LOGIN*ร้านค้าขายปลีกส่งแยมมี่*
เสียงกระดิ่งเหนือประตูไม้เริ่มดังเมื่อมีลูกค้าเปิดเข้ามาอีกครั้ง กลิ่นหอมกรุ่นจากขนมปังสดกับใบตองที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งร้าน ผสมกับเสียงเครื่องคิดเลขดังไม่หยุด ทำให้บรรยากาศดูคึกคักกว่ายามปกติ แยมจัดเรียงขนมปังกรอบลงตะกร้าใหญ่ พลางเหลือบมองนาฬิกาแขวนบนฝาผนังเป็นระยะ เข็มสั้นชี้ที่เลขห้าเข็มยาวเกือบแตะเลขสิบสอง ใจเธอเต้นแผ่วแรงด้วยความคาดหวัง อีกเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น ยูโรก็คงมารออยู่ตรงหน้าร้านเหมือนทุกวัน ตั้งแต่เขาออกจากโรงพยาบาลมา ทั้งสองมักจะเดินเล่นรับลมยามเย็นด้วยกัน จนเป็นดั่งกิจวัตรประจำวันเลย เหล่าลูกน้องต่างกระวีกระวาดทำงาน เพราะใกล้ได้เวลาเลิกงานแล้วเช่นกัน คงไม่อยากทำงานล่วงเวลาเหมือนอย่างเคย ทุกสิ่งเป็นได้แค่เพียงความคิดเท่านั้น เมื่อได้ยินเสียงสวรรค์จากลูกค้ารายสุดท้ายมาเยือน "สวัสดีครับแยม~" เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นบริเวณตรงหน้าประตู หญิงสาวเงยใบหน้าขึ้นมอง เห็นร่างสูงในเสื้อเชิ้ตแขนพับสีขาวกับกางเกงผ้าเรียบ "บรรเจิด" เพื่อนสมัยมัธยมและเป็นคนที่เคยทำให้หัวใจเธอแกว่งไกวอยู่พักหนึ่ง เขากำลังยืนยิ้มอย่างจริงใจ "อ้าว! บรรเจิด! มาซื้อของเหรอ หายหน้าหายตาไปหลายเดือนเลยนะ" แยมยิ้มตอบ พยายามควบคุมสีหน้าให้เป็นธรรมชาติ "ใช่! จะมาสั่งของไปลงงานวัดที่อำเภอข้างๆ แถมแม่เราฝากซื้อของอีกเพียบ กลัวจะขนไม่ไหวเหมือนกัน" เขาหัวเราะเบาๆ แล้วเลื่อนใบรายการสั่งซื้อยาวเหยียดให้เธอดู "โห…เยอะจริงด้วย" แยมกลืนน้ำลายก่อนจะตอบ เธอหันไปมองกองลังด้านหลังร้านที่ต้องยกออกมา ถ้าจัดของชุดนี้ให้ครบหมดก็ปาเข้าไปเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็มได้ เสียงนาฬิกาปลุกกระตุกความคิดเธออีกครั้ง ยูโรคงจะต้องนั่งรออีกสักพักแล้ว เธอสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะกล่าวออกมา "เดี๋ยวแยมรีบจัดให้นะ พวกเรามายกขนสินค้าขึ้นรถกันเถอะ!" แยมตอบบรรเจิดก่อนจะหันหน้าไปสั่งลูกน้องทั้งหลาย "ไม่ต้องรีบมากก็ได้ เราจะช่วยเธอยกให้เอง" บรรเจิดกล่าวแล้วเดินไปคว้ากล่องสินค้าลังใหญ่ขึ้นบนบ่าตนเอง ราวกับว่ามันเบากว่าที่ดวงตาเห็นเสียอีก แยมรีบวิ่งไปช่วยประคองขอบลังทันที "เดี๋ยวสิ! ของมันหนักมากนะ เดี๋ยวนายจะบาดเจ็บเอาได้น่ะ" แยมขมวดคิ้วมองบรรเจิดอย่างเป็นห่วง "เราไหวอยู่แล้ว แค่นี้เอง~" เขาหัวเราะพลางเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นตรงบริเวณหน้าผาก "ไม่ว่าจะเป็นสมัยก่อนหรือจะเป็นตอนนี้ นายก็ยังคงขี้เล่นเหมือนเดิมเลยนะ" แยมมองตามพลางหัวเราะ ระหว่างทั้งสองช่วยกันเรียงของลงตะกร้า สายลมยามเย็นพัดผ่านช่องหน้าต่างเป็นระลอก เสียงหัวเราะของพวกเขาประสานกันอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับมีความสุขกันมากเสียอย่างนั้น ตรงบริเวณทางเท้าอีกฟากฝั่งของถนน ยูโรยืนกอดอกพิงมอเตอร์ไซค์ มองภาพตรงหน้าผ่านกระจกบานใหญ่ของร้านเธอ ใจเขาที่เคยสงบนิ่งกลับต้องร้อนรุ่มอย่างไร้เหตุผล "เรานัดเวลากันเอาไว้แล้วนี่นา ทำไมเธอถึงยังไม่ออกมาสักที!" ยูโรรีบกล่าวอย่างหงุดหงิด หลังจากที่เขาได้ตบยุงตายไปหลายสิบตัวแล้ว แสงไฟของร้านสะท้อนให้เห็นภาพ.. บรรเจิดเอาผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้แยมที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ สิ่งที่เกิดขึ้นได้แทงตายูโรภายในทันที ราวกับมีบางอย่างบีบคั้นหัวใจให้เต้นแรงยิ่งกว่ายามปกติ "เธอ! กำลังหัวเราะ…อยู่กับเขา อย่างนั้นเหรอ" ยูโรกัดฟันกรอดพร้อมกำมือแน่น เขายืนนิ่งอยู่สักพักใหญ่ ก่อนจะถอนหายใจแรงเหมือนพยายามข่มทุกความรู้สึก บิดกุญแจมอเตอร์ไซค์แล้วขี่ออกไปโดยไม่เหลียวหลัง เหมือนอยากจะตั้งใจเลี่ยงการต้องพบเจอกับเธอเวลานี้ เหตุการณ์ภายในร้าน แยมเพิ่งยกลังกระดาษชิ้นสุดท้ายเรียงขึ้นชั้นเสร็จ ส่วนบรรเจิดเมื่อสินค้าครบตามรายการใบสั่งซื้อ เขาก็เร่งขับรถยนต์กลับบ้านอย่างว่องไว เพราะต้องไปแวะซื้ออย่างอื่นอีกมากมาย "โอ๊ย~ เกือบจะไม่ทันอยู่แล้ว" เธอรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา จนเห็นข้อความยูโรที่ส่งมาตั้งแต่สิบนาทีก่อน [ฉันยืนรออยู่ตรงหน้าร้านเธอนะ] หัวใจเธอหล่นวูบอย่างกะทันหัน สองขาเรียวเล็กรีบวิ่งออกไปตรงบริเวณหน้าร้าน แต่ถนนเส้นนี้กลับโล่งและว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงาของมอเตอร์ไซค์สีดำคันใหญ่ที่คุ้นตาเลย "ยูโร~ ไปไหนของเขากันล่ะเนี่ย คงไม่ได้โกรธตอนที่เห็นบรรเจิดมาซื้อของหรอกนะ ชอบขี้หึงซะด้วยสิ! น่าเป็นห่วงชะมัดเลย!" เธอพึมพำเบาๆ ก่อนจะขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย แต่เธอยังเลือกเดินเข้าห้องเอกสารเพื่อหยิบกระเป๋าสะพาย รีบออกคำสั่งลูกน้องให้กลับบ้านและล็อกประตูร้าน ส่วนแยมก็เตรียมตัวตรงดิ่งไปตึกสำนักงานของเขาทันที *อาคารสองชั้นสุดหรู* ยืนกดกริ่งหน้าประตูบานใหญ่อยู่สักพัก ยอดก็เดินมาเปิดให้พร้อมพาเข้าไปนั่งรออยู่ตรงโซฟา แต่ที่น่าตกตะลึงกว่าเพราะภายในห้องรับแขกแห่งนี้ ได้พบกับแพนด้าพนักงานบัญชีตัวน้อยของร้านตนเข้าน่ะสิ "มันเลยเวลาเลิกงานตั้งหลายชั่วโมงแล้วนะ ทำไมหนูยังไม่กลับบ้านอีก มาทำอะไรอยู่ที่นี่เหรอจ๊ะ" แยมเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย พร้อมเหลือบมองยอดที่กำลังยืนยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่ ซึ่งพฤติกรรมทั้งคู่คล้ายจะมีพิรุธกันอยู่ไม่น้อย "เอ่อ~ คือว่า.." แพนด้าเริ่มมีอาการนั่งเลิ่กลั่กอยู่ไม่เป็นสุข "ผมเป็นแฟนกับน้องเขาน่ะเจ๊!" ยอดกล่าวด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจัง เขายืดอกและสูดลมหายใจเข้าลึกหลังจากเงียบอยู่นาน "หา! ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน" แยมตะโกนถามอย่างตื่นตระหนก "ตอนเฮียยูโรเข้าโรงพยาบาลค่ะ!" แพนด้าตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น จนแยมต้องนั่งประมวลผลนึกย้อนความหลัง เมื่อข้อสงสัยกระจ่างจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ ถึงอยากจะร่วมยินดีแต่แพนด้าก็ยังเด็กเกินไปอีก "พวกเรา!! ยังไม่ได้มีอะไรเกินเลย อย่างที่เจ๊คิดหรอกนะครับ เจ๊อย่าเข้าใจพวกเราผิดนะครับ" ยอดกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน แสดงท่าทางยกสองมือพนมไหว้ขอร้องกันเสียอย่างนั้น "ถ้ายังคบกันอยู่ภายใต้ขอบเขตก็ดีแล้ว เพราะน้องยังเรียนไม่ทันจบเลยนะ หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันจะยุ่งยากเอาได้น่ะ" แยมรีบกล่าวอธิบาย เพียงแค่ไม่อยากให้ยอดต้องรู้สึกด้อยค่า ว่าตนอาจจะไม่คู่ควรกับแพนด้าเข้า เธอกลัวการผิดใจกับลูกน้องคนสนิทของยูโรด้วยเช่นกัน "ขอแค่เจ๊ไม่ห้ามพวกเราคบหากันก็พอแล้วแหละครับ ตามหาเฮียอยู่หรือเปล่าครับ เหมือนบอกว่าจะไปร้านคาราโอเกะนะ" ยอดกล่าวคำตอบที่แยมอยากรู้ทันที "ขอบคุณมาก อย่าลืมไปส่งแพนด้าด้วยนะ อีกอย่างตอนนี้มันดึกแล้วด้วย ค่อนข้างจะอันตรายมากน่ะ" แยมรีบบอกลาพร้อมเปิดประตูมุ่งหน้าไปร้านคาราโอเกะทันที "พี่ยอดคิดว่าเจ๊แยมจะตีหัวเฮียยูโรไหม" แพนด้ามองตามแผ่นหลังของแยมที่ไม่สนใจพวกเขาอีกเลย ท่าทางลุกลี้ลุกลนของเธอทำให้แพนด้าต้องเอ่ยถาม "จริงด้วยว่ะ! สองขาโหดคงไม่พังร้านคาราโอเกะหรอกนะ" ยอดกล่าวด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย พร้อมยกฝ่ามือหนาลูบใบหน้าตนเองทันที เพราะเหมือนจะรู้ตัวว่าเผลอสร้างเรื่องใหญ่แล้ว "เอ้า! พวกเราไปสังเกตการณ์หน่อยไหม อย่างน้อยถ้ามีคนบาดเจ็บจะได้ส่งโรงพยาบาลทันเวลา" แพนด้าเสนอความคิดเห็นออกมา เพราะกลัวว่าสถานการณ์จะเลวร้ายอย่างที่นึกถึงจริงๆ "พวกเราตามไปกันเถอะ! หากเกิดเรื่องขึ้นจะได้ระงับเหตุทัน!" ยอดกล่าวพร้อมแสดงสีหน้าจริงจัง กลัวเจ้านายตนจะได้รับบาดเจ็บกลับไปนอนโรงพยาบาลอีก "โอเคค่ะ! หากมันไม่มีอะไรพวกเราค่อยกลับบ้านกัน!" แพนด้ากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น กลัวเจ้านายตนไปพังร้านคาราโอเกะเข้าจริงๆแสงไฟระยิบระยับจากโคมระย้าคริสตัล ทอดเงาวูบไหวตามบนเพดานสูงของห้องจัดเลี้ยง เสียงดนตรีคลาสสิกบรรเลงคลอเบาๆ แทรกอยู่ระหว่างเสียงหัวเราะและคำอวยพร จากแขกผู้มีเกียรติยามค่ำคืนนี้งานวันเกิดของบรรเจิด ถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติยศ ไม่ใช่เพียงแค่เขาเป็นบุตรชายของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด หากแต่ยังเพราะเขาเพิ่งได้รับตำแหน่งใหม่ด้วย ซึ่งคือ..รองผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างเป็นทางการแยมยืนอยู่หน้าประตูห้องจัดเลี้ยง เธอสวมชุดกระโปรงสีน้ำเงิน แม้จะดูน่ารักเข้ากับรูปร่างเพรียวบางแต่ก็เรียบหรู สองมือประคองกล่องของขวัญทรงสี่เหลี่ยมผูกโบสีทองแน่นความรู้สึกประหม่าแล่นวาบภายในกลางอก เมื่อสายตาเธอกวาดมองบรรยากาศล้อมรอบตัว แขกภายในงานล้วนเป็น.. นักการเมืองกับข้าราชการระดับสูงและนักธุรกิจชื่อดัง ทุกคนดูสง่างามและคุ้นเคยกับโลกใบนี้ ต่างจากเธอที่ยังรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกเสมอแต่แล้วสายตาแยมก็หยุดลงที่ร่างสูงโปร่ง เขาสวมสูทสีดำอย่างเป็นทางการ บรรเจิดยืนอยู่กลางกลุ่มผู้ใหญ่ สีหน้าเปื้อนรอยยิ้มสุภาพ ดวงตาอบอุ่นเป็นประกายแม้จะต้องรับมือกับคำยินดีและคำอวยพรไม่ขาดสาย เขายังคงดูผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด ราวกับไม่ใช่งานให
*ร้านค้าขายปลีกส่งแยมมี่*แสงไฟบนหน้าจอกระทบแว่นตาเกือบหนึ่งชั่วโมง แยมนั่งตรวจสอบบัญชีอย่างมีสมาธิ จู่ๆ สมองของเธอกลับมีคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของแพนด้าเสียอย่างนั้นเธอกดบันทึกไฟล์เอกสารและปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ลง ก่อนจะใช้สองมือเล็กดันโต๊ะสำนักงาน จนเก้าอี้ล้อเลื่อนถอยหลังอย่างเชื่องช้า แอบชำเลืองสายตามองสาวน้อย อยู่ตรงบริเวณหน้าจอคอมพิวเตอร์"เจ๊มีอะไรหรือเปล่าคะ หนูทำบัญชีไม่เรียบร้อยใช่ไหมคะ" แพนด้าวิ่งพรวดพราดมาใกล้บริเวณโต๊ะที่แยมนั่ง ด้วยท่าทางตื่นตระหนกเพราะกลัวโดนดุแยมเอื้อมแขนยาวไปตรงแผ่นหลังสาวน้อย ก่อนจะยกฝ่ามือลูบแผ่วเบา ราวกับปลอบโยนไม่ให้แพนด้าตื่นเต้นเกินเหตุ"เจ๊..แค่มีคำถามที่สงสัยต่างหาก ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานเลย" แยมกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แพนด้ากลับยืนขนลุกซู่ราวกับถูกกดดัน"เจ๊รีบถามมาเลยเถอะ ท่าทางแบบนี้ของเจ๊ มันทำให้หนูอึดอัดเกินไปนะคะ" แพนด้าตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เปลี่ยนทิศทางสายตาเบนลงต่ำแทน"เจ๊ยังจำได้อยู่นะ คราวก่อน..แพนด้ามาคุยเล่นกับเจ๊น่ะ เหมือนจะมีเพื่อนหนุ่มจอมเกเรตามจีบไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมดันมาคบหากับยอดได้ล่ะ แค่ยังสงสัยว่าหนูไม่ได้คบซ้อนใช
*อาคารสองชั้นสุดหรู*เสียงเครื่องยนต์จอดนิ่งและดับสนิทลงท่ามกลางความมืดมิด แยมเปิดประตูฝั่งคนขับออกมายืนเท้าสะเอวมองอย่างชั่งใจ หัวคิ้วคนสวยขมวดมุ่นเธอเบะปากราวกับโมโหยูโรอยู่ไม่น้อย แต่ทว่าสองขาเรียวเล็กกลับเดินไปเปิดประตูฝั่งผู้โดยสาร เธอแบกร่างกายอันหนาเตอะของชายขี้เมาออกมาทันที"เอามา!" แยมตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมแสดงสีหน้าโกรธเคือง เธอยื่นฝ่ามือเล็กแบออกอยู่ตรงหน้าเขา แต่กลับโดนอีกฝ่ายเอาคางมาเกยแทน"จะเอาหัวใจของผมเหรอครับคนสวย~" ยูโรกล่าวด้วยน้ำเสียงยานคางเขายิ้มหวานอย่างกวนอารมณ์"นายอยากตายมากนักเหรอ ฉันเป็นใครกันแน่ นายช่วยลืมตาดูหน่อยเถอะนะ" แยมสวนกลับทันควัน เพราะคิดว่าเขายังเอาแต่คิดถึงสาวร้านคาราโอเกะอีก"คุณเป็น..ภรรยาของผมน่ะสิ!" ยูโรยิ้มแป้นตาแทบปิด เตรียมจะยกฝ่ามือหนาลูบละไล้ดวงหน้าเห่อร้อนของเธอ แต่แยมเลือกที่จะผลักเขานอนลงกับพื้นปูนซีเมนต์แทน"ส่งกุญแจมาสักที! ยุงกัดจะตายอยู่แล้วเนี่ย!" แยมตวาดใส่แก้เขินอาย เธอยืนเม้มริมฝีปากแน่นพร้อมกอดอกตนเอง หวังเพียงให้ดวงใจเต้นอย่างสงบลงเขารีบล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วส่งให้เธออย่างว่าง่าย เมื่อประตูบานเล็กถูกเปิดออกแยมจึงลากยูโรเข้
*ร้านคาราโอเกะ*แสงไฟนีออนดวงสีชมพูม่วงกะพริบระยิบระยับ เสียงดนตรีจากห้องข้างๆ ดังลอดมาเป็นจังหวะ ยูโรนั่งอยู่ตรงมุมเคาน์เตอร์บาร์แก้ววิสกี้ในมือแทบไม่เคยว่าง เขาคอยรินซ้ำจนของเหลวสีทองขลุกขลิกเกือบล้นขอบแก้วภายในหัวใจของเขา.. ยังคงวนเวียนกับภาพแยมกำลังยืนหัวเราะเคียงข้างบรรเจิด หรือว่าเธอไม่เห็นความหมายของการรอคอยที่เราทำมาตลอดเลย เขาเอาแต่นั่งตัดพ้อตัวเองอยู่ซ้ำๆหญิงสาวรูปร่างเพรียวบางหน้าตาดีคนหนึ่ง เธอสวมชุดกระโปรงสีทองแบบกระชับลำตัว เดินเข้ามานั่งอยู่ตรงด้านข้างเขา กลิ่นน้ำหอมแสนหวานช่างเย้ายวนราวกับกลิ่นไวน์เก่าแก่"ยูโร! ไม่ได้เจอกันตั้งนาน!" น้ำเสียงสดใสเอ่ยทักทายคนนั่งสับสน เธอกำลังเท้าคางมองแววตาเป็นประกาย เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะจำได้ "เรไร" อดีตเพื่อนสนิทของแยมสมัยเรียนมัธยม พวกเธอทั้งสองเคยไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ และยังเคยเป็นแฟนเก่าของเขาด้วยเช่นกัน"อืม!" ยูโรตอบเสียงแหบแสนจะแผ่วเบาเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์"นายมานั่งดื่มคนเดียว แต่ทำไมหน้าตาบึ้งตึงเชียว" เรไรหัวเราะน้อยๆ มือเรียวแตะไหล่เขาเป็นเชิงหยอกล้อ ยูโรไม่ได้ผลักไสเพราะเคยพูดคุยปรับความเข้าใจกันแล้ว เพียงปล่อยให้เ
*ร้านค้าขายปลีกส่งแยมมี่*เสียงกระดิ่งเหนือประตูไม้เริ่มดังเมื่อมีลูกค้าเปิดเข้ามาอีกครั้ง กลิ่นหอมกรุ่นจากขนมปังสดกับใบตองที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งร้าน ผสมกับเสียงเครื่องคิดเลขดังไม่หยุด ทำให้บรรยากาศดูคึกคักกว่ายามปกติแยมจัดเรียงขนมปังกรอบลงตะกร้าใหญ่ พลางเหลือบมองนาฬิกาแขวนบนฝาผนังเป็นระยะ เข็มสั้นชี้ที่เลขห้าเข็มยาวเกือบแตะเลขสิบสอง ใจเธอเต้นแผ่วแรงด้วยความคาดหวังอีกเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น ยูโรก็คงมารออยู่ตรงหน้าร้านเหมือนทุกวัน ตั้งแต่เขาออกจากโรงพยาบาลมา ทั้งสองมักจะเดินเล่นรับลมยามเย็นด้วยกัน จนเป็นดั่งกิจวัตรประจำวันเลยเหล่าลูกน้องต่างกระวีกระวาดทำงาน เพราะใกล้ได้เวลาเลิกงานแล้วเช่นกัน คงไม่อยากทำงานล่วงเวลาเหมือนอย่างเคย ทุกสิ่งเป็นได้แค่เพียงความคิดเท่านั้น เมื่อได้ยินเสียงสวรรค์จากลูกค้ารายสุดท้ายมาเยือน"สวัสดีครับแยม~" เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นบริเวณตรงหน้าประตูหญิงสาวเงยใบหน้าขึ้นมอง เห็นร่างสูงในเสื้อเชิ้ตแขนพับสีขาวกับกางเกงผ้าเรียบ "บรรเจิด" เพื่อนสมัยมัธยมและเป็นคนที่เคยทำให้หัวใจเธอแกว่งไกวอยู่พักหนึ่ง เขากำลังยืนยิ้มอย่างจริงใจ"อ้าว! บรรเจิด! มาซื้อของเหรอ หายหน้าห
*ภัตตาคารสุดหรู*เสียงไวโอลินบรรเลงคลอเบาๆ ท่ามกลางแสงไฟสลัวมองแล้วย่อมอบอุ่นสายตา ภายในภัตตาคารหรูหราริมแม่น้ำถูกตกแต่งด้วยโทนสีครีมทอง ประกายวิบวับจากแชนเดอเลียร์เหนือศีรษะห้อยระย้าจากบนเพดาน ส่องแสงกระทบแก้วไวน์จนระยิบระยับ แยมเอาแต่ยืนเกร็งตัวอยู่ด้านหน้า ใจเธอเต้นแรงราวกับเด็กที่ถูกครูใหญ่เรียกพบ"ไม่ต้องกังวลนะหนูแยม พ่อแค่พามาทานอาหารอร่อยกัน ปล่อยตัวตามสบายเถอะนะ" เสียงสุภาพของเปโซเอ่ยขึ้น เขาเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ ผมขาวแซมขมับแต่งตัวด้วยสูทเข้ารูป ดูภูมิฐานจนใครๆ ต้องเหลียวมองข้างกายคือดีนาร์ เธอเป็นภรรยาของเขา หญิงวัยกลางคนที่ยังคงงดงามในชุดกระโปรงผ้าไหมสีงาช้าง ใบหน้าสงบและอ่อนโยน เธอยื่นมือมาสัมผัสแขนแยมเบาๆ แทนกำลังใจ"แม่เองก็ตั้งใจอยากจะเจอหนูมานานแล้ว วันนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีเลยนะ" ดีนาร์กล่าวพร้อมยิ้มหวานแยมกะพริบตาปริบๆ มือเรียวกำสายกระเป๋าสะพายไหล่จนแน่น เธอสวมชุดกระโปรงเรียบง่ายที่พยายามเลือกอย่างคัดสรรให้ดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกไม่คู่ควรกับสถานที่และบรรยากาศเลย เพราะออกจากโรงพยาบาลมาได้ ก็ถูกคุณแม่ของยูโรแปลงโฉมภายในห้างสรรพสินค้าทันที"ขอบคุณมากเลยค่ะ







