Beranda / รักโบราณ / ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว / แรกรักผลิบานดั่งหลานฮวา ภายหลังดุจปุยดอกหลิ่วปลิวมลาย 2

Share

แรกรักผลิบานดั่งหลานฮวา ภายหลังดุจปุยดอกหลิ่วปลิวมลาย 2

Penulis: lianlian
last update Terakhir Diperbarui: 2025-07-02 07:02:46

ฉางซื่อหลางได้ยินเช่นนั้นก็ให้ดีใจนัก คอยดูแลประคบประหงมหานฉงหรงราวกับสมบัติล้ำค่า องค์หญิงเองก็ส่งสมุนไพรบำรุงครรภ์ชั้นดีจากในวังมาให้ นางรับมาโดยดี แต่ก็ยังอดนึกระแวงไม่ได้ ในเรื่องราวหลังบ้านเช่นนี้ ไม่รู้ว่าองค์หญิงจะยินดีอย่างปากพูดหรือไม่ ทำให้หานฉงหรงแอบเทยาขององค์หญิงทิ้ง แล้วให้สาวใช้แอบซื้อยาบำรุงครรภ์จากภายนอกมากินเอง

เวลาผ่านไปจนครบสิบเดือน หานฉงหรงคลอดลูกชายคนแรกของตระกูลฉางได้สำเร็จ ฉางซื่อหลางนั้นปีติยินดีนัก องค์หญิงเวินอี๋เองก็มาร่วมยินดีด้วย นางมอบของมีค่าหลายอย่างให้กับนาง รวมไปถึงอาหารยาบำรุงอีกหลายขนาน ฉงหรงได้เห็นหน้าลูกน้อยเพียงแค่ชั่ววิบตาเดียวก็มีแม่นมมาพาออกไป...เด็กน้อยเนื้อตัวขาวนุ่ม ท่าทางแข็งแรง น่ารักน่าชังอย่างยิ่ง ฉางซื่อหลางยังคงกดจูบที่หน้าผากมน ปลอบประโลมภรรยาที่ลำบากแสนสาหัสคลอดลูกให้เขา ท่ามกลางสายตาขององค์หญิงที่มองด้วยสายตาเรียบนิ่งไร้ซึ่งระลอกคลื่นริษยา...

เมื่อพ้นกำหนดสามเดือนของการอยู่เดือน ทว่าร่างกายของหานฉงหรงก็ไม่ค่อยสู้แข็งแรงดังเดิม ฉางซื่อหลางจึงให้หมอมาตรวจ ได้รับคำตอบว่า คนที่คลอดลูกก็เหมือนก้าวขาเข้าประตูผีไปก้าวหนึ่ง ร่างกายยากจะกลับมาฟื้นฟูให้ดีดังเดิม ทำให้ต้องกินยาบำรุงไปตลอดชีวิต ซึ่งตัวหานฉงหรงเองไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ขอแค่ได้อยู่กับลูกก็พอ

เวลาผ่านไปสามเดือน หกเดือน จนกระทั่งลูกชายตัวน้อยของนางอายุได้เก้าเดือน...เริ่มเรียกหานฉงหรงว่า "แม่" ได้ไม่ชัดนัก ร่างกายของหานฉงหรงกลับทรุดโทรมลงทุกที ผิวที่ขาวอยู่แล้วเริ่มขาวซีดปานซากศพ ร่างกายที่ผอมบางอยู่แล้วก็เริ่มซูบลงจนเห็นเส้นเลือดที่แขนขาปูดโปนเลื้อยพาดผ่านราวงูดิน และเริ่มมีอาการไอถี่ๆ สุดท้ายในวันหนึ่งของช่วงต้นเหมันต์บนผ้าเช็ดหน้าปักลายเหมยเขียวของนางก็มีหยดเลือดแต้มขนาดใหญ่เท่าผลลิ้นจี่

ฉางซื่อหลางไม่เคยละเลย เขาตามมาหมอมารักษาหานฉงหรง แต่หมอทุกคนต่างส่ายหน้า ได้แต่บอกเพียงให้นางถนอมช่วงเวลาที่อยู่กับคนรักเอาไว้ให้ดีๆ เขาเองก็เริ่มปลงตก ไม่ร้องขอให้สามีหาหนทางรักษาอีกต่อไป ทุกวันขอเพียงได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของลูกก็พอใจมากแล้ว

จนวันหนึ่งในปลายฤดูหนาวที่หนาวเหน็บ อาการของหานฉงหรงเริ่มแย่ลง แม้ไม่ล้มหมอนนอนเสื่อ แต่อาการก็ใช่ว่าจะดี หญิงสาวกระชับเสื้อหนาวในอ้อมแขน หมายจะไปเยี่ยมฉางซื่อหลางที่กำลังอยู่ในห้องหนังสือ แสงไฟยังส่องสว่างนวลตา ทว่าได้ยินเสียงหัวร่อต่อกระซิกของชายหนุ่มหญิงสาวลอดออกมา

"ซื่อหลาง ท่านว่าสตรีผู้นั้นจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเท่าใด?"

"กระหม่อมถามท่านหมอแล้ว คิดว่าคงไม่พ้นหนาวนี้"

น้ำเสียงหวานรื่นหูแฝงด้วยกระแสปีติ "ดี...ดียิ่งถ้าให้นางมีชีวิตอยู่นานกว่านี้ เด็กคนนั้นคงไม่มีวันยอมรับข้าเป็นแม่แน่นอน"

"เด็กคนนั้นจะไม่ยอมรับท่านเป็นแม่ได้อย่างไร ในเมื่อในวันข้างหน้าเขาจะมีแม่เพียงคนเดียว คือองค์หญิง"

"น่าเสียดายที่ข้าไม่อาจมีลูกให้ท่านได้" น้ำเสียงเครือเจือสะอื้นเบาๆ ดังออกมา มีเสียงทุ้มนุ่มออดอ้อนตบท้าย

"องค์หญิงอย่าเสียพระทัย ท่านมีลูกชายคนนี้ก็พอ เพราะเหตุนี้ ข้าถึงรับฉงหรงมาอยู่ที่นี่ ขอเพียงฉงหรงมีลูกให้องค์หญิง นางก็หมดค่า"

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   ในงานเลี้ยง 1

    เมื่อถึงยามซื่อ สายลมเย็นสดชื่นชวนให้กระปรี้กระเปร่า แดดในเวลานั้นสาดแสงแจ่มจ้า สะท้อนผ่านต้นเฟิงที่ใบของมันกำลังกลายเป็นสีแดงอมส้มเต็มต้นทำให้บรรยากาศโดยรอบอบอุ่นขึ้น โถงจัดเลี้ยงในตอนนี้วิจิตรตระการ เหล่าเชื้อพระวงศ์เริ่มทยอยมาตามลำดับ ทุกผู้ต่างแต่งกายอย่างหรูหราพิถีพิถันประชันกันไม่มีใครยอมใคร จวงหมิ่นกั๋วฟูเหรินเองก็ได้รับเชิญมางานเลี้ยงสังสรรค์นี้ด้วยเนื่องจากเป็นพระสหายสนิทขององค์หญิงใหญ่เผิงเฉิง ทันทีที่นางได้เห็นหานฉงหรงก็แย้มยิ้มยินดี “ไม่เจอเจ้าเสียนาน งดงามขึ้นเป็นกอง แถมเริ่มมีราศีของว่าที่ชายาเอกเป่ยหนานอ๋องแล้วด้วย ข้าต้องแสดงความยินดีจากใจจริงๆ”หานฉงยิ้มเอ่ย “พี่สาวล้อข้าเล่นแล้ว ข้าก็ยังเป็นข้าอยู่เช่นเดิม มีเพียงพี่สาวที่งามยิ่งกว่าครั้งสุดท้ายที่เราพบกัน” นางกล่าวเช่นนั้นก่อนกดเสียงเบา “ยิ่งพระสนมหานกลับมาได้รับความโปรดปรานตามเดิม ราศีเชื้อพระวงศ์ของท่านยิ่งแจ่มชัดกว่าข้าเสียอีก”“น้องสาวคนดีก็พูดเกินไป เรื่องราศีเชื้อพระวงศ์แจ่มชัดกว่าผู้ใดนั้นข้าคงเทียบกับชายาเอกของโซ่วอ๋องมิได้หรอก” จวงหมิ่นกั๋วฟูเหรินยิ้มน้อยๆ พลางปรายตาไปยังสตรีสูงศักดิ์นางหนึ่งที่กำลังถูกผู้

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   ส่งเสียงบูรพาตีฝ่าประจิม 4

    เวลาผันผ่านไปหลายวัน ในที่สุดก็ถึงวันที่งานเลี้ยงสังสรรค์ของเหล่าเชื้อพระวงศ์หญิงเริ่มต้น เนื่องจากงานเลี้ยงจะเริ่มในยามซื่อ[1] หานฉงหรงจึงตื่นตั้งแต่ช่วงเช้ามืดตรงไปยังโถงจัดเลี้ยงและห้องเครื่องเพื่อสำรวจความเรียบร้อยของอาหารและสถานที่จัดงานจนแน่ใจว่าจะมิมีสิ่งใดผิดพลาด จากนั้นจึงติดตามหลิวกูกูที่ได้รับพระราชเสาวนีย์จากหวงไทโฮ่วที่เรียกให้นางไปแต่งตัวและประทินโฉม เมื่อมาถึงไทโฮ่วได้เลือกอาภรณ์และเครื่องประดับที่เข้าชุดกันเอาไว้ให้แล้ว“วันนี้เป็นวันสำคัญของเจ้าอีกทั้งมีเหล่าเชื้อพระวงศ์หญิงมาร่วมงานจำนวนมาก จำเป็นต้องพิถีพิถันในการแต่งกายและประทินโฉมให้ดี สิ่งนี้เป็นของที่ตัวข้าให้ซ่างกงฝ่ายอาภรณ์และเครื่องประดับทำมาเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ เจ้าลองสวมดูว่าพอดีหรือไม่”หานฉงหรงรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่ง “ขอบพระทัยไทโฮ่วสำหรับพระกรุณา เพียงแต่วันนี้เป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ของเหล่าเชื้อพระวงศ์ หม่อมฉันเป็นผู้น้อยไม่สมควรแต่งกายหรูหรานัก เกรงว่าจะทำให้พระนางถูกติฉินไปด้วย หม่อมฉันคิดว่าแต่งกายเรียบง่ายก็เพียงพอแล้วเพคะ”“แสดงว่าเจ้าไม่เข้าใจจุดประสงค์ของการจัดเลี้ยงนี้” หวงไทโฮ่วขมวดคิ้ว รู้ได้ทันทีว่าไ

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   ส่งเสียงบูรพาตีฝ่าประจิม 3

    แน่นอนว่าสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น หลังจากเอนหลังพักผ่อนจนสบายใจแล้ว องค์หญิงเวินอี๋เดินนำซีเยวี่ยและผู้ติดตามจำนวนหนึ่งไปยังห้องเครื่องเล็กที่อยู่ใกล้กับโถงจัดเลี้ยง เมื่อไปถึงก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอย่างโกลาหล ทั้งเสียงหวีดร้องห้ามปรามของเหล่าแม่ครัว ทั้งกลิ่นแปลกประหลาดที่ทั้งสาบทั้งฉุนจนแสบจมูก เวินอี๋ยกผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมประดับพู่ไหมทองยกขึ้นปิดจมูกพร้อมกับขมวดคิ้ว “นี่มันกลิ่นอันใด แสบจมูกยิ่ง”ซีเยวี่ยไอโขลกๆ อยู่ครู่หนึ่งจึงค่อยกล่าวออกมาอย่างกระท่อนกระแท่น “ทูลองค์หญิง...แค่กๆ...เป็นกลิ่นเครื่องเทศเพคะ”“กลิ่นเครื่องเทศฉุนปานนี้คิดจะให้คนทั้งวังขาดใจตายหรืออย่างไรกัน” เวินอี๋ทั้งฉิวทั้งขันเพราะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเกิดอันใดขึ้น “ฉงหรงจวิน ท่านยังปลอดภัยดีหรือไม่”ไม่นานนักหานฉงหรงก็เดินเข้ามา ใบหน้ามอมแมมด้วยผงขมิ้นและผงเครื่องเทศอื่นๆ นางมีท่าทีเก้อกระดาก หลังจากเช็ดหน้าตนเองลวกๆ แล้วก็รีบถวายบังคม “หม่อมฉันกำลังยุ่งอยู่ในครัว จึงไม่ได้ออกมาต้อนรับทันที ต้องขอประทานอภัยเพคะ”เวินอี๋ยกผ้าเช็ดหน้ากดริมฝีปากมิให้เผยอรอยยิ้มสาแก่ใจออกมา ก่อนจะเปลี่ยนมันเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนระคนเห็นใจ “มิเป

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   ส่งเสียงบูรพาตีฝ่าปะจิม 2

    องค์หญิงใหญ่เผิงเฉิงที่เพิ่งแยกกับฮ่องเต้ที่ตำหนักทรงพระอักษร ตั้งใจว่าจะกลับจวนองค์หญิงของตนโดยไม่แวะไปหาที่ใดหรือผู้ใด กลับพบบุรุษผู้หนึ่งที่เดินมาหานางพร้อมกับรอยยิ้มบางที่ดูอบอุ่นเป็นมิตร เขาหยุดยืนประสานมือ เรียกขานนางว่า “พี่หญิง” อย่างสนิทสนม องค์หญิงเผิงเฉิงเอียงคอเล็กน้อยก่อนยกยิ้มตอบ “นึกว่าใคร ที่แท้รุ่นเอ๋อร์น้องชายคนดีของข้านั่นเอง ลมอันใดหอบเจ้ามาหาถึงวังหลวงได้กัน” นางกล่าวเว้นช่วงเล็กน้อย คล้ายว่ากล่าวสิ่งใดไม่ถูกไม่ควร “ไม่สิ ลมที่ว่าคงไม่ได้หอบเจ้ามาหาข้ากระมัง แต่มาหาคนที่อยู่ที่ตำหนักไท่หยางนู่น”อวิ๋นรุ่นทำหน้าตาใสซื่อ “แน่นอนว่ารุ่นเอ๋อร์ต้องไปตำหนักไท่หยาง เยี่ยมเยียนเสด็จแม่ในฐานะบุตรชายผู้กตัญญู”นิ้วเรียวงามขององค์หญิงใหญ่เผิงเฉิงจิ้มที่หน้าผากน้องชายแผ่วเบา “อย่ามาทำเฉไฉสวมบทบาทลูกกตัญญู เสด็จแม่ทรงบอกข้าจนหมดสิ้นแล้วว่าว่าที่น้องสะใภ้ของข้าพำนักที่นั่น แถมยามค่ำคืนยังมีการดัดเสียงอ่อนเสียงหวานเป็นขันทีน้อยแถมติดสินบนหลิวกูกูเพื่อให้ได้พบนาง ใช้ได้ที่ไหนกัน”ชายหนุ่มลูบหน้าผากแก้เก้อ “ผู้ใดให้เสด็จแม่ใจร้ายไม่ยอมให้ข้าพบนางกัน มิเช่นนั้นข้าคงมิยอมใช้เล่ห์เพท

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   ส่งเสียงบูรพาตีฝ่าประจิม 1

    แม้ว่าองค์หญิงเวินอี๋จากไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก แต่สุดท้ายก็ยังมีแก่ใจให้ซีเยวี่ยนางกำนัลคนสนิทของนางมาบอกกล่าวให้นางกำนัลและรวมไปถึงตัวของหานฉงหรงเองให้เลิกงานก่อนกำหนด หานฉงหรงจึงเก็บรายละเอียดและบอกกล่าวงานที่จะเริ่มทำต่อในวันรุ่งขึ้นแก่นางกำนัลที่เกี่ยวข้อง ก่อนให้พวกนางแยกย้ายกันไปพักผ่อน ส่วนตนเองเดินทางกลับตำหนักไท่หยาง เนื่องจากยังมีบันทึกสมาชิกราชวงศ์และรายละเอียดอื่นๆ ที่สำคัญต้องเรียนรู้อีกมาก ทว่าขณะที่เดินใกล้มาถึงประตูตำหนัก พลันเห็นฮ่องเต้ก้าวออกมาพร้อมสตรีวัยไล่เลี่ยกันนางหนึ่ง สตรีนางนั้นรูปโฉมงดงาม แต่งกายอย่างสตรีชาววังที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นสูงถักทอจากไหมเลอค่า ศีรษะประดับมุกหยกและเครื่องทองเป็นหลัก ท่วงท่าการเดินล้วนสง่างาม ยามโอภาปราศรัยกับฮ่องเต้ก็ดูเป็นมิตรมิเคอะเขิน อีกทั้งด้านหลังของนางยังมีสาวใช้สวมชุดกระโปรงแบบชาวนอกด่านสองคน ประดับเครื่องเงินแพรวพราวแปลกตา ยามเคลื่อนไหวมีเสียงเครื่องกระทบกันแผ่วเบาทว่าไพเราะ ซึ่งการแต่งกายเช่นนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของหญิงสาวเผ่าหูหานฉงหรงถอยมายืนชิดริมกำแพงพร้อมย่อกายคารวะฮ่องเต้และสตรีสูงศักดิ์ผู้นั้นแล้วก้มหน้าเล็ก

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   เพื่อนใหม่

    แน่นอนว่าเมื่อการประชันบรรเลงพิณจบลง ย่อมมีผู้ที่พึงพอใจระคนลำพองด้วยชัยชนะ และผู้ที่เก็บสีหน้าผิดหวังระคนเคืองขุ่นเอาไว้ไม่มิดจากผู้พ่ายแพ้ ผู้ใดจะรู้ว่าฝีมือการบรรเลงพิณของหานลู่นั้นเหนือล้ำกว่าเนี่ยไหวหยางอยู่หลายขุม ทำเอาฮ่องเต้พอพระทัยอย่างยิ่ง “หานไฉเหรินฝีมือบรรเลงพิณเลิศล้ำ ราวกับได้เทพเจ้าขุย[1]คุ้มครองประทานพร ไม่เสียทีที่เรามอบพิณหยกขาวของราชวงศ์ก่อนให้กับเจ้า นับว่าให้กับผู้ที่คู่ควรโดยแท้”หานลู่ซ่อนสีหน้าสาแก่ใจไว้ภายใต้รอยยิ้มนุ่มนวลอย่างที่สนมนางในพึงมี กล่าววาจาอ่อนน้อมถ่อมตน “ฝ่าบาทกล่าวชมเกินไป หม่อมฉันเพียงไม่อยากให้ฝ่าบาทที่อุตส่าห์พระราชทานของล้ำค่าต้องทรงผิดหวังที่มอบให้กับคนที่ไม่เหมาะสม จึงจำเป็นต้องทำอย่างสุดความสามารถเพคะ”ยิ่งได้ฟังฮ่องเต้ก็ยิ่งพึงใจ มือใหญ่แตะถูกหยกพกที่ห้อยอยู่ข้างเอว จึงปลดออกจากสายคาดเอวแล้วยื่นให้นาง “นี่คือหยกเหอเถียนที่เป็นของบรรณาการจากซื่อชวน ทั้งลวดลายสีสันเราชมชอบยิ่งนัก ช่วงนี้จึงมักพกติดกายเป็นประจำ บัดนี้ขอมอบให้เจ้า หวังว่าเราจะได้สดับรับฟังดนตรีอันยอดเยี่ยมเช่นนี้อีก”หานลู่กล่าวขอบพระทัยพลางรับด้วยสองมือ คลี่ยิ้มยวนเสน่ห์ “

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status