยื่นมือมาสัมผัสแขนแยมเบาๆ แทนกำลังใจ "แม่เองก็ตั้งใจอยากจะเจอหนูมานานแล้ว วันนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีเลยนะ" ดีนาร์กล่าวพร้อมยิ้มหวาน แยมกะพริบตาปริบๆ มือเรียวกำสายกระเป๋าสะพายไหล่จนแน่น เธอสวมชุดกระโปรงเรียบง่ายที่พยายามเลือกอย่างคัดสรรให้ดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกไม่คู่ควรกับสถานที่และบรรยากาศเลย เพราะออกจากโรงพยาบาลมาได้ ก็ถูกคุณแม่ของยูโรแปลงโฉมภายในห้างสรรพสินค้าทันที "ขอบคุณมากเลยค่ะ คุณลุงคุณป้า" เสียงของแยมสั่นเบาๆ เนื่องจากประหม่าพอสมควร สองมือเล็กจึงเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ สมองล้วนจินตนาการคำถามมากมาย เหตุเพราะยังไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ความรู้สึกทั้งตื่นเต้นและแอบกลัวอยู่เล็กน้อย เมื่อทั้งหมดเดินเข้ามานั่งตรงโต๊ะบริเวณริมกระจก จึงมองเห็นวิวเมืองยามค่ำคืนที่สะท้อนแสงบนผิวน้ำ แยมก็ยังรู้สึกเหมือนตัวเองหลุดมาอยู่อีกโลกหนึ่ง พนักงานเสิร์ฟเข้ามาอย่างนอบน้อม คอยเปิดรายการอาหารและบริการรินน้ำดื่มให้ แต่เธอแทบไม่รู้จะเลือกอะไร มือสั่นน้อยๆ เพราะกลัวกดดัน "เอาแบบที่หนูแยมชอบก็ได้นะ อย่าคิดมากเลย พ่อกับแม่แค่อยากให้หนูสบายใจเท่านั้นเอง ต้องมาคอยอยู่ดูแลยูโรตั้งหลายเดือน คงจะลำบากไม่น้อย" เปโซพูดพลางมองเธออย่างอบอุ่น "ใช่จ้ะ พวกเราไม่ใช่คนแปลกหน้ากันสักหน่อยนะ หนูอยู่ดูแลลูกชายเรามาตลอดเกือบห้าเดือน ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นต้องเหนื่อยขนาดนั้นด้วยซ้ำ" ดีนาร์พยักหน้าเสริมพร้อมรอยยิ้มหวานละมุน คำพูดเหล่านั้นทำให้หัวใจแยมไหววูบ เธอก้มหน้าลงเล็กน้อยเหลือบมองช้อนบนจาน ริมฝีปากคลี่ยิ้มจางๆ ก่อนจะตอบกลับ "หนูยินดีช่วยเหลืออยู่แล้ว อย่าเกรงใจกันขนาดนั้นเลยค่ะ เขาก็ยังเป็นคนสำคัญของหนู ถึงพวกเราจะไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว แต่…" เสียงเธอเบาลงอย่างเขินอาย ผู้ใหญ่ตรงหน้าอาจจะฟังไม่ทันจบประโยค แต่ทั้งคู่สบตากันก่อนจะหัวเราะเบาๆ ในความซื่อตรงจริงใจของเธอยังคงเหมือนสมัยวัยเยาว์ไม่เปลี่ยน "ลูกชายลุงไม่ค่อยพูดเรื่องความรู้สึกสักเท่าไหร่ แต่ที่ผ่านมาลุงเห็นชัดว่าเขามีกำลังใจขึ้นมากเพราะมีหนูอยู่ข้างๆ " เปโซเอ่ยด้วยน้ำเสียงแฝงความซาบซึ้ง "แม่ยังจำได้อยู่เลยนะ สมัยตอนเด็กช่วงที่หนูไม่อยู่ ตอนนั้นลูกชายแม่ทำหน้าบึ้งตึงจนใครก็ไม่กล้าเข้าใกล้ แต่พอแยมเข้าไปเท่านั้นแหละ เขากลับยอมให้ป้อนข้าว ยอมฟังที่เธอบอก… หนูรู้ไหมคะ ว่าแค่ตรงจุดนั้น มันทำให้พ่อแม่คนหนึ่งโล่งใจมากแค่ไหน" ดีนาร์ยื่นผ้าเช็ดปากให้แยมอย่างอ่อนโยน "หนูไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ แค่…อยากให้เขาหายดี" น้ำเสียงเธอสั่นเล็กน้อย ดวงตาแยมพราวระยับอย่างเก้อเขิน แต่ภายในอกกลับรู้สึกอุ่นวาบเสียอย่างนั้น "เฮ้อ~ เจ้าเด็กคนนี้นี่นะ พูดเหมือนมันง่าย แต่ถ้าไม่ใช่คนที่จริงใจมากพอ ใครจะอดทนอยู่กับคนเจ็บที่เอาแต่หงุดหงิดได้ทุกวัน" เปโซหัวเราะอยู่ภายในลำคอหลังจากกล่าวจบ อาหารจานหรูทยอยถูกเสิร์ฟมาเรียงราย ไม่ว่าจะเป็นสเต๊กเนื้อโคชั้นดี ปลาแซลมอนราดซอสเลมอนและพาสตาไวน์ขาว แยมมองทุกอย่างตาโต เธอไม่ชินกับการใช้มีดส้อมหรูหรา แม้จะเคยไปศึกษาที่ต่างประเทศมา แต่อาหารเหล่านี้เธอก็ไม่ได้ชอบทานอยู่เป็นประจำ จึงเลียนแบบดีนาร์ด้วยความระมัดระวัง จนอีกฝ่ายหลุดขำเบาๆ "ไม่ต้องเกร็งหรอกลูก ใช้แบบที่เราถนัดก็ได้จ้า" ดีนาร์พูดพร้อมวางส้อมลง หันมาช่วยแกะกุ้งให้แยมอย่างเป็นกันเอง ราวกับแม่ดูแลลูกสาวด้วยใจจริง บรรยากาศผ่อนคลายมากขึ้น มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะแทรกเป็นระยะ เปโซเล่าเรื่องสมัยลูกชายยังเด็ก เขาชอบทำเรื่องซุ่มซ่ามและเกเรจนโรงเรียนเชิญผู้ปกครองบ่อยๆ ส่วนดีนาร์เล่าว่าลูกชายเคยร้องไห้ใหญ่เพราะโดนเพื่อนล้อเรื่องตัวอ้วน แยมฟังไปก็เผลอยิ้มกว้างอย่างลืมตัว "เห็นไหมล่ะ จริงๆ เขาไม่ได้เย็นชาอย่างที่คนอื่นคิดกันหรอก เพราะพ่อแม่เองก็เลี้ยงเขามาอย่างอิสระ ถ้าได้อยู่กับคนที่เขาสบายใจ เขาก็เป็นเด็กขี้อ้อนอยู่เหมือนกันนะ" เปโซเอ่ยขึ้น "ค่ะ! หนูรู้ดี!" แยมชะงักไปเล็กน้อย รู้สึกเหมือนถูกเปิดเผยความลับ เธอหัวเราะคิกคักเบาๆ พร้อมก้มหน้าหลบสายตาผู้ใหญ่ หลังมื้ออาหารจบลงพนักงานจึงยกของหวานมาเสิร์ฟ เป็นชีสเค้กเบอร์รีที่ตกแต่งอย่างสวยงาม "ลองชิมดูสิลูก ร้านนี้ขึ้นชื่อมากนะ" ดีนาร์ตัดแบ่งชิ้นเล็กให้แยม เธอรับมาชิมแล้วเผลอทำตาโตอีกครั้ง หลังจากลิ้นได้สัมผัสความนุ่มหวานละมุน "อร่อยมากเลยค่ะ" แยมกล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส จนทั้งคู่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ "ไม่ใช่ของมีค่าอะไรหรอก แค่สิ่งของที่อยากให้จำไว้ว่าพ่อกับแม่ซาบซึ้งใจจริงๆ " เมื่อถึงเวลาต้องแยกย้าย เปโซยื่นถุงกระดาษเล็กๆ มอบให้เธอเป็นของฝากเล็กน้อย "อุ้ย! ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูไม่ได้ทำอะไรใหญ่โตขนาดนั้น ทั้งเครื่องแต่งกายทั้งอาหารแสนอร่อยก็มากพอแล้วค่ะ" แยมรีบโบกมือปฏิเสธ "สำหรับคนเป็นพ่อแม่น่ะ มันยิ่งใหญ่เสมอที่เห็นลูกตัวเองไม่ต้องโดดเดี่ยว… ขอบใจมากนะหนูแยม" ดีนาร์จับมือเธอเบาๆ บีบอย่างอ่อนโยน แววตามีแต่ความรักและความเอ็นดูอย่างลึกซึ้ง คำพูดนั้นก้องสะท้อนอยู่ภายในใจเธอ ขณะเดินออกจากภัตตาคารสุดหรู แสงไฟระยิบระยับจากเมืองหลวงสะท้อนกับน้ำตาเอ่อรื้น แยมเผลอยกมือแตะอกตนเองที่ยังอุ่นซ่านด้วยความรู้สึกอบอุ่น "พวกท่านยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ สิ่งของไม่มีค่าอะไรกันเล่า ชุดเครื่องเพชรแวววาวจนสะท้อนแสงจันทร์ขนาดนี้ หากทำหายไปพวกท่านต้องโกรธฉันมากแน่เลย" แยมกล่าวด้วยน้ำเสียงตกใจ หลังได้เปิดกล่องดูว่าเจ้าของฝากนี้มันคืออะไรกันแน่ เธอรีบปิดฝากล่องลงทันที และเรียกใช้รถบริการแบบส่วนตัวตรงกลับบ้าน เพราะพกของมีค่ามากเกินไปยามดึก ส่วนพวกท่านมีงานค้างอยู่จึงรีบกลับไปก่อน คราแรกพวกท่านจะให้ลูกน้องย้อนมารับอีกรอบ แต่แยมก็ต้องรู้สึกเกรงใจ จึงปฏิเสธไปพร้อมอ้างว่าเดี๋ยวลูกน้องตนเองมารับแทน ซึ่งแน่นอนว่าข้ออ้างเป็นเรื่องโกหก ลูกน้องของแยมต่างหัวหมุนกันอยู่ภายในร้านเพราะเจ้านายไม่อยู่แสงไฟระยิบระยับจากโคมระย้าคริสตัล ทอดเงาวูบไหวตามบนเพดานสูงของห้องจัดเลี้ยง เสียงดนตรีคลาสสิกบรรเลงคลอเบาๆ แทรกอยู่ระหว่างเสียงหัวเราะและคำอวยพร จากแขกผู้มีเกียรติยามค่ำคืนนี้งานวันเกิดของบรรเจิด ถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติยศ ไม่ใช่เพียงแค่เขาเป็นบุตรชายของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด หากแต่ยังเพราะเขาเพิ่งได้รับตำแหน่งใหม่ด้วย ซึ่งคือ..รองผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างเป็นทางการแยมยืนอยู่หน้าประตูห้องจัดเลี้ยง เธอสวมชุดกระโปรงสีน้ำเงิน แม้จะดูน่ารักเข้ากับรูปร่างเพรียวบางแต่ก็เรียบหรู สองมือประคองกล่องของขวัญทรงสี่เหลี่ยมผูกโบสีทองแน่นความรู้สึกประหม่าแล่นวาบภายในกลางอก เมื่อสายตาเธอกวาดมองบรรยากาศล้อมรอบตัว แขกภายในงานล้วนเป็น.. นักการเมืองกับข้าราชการระดับสูงและนักธุรกิจชื่อดัง ทุกคนดูสง่างามและคุ้นเคยกับโลกใบนี้ ต่างจากเธอที่ยังรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกเสมอแต่แล้วสายตาแยมก็หยุดลงที่ร่างสูงโปร่ง เขาสวมสูทสีดำอย่างเป็นทางการ บรรเจิดยืนอยู่กลางกลุ่มผู้ใหญ่ สีหน้าเปื้อนรอยยิ้มสุภาพ ดวงตาอบอุ่นเป็นประกายแม้จะต้องรับมือกับคำยินดีและคำอวยพรไม่ขาดสาย เขายังคงดูผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด ราวกับไม่ใช่งานให
*ร้านค้าขายปลีกส่งแยมมี่*แสงไฟบนหน้าจอกระทบแว่นตาเกือบหนึ่งชั่วโมง แยมนั่งตรวจสอบบัญชีอย่างมีสมาธิ จู่ๆ สมองของเธอกลับมีคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของแพนด้าเสียอย่างนั้นเธอกดบันทึกไฟล์เอกสารและปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ลง ก่อนจะใช้สองมือเล็กดันโต๊ะสำนักงาน จนเก้าอี้ล้อเลื่อนถอยหลังอย่างเชื่องช้า แอบชำเลืองสายตามองสาวน้อย อยู่ตรงบริเวณหน้าจอคอมพิวเตอร์"เจ๊มีอะไรหรือเปล่าคะ หนูทำบัญชีไม่เรียบร้อยใช่ไหมคะ" แพนด้าวิ่งพรวดพราดมาใกล้บริเวณโต๊ะที่แยมนั่ง ด้วยท่าทางตื่นตระหนกเพราะกลัวโดนดุแยมเอื้อมแขนยาวไปตรงแผ่นหลังสาวน้อย ก่อนจะยกฝ่ามือลูบแผ่วเบา ราวกับปลอบโยนไม่ให้แพนด้าตื่นเต้นเกินเหตุ"เจ๊..แค่มีคำถามที่สงสัยต่างหาก ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานเลย" แยมกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แพนด้ากลับยืนขนลุกซู่ราวกับถูกกดดัน"เจ๊รีบถามมาเลยเถอะ ท่าทางแบบนี้ของเจ๊ มันทำให้หนูอึดอัดเกินไปนะคะ" แพนด้าตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เปลี่ยนทิศทางสายตาเบนลงต่ำแทน"เจ๊ยังจำได้อยู่นะ คราวก่อน..แพนด้ามาคุยเล่นกับเจ๊น่ะ เหมือนจะมีเพื่อนหนุ่มจอมเกเรตามจีบไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมดันมาคบหากับยอดได้ล่ะ แค่ยังสงสัยว่าหนูไม่ได้คบซ้อนใช
*อาคารสองชั้นสุดหรู*เสียงเครื่องยนต์จอดนิ่งและดับสนิทลงท่ามกลางความมืดมิด แยมเปิดประตูฝั่งคนขับออกมายืนเท้าสะเอวมองอย่างชั่งใจ หัวคิ้วคนสวยขมวดมุ่นเธอเบะปากราวกับโมโหยูโรอยู่ไม่น้อย แต่ทว่าสองขาเรียวเล็กกลับเดินไปเปิดประตูฝั่งผู้โดยสาร เธอแบกร่างกายอันหนาเตอะของชายขี้เมาออกมาทันที"เอามา!" แยมตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมแสดงสีหน้าโกรธเคือง เธอยื่นฝ่ามือเล็กแบออกอยู่ตรงหน้าเขา แต่กลับโดนอีกฝ่ายเอาคางมาเกยแทน"จะเอาหัวใจของผมเหรอครับคนสวย~" ยูโรกล่าวด้วยน้ำเสียงยานคางเขายิ้มหวานอย่างกวนอารมณ์"นายอยากตายมากนักเหรอ ฉันเป็นใครกันแน่ นายช่วยลืมตาดูหน่อยเถอะนะ" แยมสวนกลับทันควัน เพราะคิดว่าเขายังเอาแต่คิดถึงสาวร้านคาราโอเกะอีก"คุณเป็น..ภรรยาของผมน่ะสิ!" ยูโรยิ้มแป้นตาแทบปิด เตรียมจะยกฝ่ามือหนาลูบละไล้ดวงหน้าเห่อร้อนของเธอ แต่แยมเลือกที่จะผลักเขานอนลงกับพื้นปูนซีเมนต์แทน"ส่งกุญแจมาสักที! ยุงกัดจะตายอยู่แล้วเนี่ย!" แยมตวาดใส่แก้เขินอาย เธอยืนเม้มริมฝีปากแน่นพร้อมกอดอกตนเอง หวังเพียงให้ดวงใจเต้นอย่างสงบลงเขารีบล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วส่งให้เธออย่างว่าง่าย เมื่อประตูบานเล็กถูกเปิดออกแยมจึงลากยูโรเข้
*ร้านคาราโอเกะ*แสงไฟนีออนดวงสีชมพูม่วงกะพริบระยิบระยับ เสียงดนตรีจากห้องข้างๆ ดังลอดมาเป็นจังหวะ ยูโรนั่งอยู่ตรงมุมเคาน์เตอร์บาร์แก้ววิสกี้ในมือแทบไม่เคยว่าง เขาคอยรินซ้ำจนของเหลวสีทองขลุกขลิกเกือบล้นขอบแก้วภายในหัวใจของเขา.. ยังคงวนเวียนกับภาพแยมกำลังยืนหัวเราะเคียงข้างบรรเจิด หรือว่าเธอไม่เห็นความหมายของการรอคอยที่เราทำมาตลอดเลย เขาเอาแต่นั่งตัดพ้อตัวเองอยู่ซ้ำๆหญิงสาวรูปร่างเพรียวบางหน้าตาดีคนหนึ่ง เธอสวมชุดกระโปรงสีทองแบบกระชับลำตัว เดินเข้ามานั่งอยู่ตรงด้านข้างเขา กลิ่นน้ำหอมแสนหวานช่างเย้ายวนราวกับกลิ่นไวน์เก่าแก่"ยูโร! ไม่ได้เจอกันตั้งนาน!" น้ำเสียงสดใสเอ่ยทักทายคนนั่งสับสน เธอกำลังเท้าคางมองแววตาเป็นประกาย เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะจำได้ "เรไร" อดีตเพื่อนสนิทของแยมสมัยเรียนมัธยม พวกเธอทั้งสองเคยไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ และยังเคยเป็นแฟนเก่าของเขาด้วยเช่นกัน"อืม!" ยูโรตอบเสียงแหบแสนจะแผ่วเบาเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์"นายมานั่งดื่มคนเดียว แต่ทำไมหน้าตาบึ้งตึงเชียว" เรไรหัวเราะน้อยๆ มือเรียวแตะไหล่เขาเป็นเชิงหยอกล้อ ยูโรไม่ได้ผลักไสเพราะเคยพูดคุยปรับความเข้าใจกันแล้ว เพียงปล่อยให้เ
*ร้านค้าขายปลีกส่งแยมมี่*เสียงกระดิ่งเหนือประตูไม้เริ่มดังเมื่อมีลูกค้าเปิดเข้ามาอีกครั้ง กลิ่นหอมกรุ่นจากขนมปังสดกับใบตองที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งร้าน ผสมกับเสียงเครื่องคิดเลขดังไม่หยุด ทำให้บรรยากาศดูคึกคักกว่ายามปกติแยมจัดเรียงขนมปังกรอบลงตะกร้าใหญ่ พลางเหลือบมองนาฬิกาแขวนบนฝาผนังเป็นระยะ เข็มสั้นชี้ที่เลขห้าเข็มยาวเกือบแตะเลขสิบสอง ใจเธอเต้นแผ่วแรงด้วยความคาดหวังอีกเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น ยูโรก็คงมารออยู่ตรงหน้าร้านเหมือนทุกวัน ตั้งแต่เขาออกจากโรงพยาบาลมา ทั้งสองมักจะเดินเล่นรับลมยามเย็นด้วยกัน จนเป็นดั่งกิจวัตรประจำวันเลยเหล่าลูกน้องต่างกระวีกระวาดทำงาน เพราะใกล้ได้เวลาเลิกงานแล้วเช่นกัน คงไม่อยากทำงานล่วงเวลาเหมือนอย่างเคย ทุกสิ่งเป็นได้แค่เพียงความคิดเท่านั้น เมื่อได้ยินเสียงสวรรค์จากลูกค้ารายสุดท้ายมาเยือน"สวัสดีครับแยม~" เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นบริเวณตรงหน้าประตูหญิงสาวเงยใบหน้าขึ้นมอง เห็นร่างสูงในเสื้อเชิ้ตแขนพับสีขาวกับกางเกงผ้าเรียบ "บรรเจิด" เพื่อนสมัยมัธยมและเป็นคนที่เคยทำให้หัวใจเธอแกว่งไกวอยู่พักหนึ่ง เขากำลังยืนยิ้มอย่างจริงใจ"อ้าว! บรรเจิด! มาซื้อของเหรอ หายหน้าห
*ภัตตาคารสุดหรู*เสียงไวโอลินบรรเลงคลอเบาๆ ท่ามกลางแสงไฟสลัวมองแล้วย่อมอบอุ่นสายตา ภายในภัตตาคารหรูหราริมแม่น้ำถูกตกแต่งด้วยโทนสีครีมทอง ประกายวิบวับจากแชนเดอเลียร์เหนือศีรษะห้อยระย้าจากบนเพดาน ส่องแสงกระทบแก้วไวน์จนระยิบระยับ แยมเอาแต่ยืนเกร็งตัวอยู่ด้านหน้า ใจเธอเต้นแรงราวกับเด็กที่ถูกครูใหญ่เรียกพบ"ไม่ต้องกังวลนะหนูแยม พ่อแค่พามาทานอาหารอร่อยกัน ปล่อยตัวตามสบายเถอะนะ" เสียงสุภาพของเปโซเอ่ยขึ้น เขาเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ ผมขาวแซมขมับแต่งตัวด้วยสูทเข้ารูป ดูภูมิฐานจนใครๆ ต้องเหลียวมองข้างกายคือดีนาร์ เธอเป็นภรรยาของเขา หญิงวัยกลางคนที่ยังคงงดงามในชุดกระโปรงผ้าไหมสีงาช้าง ใบหน้าสงบและอ่อนโยน เธอยื่นมือมาสัมผัสแขนแยมเบาๆ แทนกำลังใจ"แม่เองก็ตั้งใจอยากจะเจอหนูมานานแล้ว วันนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีเลยนะ" ดีนาร์กล่าวพร้อมยิ้มหวานแยมกะพริบตาปริบๆ มือเรียวกำสายกระเป๋าสะพายไหล่จนแน่น เธอสวมชุดกระโปรงเรียบง่ายที่พยายามเลือกอย่างคัดสรรให้ดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกไม่คู่ควรกับสถานที่และบรรยากาศเลย เพราะออกจากโรงพยาบาลมาได้ ก็ถูกคุณแม่ของยูโรแปลงโฉมภายในห้างสรรพสินค้าทันที"ขอบคุณมากเลยค่ะ







