Masuk#เหตุการณ์ปัจจุบัน#
*ห้องกายภาพบำบัดของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง* ช่วงเวลายามบ่ายสว่างไสวด้วยแสงแดดลอดผ่านม่านสีขาวสะอาด กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อจางๆ ลอยคลอคลุ้งทั่วห้องขนาดกว้าง แต่กลับไม่ได้ทำให้บรรยากาศดูตึงเครียดสักเท่าไร เมื่อหญิงสาวรูปร่างบอบบางยืนกอดอกมองคนบนรถเข็นอย่างจับผิด "คุณหมอบอกให้หัดเดินทีละนิด! ไม่ใช่แอบอู้แล้วทำหน้าเหมือนจะเป็นลมทุกสามนาทีแบบนี้นะคะ คุณยูโร!" แยมย่นคิ้วใช้สายตาจับผิดเต็มที่ ชายหนุ่มผู้ใช้เวลานอนพักฟื้นร่างกายให้กลับมาปกติ ซึ่งอยู่ภายในโรงพยาบาลระยะเวลาเกือบสี่เดือนเต็ม เขากำลังนั่งแค่นหัวเราะอยู่ภายในลำคอ ดวงตาคมคายเหลือบมองเธออย่างคนไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย "ใครเขาจะอยากรีบเดินกันล่ะ! ในเมื่อมีเธอคอยเข็นรถให้ตลอด มันสบายออกจะตายไปนะ" เขาตอบกลับพร้อมเลิกคิ้วสูงตั้งใจยียวนกวนอารมณ์เธอ "อ๋อเหรอ! สรุปว่าเป็นฉันเองนี่แหละ ที่ทำให้นายรู้สึกขี้เกียจ" แยมกล่าวด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย เธอรีบยกฝ่ามือเล็กมาเท้าสะเอวทันที "ถูกต้องที่สุดนะครับ!" เขายักคิ้วให้อย่างคนเจ้าเล่ห์ แยมถอนหายใจแรงออกมา แต่ใบหน้าเธอกลับซ่อนรอยยิ้มไว้ไม่มิด รู้ทั้งรู้ว่า.. คนตรงหน้าแกล้งกวนเพื่อเรียกร้องความสนใจ เธอเลยก้มลงไปกระซิบใกล้ๆ ใบหูเขาทันที "วันนี้ถ้านายไม่ยอมลุกขึ้นยืนเพื่อฝึกเดิน ฉันจะไม่ซื้อขนมมาฝากอีกต่อไป แถมจะสั่งให้พวกยอดกับใหญ่ไม่ต้องเอามาฝากนายอีกด้วย หึ!" เพียงแค่เท่านั้นแหละ ยูโรก็เบิกตากว้าง ร่างสูงโปร่งที่เคยพิงพนักเก้าอี้อย่างหมดแรงก่อนหน้านั้น พลันตั้งตรงขึ้นมาเหมือนถูกปลุกด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ "เล่นแรงไปแล้วนะ แยม! ขนมเธอนี่แหละคือกำลังใจชีวิตฉันเลยนะ อาหารโรงพยาบาลจืดชืดจะตาย เฮ้อ~" "ก็แล้วจะยอมลุกไหมล่ะ" เธอเท้าสะเอวทำหน้าขึงขัง แต่ดวงตาคู่สวยเป็นประกายวิบวับราวกับชอบใจ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างยอมแพ้ ก่อนจะค่อยๆ วางสองเท้าที่แข็งเกร็งลงบนพื้น เสียงไม้เท้ากระทบพื้นกระเบื้องสีขาวแผ่วเบา แยมรีบเข้ามาประคองแขนเขาไว้เหมือนแม่ไก่หวงลูกเจี๊ยบ "นายระวังนะ มาจับแขนฉันไว้แน่นๆ ก็ได้ หากกลัวว่าจะล้มขึ้นมาน่ะ" แยมกล่าวพร้อมแสดงสีหน้าเป็นกังวลทันที "พูดแบบนี้ ฉันไม่อยากจะปล่อยมือเธอไปอีกแล้วล่ะ" เขาเอ่ยเสียงทุ้มต่ำเจือรอยยิ้มกวนๆ "นี่! ฉันหมายถึงให้นายจับเอาไว้กันมันลื่นล้ม ไม่ได้หมายถึงว่าเราสองคนคบกันอะไรสักหน่อย!" แยมกล่าวทั้งที่ใบหน้าแดงระเรื่อแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากเขา ก้าวแรกนั้นเป็นไปอย่างเชื่องช้า ร่างสูงโปร่งพยายามฝืนความเจ็บปวดจากกล้ามเนื้อที่ไม่ถูกใช้งานมานาน "แยม! ฉันว่าขาเธอสั่นมากกว่าขาฉันอีกนะ" เขากัดฟันแน่นแต่ก็ยังเอ่ยแหย่เธอได้ "ใครเขาสั่นกัน! อีตาบ้านี่!" แยมสะบัดหน้าหนีแต่แก้มแดงปลั่งจนปฏิเสธไม่ออก เธอคอยประคองทั้งแขนและเอวของเขา ความใกล้ชิดทำให้ได้ยินแม้กระทั่งจังหวะลมหายใจ ซึ่งหนักหน่วงจากความพยายามของเขาทั้งสิ้น หัวใจเธอพลอยเต้นแรงผิดจังหวะไปด้วย จนเมื่อเขาเดินได้ครบหนึ่งรอบห้อง ยูโรก็ทรุดลำตัวลงบนเก้าอี้รถเข็นอย่างหมดแรง แต่ริมฝีปากกลับยกยิ้มภาคภูมิใจตนเอง "เห็นไหม~ ฉันทำได้แล้ว!" เขากล่าวพร้อมหลับตาพริ้มเพื่อฝืนทนความเจ็บปวด "เก่งมากเลยค่ะ!" แยมเผลอตบมือเสียงดัง ก่อนจะรีบลดมือลงเหมือนกลัวเขาจะล้อเลียนตนเอง ทว่ากลับสายไปเสียแล้ว "หึ! มีตบมือให้ด้วยนะ นี่เธอเห็นฉันเป็นเด็กหัดเดินอยู่หรือยังไงกัน" ยูโรหัวเราะจนไหล่สั่นกับพฤติกรรมสาวสวย "เกือบจะใช่น่ะสิ!" แยมกล่าวด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย เขาเงยหน้าหล่อคมคายมองเธออย่างเอ็นดู รอยยิ้มอบอุ่นค่อยๆ กลืนกินความเหนื่อยล้าไปจนหมดสิ้น "ถ้าไม่มีเธอคอยอยู่ข้างๆ ฉันคงท้อไปนานแล้วแหละแยม!" น้ำเสียงจริงจังทำให้เธอชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตากลมโตรีบหลบสายตาคมที่จับจ้องแยมอยู่ "ฉันแค่ไม่อยากเห็นนายหมดหวังเท่านั้นเอง~" เธอยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองแก้เก้อ ยูโรพยุงตัวลุกขึ้นอีกครั้ง ฝ่ามือหนาคว้ามือเล็กเธอมากุมไว้แน่น "เธออย่าหายไปไหนอีกนะ ช่วยอยู่ตรงนี้คอยเป็นกำลังใจให้ฉัน เพื่อกลับมาเดินได้ดังเดิมก่อน จะได้หรือเปล่า" เขาสบสายตานิ่งราวกับคาดหวังเอาไว้มาก "บ้าเหรอ! ฉันก็มีร้านค้าที่ต้องดูแลนะ อย่าลืมจ่ายค่าพยาบาลให้ฉันด้วยล่ะ!" เธอบ่นเบาๆ แต่หัวใจกลับเต้นดังถี่ระรัวราวกับจะหลุดออกมา ความอบอุ่นจากฝ่ามือเขาส่งต่อมาอย่างไม่อาจปฏิเสธ "สำหรับฉัน! เรื่องเงินทองไม่ใช่ปัญหา ถ้าหากฉันหายดีแล้ว เธอต้องยอมไปเดินเล่นกับฉันทุกเย็นเป็นการตอบแทนนะ" ยูโรทำตาซุกซนขึ้นมาอีกครั้ง "หืม? ใครอนุญาตมิทราบกันคะ!" แยมรีบตอบกลับ "ฉันอนุญาตเอง~" เขายักคิ้วอย่างมั่นใจ "เป็นคนป่วยหรือว่าคนเอาแต่ใจกันแน่เนี่ย!" แยมทำท่าทางเหมือนอยากผลักเขาลงบนเก้าอี้อีกครั้ง แต่เพราะกลัวเขาจะเจ็บเลยได้แค่ยืนมองด้วยสายตาดุๆ ที่เอาไม่เคยอยู่ "เป็นคนที่อยากอยู่กับเธอไปนานๆ นั่นแหละ!" ยูโรหัวเราะร่าอีกครั้ง ก่อนยกมือเธอขึ้นแนบแก้ม คำพูดเรียบง่ายกลับทำให้ทั้งห้องเงียบงันไปชั่วขณะ เธอเผลอกัดริมฝีปากก้มหน้าลงต่ำซ่อนความเขินอายเอาไว้ "เอาเถอะ! คราวหน้าอย่าให้เห็นว่าแอบอู้อีก ไม่อย่างงั้น~ ฉันจะไม่ถือไม้เท้าช่วยนายอีกแล้วนะ" แยมแกล้งทำเสียงเข้มเพื่อกลบเกลื่อน "ไม่ต้องถือไม้เท้าหรอก แค่เธอจับมือฉันไว้ มันก็พอมากแล้ว" ยูโรกล่าวด้วยน้ำเสียงปกติ ครั้งนี้เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรเขากลับอีกเลย มีเพียงเข็นรถเพื่อไปห้องพักแบบส่วนตัวภายในโรงพยาบาล แม้จะปากแข็งไม่ยอมรับแต่ทว่าเธอกลับเริ่มหวั่นไหวอย่างเงียบๆ จังหวะแยมกำลังนั่งปอกเปลือกผลไม้ ส่วนยูโรพยายามกดรีโมตคอนโทรลเลื่อนหาช่องโทรทัศน์บนเตียง ประตูห้องกลับถูกเปิดอ้าจนพวกเราต้องหันมองจุดหมายเดียวกัน ปรากฏเป็นคุณพ่อและคุณแม่ของยูโรท่านเดินปรี่เข้ามาหาทันที "เป็นอย่างไรบ้างลูก" ดีนาร์กล่าวถามอย่างตื่นตระหนก เธอเกาะขอบเตียงไม่กล้าสัมผัสลูกรักตนเอง เพราะกลัวเขาจะยังเจ็บอยู่ "อุบัติเหตุจริงเหรอ พ่อจะให้ลูกน้องไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดอีกรอบดีกว่า" เปโซกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "พ่อกับแม่ไปไหนมาครับ ผมจะออกจากโรงพยาบาลอยู่แล้วเนี่ย" ยูโรหรี่ตามองผู้ให้กำเนิดคล้ายว่ากำลังน้อยใจอยู่ "ต้องโทษพ่อตัวดีของแกเลย~ คราแรกจะแค่แวะซื้อที่ดินต่างจังหวัดเพิ่มเท่านั้นเอง ไม่ถึงเดือนก็กลับมาได้แล้ว แต่พอโดนนายหน้ายั่วยุให้ไปทริปเดินชมป่าเขา พ่อแกก็บ้าจี้ไม่ดูอายุเลย สุดท้ายเหนื่อยเลยนั่งพักผ่อนจนหลงกลุ่มกับพวกนักท่องเที่ยว" ดีนาร์รีบกล่าวอธิบาย ซึ่งยูโรเลิกคิ้วสูงราวกับไม่เชื่ออีก "ประเด็นคือหลงอยู่ภายในป่าลึกเป็นเดือนเลย สัญญาณก็ไม่มี ส่วนพวกลูกน้องคนสนิททิ้งไว้ที่ทางขึ้นภูเขาโน้น ได้แต่กินอาหารกระป๋องเป็นเดือนประทังชีวิต เฝ้ารอพวกเจ้าหน้าที่มาพาออกไป" ดีนาร์กล่าวอย่างโมโหสามีของเธอ "พ่อขอโทษ~ เลิกโกรธได้แล้วนะครับ" เปโซกล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อนภรรยา ยกฝ่ามือหนาสัมผัสฝ่ามือเล็กของภรรยาอย่างรู้สึกผิด "ช่างมันเถอะครับ กลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว" ยูโรกล่าวด้วยน้ำเสียงเอือมระอา เพราะเหตุการณ์เช่นนี้เหมือนจะเป็นครั้งที่สองแล้ว ครั้งแรกสมัยตอนไปเรียนที่ต่างประเทศ คุณพ่อก็เล่นพาคุณแม่ไปติดเกาะร้างมาหนหนึ่งแล้วเช่นกัน "เอ่อ! สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า" แยมกล่าวด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย ไม่อยากจะขัดเวลาครอบครัว เพราะตัวเองก็ยืนอมยิ้มหวานอย่างดีใจเช่นกัน แต่จะไม่เอ่ยทักทายมันอาจจะดูไร้มารยาทไปสักหน่อย "ลูกสะใภ้ของแม่! คงลำบากหนูไม่น้อยเลยใช่ไหมจ๊ะ" ดีนาร์กล่าวถามพร้อมวิ่งมากุมมือแยมเอาไว้แน่น แววตาเป็นประกายสดใสเหมือนครั้งอดีตวัยเยาว์ที่เคยพบกันเลย "หนูแยม! อย่าไปเผลอตามใจไอ้ลูกเวรนี่! ของพ่อให้มากนะ หากมีตรงไหนที่ว่าไม่สมเหตุสมผล หนูก็คัดค้านได้ตลอดเวลาเลย หากมันกล้ารังแกมาฟ้องพ่อกับแม่ได้เสมอ" เปโซกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น แววตามีความเอ็นดูแยมเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน "คือว่า.. พวกเรายังไม่ได้กลับมาคืนดีกันค่ะ อย่าเรียกว่าลูกสะใภ้เลยนะคะ หนูรับฐานะนี้ไม่ไหวจริงๆ ค่ะ" แยมกล่าวด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย เธอเม้มริมฝีปากแน่นกะพริบตามองผู้ใหญ่ทั้งสอง "โธ่! มันเป็นเรื่องของเวลา แม่เองก็ไม่รีบหรอกนะ เพราะแม่ล้วนเข้าใจดีว่าลูกชายแม่มันไม่ได้เรื่องเองน่ะ!" ดีนาร์กล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นพร้อมปรายหางตามองลูกชายทันที "ให้ตายเถอะ! ไม่ว่าจะเป็นความรักต่อผู้หญิงหรือต่อครอบครัว ทำไมผมเหมือนเป็นส่วนเกินตลอดเลยเนี่ย!" ยูโรล้มตัวนอนตะแคงคลุมผ้าห่มแสร้งว่างอนราวกับตนเป็นเด็กน้อย "เป็นลูกผู้ชายทั้งแท่งยังจะทำเป็นน้อยอกน้อยใจอย่างกับผู้หญิง หึ!" เปโซกล่าวด้วยน้ำเสียงประชดประชัน พร้อมยืนกอดอกมองลูกชายแสนเอาแต่ใจของตนเอง "หนูแยมคงเหนื่อยมากเลยสินะ ที่ต้องมาคอยดูแลคนดื้อแบบนั้นทุกวัน ช่างน่าสงสารเหลือเกิน คุณคะ! พวกเราพาหนูแยมไปทานอาหารเย็นที่ภัตตาคารหรูสักแห่งดีกว่า" ดีนาร์กล่าวพร้อมจูงมือแยมเดินออกไปโดยไม่สนใจยูโรอีกเลย "อ้าว! แม่ครับ! หากพาเธอไปแล้วใครจะดูแลผมล่ะ!" ยูโรตะโกนทักท้วงมุดออกมาจากผ้าห่มทันที "อยู่คนเดียวไปเถอะ หึ! รีบง้อหนูแยมไวหน่อยช่วงนี้ ก่อนแกจะโดนใครตัดหน้าไปเสียก่อน" เปโซกล่าวด้วยน้ำเสียงเอือมระอา เขาหรี่ตามองลูกชายพร้อมส่ายศีรษะให้ "จะให้ผมทำอย่างไรล่ะครับ เธอใจแข็งเป็นหินไปแล้วมั้ง หยอดทุกวันเป็นขนมครกเลยเนี่ยครับ พ่อ~" ยูโรกล่าวด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยพร้อมถอนหายใจออกมา "ไม่สบายอยู่นี่! อย่าฉลาดน้อยให้มากนักเลย พ่อไปแล้วเดี๋ยวโดนแม่ทิ้งอีกคน" เปโซกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบวิ่งออกไปอย่างว่องไว ส่วนยูโรนั่งอมยิ้มหวานเมื่อได้ฟังคุณพ่อทิ้งท้ายวิธีการรับมือคนสวยแสงไฟระยิบระยับจากโคมระย้าคริสตัล ทอดเงาวูบไหวตามบนเพดานสูงของห้องจัดเลี้ยง เสียงดนตรีคลาสสิกบรรเลงคลอเบาๆ แทรกอยู่ระหว่างเสียงหัวเราะและคำอวยพร จากแขกผู้มีเกียรติยามค่ำคืนนี้งานวันเกิดของบรรเจิด ถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติยศ ไม่ใช่เพียงแค่เขาเป็นบุตรชายของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด หากแต่ยังเพราะเขาเพิ่งได้รับตำแหน่งใหม่ด้วย ซึ่งคือ..รองผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างเป็นทางการแยมยืนอยู่หน้าประตูห้องจัดเลี้ยง เธอสวมชุดกระโปรงสีน้ำเงิน แม้จะดูน่ารักเข้ากับรูปร่างเพรียวบางแต่ก็เรียบหรู สองมือประคองกล่องของขวัญทรงสี่เหลี่ยมผูกโบสีทองแน่นความรู้สึกประหม่าแล่นวาบภายในกลางอก เมื่อสายตาเธอกวาดมองบรรยากาศล้อมรอบตัว แขกภายในงานล้วนเป็น.. นักการเมืองกับข้าราชการระดับสูงและนักธุรกิจชื่อดัง ทุกคนดูสง่างามและคุ้นเคยกับโลกใบนี้ ต่างจากเธอที่ยังรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกเสมอแต่แล้วสายตาแยมก็หยุดลงที่ร่างสูงโปร่ง เขาสวมสูทสีดำอย่างเป็นทางการ บรรเจิดยืนอยู่กลางกลุ่มผู้ใหญ่ สีหน้าเปื้อนรอยยิ้มสุภาพ ดวงตาอบอุ่นเป็นประกายแม้จะต้องรับมือกับคำยินดีและคำอวยพรไม่ขาดสาย เขายังคงดูผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด ราวกับไม่ใช่งานให
*ร้านค้าขายปลีกส่งแยมมี่*แสงไฟบนหน้าจอกระทบแว่นตาเกือบหนึ่งชั่วโมง แยมนั่งตรวจสอบบัญชีอย่างมีสมาธิ จู่ๆ สมองของเธอกลับมีคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของแพนด้าเสียอย่างนั้นเธอกดบันทึกไฟล์เอกสารและปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ลง ก่อนจะใช้สองมือเล็กดันโต๊ะสำนักงาน จนเก้าอี้ล้อเลื่อนถอยหลังอย่างเชื่องช้า แอบชำเลืองสายตามองสาวน้อย อยู่ตรงบริเวณหน้าจอคอมพิวเตอร์"เจ๊มีอะไรหรือเปล่าคะ หนูทำบัญชีไม่เรียบร้อยใช่ไหมคะ" แพนด้าวิ่งพรวดพราดมาใกล้บริเวณโต๊ะที่แยมนั่ง ด้วยท่าทางตื่นตระหนกเพราะกลัวโดนดุแยมเอื้อมแขนยาวไปตรงแผ่นหลังสาวน้อย ก่อนจะยกฝ่ามือลูบแผ่วเบา ราวกับปลอบโยนไม่ให้แพนด้าตื่นเต้นเกินเหตุ"เจ๊..แค่มีคำถามที่สงสัยต่างหาก ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานเลย" แยมกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แพนด้ากลับยืนขนลุกซู่ราวกับถูกกดดัน"เจ๊รีบถามมาเลยเถอะ ท่าทางแบบนี้ของเจ๊ มันทำให้หนูอึดอัดเกินไปนะคะ" แพนด้าตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เปลี่ยนทิศทางสายตาเบนลงต่ำแทน"เจ๊ยังจำได้อยู่นะ คราวก่อน..แพนด้ามาคุยเล่นกับเจ๊น่ะ เหมือนจะมีเพื่อนหนุ่มจอมเกเรตามจีบไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมดันมาคบหากับยอดได้ล่ะ แค่ยังสงสัยว่าหนูไม่ได้คบซ้อนใช
*อาคารสองชั้นสุดหรู*เสียงเครื่องยนต์จอดนิ่งและดับสนิทลงท่ามกลางความมืดมิด แยมเปิดประตูฝั่งคนขับออกมายืนเท้าสะเอวมองอย่างชั่งใจ หัวคิ้วคนสวยขมวดมุ่นเธอเบะปากราวกับโมโหยูโรอยู่ไม่น้อย แต่ทว่าสองขาเรียวเล็กกลับเดินไปเปิดประตูฝั่งผู้โดยสาร เธอแบกร่างกายอันหนาเตอะของชายขี้เมาออกมาทันที"เอามา!" แยมตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมแสดงสีหน้าโกรธเคือง เธอยื่นฝ่ามือเล็กแบออกอยู่ตรงหน้าเขา แต่กลับโดนอีกฝ่ายเอาคางมาเกยแทน"จะเอาหัวใจของผมเหรอครับคนสวย~" ยูโรกล่าวด้วยน้ำเสียงยานคางเขายิ้มหวานอย่างกวนอารมณ์"นายอยากตายมากนักเหรอ ฉันเป็นใครกันแน่ นายช่วยลืมตาดูหน่อยเถอะนะ" แยมสวนกลับทันควัน เพราะคิดว่าเขายังเอาแต่คิดถึงสาวร้านคาราโอเกะอีก"คุณเป็น..ภรรยาของผมน่ะสิ!" ยูโรยิ้มแป้นตาแทบปิด เตรียมจะยกฝ่ามือหนาลูบละไล้ดวงหน้าเห่อร้อนของเธอ แต่แยมเลือกที่จะผลักเขานอนลงกับพื้นปูนซีเมนต์แทน"ส่งกุญแจมาสักที! ยุงกัดจะตายอยู่แล้วเนี่ย!" แยมตวาดใส่แก้เขินอาย เธอยืนเม้มริมฝีปากแน่นพร้อมกอดอกตนเอง หวังเพียงให้ดวงใจเต้นอย่างสงบลงเขารีบล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วส่งให้เธออย่างว่าง่าย เมื่อประตูบานเล็กถูกเปิดออกแยมจึงลากยูโรเข้
*ร้านคาราโอเกะ*แสงไฟนีออนดวงสีชมพูม่วงกะพริบระยิบระยับ เสียงดนตรีจากห้องข้างๆ ดังลอดมาเป็นจังหวะ ยูโรนั่งอยู่ตรงมุมเคาน์เตอร์บาร์แก้ววิสกี้ในมือแทบไม่เคยว่าง เขาคอยรินซ้ำจนของเหลวสีทองขลุกขลิกเกือบล้นขอบแก้วภายในหัวใจของเขา.. ยังคงวนเวียนกับภาพแยมกำลังยืนหัวเราะเคียงข้างบรรเจิด หรือว่าเธอไม่เห็นความหมายของการรอคอยที่เราทำมาตลอดเลย เขาเอาแต่นั่งตัดพ้อตัวเองอยู่ซ้ำๆหญิงสาวรูปร่างเพรียวบางหน้าตาดีคนหนึ่ง เธอสวมชุดกระโปรงสีทองแบบกระชับลำตัว เดินเข้ามานั่งอยู่ตรงด้านข้างเขา กลิ่นน้ำหอมแสนหวานช่างเย้ายวนราวกับกลิ่นไวน์เก่าแก่"ยูโร! ไม่ได้เจอกันตั้งนาน!" น้ำเสียงสดใสเอ่ยทักทายคนนั่งสับสน เธอกำลังเท้าคางมองแววตาเป็นประกาย เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะจำได้ "เรไร" อดีตเพื่อนสนิทของแยมสมัยเรียนมัธยม พวกเธอทั้งสองเคยไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ และยังเคยเป็นแฟนเก่าของเขาด้วยเช่นกัน"อืม!" ยูโรตอบเสียงแหบแสนจะแผ่วเบาเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์"นายมานั่งดื่มคนเดียว แต่ทำไมหน้าตาบึ้งตึงเชียว" เรไรหัวเราะน้อยๆ มือเรียวแตะไหล่เขาเป็นเชิงหยอกล้อ ยูโรไม่ได้ผลักไสเพราะเคยพูดคุยปรับความเข้าใจกันแล้ว เพียงปล่อยให้เ
*ร้านค้าขายปลีกส่งแยมมี่*เสียงกระดิ่งเหนือประตูไม้เริ่มดังเมื่อมีลูกค้าเปิดเข้ามาอีกครั้ง กลิ่นหอมกรุ่นจากขนมปังสดกับใบตองที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งร้าน ผสมกับเสียงเครื่องคิดเลขดังไม่หยุด ทำให้บรรยากาศดูคึกคักกว่ายามปกติแยมจัดเรียงขนมปังกรอบลงตะกร้าใหญ่ พลางเหลือบมองนาฬิกาแขวนบนฝาผนังเป็นระยะ เข็มสั้นชี้ที่เลขห้าเข็มยาวเกือบแตะเลขสิบสอง ใจเธอเต้นแผ่วแรงด้วยความคาดหวังอีกเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น ยูโรก็คงมารออยู่ตรงหน้าร้านเหมือนทุกวัน ตั้งแต่เขาออกจากโรงพยาบาลมา ทั้งสองมักจะเดินเล่นรับลมยามเย็นด้วยกัน จนเป็นดั่งกิจวัตรประจำวันเลยเหล่าลูกน้องต่างกระวีกระวาดทำงาน เพราะใกล้ได้เวลาเลิกงานแล้วเช่นกัน คงไม่อยากทำงานล่วงเวลาเหมือนอย่างเคย ทุกสิ่งเป็นได้แค่เพียงความคิดเท่านั้น เมื่อได้ยินเสียงสวรรค์จากลูกค้ารายสุดท้ายมาเยือน"สวัสดีครับแยม~" เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นบริเวณตรงหน้าประตูหญิงสาวเงยใบหน้าขึ้นมอง เห็นร่างสูงในเสื้อเชิ้ตแขนพับสีขาวกับกางเกงผ้าเรียบ "บรรเจิด" เพื่อนสมัยมัธยมและเป็นคนที่เคยทำให้หัวใจเธอแกว่งไกวอยู่พักหนึ่ง เขากำลังยืนยิ้มอย่างจริงใจ"อ้าว! บรรเจิด! มาซื้อของเหรอ หายหน้าห
*ภัตตาคารสุดหรู*เสียงไวโอลินบรรเลงคลอเบาๆ ท่ามกลางแสงไฟสลัวมองแล้วย่อมอบอุ่นสายตา ภายในภัตตาคารหรูหราริมแม่น้ำถูกตกแต่งด้วยโทนสีครีมทอง ประกายวิบวับจากแชนเดอเลียร์เหนือศีรษะห้อยระย้าจากบนเพดาน ส่องแสงกระทบแก้วไวน์จนระยิบระยับ แยมเอาแต่ยืนเกร็งตัวอยู่ด้านหน้า ใจเธอเต้นแรงราวกับเด็กที่ถูกครูใหญ่เรียกพบ"ไม่ต้องกังวลนะหนูแยม พ่อแค่พามาทานอาหารอร่อยกัน ปล่อยตัวตามสบายเถอะนะ" เสียงสุภาพของเปโซเอ่ยขึ้น เขาเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ ผมขาวแซมขมับแต่งตัวด้วยสูทเข้ารูป ดูภูมิฐานจนใครๆ ต้องเหลียวมองข้างกายคือดีนาร์ เธอเป็นภรรยาของเขา หญิงวัยกลางคนที่ยังคงงดงามในชุดกระโปรงผ้าไหมสีงาช้าง ใบหน้าสงบและอ่อนโยน เธอยื่นมือมาสัมผัสแขนแยมเบาๆ แทนกำลังใจ"แม่เองก็ตั้งใจอยากจะเจอหนูมานานแล้ว วันนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีเลยนะ" ดีนาร์กล่าวพร้อมยิ้มหวานแยมกะพริบตาปริบๆ มือเรียวกำสายกระเป๋าสะพายไหล่จนแน่น เธอสวมชุดกระโปรงเรียบง่ายที่พยายามเลือกอย่างคัดสรรให้ดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกไม่คู่ควรกับสถานที่และบรรยากาศเลย เพราะออกจากโรงพยาบาลมาได้ ก็ถูกคุณแม่ของยูโรแปลงโฉมภายในห้างสรรพสินค้าทันที"ขอบคุณมากเลยค่ะ







