เช้าวันต่อมาอากาศดี เมื่อไป๋เหยาลงมาจากห้องนอนก็พบว่าตอนนี้กำลังมีพนักงานจากบริษัททำความสะอาดเข้ามาเก็บกวาดภายในบ้าน เมื่อถามแม่บ้านหลี่ก็ได้ความว่าอีกไม่กี่วันคุณอาของเธอซึ่งเป็นน้องชายของคุณพ่อจะมาเยี่ยมบ้าน คุณแม่จึงจ้างบริษัทมาช่วยทำความสะอาด
หญิงสาวเดินมารินน้ำใส่แก้วยกขึ้นดื่ม แล้วมองไปโดยรอบ เช้านี้เธอไม่เห็นไป๋เย่รั่วเลย
เมื่อสอบถามแม่บ้านหลี่ก็ได้ความว่าไป๋เย่รั่วออกไปแต่เช้า ไม่ได้บอกว่าจะออกไปที่ไหน ส่วนคุณพ่อคุณแม่ก็ออกไปทำงานแล้ว
ไป๋เหยากินมื้อเช้าไปเพียงไม่กี่คำเธอก็รีบขึ้นห้องไปแต่งตัว แล้วเดินออกมาบอกพ่อบ้านสวีว่าเธอต้องการจะออกไปที่คฤหาสน์ตระกูลมู่
ในระหว่างที่นั่งอยู่ในรถนั้น ไป๋เหยาก็คิดถึงแต่เรื่องของไป๋เย่รั่ว พี่สาวตัวดีของเธอออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าซ้ำยังไม่ได้ให้คนขับรถที่บ้านไปส่ง ไป๋เย่รั่วไปที่ไหนกันแน่นะ
หรือว่าจะไปหาหลัวจิ้ง
ไป๋เหยานึกเรื่องของหลัวจิ้งขึ้นมาได้ เมื่อวานนี้หลัวจิ้งถูกจับ ด้วยสภาพทางครอบครัวของเขาย่อมไม่อาจประกันตัวหลัวจิ้งออกมาได้ อย่างนั้นไป๋เย่รั่วย่อมต้องไปช่วยเขาเป็นแน่
ไป๋เหยารีบตรงไปที่สำนักงานตำรวจทันที เมื่อมาถึงก็พบว่าหลัวจิ้งถูกประกันตัวออกไปแล้ว และคนที่มาประกันตัวเขาก็คือครอบครัวตระกูลหลัว
หญิงสาวแค่นเสียงเย็นในลำคอ เดิมทีคิดจะให้คนสารเลวนั่นนอนคุกนาน ๆ หน่อย แต่ไม่คิดว่าจะรอดออกไปได้แบบนี้
ว่าแต่คนตระกูลหลัวเอาเงินที่ไหนมาประกันตัวหลัวจิ้งออกไปกันนะ
หรือว่าเป็นไป๋เย่รั่วที่เอาเงินไปให้คนพวกนั้น
เมื่อคิดได้ดังนั้นไป๋เหยาจึงมุ่งหน้าไปคฤหาสน์ตระกูลมู่ทันที ก่อนหน้านี้เธอได้โทรบอกกับมู่จินเอาไว้แล้ว
ไม่นานไป๋เหยาก็มาถึงคฤหาสน์ตระกูลมู่ หญิงสาวจำได้ว่าชาติก่อนตั้งแต่วันที่เธอทะเลาะกับมู่จินก็ไม่ได้มาที่นี่อีก ครั้งนี้เมื่อได้กลับมาอีกครั้งก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
"เหยาเหยา"
มู่จินรีบออกมารับเพื่อนรัก ไป๋เหยายิ้มให้มู่จิน ก่อนที่คนทั้งสองจะเดินเข้าไปด้านใน
สองเพื่อนรักนั่งดื่มชาและสนทนากันเรื่องต่าง ๆ ไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งมู่จินเป็นคนเอ่ยปากถามเรื่องนั้นกับเธอ
"นี่เหยาเหยาฉันรู้เรื่องที่เธอถูกลวนลามแล้วนะ น้าเล็กเล่าให้ฟัง และบอกให้ฉันช่วยดูแลเธอด้วย ฉันว่าแล้วเชียว พี่สาวของเธอไว้ใจไม่ได้ มีที่ไหนกันทิ้งน้องสาวให้เดินเล่นกับผู้ชายสองต่อสอง เธอก็หัวอ่อนเกินไป เชื่อคำของไป๋เย่รั่วไปได้อย่างไร ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นพี่สาวแต่ไม่ได้มีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือดเสียหน่อย"
ไป๋เหยายกถ้วยชาขึ้นมาดื่มพร้อมกับยิ้มให้มู่จิน
"ฉันเข้าใจแล้ว จะไม่ไว้ใจอีกแล้วละ"
มู่จินพยักหน้าช้า ๆ ไป๋เหยาเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ในใจนึกสงสัยเหลือเกิน ไม่คิดว่ามู่เฉินจะฝากฝังให้มู่จินดูแลเธอด้วยอีกคนหนึ่ง
เพราะว่าไป๋เหยามาที่คฤหาสน์ตระกูลมู่ก็เป็นช่วงบ่ายแล้ว จึงได้อยู่กินของว่าง คุณแม่ของมู่จินทำสาลี่ตุ๋นยาจีนให้พวกเธอสองคนได้ลองกิน ไป๋เหยาชื่นชอบเป็นอย่างมาก
ไม่นานนักก็ได้ยินว่ามู่เฉินกลับมาแล้ว ก่อนหน้านี้เธอสอบถามมู่จินได้ความว่าเขาออกไปประชุมตอนเช้า พักหลังมานี้น้าเล็กของมู่จินดูจะขยันขึ้น และก็ไม่ชอบออกไปเที่ยวเตร่ ผู้หญิงมาคอยยั่วยวนเขาก็ไม่สนใจ เรียกได้ว่าแทบจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยทีเดียว
ไป๋เหยารับฟังและไม่ได้ออกความเห็นอะไร เรื่องนี้เธอเข้าใจดี
เพราะเขาย้อนกลับมาก็เลยอยากทำทุกอย่างให้ดีกว่าชาติที่แล้ว
ส่วนมู่เฉินนั้นเมื่อกลับมาถึงบ้านของตนและพบว่าไป๋เหยามาหามู่จิน ชายหนุ่มก็ยกยิ้มมุมปาก รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาดื้อ ๆ
ชายหนุ่มก้าวเดินเข้ามา ก่อนที่สายตาคมจะมองเห็นไป๋เหยาที่กำลังนั่งสนทนากับมู่จิน เธอยิ้มและหัวเราะอย่างอารมณ์ดี รอยยิ้มของไป๋เหยาทำให้มู่เฉินรู้สึกมีความสุขมากเหลือเกิน
เขาจะทำทุกทางเพื่อรักษารอยยิ้มนี้ของไป๋เหยาให้สดใสตลอดไป
"จินจินตัวแสบ น้าเล็กซื้อขนมอบมาฝากเธอด้วยละ อย่าลืมแบ่งให้ไป๋เหยาด้วย"
เสียงของมู่เฉินทำให้ไป๋เหยาและมู่จินหันไปมอง หญิงสาวสบสายตากับชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะยิ้มให้เขา
อาจเพราะตัวเธอเองได้ปลดล็อกความในใจกับมู่เฉินไปแล้ว ท่าทีประหม่าที่มีต่อเขาจึงหายไปจนหมดสิ้น เธอกล้าส่งยิ้มให้เขามากขึ้น
มู่จินรับขนมมา บอกว่าเธอจะไปจัดใส่จานเองและจะไปเอาลูกท้อที่แช่เอาไว้ในตู้เย็นมาให้ไป๋เหยาด้วย ไป๋เหยาจะตามไปช่วยมู่จินก็ปฏิเสธเธอจึงไม่ได้ตามมู่จินไป
ในยามนี้เมื่ออยู่กันตามลำพังสองคน มู่เฉินก็ทิ้งกายนั่งลงตรงข้ามกับไป๋เหยา และสอบถามเธอว่า
"พี่สาวของเธอตอนนี้คงหาทางประกันตัวหลัวจิ้งไปแล้วสิ"
ไป๋เหยาเงยหน้ามามองมู่เฉินพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย
"ใช่แล้วค่ะ ที่ผ่านมาที่บ้านของฉันก็ให้เงินกับเธอไม่น้อย ถึงกับเปิดสมุดบัญชีเป็นชื่อของเธอให้มีเงินใช้จ่ายส่วนตัว เธอคงพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง ถึงสามารถประกันตัวเดรัจฉานคนนั้นได้ แต่ชื่อของคนที่ประกันไม่ใช่ไป๋เย่รั่ว ฉันเดาได้ว่าเธอคงเอาเงินไปให้คนตระกูลหลัวมาประกันหลัวจิ้ง ออกไป ที่ไป๋เย่รั่วทำแบบนี้เพราะไม่อยากให้ตัวเองเดือดร้อนทีหลังค่ะ"
เมื่อเห็นท่าทางไม่ทุกข์ร้อนของไป๋เหยา มู่เฉินก็เลิกคิ้วขึ้น
"เธอวางแผนรับมือหรือยัง ฉันเชื่อว่าพวกเขาคงไม่หยุดแค่นั้น"
ไป๋เหยาช้อนสายตามองชายหนุ่มตรงหน้า
"ก็มีอยู่นะคะ แต่ยังไม่ถึงเวลา อีกอย่างไป๋เย่รั่วก็เป็นคนที่ระวังตัวไม่น้อย คงไม่ยอมให้พวกเราจับได้ง่าย ๆ ว่าเธอคิดจะทำอะไร น่าเสียดายที่หลัวจิ้งครั้งนี้รอดไปได้ เขาควรจะนอนในคุกให้นาน ๆ หน่อย"
มู่เฉินก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม แล้วค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาพูดกับไป๋เหยา
"ไม่ต้องกังวลหรอก ก่อนหน้านี้ตอนที่มันออกมาจากสำนักงานตำรวจ ฉันได้ส่งคนไปกระทืบมันซ้ำแล้ว คาดว่าคงจะนอนเป็นผักไปอีกหลายวัน เป็นยังไง น้าเล็กของเธอน่านับถือหรือไม่"
ไป๋เหยา "..."
ด้านไป๋เย่รั่วนั้น ก่อนหน้านี้เธอนำเงินที่เธอมีเกือบจะทั้งหมดไปให้คนตระกูลหลัวประกันตัวหลัวจิ้งออกมาจากสถานีตำรวจ ที่เธอต้องทำอย่างนี้เพราะไม่อยากให้มีใครรู้ทีหลังว่าเธอเคยเกี่ยวพันกับเขา ความจริงเธอไม่อยากจะเสียเงินก้อนนี้ไปกับเขาเลย แต่เมื่อเธอได้ไปพบชายหนุ่มกลับพูดจาข่มขู่เธอ บอกว่าที่ตัวเองต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอ ไป๋เหยาไม่ใช่คนโง่ อีกทั้งยังทำร้ายเขาอย่างไม่ไว้หน้า เธอจะต้องชดใช้เป็นเงินให้เขา ไม่อย่างนั้นเขาจะแฉเรื่องที่เธอหลอกน้องสาวมาให้เขาลวนลาม
ไป๋เย่รั่วกัดฟันกรอด เธอชังน้ำหน้าหลัวจิ้งเหลือเกิน ก่อนหน้านี้คิดว่าจะใช้งานได้ แต่ความจริงก็เป็นแค่พวกไร้น้ำยาคนหนึ่ง
เธอไม่ควรดึงเขาเข้ามาร่วมแผนการนี้เลย และที่สำคัญเรื่องนี้มันทำให้เธอรู้ว่าหลัวจิ้งไม่เหมาะจะเป็นคนรักของเธอเลยด้วยซ้ำ
อีกทั้งหลังจากที่เขาออกมาจากคุกก็ถูกพวกอันธพาลที่ไหนไม่รู้ตามมากระทืบเอา เขาโทรมาหาเธอที่บ้านตระกูลไป๋ว่าให้เธอออกมาพบ หลัวจิ้งขู่เอาเงินกับเธอไปอีกหลายร้อยหยวน ตอนนี้เธอไม่มีเงินแล้ว ทำได้แค่รอคุณพ่อคุณแม่บุญธรรมฝากเงินเข้าบัญชีให้เธออีกครั้ง
ยิ่งคิดไป๋เย่รั่วก็ยิ่งโมโห ไป๋เหยานะไป๋เหยา เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าน้องสาวตัวดีจะไม่ได้อ่อนต่อโลกอย่างที่เธอคิด
หรือว่าไป๋เหยาจะรู้ว่าเธอคิดจะทำสิ่งใด
เป็นไปไม่ได้ หล่อนโง่อย่างกับอะไรดีย่อมตามไม่ทันเธออยู่แล้ว คงเพราะหลัวจิ้งทำงานพลาดเองและมาโทษคนอื่นมากกว่า
เมื่อจัดการปัญหาเรียบร้อยแล้ว ไป๋เย่รั่วก็กลับมาที่บ้านตระกูลไป๋ เมื่อมาถึงเธอก็พบว่ามีรถจี๊ปคันหนึ่งจอดอยู่ แน่นอนว่ามันไม่ใช่รถของคนในบ้านตระกูลไป๋ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเดินเข้ามาในบ้านก็พบกับมู่เฉิน
ก่อนหน้านี้เพราะรถของไป๋เหยามีปัญหาสตาร์ตไม่ติด จึงต้องนำไปซ่อม มู่เฉินจึงอาสามาส่งเธอพร้อมกับมู่จิน และยังนำเหล้าเหมาไถมาฝากประธานไป๋อีกด้วย ชายหนุ่มอยู่พูดคุยไม่นานก็คิดจะกลับ ในขณะที่เดินออกมาก็พบกับไป๋เย่รั่วที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้านพอดี
หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้เขา พร้อมกับทักทายชายหนุ่ม
"คุณมู่เฉิน คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ จะกลับแล้วเหรอ ให้ฉันเดินไปส่งดีไหมคะ"
มู่เฉินปรายตามองไป๋เย่รั่ว พลางตอบอย่างเย็นชา
"ไม่ต้อง ฉันไม่ชอบให้คนเสแสร้งเดินไปส่ง!"
เขาพูดอย่างห่างเหินและไม่เหลือบตามองเธอแม้แต่น้อย ไป๋เย่รั่วลอบกำมือแน่น เขาเหยียดหยามเธอสองครั้งแล้วนะ
มู่จินที่เห็นว่าน้าเล็กไม่ได้สนใจไป๋เย่รั่วสักนิดเดียว หญิงสาวก็รู้สึกขบขันในใจเป็นอันมาก
มีหรือที่เธอจะมองไม่เห็นสายตาที่ไป๋เย่รั่วมองน้าเล็ก ตอนแรกคิดว่าน้าเล็กจะหลงเสน่ห์ไป๋เย่รั่วเสียแล้ว แต่ผิดคาดจริง ๆ
เป็นแบบนี้ก็ดี เธอไม่อยากให้น้าเล็กไปยุ่งเกี่ยวกับไป๋เย่รั่ว เพราะเธอเองก็ไม่ถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้!
ไป๋เย่รั่วพยายามระงับโทสะในใจตน เธอไม่เชื่อหรอก ว่าเขาจะไม่หลงเสน่ห์เธอ เธอก็หน้าตาสะสวยไม่น้อยหน้าใครเลยด้วยซ้ำ
"พี่คะ ได้ยินว่าพี่ออกไปข้างนอกมา พี่ไปทำอะไรเหรอคะแล้วทำไมไม่ให้พ่อบ้านสวีขับรถพาไปล่ะ"
เสียงเรียกของไป๋เหยาทำให้ไป๋เย่รั่วละสายตาจากมู่เฉินและหันกลับมามองน้องสาว เธอเม้มริมฝีปากก่อนจะแย้มยิ้มพลางตอบ
"พี่ไปหาเพื่อนมาน่ะ ต้องปรึกษากันเรื่องเรียนนิดหน่อย"
"อ้อ"
"พี่ขอตัวก่อนนะเหนื่อยมากเลย"
พูดจบไป๋เย่รั่วก็เดินจากไปทันที แม้แต่คุณพ่อคุณแม่เธอก็ไม่ได้เข้าไปทักทาย ไป๋เหยายกยิ้มมุมปาก ดูจากสีหน้าของไป๋เย่รั่วแล้วอาจจะมีเรื่องทะเลาะกับหลัวจิ้งเป็นแน่
หลัวจิ้งชอบเงินมากกว่าอะไรทั้งนั้น เธอคิดว่าจะใช้เงินหลอกล่อให้เขาทำเรื่องบางอย่างกับไป๋เย่รั่ว
ชาตินี้คนที่จะได้แต่งกับหลัวจิ้งและใช้ชีวิตราวกับนรกบนดินก็คือไป๋เย่รั่วไม่ใช่เธอ!
ตอนนี้ทุกอย่างที่เมืองตงฉางราบรื่นดี ใช้เวลาร่วมเดือนงานก่อสร้างก็คืบหน้าไปมาก มู่เฉินที่เห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องเป็นห่วงแล้ว จึงคิดจะเดินทางกลับเมืองหลิงชุน เขาเองก็ไม่ค่อยอยากอยู่ที่ตงฉางมากนัก ที่นี่เงียบเกินไปเขาที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองมานานปีจึงไม่ค่อยคุ้นชินเท่าใดนักเขาพาไป๋เหยาและมู่จินขับรถกลับเมือง หลิงชุนด้วยกันในเช้าวันต่อมา มู่จินมองเพื่อนรักและน้าเล็กของตนพลางยิ้มออกมาเล็กน้อย เรื่องระหว่างคนทั้งสองเธอรู้หมดแล้วและไม่ได้คัดค้านอะไร ออกจะดีใจมากด้วยซ้ำที่จะได้เพื่อนรักมาเป็นน้าสะใภ้ของตนเองคนทั้งสามกลับมาถึงเมืองหลิงชุนในช่วงเย็นของวันนั้น คุณนายไป๋ไม่ได้ซักถามอะไรลูกสาวบอกเพียงให้รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและมากินมื้อเย็นด้วยกัน ไป๋เหยาเม้มริมฝีปากยังไม่กล้าบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าช่วงที่อยู่เมืองตงฉาง เธอและมู่เฉินมีความสัมพันธ์กันหลายครั้งแล้ว แม้จะมั่นใจว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางทอดทิ้งเธอ แต่ไป๋เหยาก็ยังรู้สึกประหม่าเหลือเกินด้านมู่เฉินนั้นเมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลมู่เขาก็จัดการเก็บของตนเองเอาไว้ในห้องและไปอาบน้ำ หลังจากเปลี่ยนชุดและลงมาที่ด้านล่างก็พบว่าเป็นเวลามื้อเย็นแล้ว
ท้ายที่สุดมู่เฉินก็ตัดสินใจแจ้งเรื่องนี้กับสำนักงานตำรวจเมืองตงฉางและส่งตัวหลัวจิ้งให้ทางการทันที ตำรวจเข้าค้นที่เกิดเหตุและส่งหญิงสาวเหล่านั้นกลับบ้าน อีกทั้งยังเอาผิดพ่อแม่ของเธอที่ขายลูกสาวอย่างผิดกฎหมาย ถูกปรับหลายร้อยหยวน มู่เฉินที่ตามไปดูเหตุการณ์รู้สึกเวทนาพวกเขาไม่น้อย เพราะความยากจนทำให้พวกเขาต้องตัดสินใจทำแบบนี้ ชายหนุ่มตัดสินใจจ่ายค่าเสียหายแทนพวกเขาเป็นเงินหลายพันหยวน และหางานให้หญิงสาวเหล่านั้นทำ ตอนนี้ที่เมืองตงฉางมีโรงงานตระกูลมู่ที่สร้างเสร็จและกำลังเปิดรับคนเข้าไปทำงาน เขาจึงให้พวกเธอไปสมัครงานที่โรงงานของเขาจะได้มีเงินมาใช้จ่ายในครอบครัวส่วนหลัวจิ้งนั้นยังคงไม่ซัดทอดไปถึงใครทั้งนั้น เขาปิดปากเงียบและถูกจับกุมตัวเอาไว้ทางด้านเฉียนฟานที่เพิ่งเดินทางมาถึงและทราบเรื่องก็ลอบก่นด่าหลัวจิ้งเป็นร้อยครั้งที่ทำงานได้อย่างบัดซบที่สุด ซ้ำยังถูกตำรวจจับตัวได้อีก ครั้งนี้เขาทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากต้องล่าถอยและรีบกลับเมืองหลิงชุนไปก่อนเดิมทีเขาคิดว่านอกจากจะมารับตัวหญิงสาวพวกนั้นไปแล้วยังคิดจะมาดูมู่เฉินเสียหน่อยว่ามันทำอะไรไปบ้าง ที่สำคัญเด็กสาวคนนั้นก็ตามมันมาด้วย เขาเองพอจะรู้
ทางด้านไป๋เหยานั้นหลังจากที่ได้สติกลับมาแล้ว เธอรู้สึกว่าปวดไปทั่วทั้งตัว โดยเฉพาะบริเวณศีรษะนั้นเจ็บมากที่สุด เธอพยายามหยัดกายลุกขึ้น หญิงสาวมองไปรอบ ๆ บริเวณ พบว่าตอนนี้เธอกำลังอยู่ในห้องเก่า ๆ ห้องหนึ่ง ไม่ไกลกันนักมีหญิงสาวหน้าตาสะสวยหลายคนที่นั่งรวมตัวกันอยู่อีกมุมหนึ่ง พวกหล่อนมองไป๋เหยาอย่างหวาดหวั่น มีบางคนที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุดไป๋เหยาขมวดคิ้วมุ่น นี่มันเรื่องอะไรกันเธอพยายามคิดทบทวนถึงเรื่องก่อนหน้านี้ เดิมทีเธอออกมาเก็บผ้าพันคอ แต่จู่ ๆ ก็รู้สึกว่ามีคนใช้ของแข็งฟาดเข้ามาที่ท้ายทอยจนสลบไป พอฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่เสียแล้วหัวใจของไป๋เหยาเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ไหนและใครกันที่เป็นคนจับตัวเธอมาไป๋เหยาพยายามคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก เธอไม่ใช่คนในพื้นที่ อีกทั้งยังไม่ใช่คนที่นี่แล้วทำไมถึงถูกจับตัวมากันนะ เธอมองพลางคิดจะหาทางหนีทีไล่ จึงขยับเข้าไปใกล้หญิงสาวเหล่านั้นแล้วสอบถาม"ขอถามหน่อยค่ะ ไม่ทราบว่าที่นี่คือที่ไหน แล้วทำไมพวกคุณถึงมาอยู่ที่นี่กันเล่า"หญิงสาวเหล่านั้นดูเหมือนว่าจะมีอายุยังไม่ถึงสิบแปดปี พวกเธอมองไป๋เหยาอย่างหวาดกลัว
สองวันต่อมามู่เฉินและไป๋เหยาก็เดินทางไปเมืองตงฉางพร้อมกัน การเดินทางครั้งนี้มีมู่ จินร่วมเดินทางไปด้วย มู่เฉินกลัวว่าระหว่างที่เขาต้องไปทำงานไป๋เหยาจะเหงา จึงให้มู่จินมาอยู่เป็นเพื่อนกับเธอ อีกทั้งเขาต้องการให้คนบ้านตระกูลไป๋มั่นใจว่าเขาไม่ได้คิดจะเอาเปรียบเธอคุณนายไป๋ยิ้มแล้วมองลูกสาวที่ออกไปพร้อมมู่เฉินและมู่จิน เดิมทีเธอยังค่อนข้างหนักใจที่ไป๋เหยาตกลงคบหากับมู่เฉินที่มีอายุห่างกันหลายปี แต่เมื่อเห็นว่าลูกสาวมีความสุขและมู่เฉินก็ดูแลไป๋เหยาเป็นอย่างดี เธอและสามีก็พอจะวางใจลงได้ไม่น้อยระยะทางจากเมืองหลิงชุนและตงฉางนับว่าต้องใช้เวลาเดินทางอยู่ไม่น้อย แต่มู่เฉินไม่ได้รีบร้อนเดินทางด้วยเครื่องบิน จึงถือโอกาสนี้นั่งรถส่วนตัวมาเพื่อจะได้ชมทิวทัศน์ข้างทางไปด้วย "นี่เหยาเหยา เธอลองกินขนมอบดูสิ ร้านนี้อร่อยมาก"มู่จินเอ่ยพร้อมกับยื่นห่อขนมมาให้เพื่อนรัก ไป๋เหยารับมากินชิ้นหนึ่งพบว่ารสชาติดีจริง ๆมู่เฉินหันไปมองหลานสาวของตนเอง และพูดขึ้นมา"จินจินตัวแสบ เธอกินเยอะจนแก้มบวมแล้ว อย่ามาชวนเสี่ยวเหยาของฉันกินเยอะเหมือนเธอสิ"มู่จินหันมาถลึงตาใส่น้าเล็กของตนพร้อมกับยื่นมือมาตีแขนมู่เฉินอย่า
อากาศยามเช้าวันนี้ค่อนข้างดี มู่เฉินตื่นนอนแต่เช้า หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินลงมารับมื้อเช้า เมื่อมาถึงห้องอาหารก็พบกับคุณพ่อที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ชายหนุ่มทิ้งกายลงนั่งฝั่งตรงหน้าผู้เป็นพ่อพร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม"ข่าววันนี้ไม่ดีเหรอครับ ทำไมพ่อหน้าเครียดแบบนั้น"มู่เฉิงพับหนังสือพิมพ์วางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหันมาเอ่ยกับลูกชาย"หลายวันมานี้คล้ายพันธบัตรที่พ่อซื้อไว้เหมือนจะราคาตกลงไปไม่น้อย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ราคายังขึ้นอยู่เลย อย่างนั้นคงต้องพักเอาไว้ก่อน ไม่ลงทุนเพิ่มแล้ว"มู่เฉินพยักหน้าช้า ๆ สมัยนี้คนชอบลงทุนซื้อพันธบัตรเก็บไว้ ช่วงไหนราคาขึ้นก็มีความสุขดีใจกันยกใหญ่ ช่วงไหนที่ราคาตกขาดทุนก็ถึงกับยิ้มไม่ออก เขาเองก็มีซื้อเอาไว้บ้างแต่ไม่ได้ลงทุนมากนัก"การลงทุนล้วนมีความเสี่ยงพ่อก็ระวังด้วยครับ ว่าแต่แม่กับพี่ล่ะ ออกไปแล้วเหรอครับ""อืม ออกไปที่โรงแรมแต่เช้าแล้ว แกรีบกินเถอะ พ่อมีเรื่องจะพูดกับแกหน่อย""ครับ"มู่เฉินพยักหน้าพร้อมกับรีบกินอาหารเช้าหลังจากที่เห็นว่าลูกชายกินเสร็จเรียบร้อยแล้ว มู่เฉิงก็เข้าเรื่องทันที"แกจะไปที
เมื่อหญิงวัยกลางคนผู้นั้นพูดว่ามู่เฉินคือลูกชายของเธอ ทุกคนในงานต่างแตกตื่นเป็นอย่างมาก แต่ไป๋เหยากลับมองด้วยแววตาที่เรียบเฉยชาติก่อนตอนที่เธอเริ่มจะล้มป่วยและยังไม่ได้นอนติดเตียงก็พอรู้ข่าวของมู่เฉินจากหน้าหนังสือพิมพ์อยู่แล้วแม่ที่แท้จริงของเขามีชื่อว่าจ้าวเหมย เธอทำงานอยู่ในบาร์เหล้าและมีความสัมพันธ์กับประธานมู่จนตั้งครรภ์ จากนั้นพวกเขาก็บีบบังคับเอาลูกของเธอมาเลี้ยง และขู่จะทำร้ายเธอ อีกทั้งยังบอกให้เธอรับเงินไปและอย่าเสนอหน้ากลับมาอีกเรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่และเป็นเรื่องฉาวโฉ่ที่ตระกูลมู่ไม่ต้องการให้คนนอกรับรู้ เพราะค่อนข้างส่งผลกระทบต่อหน้าตาของคนในตระกูลเป็นอย่างมากตอนแรกเธอรู้ว่าแม่ของเขาไม่ใช่คุณนายมู่ แต่ไม่เคยถามเขา เพราะอย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา แต่เมื่อได้เปิดใจคบหากัน มู่เฉินก็เล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังทั้งหมด เธอรู้สึกสงสารเขามาก ทั้งที่มีแม่ แต่แม่กลับไม่เคยรักเขาซ้ำร้ายยังใช้เขาเพื่อหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองอีกด้วยเธอมองจ้าวเหมยอีกครั้งและไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาประธานมู่และคุณนายมู่ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี มู่เฉิงพ่อของมู่เฉินถึงกับหันมามองคนใช้ในบ้านอย่างค