Share

บทที่ 12 วันแรกของการค้าขาย

last update Terakhir Diperbarui: 2025-12-11 08:00:39

บทที่ 12 วันแรกของการค้าขาย

หลังจากที่เจอภรรยาก็พาเดินมาอีกด้าน เพื่อดูสถานที่ตั้งร้าน สถานที่แห่งนี้อยู่ในมุมลับตาคน เป็นห้องสี่เหลี่ยมกว้างพอสมควร ด้านในมีชั้นวางของ จือหยวนคิดว่าตรงนี้เหมาะและปลอดภัยสำหรับเข้าออกพื้นที่ และยังมีพื้นที่กว้าง สามารถเอาสิ่งของออกจากพื้นที่ทีละเยอะ ๆ จะได้ไม่ต้องเข้าออกพื้นที่บ่อย ๆ

ห้องนี้ให้เช่าวันต่อวัน ราคาเช่าวันละ 100 หยวน ตอนที่ได้ยินราคา จือหยวนคิดว่าราคาแพงเกินไป คงไม่มีเงินจ่ายทันที อาจต้องขอจ่ายหลังจากขายของเสร็จ แต่พอเขารู้ว่าระยะเวลาที่เขามาหาสถานที่นั้น ภรรยาสามารถขายของได้เกือบ 300 หยวน หากเช่าห้องนี้จะได้ไม่ต้องเสี่ยงหามุมลับตาคน ตรงนี้ปลอดภัยแน่นอน เพราะเขาตรวจดูก่อนจะรู้ราคาเช่าเสียอีก

"ถึงจะเป็นมุมลับตาคน แต่หากเรามีลูกค้าประจำ เราก็ขายได้" รั่วซีไม่รู้ว่าสามีคิดยังไง เลยเป็นพูดออกมาก่อน

"ราคาเช่าวันละ 100 หยวน ต้องเช่าวันต่อวันนะครับ เพราะเขาไม่ได้ปล่อยให้เราเช่าคนเดียว ยังมีคนอื่นที่มาเช่าด้วย" จือหยวนบอกไปตามที่คนรู้จักบอกมา

"เช่าพรุ่งนี้ค่ะ ส่วนวันนี้ฉันจะเดินขายก่อน และบอกคนที่ซื้อของกับเราว่าเราจะมาขายตรงนี้ในวันพรุ่งนี้" เมื่อคิดได้แบบนั้นก็ส่งเงินให้สามี เพื่อไปทำเรื่องเช่าห้องทันที

จือหยวนมองหน้าภรรยาพร้อมกับยกยิ้มกับท่าทางของภรรยา เขาไม่เคยเห็นภรรยายิ้มแย้มแบบนี้มาก่อน ทำให้เขาต้องยิ้มตามทันที ก่อนที่จะรีบสลัดภาพภรรยาออกจากหัวแล้วรีบทำตามที่ภรรยาสั่งให้เรียบร้อย

"ผมไปส่งคุณก่อนดีกว่า" เพราะกระเป๋าที่ใส่สิ่งของพวกนี้หนักพอสมควร เขาจะไปส่งตรงจุดเดิมก่อนค่อยแยกออกไปเช่าร้านทีหลัง

"ได้ค่ะ" รั่วซียอมรับความช่วยเหลือ เพราะมันหนักจริง ๆ ตอนเอาออกมาคิดแต่เรื่องขายได้เงินเยอะ ๆ 

เมื่อมาถึงจุดเดิมที่รั่วซีขายของแล้ว ต่างคนก็ต่างแยกย้ายทำหน้าที่ รั่วซีขายของอย่างไม่รู้สึกเหนื่อย เพราะทุกครั้งที่ยื่นสิ่งของให้คนอื่น เธอจะได้รับเงินกลับมา ขายของให้ใครก็บอกสถานที่ที่เธอจะมาขายในวันพรุ่งนี้ ซึ่งมีลูกค้าหลายคนอยากได้สั่งของหลายอย่าง ใจจริงอยากเอาไปส่งถึงบ้าน แต่คิดว่าไม่คุ้ม หากถูกจับได้ไม่ใช่แค่เธอที่เดือดร้อน ครอบครัวก็ต้องเดือดร้อนไปด้วย เลยไม่เสี่ยงไปส่งของให้ตามบ้าน

รั่วซีขายสินค้าที่เอาออกมาจนหมด สามีก็กลับมาพอดี ตอนนี้เงินในกระเป๋าของรั่วซีมีไม่ต่ำกว่า 500 หยวน หลังจากที่ให้สามีไปก่อนหน้านั้น 150 หยวน ภายในไม่กี่ชั่วโมงรั่วซีสามารถทำเงินได้หลายร้อยหยวนเลยทีเดียว นั่นเพราะสิ่งของที่เธอขายนั้นคืออาหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่คนต้องการมากเลยขายได้ง่าย ถึงแม้ในตอนแรกคนซื้อจะบอกแพง แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ก็รีบจ่ายเงินทันทีที่เห็นสินค้า

"ได้กุญแจมาแล้วครับ" จือหยวนบอกภรรยา แต่มือเขาก็ล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อให้ภรรยา ปกติแล้วจือหยวนไม่มีโอกาสได้ทำแบบนี้กับภรรยา ส่วนมากผ้าเช็ดหน้าผืนนี้เขาจะพกไว้เช็ดเหงื่อเช็ดหน้าให้ลูก ๆ หรือไม่ก็เวลาลูกเล่นเลอะเทอะมา ไม่คิดว่าวันนี้ผ้าเช็ดหน้าที่เขาพกไว้ใช้กับลูกจะมีโอกาสเช็ดหน้าให้ภรรยาแบบนี้ ได้ทำแบบนี้ถึงสองครั้งแล้ว ครั้งแรกคือวันแจกจ่ายอาหาร ครั้งนี้คือครั้งที่สอง...

"เราขายอีกสักรอบ แต่รอบนี้อาจขายเยอะหน่อย แล้วค่อยกลับเข้าไปหาลูก รับปากลูกไว้แล้ว พรุ่งนี้เราค่อยขายทั้งวัน" รั่วซีไม่คิดจะเอาสิ่งของมาวางไว้ข้างนอกเป็นอันขาด พรุ่งนี้ค่อยมาจัดเรียงแต่เช้าก็ยังทัน

"ได้ครับ แต่ผมยังไม่รู้ต้องขายราคาเท่าไร" เพราะภรรยาขายหลายอย่างเหลือเกิน

"คุณคอยถือกระเป๋าตามก็พอค่ะ วันนี้ตามฉันไปก่อนนะคะ คืนนี้ฉันเขียนราคาให้อีกที" เมื่อบอกสามีแล้วก็ยื่นไปจับมือสามีก่อนที่จะพากันไปหามุมลับตาคนเพื่อเข้าไปเอาสินค้ามาขายอีกรอบ

"คนที่คุณรู้จักทำงานที่นี่เหรอคะ" ช่วงที่รั่วซีจัดของอยู่จึงเอ่ยถามสามี หากมีคนที่ทำงานในนี้จะง่ายในการเอาของเข้ามาขาย

"ครับ เขาดูแลความเรียบร้อยในนี้" จือหยวนตอบภรรยาพร้อมกับ หันไปหาลูก ๆ ที่เข้ามาช่วยจัดของใส่กระเป๋าเพื่อเอาออกไปขาย

"วันนี้แม่อนุญาตให้ลูกทั้งสองเก็บเฉ่าเหมยในแปลงใส่ในตะกร้านี้ คืนนี้เราจะเอาใส่ถุง พรุ่งนี้จะได้ขาย จำได้ใช่ไหมว่าเก็บแบบไหน อย่าบีบเล่นนะเหยาเหยา" รั่วซีรู้ว่าลูกอยากเก็บเฉ่าเหมยลูกโต เลยให้ลูกได้ทำ ดีกว่าเล่นอยู่แต่ในคอกกั้น

"เหยาเหยาจะมีเงินเหรอคะ" เก็บเฉ่าเหมยขายก็ต้องได้เงิน เหยาเหยาผู้ไม่เคยมีเงินก็อยากมีบ้าง หากได้เงินก็ซื้อลูกอมหวาน ๆ ได้

"ได้ค่ะ เงินที่ขายเฉ่าเหมยจะเป็นของลูกทั้งสอง ต้องระวังอย่าให้เฉ่าเหมยช้ำ ไม่อย่างนั้นเราจะได้เงินน้อย" รั่วซีอธิบายให้ทั้งสองฟัง

เมื่อลูกเธอจะได้ทำสิ่งใหม่ ทั้งสองจึงกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก ต่างพากันถือตะกร้าคนละใบเดินไปที่แปลงเฉ่าเหมยทันที หากให้บอกตามความจริง รั่วซีก็กลัวเฉ่าเหมยเละจนใช้ไม่ได้ แต่ทำอย่างไรได้ เธออยากให้ลูกได้ลอง และอีกอย่าง เฉ่าเหมยมีให้เก็บเยอะ เด็ก ๆ คงไม่ทำเละทั้งหมด เมื่อคิดได้แบบนั้นจึงหันกลับมาจับมือสามีออกไปข้างนอกเพื่อขายของอีกรอบ

จือหยวนมองภรรยาที่ช่างพูดช่างเจรจา รู้จักชักชวนคนมาซื้อของ อาจเพราะอาหารคือสิ่งที่คนต้องการ บวกกับการขายของภรรยา จึงทำให้สินค้าไม่พอขาย บางครั้งยังต้องไปเอาในพื้นที่มาเพิ่ม พอมีคนต้องการเพิ่ม เลยต้องให้ทุกคนสั่งว่าจะเอาอะไร แล้วให้มาเอาที่ร้านในวันพรุ่งนี้ โดยที่ภรรยาของเขาเก็บเงินมัดจำก่อน ตอนแรกทุกคนไม่กล้าจ่ายเงินมัดจำ จือหยวนต้องเอาใบเช่าร้านให้พวกเขาได้ดู พวกเขาถึงพากันยอมจ่ายค่ามัดจำ ไม่เคยคิดเลยว่าภรรยาจะมีความสามารถด้านค้าขายขนาดนี้

หลังจากขายของในกระเป๋าจนหมดไปหลายรอบ ทั้งสองต้องหยุดแล้วบอกว่าสินค้าของวันนี้หมดแล้ว จากตอนแรกมองหาลูกค้า ตอนนี้มีแต่คนเดินเข้ามาหา ส่วนมากลูกค้าจะพูดปากต่อปากว่าสามารถหาซื้ออาหารได้จากที่ไหน

เมื่อเวลาล่วงเลย ทั้งสองต้องรีบพากันออกจากตลาดมืด พอออกมาถึงสถานที่ลับตาคนก็พากันเข้าไปในพื้นที่ทันที สามีเป็นคนอาสาไปดูลูก ๆ ให้ภรรยาไปอาบน้ำก่อน เพราะทั้งสองรับปากลูกไว้ว่าจะพาไปเดินห้าง และพาลูก ๆ ไปกินข้าวที่ร้านอาหารของรัฐ จึงต้องรีบแบ่งหน้าที่กันทำ เพราะเวลานี้ได้เลยมื้อกลางวันมานานพอสมควรแล้ว

จือหยวนรับตะกร้าใส่เฉ่าเหมยจากลูก แล้วบอกให้ลูกเข้าบ้านไปอาบน้ำเพราะมอมแมมทั้งคู่ ส่วนเขาเดินเอาเฉ่าเหมยไปเก็บไว้ในโกดัง เพื่อที่เฉ่าเหมยจะได้สดอยู่ตลอดเวลา

ตอนนี้ทั้งครอบครัวออกมาที่ห้างของตัวเมืองแล้ว รั่วซีตรงไปที่ร้านอาหารของรัฐทันที เธอพอมีคูปองอยู่บ้าง เพราะได้มาแล้วไม่มีเงินมากิน ตอนนี้มีเงินมีคูปองพอที่เธอจะพาครอบครัวมานั่งกินได้ รั่วซีเลยไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปในร้านก่อนสามีทันที

รั่วซีรู้ว่าสามีไม่กล้าใช้เงิน แต่ก่อนเธอก็เป็นเหมือนกัน แต่ตอนนี้ไม่เป็นแล้ว ไม่ใช่ว่าตัวเองสามารถค้าขายในตลาดมืดได้แล้วถึงกล้ามากิน นั่นอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอมีเงินมากิน แต่ความเป็นจริงแล้วรั่วซีอยากพาครอบครัวมาเดินเที่ยว มานั่งกินอาหาร ทำทุกอย่างที่ชีวิตก่อนเธอไม่เคยได้ทำกับครอบครัว เพื่อชดใช้ในสิ่งที่เธอได้ทำผิดต่อครอบครัว ยอมรับว่าบทเรียนที่รั่วซีได้รับนั้นแสนสาหัสเลยทีเดียว 

"เหยาเหยากินสิ่งนี้ได้ไหม" เหยาเหยามองจานที่มีสีสวย ๆ ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่เท่าที่เหยาเหยาได้กลิ่นต้องเป็นเนื้อแน่นอน

"อาหารจานนี้คือไก่ผัดเผ็ดค่ะ กินได้แต่ต้องกินทีละนิด" รั่วซีบอกไปด้วยยิ้มไปด้วย สั่งแกงจืดเต้าหู้มาให้ลูกสาว แต่สิ่งที่ลูกสาวอยากกินคืออาหารที่มีสีสันสดใสสวยงาม

"ได้ค่ะ... นิดเดียว" เหยาเหยากลัวเผ็ดแต่อยากลองกิน

จือหยวนยิ้มที่เห็นครอบครัวของตัวเองในเวลานี้ มันอิ่มทั้งที่ยังไม่ได้กินอะไร ตาคอยมองแต่แม่กับลูกและมองอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ ส่วนมือคอยแกะปลาให้ลูกชายและลูกสาว ลูกทั้งสองคนดูมีความสุข ยิ้มแย้มอยู่ตลอด หากเป็นแต่ก่อน ทั้งสองจะไม่ยิ้มกว้างขนาดนี้

"กินข้าวค่ะ อย่ามัวแต่ยิ้ม" รั่วซีเรียกสามีที่นั่งยิ้มไปด้วยแกะปลาไปด้วย ไม่ยอมกินทั้งที่แกะเนื้อปลาใส่จานของลูกและของเธอจนเต็มจานแล้ว แต่ของตัวเองกลับไม่มีสักชิ้น

"แบ่ง ๆ " เหยาเหยาผู้ที่พูดไม่ชัด แต่พูดเก่งมาก... เป็นคนตักปลาในจานของตัวเองใส่จานข้าวของพ่อ เห็นแม่ทำ เหยาเหยาไม่รอช้ารีบทำตามทันที

"พ่อครับ กินนี่ด้วย" อาเฉิงก็ไม่น้อยหน้าน้องสาว แต่สิ่งที่สู้เหยาเหยาไม่ได้คือพูดคุยตลอดเวลา เหยาเหยาจะพูดน้อยลงก็ตอนที่เริ่มหิวหรือตอนง่วงนอนเท่านั้น 

ทุกคนต่างพากันตักอาหารให้กัน เพื่อลิ้มลองในสิ่งที่ไม่เคยลอง กินอาหารด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม บางครั้งก็มีเสียงหัวเราะเบา ๆ ของคนในครอบครัวหลุดออกมา กลายเป็นภาพที่ใครเดินผ่านไปผ่านมาต่างก็ยิ้มไปกับครอบครัวนี้...

เมื่อกินอาหารเรียบร้อยแล้วก็พาเด็ก ๆ ออกเดินดูสิ่งของในห้างว่ามีอะไรขายบ้าง ขายราคาเท่าไร บางครั้งรั่วซีก็เอาสมุดออกมาจดราคาไว้ เพื่อที่จะได้รู้ว่าที่ห้างขายเท่าไร จะได้เอาไปตั้งราคาที่ตัวเองจะขายได้

"คุณคะ เราควรซื้อของที่นี่แล้วเอาไปให้ครอบครัวพี่สาม หรือเราควรเอาของในพื้นที่ให้เขาดี" รั่วซีหันไปหาสามีเพื่อขอคำปรึกษา

"หากสิ่งไหนมีในพื้นที่ก็เอาในพื้นที่ แต่หากไม่มีก็ซื้อก็ได้ครับตามใจซีซี" ปกติก็ไม่เคยขัดใจภรรยา ตอนนี้ยิ่งไม่กล้าขัดใจ กว่าที่ภรรยาจะคุยดี ๆ แบบนี้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันถึง 5 ปี เขาไม่อยากเสี่ยง... ตอนนี้มีความสุขดีอยู่แล้ว

"ถ้าอย่างนั้น ฉันจะซื้อรองเท้าใส่ลงนาให้พี่สาม ส่วนของคุณไม่ต้องทำงานที่นั่นแล้วนะคะ เรามีงานทำจนไม่มีเวลาว่างแล้ว" รั่วซีบอกสามี เพราะต่อไปไม่ให้ลงงานของหน่วยผลิตแล้ว 

รั่วซีวางแผนไว้หลายอย่าง หากขยับขยายได้จะชวนพี่สามมาทำงานด้วย แต่คงไม่บอกความจริงว่าสิ่งของพวกนี้มาจากไหน เพราะเธออยากให้ครอบครัวพี่สามอยู่ดีกินดี ไม่อดอยาก แต่ตอนนี้พึ่งเริ่มต้น เลยยังให้มาทำงานด้วยไม่ได้

"แล้วของบ้านพ่อตาแม่ยายละครับ มันจะมีปัญหาไหมครับ" จือหยวนถามขึ้นทันที

"เราไม่มีคูปองเยอะขนาดนั้นค่ะ แต่อาจเอาอย่างอื่นไปให้" จะไม่ให้เลยก็ดูใจดำ เพราะรั่วซีรู้ดีแก่ใจว่ามีสิ่งของมากมาย และที่สำคัญตอนนี้พวกเขาไม่ได้มายุ่งอะไรกับเธอ ต้องบอกว่าเรื่องยังไม่เกิด และเธอไม่ได้โทษพวกเขาในเรื่องที่ตัวเองเจอ หากพวกเขาไม่ทำร้ายครอบครัวเธอก่อน เธอก็จะแบ่งปัน อย่างน้อยพ่อกับแม่ก็ไม่เคยหวงสิ่งของกับเธอ มันเป็นความรู้สึกไม่อยากช่วยแต่รู้สึกผิดหากไม่ได้ช่วย...

"ตามใจคุณครับ" ภรรยาว่าอย่างไร จือหยวนก็ว่าตาม ไม่มีขัดใจ มีแต่เสนอกลัวไม่พอ

รั่วซีไม่สามารถซื้อของได้ตามใจตัวเองมากนัก เนื่องจากต้องจ่ายด้วยคูปองและจ่ายด้วยเงินที่ราคาค่อนข้างแพง เลยหักห้ามใจ ก่อนที่จะหันมาถามลูก ๆ อยากได้อะไรบ้างไหม แต่ทั้งสองกลับไม่อยากได้อย่างอื่น นอกจากสมุดหนังสือและอุปกรณ์เครื่องเขียนเพียงเท่านั้น

พอกลับเข้าพื้นที่ รั่วซีถึงได้รู้ว่า เพราะเสื้อผ้าในห้างไม่สวยเหมือนที่มีอยู่ในพื้นที่ ทั้งสองเลยไม่อยากได้ อยากได้แต่สิ่งที่ไม่มีในพื้นที่ ซึ่งเหมือนกันกับสามีของเธอที่ไม่อยากได้อะไรเลย เขาบอกเขามีพร้อม มีครบทุกอย่างแล้ว

"เราเหลือเงิน 1300 หยวน" รั่วซีนับเงินเรียบร้อยแล้วบอกสามีพร้อมกับจดรายละเอียดว่าใช้อะไรไปบ้าง 

"เราขายได้เกือบ 1700 หยวน จ่ายค่าเช่าร้าน 100 หยวน ซื้อของแล้วคร่าว ๆ ประมาณนี้ค่ะ" เมื่อเห็นสามีมองสมุดบัญชี เลยบอกรายละเอียดเพิ่ม เธอไม่ค่อยเก่งเรื่องทำบัญชีและเขียนหนังสือมากนัก ต้องให้สามีเป็นคนตรวจเพื่อความถูกต้อง

"เราต้องทำบัญชีครับ" จือหยวนรับบัญชีจากภรรยา เท่าที่ดูไม่ค่อยละเอียดมากนัก อาจเพราะเป็นครั้งแรกที่ขายของได้ และตอนนั้นภรรยาขายคนเดียวด้วย

"ฉันไม่เก่งเรื่องนี้ค่ะ" รั่วซีบอกไปตามตรง คิดหยาบ ๆ พอได้ แต่หากให้คิดละเอียดไม่น่าจะไหว

"ต้องเรียนรู้ครับ อาจต้องค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป เพราะผมไม่ได้ทำมานานแล้วเหมือนกัน ตอนนี้เราไปเตรียมของกันก่อนดีกว่า จะได้รู้ว่าเอาสิ่งไหนออกไปขายบ้าง และจะได้จัดของที่คนสั่งมาด้วย" ตอนนี้ต้องจดรายละเอียดก่อนค่อยคิดบัญชีทีหลัง

ทั้งสี่คนพากันเดินเข้าโกดัง พ่อแม่ก็ต้องเตรียมของ ลูกน้อยทั้งสองก็ต้องมาช่วยงานเช่นกัน ซึ่งทั้งสองเต็มใจมากเพราะแม่จ่ายค่าจ้างวันละ 1 หยวน อาเฉิงอยากช่วยพ่อกับแม่อยู่แล้ว เพราะพ่อสอนไว้... หากเห็นแม่กับน้องทำงาน เราที่พอจะช่วยได้ต้องรีบเข้าไปช่วย ความคิดของอาเฉิงไม่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องเลยสักนิด ผิดกับน้องสาวที่พอรู้ว่าได้ค่าจ้าง ถึงกับทำให้เหยาเหยาห่อปาก อู้วหูว ทั้งที่ไม่รู้ว่า 1 หยวนมีค่ามากน้อยแค่ไหน แต่แค่บอกว่าค่าจ้างและเป็นเงินเท่านั้นก็มีค่ามากพอสำหรับเหยาเหยาแล้ว...

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ย้อนกลับมาในยุค 70 เพื่อเป็นมารดาอีกครั้ง   ตอนที่ 15 ปรับปรุงตัวเอง... เพื่อให้เป็นคนที่ดียิ่งขึ้น

    ตอนที่ 15 ปรับปรุงตัวเอง... เพื่อให้เป็นคนที่ดียิ่งขึ้นรั่วซีกลับมาบ้านในวันต่อมา ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ยังไม่มีกลุ่มนักโทษชั้นดีมาใช้แรงงานหรือมาช่วยพัฒนาชุมชน นั่นแสดงว่ากัวเหลียงก็ยังไม่มาเช่นกัน พอกลับมาถึงบ้าน ทุกคนต่างก็ช่วยกันเอาสิ่งของที่ซื้อมาจากสหกรณ์จัดออกเป็น 3 ชุด แบ่งให้กับครอบครัวพ่อกับแม่เพื่อคืนในส่วนที่เธอยืมมาด้วย และจัดให้ครอบครัวพี่สาม ชุดสุดท้ายเอาไปให้สุ่ยหลิง คนที่รั่วซีจะเอาสิ่งของไปให้ ส่วนมากคือคนที่คอยช่วยเหลือเธอทั้งนั้น แต่วันนี้เธอตั้งใจจะไปเพียงสองบ้านเท่านั้น เพราะดูจากเวลาแล้วคงแวะไปหาเพื่อนไม่ทันแน่นอน..."แต่งตัวเรียบร้อยหรือยังครับ" จือหยวนถามภรรยาและลูก ๆ ที่หายเข้าห้องนานแล้ว แต่ยังไม่เห็นใครออกมาเลย"เรียบร้อยค่ะ" เหยาเหยาออกมาก่อนเป็นคนแรก"ตรวจดูหลังบ้านมาแล้วเหรอคะ" รั่วซีเดินออกมาก

  • ย้อนกลับมาในยุค 70 เพื่อเป็นมารดาอีกครั้ง   ตอนที่ 14 เจรจาการค้า

    ตอนที่ 14 เจรจาการค้า"ซีซี ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ คนบางคนเราไม่ควรที่จะพูดคุยแบบนั้น มันอันตราย" จือหยวนช่วยภรรยาทำความสะอาดร้านก่อนจะพากันเอากุญแจไปคืนคนดูแล"ขอโทษค่ะ ฉันคิดน้อยไปหน่อย ทีหลังจะไม่ทำแบบนั้นอีก" รั่วซีลืมไปว่าคนอื่นไม่รู้เหมือนเธอ และที่เธอรู้ก็ไม่ได้รู้เยอะมากนัก การเชื่อใจคนง่ายเป็นข้อเสียของเธอตั้งแต่ชีวิตก่อน หรือจะบอกว่าเธอโง่ก็ไม่ผิด พอมาชีวิตนี้ก็ยังหลงลืม ยังทำเหมือนชีวิตที่แล้วอีก ลืมนึกไปว่า... แม้แต่คนที่มีพระคุณก็อาจเป็นคนที่ทำร้ายเราได้"ผู้ชายคนนั้นดูอันตราย แต่หากเราจะทำการค้ากับเขา... เราก็ต้องระวังด้วย" จือหยวนเน้นย้ำให้ภรรยาเข้าใจ"ค่ะ" รั่วซีรับคำและไม่ได้โต้เถียงอะไร เพราะสามีหวังดีเลยเตือน เธอก็ควรระวังตัวกว่านี้"อย่าคิดมากครับ ในเมื่อเขาแสดงตัวแล้ว เขาก็คงต้องการทำการค้ากับเรา เหลือแค

  • ย้อนกลับมาในยุค 70 เพื่อเป็นมารดาอีกครั้ง   ตอนที่ 13 ผู้มีพระคุณ

    ตอนที่ 13 ผู้มีพระคุณสองสามีภรรยาเดินทางมาที่ตลาดมืดตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมจัดร้าน รั่วซีคือคนที่เข้าออกเพื่อหยิบสิ่งของที่เตรียมกันไว้ตั้งแต่เมื่อคืนส่วนสามีคือคนจัดร้าน แยกทุกอย่างให้ง่ายในการหยิบขาย ทั้งสองช่วยกันอย่างขะมักเขม้นเพื่อเร่งให้ทันเวลา คนส่วนมากจะเข้ามาหาซื้อของที่ตลาดมืดในช่วงเวลาสายหลังกินมื้อเช้าแล้ว ทั้งสองต้องรีบเตรียมทุกอย่างให้พร้อมเมื่อคืนจือหยวนได้บอกภรรยาว่าวันนี้ขายเยอะได้ แต่วันหลังจะไม่ขายเยอะแบบนี้อีก วันนี้สามารถอ้างได้ว่าเอาของมาเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน จือหยวนคิดหาวิธีป้องกันไว้ก่อน เพราะทั้งสองเดินผ่านคนเฝ้าประตูเข้ามาโดยไม่มีอะไรติดตัวมาเลย หากมีของขายเยอะอาจทำให้คนพวกนั้นสงสัยได้ วันนี้ทำได้เพราะเมื่อวานคนพวกนั้นเห็นเขามาเช่าร้านแล้ว สามารถหาข้ออ้างได้ แต่ครั้งต่อไปอาจไม่ง่ายและอาจถูกจับตาดูอีกด้วยการที่คนเรามีกินมีใช้มากกว่าคนอื่นก็จะถูกจับตามอง ถูกจ้องจับผิด ท

  • ย้อนกลับมาในยุค 70 เพื่อเป็นมารดาอีกครั้ง   บทที่ 12 วันแรกของการค้าขาย

    บทที่ 12 วันแรกของการค้าขายหลังจากที่เจอภรรยาก็พาเดินมาอีกด้าน เพื่อดูสถานที่ตั้งร้าน สถานที่แห่งนี้อยู่ในมุมลับตาคน เป็นห้องสี่เหลี่ยมกว้างพอสมควร ด้านในมีชั้นวางของ จือหยวนคิดว่าตรงนี้เหมาะและปลอดภัยสำหรับเข้าออกพื้นที่ และยังมีพื้นที่กว้าง สามารถเอาสิ่งของออกจากพื้นที่ทีละเยอะ ๆ จะได้ไม่ต้องเข้าออกพื้นที่บ่อย ๆห้องนี้ให้เช่าวันต่อวัน ราคาเช่าวันละ 100 หยวน ตอนที่ได้ยินราคา จือหยวนคิดว่าราคาแพงเกินไป คงไม่มีเงินจ่ายทันที อาจต้องขอจ่ายหลังจากขายของเสร็จ แต่พอเขารู้ว่าระยะเวลาที่เขามาหาสถานที่นั้น ภรรยาสามารถขายของได้เกือบ 300 หยวน หากเช่าห้องนี้จะได้ไม่ต้องเสี่ยงหามุมลับตาคน ตรงนี้ปลอดภัยแน่นอน เพราะเขาตรวจดูก่อนจะรู้ราคาเช่าเสียอีก"ถึงจะเป็นมุมลับตาคน แต่หากเรามีลูกค้าประจำ เราก็ขายได้" รั่วซีไม่รู้ว่าสามีคิดยังไง เลยเป็นพูดออกมาก่อน"ราคาเช่าวันละ 100 หยวน ต้อง

  • ย้อนกลับมาในยุค 70 เพื่อเป็นมารดาอีกครั้ง   ตอนที่ 11 ตลาดมืด

    ตอนที่ 11 ตลาดมืดเมื่อวานนี้รั่วซีพยายามหลบเลี่ยงกัวเหลียง ดีที่มีกลุ่มหัวหน้าหมู่บ้านเข้ามาพูดคุย ทำให้รั่วซีกับลูก ๆ ปลีกตัวออกมาได้ง่าย ๆ เหตุการณ์เมื่อวานทำให้รั่วซีเกิดอาการหวาดผวา แค่สามีเอามือมาแตะเธอเบา ๆ ก็สะดุ้งแล้ว แต่พอรู้ว่าเป็นสามีเลยต้องพูดเอาตัวรอดไปเรื่อย ๆ ดีที่แต่ก่อนเธอไม่ค่อยได้คุยกับเขามากนักเลยทำให้เขาไม่สงสัยอะไร...จือหยวนเลยต้องรับหน้าที่เอาสิ่งของและอาหารไปให้ครอบครัวพี่สาม เพราะเห็นว่าภรรยาเหมือนจะไม่ค่อยสบาย และเขาไม่อยากให้ภรรยาต้องเดินตากลมและเจออากาศเย็น ๆ อาจทำให้ไข้กลับมาอีก...วันรุ่งขึ้นครอบครัวของรั่วซีก็พากันเข้าเมือง เพื่อหาลู่ทางสร้างรายได้ให้กับครอบครัว หากเดินเข้าเมืองก็ต้องใช้เวลานาน ทั้งสองสามีภรรยาจึงตัดสินใจไปขึ้นรถแทรกเตอร์หน้าหมู่บ้าน จะได้ถึงที่หมายโดยเร็วเด็ก ๆ ต้องตื่นแต่เช้า เพื่อออกมาพร้อมกันทั้งครอบครัว ดีที่เด็

  • ย้อนกลับมาในยุค 70 เพื่อเป็นมารดาอีกครั้ง   ตอนที่ 10 หลีกเลี่ยงไม่ได้

    ตอนที่ 10 หลีกเลี่ยงไม่ได้"กลับเลยไหมครับ" จือหยวนถามภรรยา หลังจากที่ได้รับส่วนแบ่งเรียบร้อยแล้ว"จะรีบกลับไปไหน" เจ้าหรูถามน้องเขยกับน้องสาวที่เหมือนรีบร้อนจะกลับ"พอดีผมมีงานต้องไปทำต่อครับ" จือหยวนตอบพี่สาวของภรรยา"เขามีประชุมต่อไม่ใช่เหรอ" เจ้าหรูก็บอกในสิ่งที่ตัวเองรู้มาเช่นเดียวกัน"ประชุมอะไรเหรอคะ" ประโยคเบาหวิวนั้นมาจากรั่วซี"ไม่รู้เหมือนกัน หัวหน้าหมู่บ้านมาแจ้งเมื่อวานตอนเย็น ๆ " เจ้าหรูคิดว่าน้องสาวก็คงไม่รู้อีกตามเคย บ้านอยู่ไกลจากคนอื่นขนาดนั้น คงไม่มีใครไปแจ้งข่าว และปกติแล้วน้องสาวจะมาบ้านแทบทุกวัน ยังไงก็รู้ต้องรู้ข่าว หัวหน้าหมู่บ้านเลยไม่ไปแจ้ง จะแจ้งที่บ้านที่เดียว แล้วคนที่บ้านจะไปบอกครอบครัวของน้องสาวเอ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status