เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้มีท่าทีว่าจะพูดเล่นเลยแม้แต่น้อย ไป๋เหยาจึงเริ่มจริงจังขึ้นมาทันที เธอจ้องมองเขาแล้วถาม
"น้าเล็กอยากฟังคำตอบแบบไหนเหรอคะ"
มู่เฉินมีสีหน้าเคร่งเครียด เขาสั่งให้คนขับรถจอดรถที่ข้างทาง แล้วสั่งให้คนขับรถลงไปรอที่นอกรถก่อน ไป๋เหยามองการกระทำของมู่เฉินด้วยแววตาที่เรียบเฉย เธอรู้ดีว่าเขาคงไม่ต้องการให้มีคนรู้เรื่องพิลึกนี้มากนัก
เมื่อในรถเหลือเพียงเขาและเธอ มู่เฉินก็เอ่ยเข้าเรื่องทันที
"ว่าอย่างไร เธอกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่"
เมื่อได้ยินเขาถามอย่างนั้นเธอก็เม้มริมฝีปาก มือทั้งสองข้างจับกันเอาไว้แน่น หญิงสาวหันไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกาย แล้วจึงตอบคำถามของเขา
"น้าเล็กจำวันที่ฉันถูกรถชนได้ไหมคะ วันนั้นแหละค่ะ พอฉันลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองย้อนกลับมาในช่วงอายุสิบแปดปี"
มู่เฉินจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่คลาดสายตา ไป๋เหยาเห็นว่าในแววตาของเขามันมีทั้งความสงสารและรู้สึกผิดอยู่ในดวงตาคมคู่นั้น
เธอรู้ดีว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอ หญิงสาวเสหลบสายตาที่มองมาของมู่เฉิน
มู่เฉินเองก็เข้าใจได้ ไป๋เหยาไม่เคยชอบเขา ไม่ว่าชาติก่อนหรือชาตินี้ก็ไม่เคยคิดจะชอบ
เขาเองก็ไม่ได้โทษเธอ
"ฉันเองก็กลับมาเมื่อไม่นานมานี้ เดิมทีคิดว่าเป็นฝันฉากหนึ่ง แต่เมื่อตื่นขึ้นมาและพบว่าตนเองจำเรื่องราวในชาติก่อนได้ ก็คิดว่าตัวเองต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ แต่พอได้สติรับรู้ ถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ได้บ้าและไม่ได้ฝัน แต่ว่าย้อนเวลากลับมาจริง ๆ"
ไป๋เหยาจ้องมู่เฉินอย่างไม่ละสายตา เธอเองก็ตกใจมาก ไม่คิดเลยว่านอกจากตัวเธอที่รู้สึกว่าเรื่องนี้มันราวกับความฝัน มู่เฉินก็กำลังพบเจอกับเรื่องแปลกเหนือธรรมชาติเหมือนกันกับเธอ
หญิงสาวหมดคำพูด เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วจึงหันไปบอกกับเขาอย่างไม่เต็มเสียงเท่าใดนัก
"ขอบคุณน้าเล็กมากนะคะ ที่เคยเตือนสติ แต่ว่าฉันไม่ได้ใส่ใจ เพราะหน้ามืดตามัวในความรัก ฉันไร้เดียงสาเกินไปจริง ๆ น้าเล็กคงมองว่าฉันโง่มากเลยใช่ไหมคะ"
มู่เฉินอยากจะดึงหญิงสาวตรงหน้าเข้ามากอดและปลอบโยนเธอ บอกว่าเธอไม่ได้โง่ คนเราล้วนผิดพลาดกันได้ แต่เขากลับไม่กล้าทำแบบนั้น
ก่อนหน้านี้ที่ขู่ว่าจะจูบเธอ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังทำให้เธอกลัวมากพอแล้ว หากเขายังกอดเธออีก เธอคงหนีเขาไปเรื่อย ๆ เหมือนเดิมอีกแน่
"ไม่หรอก คนเราล้วนต้องเคยทำเรื่องผิดพลาด แต่เมื่อมีโอกาสได้เริ่มใหม่แล้ว เธอจะต้องใช้ชีวิตให้ดี ไป๋เหยา วันนี้เธอไม่ควรไปพบไอ้เวรนั่น เธอไม่ควรเชื่อพี่สาวจอมเสแสร้งของเธอ และที่สำคัญหากเธออยากเอาคืน เธอบอกฉัน เธอแค่บอกฉันมาคำเดียว ต่อให้ต้องฆ่าพวกเขาอีกรอบฉันก็ทำให้เธอได้"
ไป๋เหยาที่ได้ยินคำพูดพวกนี้จากปากของมู่เฉินเธอก็ตื่นตกใจเป็นอย่างมาก
"น้าเล็ก คุณหมายความว่ายังไงคะ ในชาติก่อนเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ หลังจากฉันตายไปแล้ว คุณทำอะไรพวกเขาคะ"
มู่เฉินหันมามองสาวน้อยตรงหน้า เขาจำได้ว่าตอนที่พบเธอครั้งแรกคือตอนที่เขาเพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ
ไป๋เหยาตอนนั้นมาเที่ยวเล่นที่คฤหาสน์ตระกูลมู่ เธอเป็นเพื่อนสนิทของมู่จินหลานสาวของเขา
เขาที่พบเห็นคนสวยมานักต่อนัก กลับพ่ายแพ้ให้กับรอยยิ้มน่ารักอ่อนหวานของไป๋เหยา เขาหลงรักสาวน้อยที่ไร้เดียงสาทว่าปากจัดคนนั้น
มู่เฉินก้มหน้าลงพร้อมกับคลี่ยิ้มออกมา ช่วงเวลาที่งดงามในวันนั้นยังคงตราตรึงอยู่ภายในใจของเขา
เดิมทีไป๋เหยาควรเป็นดอกไม้ที่แสนงดงามโลกของเธอควรสดใส ทว่าสุดท้ายกลับต้องจากไปเพราะฝีมือของคนชั่ว
เมื่อเห็นว่ามู่เฉินไม่ตอบ ไป๋เหยาจึงยื่นมือไปเขย่าแขนของเขา
"น้าเล็ก คุณตอบฉันมาสิคะ ชาติก่อนคุณทำอะไรลงไปกันแน่"
มู่เฉินละจากความคิดก่อนหน้า และมองไป๋เหยาด้วยแววตาที่วูบไหว
.........
ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว แต่ไป๋เหยายังคงนอนไม่หลับ เธอเหม่อมองออกไปที่นอกหน้าต่าง แสงไฟยามค่ำคืนช่างสวยงามเป็นอย่างมาก
หลังจากที่สนทนากันจนเข้าใจแล้ว มู่เฉินก็มาส่งเธอที่บ้านตระกูลไป๋
เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ไป๋เย่รั่วถึงกับมาขอร้องเธอว่าอย่าบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้คุณพ่อและคุณแม่ทราบ เธอไม่กล้าทำเรื่องที่ทำให้ไป๋เหยาต้องเสี่ยงอันตรายอีกแล้ว ไป๋เย่รั่วยอมทำทุกอย่างเพื่อชดเชยให้เธอ ไป๋เหยาเองไม่เชื่อคำพูดของไป๋เย่รั่ว แต่เธอก็รับปาก
เธอจะเก็บเรื่องนี้ไว้จัดการไป๋เย่รั่วเพื่อคิดบัญชีแค้นทีเดียว
เรื่องไป๋เย่รั่วนั้นก็สำคัญ แต่เรื่องที่เธอได้ฟังจากปากของมู่เฉินนั้น มันทำให้เธอตกใจยิ่งกว่า
เขาบอกว่า หลังจากที่ได้ยินว่าเธอล้มป่วย เขาและมู่จินพยายามหาทางมาเยี่ยมเธอหลายครั้ง แต่หลัวจิ้งและไป๋เย่รั่วกลับบอกว่าเธอไม่ต้องการพบใคร เขาเองก็ไม่อยากรบเร้าเธอจึงไม่ได้ติดใจอะไร แต่นานวันเข้าเขากลับพบเรื่องน่าสงสัย
มู่เฉินส่งคนมาตามสืบและรู้ว่าเธอป่วยหนัก ไม่นานก็สิ้นใจตายจากไป
หลัวจิ้งที่ตอนนั้นเป็นสามีของไป๋เหยาเอาแต่ร้องไห้แทบขาดใจ ไป๋เย่รั่วเองก็เสียใจมากเช่นเดียวกัน เมื่อไป๋เหยาตายแน่นอนว่าสมบัติทั้งหมดและกิจการทุกอย่างล้วนตกเป็นของสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของเธอ รวมถึงพี่สาวใจชั่วคนนั้น
ไป๋เหยาได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรว่าเธอยินดีแบ่งสมบัติให้ไป๋เย่รั่ว
ไม่นานคนทั้งสองก็แต่งงานกัน มู่เฉินพอจะจับต้นชนปลายเรื่องนี้ได้ เขาสั่งคนสืบอย่างละเอียดอีกครั้ง จนพบว่าการตายของไป๋เหยาผิดปกติ
เธอถูกฆาตกรรม!
และแน่นอนว่าเป็นฝีมือของสามีและพี่สาวใจดำอำมหิต
หลังจากที่ไป๋เหยาตายจากไป มู่เฉินก็ย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม เขาควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า กินดื่มเที่ยวและผลาญเงินตระกูลมู่ไปเกือบหมด คุณพ่อคุณแม่ของเขาตรอมใจตายเพราะเขา ส่วนมู่จินก็แต่งงานและพาคุณแม่ของเธอซึ่งก็คือพี่สาวของเขาย้ายออกจากคฤหาสน์ตระกูลมู่ไปด้วย
มู่เฉินติดการพนัน สมบัติทุกอย่างจึงไม่เหลือ เขาใช้ชีวิตให้ผ่านไปวัน ๆ เฝ้าแต่เสียใจที่ตนเองช่วยไป๋เหยาไม่ได้
สุดท้ายเพราะความโกรธแค้นจนขาดสติ คืนหนึ่งเขาบุกเข้าไปในบ้านตระกูลไป๋พร้อมคนของตน จัดการใช้มีดแทงผัวเมียชั่วไม่นับแผลจนตายด้วยสภาพศพไม่สวย
ไป๋เหยาเมื่อหวนคิดถึงเรื่องที่เขาเล่าให้ฟัง เธอก็อดหนาวสะท้านในใจมิได้
เธอรู้ดีว่าจดหมายที่เขียนเอาไว้ว่าเธอยินยอมยกสมบัติให้กับไป๋เย่รั่วนั้น ตอนเธอป่วยหลัวจิ้งและไป๋เย่รั่วบังคับให้เธอประทับลายนิ้วมือ
เธอเคียดแค้นชิงชังพี่สาวและสามีชั่ว โดยไม่รู้เลยว่ามู่เฉินได้จัดการเอาคืนทุกอย่างแทนเธอไปแล้ว
เรื่องราวต่อจากนั้นเขาไม่ได้เล่าให้เธอฟังต่อ แต่ไป๋เหยาพอจะคาดเดาได้ว่าเขาคงจะถูกทหารอาสาจับตัวไปและทำการประหารชีวิตในข้อหาฆ่าคนตายอย่างโหดเหี้ยม
ภาพจำของคุณน้าเล็กที่แสนหล่อเหลาและเป็นที่ชื่นชม สุดท้ายกลับจบลงอย่างน่าสงสาร
ไป๋เหยาก้มหน้าลง เธอรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตา รู้สึกผิดที่ตนเองเป็นต้นเหตุที่ทำลายชีวิตของเขา
แต่มู่เฉินกลับบอกว่าไม่อยากให้เธอคิดมาก เรื่องราวในชาติก่อนจบสิ้นลงแล้ว ตอนนี้คือชาติใหม่และเธอควรเริ่มต้นใหม่ อย่าหลงเป็นเหยื่อคนชั่วอีก
และที่สำคัญเขาจะอยู่เคียงข้างเธอ เธอไม่ชอบเขาก็ช่างเถอะ แต่เขาจะคอยช่วยเธอดูผู้ชายทุกคนที่เข้ามาในชีวิตของเธอ หากไว้ใจไม่ได้เขาก็จะไม่ยอมให้เธอคบหาเป็นอันขาด
ไป๋เหยาคลี่ยิ้มออกมา มู่เฉินคนเสเพลและไม่ได้เรื่องคนนั้นแท้จริงแล้วเขาก็มีข้อดีอยู่ไม่น้อยเลย
ชาตินี้เธอจะไม่เดินทางผิด เพื่อไถ่โทษ เขาจะได้ไม่ต้องพบจุดจบแบบนั้น
ส่วนมู่เฉินตอนนี้เขากำลังนั่งดื่มสุราอยู่ภายในห้องนอนของตนเอง ชายหนุ่มเฝ้าคิดถึงเรื่องราวที่ได้สนทนากับไป๋เหยาในวันนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เดิมทียังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เขาไม่ได้บอกกับเธอเพราะไม่อยากให้เธอโทษตัวเองไปมากกว่านี้
หลังจากที่เขาฆ่าตัวบัดซบสองคนนั้นตายไปแล้ว เขาก็มาที่หลุมศพของเธอ ก่อนจะใช้มีดปาดคอตนเอง เขาฆ่าตัวตายที่หน้าหลุมศพของไป๋เหยา
ตอนนั้นเขาคิดอย่างไร้เดียงสาว่า ในเมื่อไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับเธอ ได้ตายอยู่หน้าหลุมศพของเธอก็ดีเหมือนกัน
เขาไม่เคยโกรธไป๋เหยา ไม่เคยกล่าวโทษเธอ หากในชาตินี้เรื่องราววนย้อนกลับไปเหมือนเช่นชาติก่อน เขาก็ยังยินดีจะเลือกหนทางเดิมอีกครั้ง
ชายหนุ่มยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมด ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ที่บอกว่าจะช่วยเลือกผู้ชายดีดีให้เธอสักคน
เขาหลอกเธอ!
ในชาตินี้ผู้ชายคนเดียวที่จะอยู่ข้างกายไป๋เหยามีแค่เขาเท่านั้น ใครกล้ามาแย่งเธอไป เขารับรองได้ว่ามันไม่ตายก็พิการซ้ำซ้อนแน่นอน
มู่เฉินเยาะหยันตนเอง ไหนบอกว่าจะไม่ยุ่งกับเธออีก ไม่อยากก้าวก่ายเรื่องของเธอไม่ใช่หรือ
สุดท้ายเขาก็ทำไม่ได้
เขาไม่เคยก้าวข้ามเรื่องของไป๋เหยาได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว!
ตอนนี้ทุกอย่างที่เมืองตงฉางราบรื่นดี ใช้เวลาร่วมเดือนงานก่อสร้างก็คืบหน้าไปมาก มู่เฉินที่เห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องเป็นห่วงแล้ว จึงคิดจะเดินทางกลับเมืองหลิงชุน เขาเองก็ไม่ค่อยอยากอยู่ที่ตงฉางมากนัก ที่นี่เงียบเกินไปเขาที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองมานานปีจึงไม่ค่อยคุ้นชินเท่าใดนักเขาพาไป๋เหยาและมู่จินขับรถกลับเมือง หลิงชุนด้วยกันในเช้าวันต่อมา มู่จินมองเพื่อนรักและน้าเล็กของตนพลางยิ้มออกมาเล็กน้อย เรื่องระหว่างคนทั้งสองเธอรู้หมดแล้วและไม่ได้คัดค้านอะไร ออกจะดีใจมากด้วยซ้ำที่จะได้เพื่อนรักมาเป็นน้าสะใภ้ของตนเองคนทั้งสามกลับมาถึงเมืองหลิงชุนในช่วงเย็นของวันนั้น คุณนายไป๋ไม่ได้ซักถามอะไรลูกสาวบอกเพียงให้รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและมากินมื้อเย็นด้วยกัน ไป๋เหยาเม้มริมฝีปากยังไม่กล้าบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าช่วงที่อยู่เมืองตงฉาง เธอและมู่เฉินมีความสัมพันธ์กันหลายครั้งแล้ว แม้จะมั่นใจว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางทอดทิ้งเธอ แต่ไป๋เหยาก็ยังรู้สึกประหม่าเหลือเกินด้านมู่เฉินนั้นเมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลมู่เขาก็จัดการเก็บของตนเองเอาไว้ในห้องและไปอาบน้ำ หลังจากเปลี่ยนชุดและลงมาที่ด้านล่างก็พบว่าเป็นเวลามื้อเย็นแล้ว
ท้ายที่สุดมู่เฉินก็ตัดสินใจแจ้งเรื่องนี้กับสำนักงานตำรวจเมืองตงฉางและส่งตัวหลัวจิ้งให้ทางการทันที ตำรวจเข้าค้นที่เกิดเหตุและส่งหญิงสาวเหล่านั้นกลับบ้าน อีกทั้งยังเอาผิดพ่อแม่ของเธอที่ขายลูกสาวอย่างผิดกฎหมาย ถูกปรับหลายร้อยหยวน มู่เฉินที่ตามไปดูเหตุการณ์รู้สึกเวทนาพวกเขาไม่น้อย เพราะความยากจนทำให้พวกเขาต้องตัดสินใจทำแบบนี้ ชายหนุ่มตัดสินใจจ่ายค่าเสียหายแทนพวกเขาเป็นเงินหลายพันหยวน และหางานให้หญิงสาวเหล่านั้นทำ ตอนนี้ที่เมืองตงฉางมีโรงงานตระกูลมู่ที่สร้างเสร็จและกำลังเปิดรับคนเข้าไปทำงาน เขาจึงให้พวกเธอไปสมัครงานที่โรงงานของเขาจะได้มีเงินมาใช้จ่ายในครอบครัวส่วนหลัวจิ้งนั้นยังคงไม่ซัดทอดไปถึงใครทั้งนั้น เขาปิดปากเงียบและถูกจับกุมตัวเอาไว้ทางด้านเฉียนฟานที่เพิ่งเดินทางมาถึงและทราบเรื่องก็ลอบก่นด่าหลัวจิ้งเป็นร้อยครั้งที่ทำงานได้อย่างบัดซบที่สุด ซ้ำยังถูกตำรวจจับตัวได้อีก ครั้งนี้เขาทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากต้องล่าถอยและรีบกลับเมืองหลิงชุนไปก่อนเดิมทีเขาคิดว่านอกจากจะมารับตัวหญิงสาวพวกนั้นไปแล้วยังคิดจะมาดูมู่เฉินเสียหน่อยว่ามันทำอะไรไปบ้าง ที่สำคัญเด็กสาวคนนั้นก็ตามมันมาด้วย เขาเองพอจะรู้
ทางด้านไป๋เหยานั้นหลังจากที่ได้สติกลับมาแล้ว เธอรู้สึกว่าปวดไปทั่วทั้งตัว โดยเฉพาะบริเวณศีรษะนั้นเจ็บมากที่สุด เธอพยายามหยัดกายลุกขึ้น หญิงสาวมองไปรอบ ๆ บริเวณ พบว่าตอนนี้เธอกำลังอยู่ในห้องเก่า ๆ ห้องหนึ่ง ไม่ไกลกันนักมีหญิงสาวหน้าตาสะสวยหลายคนที่นั่งรวมตัวกันอยู่อีกมุมหนึ่ง พวกหล่อนมองไป๋เหยาอย่างหวาดหวั่น มีบางคนที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุดไป๋เหยาขมวดคิ้วมุ่น นี่มันเรื่องอะไรกันเธอพยายามคิดทบทวนถึงเรื่องก่อนหน้านี้ เดิมทีเธอออกมาเก็บผ้าพันคอ แต่จู่ ๆ ก็รู้สึกว่ามีคนใช้ของแข็งฟาดเข้ามาที่ท้ายทอยจนสลบไป พอฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่เสียแล้วหัวใจของไป๋เหยาเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ไหนและใครกันที่เป็นคนจับตัวเธอมาไป๋เหยาพยายามคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก เธอไม่ใช่คนในพื้นที่ อีกทั้งยังไม่ใช่คนที่นี่แล้วทำไมถึงถูกจับตัวมากันนะ เธอมองพลางคิดจะหาทางหนีทีไล่ จึงขยับเข้าไปใกล้หญิงสาวเหล่านั้นแล้วสอบถาม"ขอถามหน่อยค่ะ ไม่ทราบว่าที่นี่คือที่ไหน แล้วทำไมพวกคุณถึงมาอยู่ที่นี่กันเล่า"หญิงสาวเหล่านั้นดูเหมือนว่าจะมีอายุยังไม่ถึงสิบแปดปี พวกเธอมองไป๋เหยาอย่างหวาดกลัว
สองวันต่อมามู่เฉินและไป๋เหยาก็เดินทางไปเมืองตงฉางพร้อมกัน การเดินทางครั้งนี้มีมู่ จินร่วมเดินทางไปด้วย มู่เฉินกลัวว่าระหว่างที่เขาต้องไปทำงานไป๋เหยาจะเหงา จึงให้มู่จินมาอยู่เป็นเพื่อนกับเธอ อีกทั้งเขาต้องการให้คนบ้านตระกูลไป๋มั่นใจว่าเขาไม่ได้คิดจะเอาเปรียบเธอคุณนายไป๋ยิ้มแล้วมองลูกสาวที่ออกไปพร้อมมู่เฉินและมู่จิน เดิมทีเธอยังค่อนข้างหนักใจที่ไป๋เหยาตกลงคบหากับมู่เฉินที่มีอายุห่างกันหลายปี แต่เมื่อเห็นว่าลูกสาวมีความสุขและมู่เฉินก็ดูแลไป๋เหยาเป็นอย่างดี เธอและสามีก็พอจะวางใจลงได้ไม่น้อยระยะทางจากเมืองหลิงชุนและตงฉางนับว่าต้องใช้เวลาเดินทางอยู่ไม่น้อย แต่มู่เฉินไม่ได้รีบร้อนเดินทางด้วยเครื่องบิน จึงถือโอกาสนี้นั่งรถส่วนตัวมาเพื่อจะได้ชมทิวทัศน์ข้างทางไปด้วย "นี่เหยาเหยา เธอลองกินขนมอบดูสิ ร้านนี้อร่อยมาก"มู่จินเอ่ยพร้อมกับยื่นห่อขนมมาให้เพื่อนรัก ไป๋เหยารับมากินชิ้นหนึ่งพบว่ารสชาติดีจริง ๆมู่เฉินหันไปมองหลานสาวของตนเอง และพูดขึ้นมา"จินจินตัวแสบ เธอกินเยอะจนแก้มบวมแล้ว อย่ามาชวนเสี่ยวเหยาของฉันกินเยอะเหมือนเธอสิ"มู่จินหันมาถลึงตาใส่น้าเล็กของตนพร้อมกับยื่นมือมาตีแขนมู่เฉินอย่า
อากาศยามเช้าวันนี้ค่อนข้างดี มู่เฉินตื่นนอนแต่เช้า หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินลงมารับมื้อเช้า เมื่อมาถึงห้องอาหารก็พบกับคุณพ่อที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ชายหนุ่มทิ้งกายลงนั่งฝั่งตรงหน้าผู้เป็นพ่อพร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม"ข่าววันนี้ไม่ดีเหรอครับ ทำไมพ่อหน้าเครียดแบบนั้น"มู่เฉิงพับหนังสือพิมพ์วางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหันมาเอ่ยกับลูกชาย"หลายวันมานี้คล้ายพันธบัตรที่พ่อซื้อไว้เหมือนจะราคาตกลงไปไม่น้อย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ราคายังขึ้นอยู่เลย อย่างนั้นคงต้องพักเอาไว้ก่อน ไม่ลงทุนเพิ่มแล้ว"มู่เฉินพยักหน้าช้า ๆ สมัยนี้คนชอบลงทุนซื้อพันธบัตรเก็บไว้ ช่วงไหนราคาขึ้นก็มีความสุขดีใจกันยกใหญ่ ช่วงไหนที่ราคาตกขาดทุนก็ถึงกับยิ้มไม่ออก เขาเองก็มีซื้อเอาไว้บ้างแต่ไม่ได้ลงทุนมากนัก"การลงทุนล้วนมีความเสี่ยงพ่อก็ระวังด้วยครับ ว่าแต่แม่กับพี่ล่ะ ออกไปแล้วเหรอครับ""อืม ออกไปที่โรงแรมแต่เช้าแล้ว แกรีบกินเถอะ พ่อมีเรื่องจะพูดกับแกหน่อย""ครับ"มู่เฉินพยักหน้าพร้อมกับรีบกินอาหารเช้าหลังจากที่เห็นว่าลูกชายกินเสร็จเรียบร้อยแล้ว มู่เฉิงก็เข้าเรื่องทันที"แกจะไปที
เมื่อหญิงวัยกลางคนผู้นั้นพูดว่ามู่เฉินคือลูกชายของเธอ ทุกคนในงานต่างแตกตื่นเป็นอย่างมาก แต่ไป๋เหยากลับมองด้วยแววตาที่เรียบเฉยชาติก่อนตอนที่เธอเริ่มจะล้มป่วยและยังไม่ได้นอนติดเตียงก็พอรู้ข่าวของมู่เฉินจากหน้าหนังสือพิมพ์อยู่แล้วแม่ที่แท้จริงของเขามีชื่อว่าจ้าวเหมย เธอทำงานอยู่ในบาร์เหล้าและมีความสัมพันธ์กับประธานมู่จนตั้งครรภ์ จากนั้นพวกเขาก็บีบบังคับเอาลูกของเธอมาเลี้ยง และขู่จะทำร้ายเธอ อีกทั้งยังบอกให้เธอรับเงินไปและอย่าเสนอหน้ากลับมาอีกเรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่และเป็นเรื่องฉาวโฉ่ที่ตระกูลมู่ไม่ต้องการให้คนนอกรับรู้ เพราะค่อนข้างส่งผลกระทบต่อหน้าตาของคนในตระกูลเป็นอย่างมากตอนแรกเธอรู้ว่าแม่ของเขาไม่ใช่คุณนายมู่ แต่ไม่เคยถามเขา เพราะอย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา แต่เมื่อได้เปิดใจคบหากัน มู่เฉินก็เล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังทั้งหมด เธอรู้สึกสงสารเขามาก ทั้งที่มีแม่ แต่แม่กลับไม่เคยรักเขาซ้ำร้ายยังใช้เขาเพื่อหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองอีกด้วยเธอมองจ้าวเหมยอีกครั้งและไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาประธานมู่และคุณนายมู่ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี มู่เฉิงพ่อของมู่เฉินถึงกับหันมามองคนใช้ในบ้านอย่างค