LOGINมู่อันเหมยคล้ายกับคนใจลอย จนมาถึงหน้าผาแห่งหนึ่ง ตลอดเวลาเธอกล่าวโทษตนเองที่ใจง่ายจนชีวิตต้องเป็นแบบนี้ ขอโทษพ่อแม่และครอบครัว รวมถึงว่าที่สามีที่เธอรังเกียจตั้งแต่ยังไม่แต่งงาน เธอไม่อยากให้ครอบครัวอับอายที่ลูกสาวทำตัวเช่นนี้
การเป็นชู้กับสามีคนอื่นเป็นเรื่องต่ำช้าที่น่ารังเกียจ ทว่าเธอกลับท้องไม่มีพ่ออีก หญิงสาวคิดทบทวนสิ่งที่ผ่านมาจนน้ำตาที่ไหลออกมานั้นแทบจะเป็นสายเลือด
สุดท้ายเพื่อไม่ให้ครอบครัวอับอายและตัดสินโทษให้ตนเอง จึงได้ตัดสินใจกระโดดหน้าผาเพื่อจบชีวิตของเธอพร้อมกับลูกที่ยังไม่ลืมตาขึ้นมาดูโลกภายนอก
“ชาตินี้ฉันทำตัวไม่ดี ทำให้ครอบครัวเสียใจ ทำให้ครอบครัวต้องอับอายที่หนีการแต่งงาน หากชาติหน้ามีจริงและถ้าเป็นไปได้ ฉันขอกลับมาแก้ไขอดีตตนเองอีกครั้ง ฉันจะไม่ทำผิดเรื่องเดิมอีก”
มู่อันเหมยได้แต่คร่ำครวญขอโทษครอบครัว แม้กระทั่งบ้านเฉินที่เธอผิดสัญญาเรื่องการแต่งงาน
“ลูกรัก ชาตินี้เราสองคนบุญน้อย หากชาติหน้ามีจริง เรากลับมาเป็นแม่ลูกกันอีกนะ”
ทันทีที่อธิษฐานจบ หญิงสาวจึงกระโดดหน้าผาด้วยความรู้สึกผิด ทว่าภาพที่เธอเห็นก่อนที่ร่างจะกระแทกกับพื้น เธอกลับเห็นพี่ใหญ่เฉินพยายามคว้าร่างของเธอไว้ นี่คงเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เธอยิ้มให้เขาด้วยความจริงใจ
“ไม่!”
ใช่แล้ว คนที่ตะโกนร้องเสียงดังไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเฉินหยางคุน ชายหนุ่มพยายามเอื้อมมือมาคว้าร่างของมู่อันเหมยไว้ แต่ไม่ว่าจะเอื้อมแค่ไหนกลับคว้าได้เพียงอากาศ!
จากนั้นเฉินหยางคุนหาทางลงไปตีนหน้าผาอย่างบ้าคลั่ง หวังเพียงว่าหญิงสาวที่อยู่ในใจเขานี้จะรอดปลอดภัย แม้จะไม่มีความหวังเลยก็ตาม
ทันทีที่พบร่างที่แหลกเหลว ชายหนุ่มถึงกับคุกเข่าใกล้ร่างไร้วิญญาณอย่างหมดแรง พร้อมกับกอดร่างที่อาบไปด้วยเลือดอย่างไม่รังเกียจ น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“อันเหมย ทำไมคุณถึงทำแบบนี้ ต่อให้ชายทั้งโลกนี้ไม่รักคุณ ไม่ต้องการคุณ แต่ผมรักคุณ ผมต้องการคุณได้ยินไหม!”
เขากอดร่างไร้วิญญาณด้วยความอาลัยเจือไปด้วยความรัก
ใช่แล้ว! เขารักเธอ รักมาก รักตั้งแต่แรกเห็น แต่เพราะรู้ว่าตนเองมีประวัติ แม้ว่าจะไม่ได้ทำผิดจริงก็ตาม จึงไม่กล้าเดินหน้าเข้าหาเธอ
เฉินหยางคุนนั่งฟูมฟายพูดความในใจกับร่างไร้วิญญาณอย่างไม่อาย เขาหวังเพียงว่าชาติหน้าหากได้เกิดอีกครั้ง เขาขอเกิดมาให้ได้ครองคู่กับมู่อันเหมย และครั้งต่อไปเขาจะไม่รีรอหรือปล่อยเธอไปอีกแล้ว
วิญญาณของมู่อันเหมยมองภาพตรงหน้าทั้งน้ำตาเช่นกัน พลางคิดในใจว่า ทำไมเธอจึงมองคนเพียงเปลือกนอก ทั้ง ๆ ที่มีคนรักเธอมากขนาดนี้ แต่เธอกลับหนีการแต่งงานไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่น
จากนั้นไม่นานดวงวิญญาณของเธอก็หลุดลอยไป และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้
“น้ำ หิวน้ำ”
เสียงแหบแห้งดังขึ้น ทำให้บ้านรองมู่ทั้งหมดได้สติ ก่อนที่นางจางหลานจะรีบหยิบน้ำออกมาป้อนลูกสาว เมื่อเห็นว่ามู่อันเหมยได้สติแล้วเฉินหยางคุนรีบเดินออกมาด้วยความโล่งใจ
ตอนที่ชายหนุ่มเห็นร่างของมู่อันเหมยลื่นล้มตรงลำธาร เขานั้นแทบสิ้นสติ กลัวว่าเธอจะจากเขาไปอีกครั้ง
ใช่แล้ว! เมื่อสามปีก่อนเขาถูกทรมานในคุกค่ายทหารเพื่อให้เขารับผิดแทนใครบางคน ตอนนั้นเขาคล้ายกับจะหมดลมหายใจ ทว่าไม่นานเขากลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ในสมองของเขานั้นกลับมีความทรงจำเก่าก่อนมากมาย ซึ่งเขาไม่รู้เลยว่ามันเป็นเพียงความฝัน หรือว่าเขาตายแล้วได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง
แต่ใครจะคิดว่าครั้งนี้เขาไม่ได้เพียงย้อนกลับมา ทว่าเขามีบางอย่างที่เหนือธรรมชาติ ซึ่งนั่นคือช่องว่างเก็บของ ซึ่งในนั้นมีข้าวของมากมายที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน
พร้อมกับห้างสรรพสินค้าที่หรูหรา และคฤหาสน์หลังหนึ่ง ซึ่งเขาไม่เคยเห็นมาก่อน ในยุคนี้ทุกอย่างนั้นขึ้นตรงกับภาครัฐ ไม่แน่ว่าสิ่งที่เขาได้มาอาจจะเป็นลิขิตของสวรรค์ที่มอบให้
เมื่อคิดถึงเรื่องในสามปีที่ผ่านมา เขาจึงสร้างทุกอย่างเพื่อใครบางคน ดังนั้นใบหน้าของเฉินหยางคุนจึงมีรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน ทว่าเขากลับไม่เคยแพร่งพรายให้ใครรู้แม้แต่แม่และน้องสาวของเขา!
กลับมาบ้านรองมู่ มู่อันเหมยหลังจากได้ดื่มน้ำดับกระหาย หญิงสาวจึงกวาดสายตามองทุกคน คิดในใจและสงสัยว่าเธอกระโดดหน้าผาขนาดนั้นทำไมยังไม่ตาย
“ฉันกลับมาบ้านได้ยังไงคะ”
“นี่อันเหมยจำไม่ได้เหรอว่าลูกน่ะล้มที่ลำธารหัวฟาด หากไม่ได้ลูกชายบ้านเฉินช่วยไว้แล้วพากลับมาส่ง ลูกคงเป็นหนักมากกว่านี้”
มู่อันเหมยขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่แม่พูด เธอล้มที่ลำธารได้อย่างไร ในเมื่อก่อนหน้านี้เธอ...เอ๊ะ เดี๋ยวนะ หรือว่าเธอได้ย้อนกลับมาจริง ๆ
“วันนี้วันที่เท่าไรคะแม่”
“อันเหมย น้องลืมวันลืมคืนหมดแล้วเหรอ ไม่ใช่ว่าดีใจที่สอบเข้าโรงงานยาสูบได้จนสมองเพี้ยนไปแล้วนะ” มู่เฟยหยวนเอ่ยล้อน้องสาว เมื่อเห็นอาการของเธอ
“พี่ใหญ่อย่ามาล้อฉันนะ ก็แม่บอกว่าฉันล้มหัวฟาด ฉันต้องเบลอเป็นธรรมดาไหมล่ะ”
มู่อันเหมยหันมาทำปากยู่และส่งค้อนให้พี่ชายยกใหญ่
“เจ้าใหญ่ ลูกก็อย่าแกล้งน้องเลย แล้วนี่อาคุนกลับไปแล้วเหรอ ก่อนหน้านี้แม่ยังเห็นเขานั่งเฝ้าอันเหมยไม่ห่าง”
นางจางหลานห้ามทัพทั้งสอง ก่อนจะถามหาเฉินหยางคุน เพราะก่อนหน้านี้ลูกชายบ้านเฉินนั่งเฝ้าลูกสาวของเธอไม่ห่าง
เธอไม่สนใจหรอกนะว่าชาวบ้านจะมองลูกชายบ้านเฉินอย่างไร ทว่าในสายตาบ้านรองมู่ กลับเห็นเขาเป็นคนดีคนหนึ่ง ที่ขยันทำงานดูแลแม่และน้องเป็นอย่างดี
เธอยังมองเห็นว่าเฉินหยางคุนนั้นน่าจะชอบอันเหมยด้วยใจจริง แต่เพราะลูกสาวเธอไม่ชอบคล้ายจะรังเกียจด้วยซ้ำ เธอเป็นเแม่จึงไม่อยากบังคับใจลูก
เมื่อแม่เอ่ยถึงชายที่อยู่ในห้วงความคิดและเป็นคนสุดท้ายที่เธอเห็นก่อนสิ้นใจ ใบหน้าของมู่อันเหมยจึงแข็งค้างไปเล็กน้อย ก่อนจะปรับมาเป็นอ่อนโยนอีกครั้ง ซึ่งคนในบ้านแทบจะไม่เคยเห็นมาก่อน
“พี่ใหญ่ เรื่องแต่งงาน”
“ช่างมันเถอะ ในเมื่ออันเหมยน้องพี่ไม่ต้องการ หากต้องรักษาสัญญาของสองบ้านไว้ พี่คงต้องรอให้ฟางเซียนเรียนจบค่อยให้พ่อไปพูดคุยเรื่องสู่ขอ”
ในเมื่อน้องสาวไม่ต้องการแต่งงานกับพี่ใหญ่เฉิน แม้ว่าจะไม่พอใจแต่ก็ไม่อยากบังคับ เขาจึงตัดสินใจแต่งงานกับลูกสาวบ้านเฉินแทนเอง
มู่อันเหมยขมวดคิ้วอีกครั้ง ไม่ใช่ชาติก่อนพี่ใหญ่ให้เวลาเธอหนึ่งปีเหรอ ทำไมชาตินี้เขาจึงยอมง่ายดาย
“แล้ว...แล้วพี่ใหญ่เฉินยินยอมเหรอคะ ในเมื่อสัญญาของพ่อและลุงเฉินในครั้งนั้นคือฉันกับเขา”
“ยอมหรือไม่พ่อจะไปคุยเอง ในเมื่ออันเหมยไม่ต้องการ เรื่องหน้าที่ตอบแทนบุญคุณบ้านเฉินในครั้งกาลก่อน ให้เจ้าใหญ่รับผิดชอบเองเถอะ พรุ่งนี้พ่อจะเรียกอาคุนเข้ามาคุยอีกครั้ง ตอนนี้ลูกเพิ่งฟื้นขึ้นมาให้แม่ป้อนข้าวต้มให้ก่อนดีไหม”
ในเมื่อลูกสาวไม่เต็มใจ เจ้าใหญ่กลับเสนอตัวแทนแล้ว เขาจึงไม่อยากบังคับใจของมู่อันเหมย
ตอนนี้ในสมองของมู่อันเหมยมึนงงไปหมดแล้ว จากที่เธอมีสัญญาหมั้นหมายกับพี่ใหญ่เฉิน ทว่าตอนนี้กลับเป็นพี่ใหญ่ของเธอตัดสินใจจะแต่งงานกับเฉินฟางเซียนแทน นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเรื่องราวในชาตินี้จึงไม่เหมือนเดิมล่ะ
ทุกคนทยอยออกจากห้องเมื่อเห็นว่ามู่อันเหมยหลับตาลง แต่ละคนคิดว่าเธออยากพักผ่อน แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเวลานี้มู่อันเหมยนั้นว้าวุ่นแค่ไหนกับเรื่องระหว่างเธอและเฉินหยางคุนที่ไม่เหมือนเดิม
หากพี่ใหญ่แต่งงานกับเฉินฟางเซียน แล้วเรื่องระหว่างเธอกับพี่ใหญ่เฉิน ชายที่แสนดีคนนั้นล่ะ ไม่ อย่างไรมู่อันเหมยคนนี้ไม่มีทางยอมสูญเสียเขาไปอีกครั้งในชาตินี้แน่!
ตอนพิเศษ 2 จงอี้ - เสี่ยวผิงพอหายดี จื้อเฉียงก็ได้ออกจากโรงพยาบาล ทุกคนก็ได้รู้พร้อมกันว่าตอนนี้เสี่ยวเฟิ่งและเขาคบหากันเป็นคนรักและตอนนี้ทั้งสองคนตัวติดกันมากจงอี้ที่ปกติจะไปไหนมาไหนกับเพื่อนสนิท ก็คล้ายจะโดนทิ้ง จึงทำให้เขามานั่งทำหน้าเซ็งอยู่แบบนี้ในช่วงค่ำหลังจากที่เลิกงาน“เป็นอะไรของนาย” เสี่ยวผิงเดินออกมาเจอพอดีจึงเดินเข้าไปถามด้วยความสงสัย เพราะท่าทางของจงอี้เหมือนคนไม่มีชีวิตชีวาเลย“เบื่อ” จงอี้ยังหันมามองเธอและตอบคำถาม“เบื่ออะไร”“เพื่อนเธอแย่งเพื่อนฉันไป” พอนึกถึงเสี่ยวเฟิ่ง เขาก็อดมองค้อนสหายของแฟนเพื่อนอย่างเสี่ยวผิงไม่ได้“เป็นบ้าอะไรของนาย ก่อนหน้านี้ยังสนับสนุนให้ทั้งสองคบหากันอยู่แท้ ๆ” เสี่ยวผิงก็พอจะเข้าใจ ก่อนหน้านี้เธอเองก็ตัวติดกับเสี่ยวเฟิ่ง แต่พออีกฝ่ายมีแฟนก็ต้องแบ่งเวลาให้แฟนด้วย แต่ที่เธอไม่เข้าใจคือจงอี้ที่มานั่งทำหน้าหงิกหน้างออยู่ตรงนี้นี่แหละ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาสนับสนุนให้จื้อเฉียงและเสี่ยวเฟิ่งคบหากันด้วยซ้ำ“...” นั่นทำให้จงอี้เถียงไม่ได้เลย“นี่ล่ะหนา ที่เขาเรียกว่าหมาหัวเน่า” “เธอว่าใคร” พอถูกพูดถึงแบบนั้น เขาก็หันขวับไปมองหญิงสาวทันที“เปล
ตอนพิเศษ 1 จื้อเฉียง - เสี่ยวเฟิ่งนับตั้งแต่มู่อันเหมยคลอด เฉินหยางคุนก็เห่อลูกน้อยทั้งสอง แทบจะไม่ได้มาทำงานเลย ภาระทั้งหมดจึงไปตกอยู่ที่จงอี้และจื้อเฉียง จงอี้นั้นจัดการเรื่องตลาดแห่งใหม่และเรื่องสำนักงานรวมถึงการค้าต่าง ๆ ของนายส่วนจื้อเฉียง เขาได้ออกเดินทางไปคุยงานแทนผู้เป็นนายบ่อยครั้งและครั้งนี้ก็เป็นการไปคุยเรื่องเสบียงที่ทางใต้ “ฉันฝากด้วยนะ” หยางคุนกล่าวกับคนสนิทที่เขาไว้ใจให้ไปทำงานแทน“นายไม่ต้องห่วงครับ” จื้อเฉียงตอบรับด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ“อืม ช่วงนี้ฉันจะไม่ค่อยว่าง ขอบใจพวกนายมากที่ทำงานแทน”“เพื่อนายพวกผมพร้อมทำงานถวายหัวครับ”จงอี้ก็พูดขึ้นประจบประแจงอย่างติดตลก ทำให้หยางคุนยิ้มออกมาและส่ายหน้าให้กับเขาเล็กน้อย“หึ เกินไป”“ถ้าอย่างนั้นผมไปเตรียมตัวก่อนนะครับ” จื้อเฉียงขอตัวไปเตรียมของที่จะเดินทาง“ไปเถอะ” หยางคุนก็พยักหน้าให้ทั้งคู่แล้วแยกย้ายกันไปทำงานหรูเฟิ่งและเสี่ยวผิงเองก็ไม่ได้อยู่เฉย พวกเธอไม่ได้อยู่ติดตามมู่อันเหมยแล้ว เนื่องจากอีกฝ่ายไม่ค่อยได้ออกไปไหนมาไหนมากนัก จึงตัดสินใจมาช่วยทำงานที่สำนักงาน แล้วก็ทำให้สนิทกับจื้อเฉียงและจงอี้มากกว่าเดิมไปอีก วัน
บทส่งท้าย สงบสุขจริง ๆ เสียทีวันเวลาก็ผ่านพ้นไปอย่างสงบสุข บ้านสามในเวลานี้ไม่มีฤทธิ์อะไรอีกแล้ว ตัวของย่ามู่แทบจะไม่ออกจากบ้านอีกเลย คนอื่น ๆ ก็ใช้ชีวิตกันไปอย่างปกติและมีความเป็นอยู่ที่ไม่ค่อยดีเท่าไรเวลานี้มู่อันเหมยท้องได้เจ็ดเดือนกว่าแล้ว ซึ่งท้องของเธอโตมาก หมอวินิจฉัยแล้วว่าท้องนี้อาจจะเป็นลูกแฝด คนที่ตื่นเต้นที่สุดคงไม่พ้นคุณพ่อมือใหม่อย่างเฉินอยางคุน!!ซึ่งตั้งแต่ที่รู้ว่าภรรยาท้อง ชายหนุ่มแทบจะไม่ไปทำงานอีกเลย มัวแต่เกาะติดอยู่กับมู่อันเหมยภรรยารักของตนซึ่งเวลานี้มู่อันเหมยได้ย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์แล้ว เพราะสะดวกมากกว่าโดยมีนางอี่หนิงแม่สามีมาคอยดูแล และให้คำปรึกษาลูกสะใภ้ในช่วงเวลาตั้งครรภ์“อีกไม่กี่เดือนเราจะได้เจอกันแล้วนะลูกรัก” เฉินหยางคุนก้มลงไปพูดกับลูกที่อยู่ในท้องของภรรยาสองแฝดเหมือนจะรู้ว่าพ่อคุยกับตนเอง ทำให้มีปฏิกิริยาเกิดขึ้นจนผู้เป็นแม่อย่างมู่อันเหมยตกใจและทำหน้าเหยเกเล็กน้อย“อ๊ะ”“เหมยเหมยเป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บไหมล่ะนั่น” เฉินหยางคุนเงยหน้าขึ้นมาถามภรรยาด้วยความเป็นห่วง ซึ่งมู่อันเหมยพยักหน้าให้เล็กน้อย ก่อนจะลูบท้องตนเองเบาๆ และตอบกลับสามีด้วยความรู้ส
บทที่ 68 จัดการบ้านสามให้เด็ดขาดเฉินฟางเซียนตัดสินใจไปสอบที่ปักกิ่ง โดยมีเว่ยซิ่วตงพาไปด้วยตนเอง ทั้งยังพาเธอไปพบกับครอบครัวของเขาอีกด้วย ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างที่บ้านเว่ย เฉินฟางเซียนก็ไม่ได้เล่าให้กับใครฟังเธอสอบที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งตามที่ตั้งใจไว้ ส่วนสหายอีกสองคนไม่ได้ไปด้วยเฉินฟางเซียนมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะสอบเป็นอย่างมาก อ่านหนังสือจนดึกดื่นและเธอก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง เฉินฟางเซียนสอบติดอย่างที่ตั้งใจไว้พอกลับมาที่หมู่บ้าน ทุกคนก็ร่วมแสดงความยินดีกับเธอ ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงก็รู้เรื่องกันทั่ว“ยินดีด้วยนะลูก” นางอี่หนิงสวมกอดลูกสาวแสดงความยินดี“ขอบคุณนะคะแม่ พี่หยางคุน พี่สะใภ้”“เก่งมาก” เฉินหยางคุนก็ยกมือขึ้นลูบหัวน้องสาวที่เขาเลี้ยงมากับมือด้วยความภาคภูมิใจมู่อันเหมยก็ยิ้มให้กับน้องสามี ในตอนนี้เธอตั้งท้องได้ห้าเดือนแล้ว บ้านเฉินในตอนนี้มีแต่เรื่องน่ายินดี กิจการของเฉินหยางคุนก็กำลังไปได้สวยจริง ๆเรื่องที่เฉินฟางเซียนกำลังจะไปเป็นนักศึกษาที่เมืองหลวงถูกแพร่กระจายไปทั่ว ชาวบ้านก็ยินดีด้วย พร้อมกับเชิดหน้าชูตาได้ เพราะในตอนนี้หมู่บ้านของพวกเขาไม่เพียงมีนายท่านเ
บทที่ 67 มู่อันเหมยท้องแล้วทุกอย่างดำเนินมาอย่างราบรื่นจนปีปฏิวัติผ่านพ้นไป เฉินหยางคุนสั่งปิดตลาดมืดในช่วงที่มีการปฏิวัติ และนายพลหม่า นายพลหู รวมไปถึงครอบครัวของเว่ยซิ่วตงก็เลือกข้างได้ถูกเพราะคำแนะนำจากเขาจากนั้นพอมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เขาก็เริ่มมีความคิดที่จะทำหลายอย่าง เช่นการทำให้ตลาดมืดกลายเป็นการค้าเสรีที่ชาวบ้านทุกคนสามารถนำของมาขายได้จนกระทั่งทางการประกาศให้มีการเวนคืนที่ดินให้กับผู้ที่เคยถูกยึด ยกเลิกการทำงานในคอมมูน แบ่งที่ดินให้ทำกินอย่างเท่าเทียมทางด้านเฉินหยางคุนก็จัดตั้งตลาดที่ถูกกฎหมายขึ้นมา ส่วนตลาดมืดก็ยังคงมีอยู่และคึกคักเหมือนเดิม แม้จะมีการค้าเสรี แต่สินค้าบางอย่างรัฐยังจำกัดการซื้อ ดังนั้นตลาดมืดยังเป็นที่ต้องการของประชาชนทั่วไปในช่วงนี้สองสามีภรรยาจึงค่อนข้างจะยุ่งวุ่นวายกับงานมาก เช้าวันนี้มู่อันเหมยตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัว หน้ามืด อยากจะอาเจียน“อุบ” เธอรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำจัดการกับตัวเองสักพักก็เดินออกมา ในเวลานี้สามีของเธอคงจะออกกำลังกายอยู่ที่หน้าบ้านมู่อันเหมยรู้สึกว่าช่วงนี้ร่างกายของเธออ่อนเพลียเป็นอย่างมาก แต่เธอคิดว่าเป็นเพราะพักผ่อนน้อย เ
บทที่ 66 เสี่ยวฟางรนหาที่เรื่องราวของว่านปี่หมิงที่ต้องมีสภาพที่น่าอนาถแบบนั้น เสี่ยวฟางก็รับรู้เช่นกัน เธอไม่คิดที่จะกลับไปหาคนไร้ประโยชน์อย่างชายคนนั้นอีก เพราะไม่เช่นนั้นก็คงเป็นเธอที่ลำบากในตอนนี้ชีวิตของเสี่ยวฟางที่บ้านก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน พ่อแม่ของเธอกำลังจะหาชายแก่หรือพ่อม่ายมาแต่งงานกับเธอ เพื่อส่งเธอออกไปให้พ้นตระกูลเธอไม่ยินยอม แต่ไม่สามารถปฏิเสธได้เพราะตอนนี้ยังพึ่งพาพวกเขาอยู่ เธอนึกไปถึงมู่อันเหมยที่ตอนนี้กลายเป็นนายหญิงเฉินแล้วก็รู้สึกอิจฉา คนบ้านนอกอย่างมู่อันเหมยไม่ควรได้รับสิ่งดี ๆ พวกนี้เลยด้วยซ้ำ เลยมีความคิดหนึ่งขึ้นมา ไม่รอช้า วันต่อมาจึงเดินทางมาที่บ้านของมู่อันเหมยทันที“มาหาใครคะ” เฉินฟางเซียนเป็นคนออกมาดูด้วยตนเอง“ฉันมาหาอันเหมยค่ะ”“เป็นสหายของพี่สะใภ้เหรอคะ” ได้ยินคำตอบ เฉินฟางเซียนก็เอียงคอมองอย่างพิจารณา“ใช่ค่ะ” เสี่ยวฟางตอบรับและทึกทักเอาเองว่าเป็นสหายของมู่อันเหมย“ใครมาเหรอฟางเซียน” มู่อันเหมยออกมาพอดี เธอถามน้องสามีและหันไปมองแขกที่มา พอเห็นว่าเป็นใคร เธอก็ชะงักไปทันทีเสี่ยวฟางที่พอเห็นอันเหมย เธอก็กำหมัดแน่น มองการแต่งตัวด้วยชุดสวย ๆ ของอันเหมยด้ว







