ตอนที่
[2] เหตุใดจึงยอม สรุปแล้วนางคือคนที่ซวยมาก ๆ คนหนึ่ง ท่ามกลางผู้คนมากมายที่ไปเดินห้างในวันนั้น กลับมีนางผู้เดียวที่ตายอย่างอนาถในขณะที่คนอื่นนั้นรอดกันหมด หากไม่เรียกว่าซวยมาก นี่จะเรียกว่าอย่างไร หมูกระทะก็ไม่ได้กิน ดันมาตายอีก! นางไม่อยากโทษสหายสนิทอย่างเช่นข้าวปั้นหรอก เพราะหากเป็นนาง นางก็คงจะลำบากใจเช่นกัน ชีวิตกำลังไปได้ดีแท้ ๆ แต่ก็อาจจะรู้สึกขัด ๆ ในใจเล็กน้อย เพราะในกึ่งความฝันนั้น ข้าวปั้นได้บอกว่าขอให้นางไปสู่ภูมิที่ดี มีแต่สิ่งดี ๆ ชีวิตรุ่งเรือง ร่ำรวยเงินทองและอย่าได้พบอุปสรรคหรือเรื่องอนาถใจเฉกเช่นชาตินี้อีก แต่ทว่า..... ดูนางยามนี้สิ นี่มันพบกับอุปสรรคและลำบากยิ่งกว่าชาติที่แล้วเสียอีก!! จูกุ้ยหยวนสตรีไม่มีปากมีเสียง เอาแต่ทำงานหนักและไม่ตอบโต้แม้ถูกคนรังแกและเอาเปรียบ นี่มันชีวิตดาวพระศุกร์ชัด ๆ เอาอันใดมาสบายและไร้อุปสรรคกัน เมื่อคืนนอกจากจะเห็นเรื่องราวในโลกก่อนแล้ว นางยังเห็นเรื่องราวของจูกุ้ยหยวนหรือก็คือคนที่ตนกำลังเป็นอีกฝ่ายในยามนี้ทั้งหมด เรียกได้ว่า การตบตีกับงานในโลกก่อนของนาง ยังดูสบายกว่าการสู้ชีวิตของจูกุ้ยหยวน พร้อมกับพี่ชายและมารดาในโลกนี้เสียอีก ช่างรันทดเหลือเกิน แต่แม้ว่าจะกลอกตาและถอนหายใจสักกี่รอบทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม บิดาในโลกนี้ก็เพิ่งพาเมียน้อยเข้าห้องไป ไหนจะนังเด็กสิบขวบที่สายตาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยนั่นอีก นางไม่อยากจะรังแกเด็กหรอกนะ เพราะไม่ว่าจะเป็นในโลกก่อนหรือโลกนี้เด็กคนนั้นก็เด็กกว่านาง เห็นว่าอายุสิบสอง ส่วนนางในร่างกุ้ยหยวนคือสิบสี่ อายุห่างกันไม่มาก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีสิทธิ์มาทำสายตาเช่นนั้นใส่นางได้ คอยดูเถอะ เดี๋ยวนางต้องจัดการสักวัน แต่ปัญหาคือ ชีวิตของจูกุ้ยหยวนหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป คงหาความสุขอันใดไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้และในอนาคต สายตาของหยกหรือจูกุ้ยหยวนในยามนี้แววโรจน์ขึ้น นางจะต้องพามารดาและพี่ชายออกจากบ้านหลังนี้ ไม่สิ ตระกูลนี้ให้ได้ เพราะยามที่ได้รับความทรงจำมา เรียกได้ว่าตระกูลนี้ไม่มีอันใดดีเลยแม้แต่น้อย เห็นทีคงต้องวางแผนให้ดี ๆ เสียแล้ว “ฮึก ๆ” เสียงสะอื้นเบา ๆ ดังขึ้นมาจากทิศทางที่มีร่างสตรีที่กำลังล้มป่วยนอนอยู่ “ท่านแม่....” “เพราะเหตุใดกัน... แม่ทำผิดอันใด” ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเสียใจเรื่องใด “ท่านแม่ หากตัดใจได้ ก็เริ่มตัดใจเสียเถิด แล้วข้าจะพาท่านและพี่ใหญ่ออกไปมีชีวิตที่ดีกว่านี้” “หยวนเออร์” ทั้งมารดาและพี่ใหญ่ต่างก็มองนางด้วยความตกใจ เหตุก็เพราะก็เพราะจูกุ้ยหยวนก่อนหน้านี้ไม่เคยมีปากเสียงทั้งยังไม่เคยกล่าวเช่นนี้ พอนางกล่าวเช่นนี้ทั้งคู่ก็คงจะพากันตกใจทันที “ข้าพูดจริงนะเจ้าคะ เจ็บปวดได้ แต่อย่านาน เริ่มมูฟออน เพราะชีวิตใหม่จะดีกว่านี้” “มะ...มู...ออนอันใด...” นางฉินซื่อคราแรกที่กำลังเสียใจเรื่องสามีพาสตรีมาทำร้ายจิตใจตนถึงบ้าน ก็ต้องเปลี่ยนไปสนใจในตัวบุตรสาวแทน เหตุใดตั้งแต่หยวนเออร์ฟื้นขึ้นมาหลังจากที่สลบไปสองวันดูมีท่าทีที่แปลกไป จูกุ้ยหยางก็คิดเช่นเดียว ด้านจูกุ้ยหยวนระหว่างที่นางกำลังอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเสียงของพี่ชายในโลกนี้ก็ดังขึ้น “ระหว่างรอเก็บเกี่ยวช่วงนี้เจ้าก็พักผ่อนไปก่อนนะหยวนเออร์ พี่รู้ว่าเจ้าเหนื่อยและร่างกายยังไม่แข็งแรงดี” จูกุ้ยหยางเป็นพี่ชายของนางที่อายุห่างกันเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น แต่ความรับผิดชอบนั้นราวกับคนที่เป็นผู้ใหญ่ ที่สำคัญเขาเป็นคนที่ขยันและจิตใจดีมาก ดีจนมีแต่คนจ้องจะเอาเปรียบ “ท่านก็เหนื่อยเช่นเดียวกัน พี่ใหญ่ ท่านก็พักเถิด” “จะพักอันใดไป รีบไปทำอาหารมาให้ท่านน้าสวีกับเหมยเออร์ได้แล้ว” จู่ ๆ บิดาที่เข้าห้องไปแล้วก็ออกมาสั่งการบางอย่างที่ไม่เข้าหูสักนิด นี่จะให้นางกับพี่ใหญ่ทำอาหารให้เมียน้อยกับลูกติดนั่นน่ะหรือ “หากหิวก็ทำกินเองสิเจ้าคะ” !!! “ยะ...หยวนเออร์” ครานี้ไม่ใช่เพียงสองคนที่ตกใจผู้เป็นบิดาอย่าง จูหมิงยู่ ที่เพิ่งพบกับกิริยาของบุตรสาวที่สงบเสงี่ยมเช่นนี้เป็นครั้งแรกก็ได้แต่อ้าปากค้างไม่น้อย กว่าจะคลำหาเสียงตนเองเจอก็ครู่ใหญ่ “นะ...นั่น เจ้ากล่าวอันใด เหมยเออร์เพียงสิบสองเท่านั้น จะ...จะทำได้อย่างไร” “ท่านพ่อลืมแล้วหรือเจ้าคะ ว่าข้าทำทุกอย่างเป็นเริ่มตั้งแต่ทำอาหาร ดูแลบ้าน ทำนา ทำไร่ หาของป่า ตั้งแต่อายุเพียงหกหนาวเท่านั้น สิบสองปีแล้วเอาอันใดมาทำไม่เป็นกัน” “แต่นางเป็นคุณหนูมาก่อน...” “เป็นคุณหนูแล้วอย่างไร ยามนี้นางไม่ได้เป็น หากทำไม่เป็นก็หัดทำเสีย ข้าไม่ใช่คนรับใช้ของนาง!” “หยวนเออร์” ครานี้พี่ใหญ่มาดึงชายเสื้อนางไว้ แม้แต่มารดายังพยายามเอื้อมมือมาหานาง นั่นยิ่งทำให้นางหงุดหงิด จะยอมอันใดนักหนา “ท่านพ่อเดี๋ยวข้าจะรีบไปทำอาหาร หากเสร็จแล้วจะเรียกพวกท่านมากิน หรือว่า...จะให้ยกไปให้พวกท่าน....” “พี่ใหญ่!!” จูกุ้ยหยวนเอ่ยเรียกพี่ชายเสียงดัง ด้านผู้เป็นบิดาที่เห็นบุตรสาวเปลี่ยนไปทั้งยังดูโมโหร้ายก็รีบบอกบุตรชายให้ยกเอาไปให้จากนั้นก็รีบเดินเข้าห้องของตนไปทันที “หยวนเออร์ เจ้าเป็นอันใดไป ไม่สบายที่ใดหรือ เหตุใดจึงกล่าวกับท่านพ่อเช่นนั้น” “แล้วเหตุใดข้าจะกล่าวไม่ได้ ท่านพ่อพาสตรีผู้นั้นมาทำร้ายจิตใจพวกเรา เหตุใดพวกเราจะต้องทำอาหารแล้วไปประเคนให้พวกนางด้วย” “แต่นั่นเป็นหน้าที่พวกเรา......” จูกุ้ยหยางกล่าวไม่ทันจบก็รีบหลุบสายตาลง เพราะรู้สึกหวั่นเกรงต่อสายตาของผู้เป็นน้องสาว “หยวนเออร์...” เสียงอ่อนแรงกล่าวขึ้น จูกุ้ยหยวนได้ยินมารดาเรียกก็พรูลมหายใจ เรียกสติของตนให้ใจเย็นขึ้น “แม่ขอโทษ...” นางฉินซื่อแสดงสีหน้ารู้สึกผิด เหตุก็เพราะได้ยินบุตรสาวกล่าวเรื่องที่อีกฝ่ายต้องทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย ตนรู้สึกสะท้านในอกไม่น้อย เดิมทีครอบครัวตระกูลจูก็ถือว่ามีฐานะ แต่เป็นเพราะบิดาของอีกฝ่ายที่เกียจคร้าน จึงทำให้ต้องเกิดเหตุการณ์แยกบ้านกันและบิดาของจูหมิงยู่หรือท่านปู่ของเด็ก ๆ ก็แบ่งที่นาให้บุตรชายคนเล็กน้อยเหลือเกิน เพราะเห็นว่าได้ไปมากก็คงเปล่าประโยชน์ หากอยากทำจริง ๆ ก็ค่อยไปเช่าที่ดินพวกเขาเอา ที่จริงแล้วอีกหนึ่งสาเหตุนั่นก็เป็นเพราะตนเป็นสะใภ้ที่เป็นสาวชาวบ้านยากจน ไม่มีทรัพย์สินอันใด ครอบครัวฝั่งสามีจึงไม่ชื่นชอบนางเท่าใดนัก สินเดิมที่ติดตัวมาคือปิ่นไม้ที่มารดามอบให้พร้อมเงินอีกไม่กี่อีแปะ ซึ่งยามนี้ปิ่นไม้นั่นก็อยู่กับแม่สามี ด้วยเป็นเช่นนั้นทำให้พวกนางต้องดิ้นรน เพื่อให้เอาชีวิตรอดให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทั้งบุตรสาวและบุตรชายก็ต้องทำงานหนักตั้งแต่อายุยังน้อย คิดแล้ว นางช่างเป็นมารดาที่ไม่ได้เรื่อง แต่....นางก็รักบุรุษผู้นั้นเหลือเกิน แม้ว่าเขาจะทำให้นางเสียใจมากก็ตาม “พวกเจ้าไปทำอาหารเถิด ท่านพ่อจะหิว” เสียงอ่อนแรงพยายามกล่าวบอกบุตรทั้งสอง จูกุ้ยหยวนได้ยินมารดากล่าวเช่นนั้นก็สูดลมหายใจเข้าก่อนจะเดินออกไปทันที นางมองห้องครัวโดยรอบ เหอะ เดิมทีอาหารก็มีน้อยอยู่แล้ว บิดายังสร้างเรื่องเอาคนมาเพิ่มภาระอีก “หยวนเออร์ เจ้าไม่ต้องทำก็ได้เดี๋ยวพี่ทำเอง” จูกุ้ยหยางรีบเอ่ยขึ้นเพราะรู้ว่าน้องสาวกำลังอยู่ในอารมณ์ที่ไม่พอใจ และก็เป็นเช่นนั้นจริง จูกุ้ยหยวนไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ทว่าเมื่อครู่กลับคิดบางอย่างออก จากนั้นสายตาเจ้าเล่ห์จึงปรากฏขึ้น “พี่ใหญ่ ท่านทำอาหารให้เฉพาะส่วนของพวกเราเถิด ส่วนของท่านพ่อและสตรีผู้นั้นเดี๋ยวข้าจะทำเอง” จูกุ้ยหยางพยักหน้าขึ้นลงเบา ๆ แม้ว่าในใจรู้สึกแปลก ๆ กับท่าทางของน้องสาวไม่น้อย . . . . “นี่มันอาหารของคนกินหรือ!!” เสียงโวยวายดังขึ้นที่ห้องโถงเมื่อจูหมิงยู่ได้เห็นอาหารที่ตั้งอยู่บนโต๊ะตอนพิเศษ[2]เสี่ยวหลงขอร้องเทพชะตา “หมั้นหมาย ๆ เสด็จพ่อกล่าวคำอื่นไม่เป็นแล้วหรือ!” เสี่ยวหลงได้แต่ฟึดฟัดไปมาในใจหงุดหงิดอยู่เพียงผู้เดียว เขายังเป็นเด็กน้อยของนายหญิงจะรีบให้หมั้นหมายไปอันใด ได้ข่าวว่าสตรีผู้นั้นอายุมากกว่าเขาเป็นหมื่นปี นี่ไม่เท่ากับว่าเขากำลังถูกล่อลวงหรือ ไม่ได้! จะให้ร่างกายบริสุทธิ์ของเขาถูกฉกชิงไปไม่ได้! ยามนี้เขานอนอยู่ในสวนท้อบนแดนสวรรค์ เห็นว่าปีนี้มันมีรสชาติที่อร่อยขึ้น จึงอยากมาลองชิมดูว่าจะอร่อยกว่าในมิติหรือไม่ ปรากฏว่าสู้ในมิติไม่ได้สักนิด จึงเตรียมที่จะกลับไปในมิติ ซึ่งก่อนจะไปหางตาของเขาก็เห็นหลังไว ๆ ของใครบางคน นั่นมันตาเฒ่านี่ ใช่แล้ว! เรื่องที่เขากลุ้มใจตาเฒ่าอาจจะช่วยได้ “นี่ ท่านเทพชะตา” “เว้ยยยยย” เทพชะตาตกใจทันทีเมื่อจู่ ๆ ก็มีคนโผล่มาด้านหน้าของตนเอง “องค์ชายห้า ข้าตกใจหมด” “ข้าต้องขอโทษท่านด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจ”เมื่อเทพชราได้ยินอีกฝ่ายกล่าวขอโทษก็เกิดความระแวดระวังโดยทันที เหตุใดองค์ชายห้าดูเป็นมิตรขึ้น “ไม่ต้องระวังข้าถึงเพียงนั้น วันนี้ข้าเพียงอารมณ์ดีเท่านั้น” “อะ…อ้อ แล้วองค์ชายมีอันใดให้ข้ารับใช้หรือ” “รับใช้อันใด
ตอนพิเศษ[1]หานฉิน (เซี่ย?) ร่วมใจหมู่บ้านหวงหลิงนั้นยามนี้เปลี่ยนไปมากจากหมู่บ้านห่างไกลกลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่ยิ่งใหญ่ พื้นที่ของหมู่บ้านขยายของไปอย่างมากแต่หากเป็นการขยายไปทางอำเภอจางเย่ หมู่บ้านเฮยจูโหยว มิใช่ทางหมู่บ้านเถียนเกา คิดแล้วก็ขำขันยิ่ง บริเวณแถบนี้ล้วนแต่ร่ำรวยและเจริญขึ้น มีเพียงหมู่บ้านเถียนเกาที่ดิ่งลง เปลี่ยนผู้นำหมู่บ้านมาหลายคน สุดท้ายก็ไม่รอด จนนางได้ข่าวว่าพวกเขาเริ่มขายบ้านแล้วย้ายไปอยู่ที่อื่น แน่นอนผู้ที่รอจังหวะนั้นอยู่คือท่านน้าเจิงซื่อและเสี่ยวจวน ทั้งคู่เริ่มกว้านซื้อที่ดินได้มากมาย อดีตเคยถูกขับไล่ ปัจจุบันกว้านซื้อมาให้หมด!หากได้มาแล้วค่อยขยายพื้นที่มาทางนี้ก็ยังไม่สาย เมื่อถึงยามนั้นจะเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านด้วยผ่านไปสองวันเหล่าขบวนผู้สูงศักดิ์ก็เคลื่อนมาถึงอาณาจักรตระกูลฉินกันครบทุกคน “หลินเออร์” เมื่อมาถึงก็พากันวิ่งเข้าหาหลานสาวตัวกลมทันที จากนั้นจึงพากันงัดของขวัญออกมามากมาย มีทั้งอาภรณ์และเครื่องประดับที่งดงามออกมามากมาย เท่านั้นยังไม่พอยังพากันสวมใส่ให้หานหยวนหลินทันที ยามนี้เด็กน้อยราวกับตุ๊กตาล้มลุกก็ไม่ปาน แต่ดูท่าเจ้าตัวจะไม่ปลื้มเท่าใดน
ตอนพิเศษ[1]หานฉิน (เซี่ย?) ร่วมใจหานหยวนเหมินในวัยแปดหนาวกำลังนั่งกอดอกมองน้องสาววัยห้าหนาวอย่างหานหยวนหลินด้วยความไม่สบอารมณ์ “หลินเออร์ พี่บอกให้เจ้าไปขัดขวางท่านพ่อ เหตุใดพอแค่ได้ขนมที่ท่านพ่อไปเอาจากท่านแม่มามอบให้ก็ล้มเลิกแผนการเดิมของเราแล้วเล่า”“พี่ใหญ่ หลินเออร์ว่าท่านปล่อยท่านพ่อท่านแม่ไปเถิด ของอร่อยจะเยียวยาทุกสิ่งนะเจ้าคะ” “ปล่อยอันใดกัน นี่เจ้าลืมแล้วหรือว่าเราไม่เห็นหน้าท่านแม่มากี่วันแล้ว เพราะท่านพ่อมัวแต่กักขังท่านแม่เอาไว้คนเดียวในมิติ เจ้าไม่คิดถึงท่านแม่หรือ” “คิดถึง…...” ใบหน้ากลมของหานหยวนหลินเศร้าลงเมื่อนึกได้ว่าตนคิดถึงท่านแม่ไม่น้อย ท่านแม่มักถูกท่านพ่อนำตัวไปใช้เวลากันสองคนในมิติ ยามออกมาท่านพ่อก็จะใบหน้าสดใส ในขณะที่ท่านแม่ราวกับคนป่วยอ่อนแรง หรือว่าท่านแม่จะโดนบังคับนะ หานหยวนเหมินเมื่อรู้ตัวว่าสามารถกล่อมน้องสาวได้สำเร็จแล้ว จึงได้กล่าวต่อ“หลินเออร์ พวกเราต้องทวงท่านแม่คืนมานะ”ด้านในมิติ“ท่านพี่ พอได้แล้ว ข้าช้ำหมดแล้ว”“หยวนหยวนเจ้าไม่คิดถึงพี่หรือ พี่ทำงานติดกันเป็นเดือนกว่าจะเวลาว่างได้ หรือเจ้าไม่รักพี่แล้ว….” “ท่านไม่ต้องมากล่าวเช่นนี้ หากข
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ “ท่านตา ท่านยาย พี่ใหญ่ หยวนหยวนตอนนี้นางตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้วขอรับ พวกเรากำลังจะมีสมาชิกใหม่แล้วขอรับ” !!!ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ตกตะลึง แต่ไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นความยินดี “ข้ากำลังจะมีเหลนแล้วหรือ หยวนเออร์ดีนัก” นางเฉาซื่อเอ่ยขึ้นก่อนใคร ก่อนจะตามด้วยผู้เฒ่าฉิน ผู้เฒ่าเจียวก็รีบเข้ามาแสดงความยินดีกับสหาย “ข้าดีใจกับเจ้าด้วยนะตาเฒ่า เจ้าจะได้มีเหลนแล้ว ปีใหม่ปีนี้ช่างดีนัก มีข่าวดีให้ชื่นใจด้วย” จากนั้นผู้คนจึงสลับกันมาอวยพรสองสามีภรรยาอย่างคับคั่ง ฉินกุ้ยหยวนเลิกร้องไห้แล้ว นางขำขันตนเองไม่น้อย ร้องไห้ราวกับเด็ก ๆ เจ้าก้อนแป้งที่อยู่ในท้องคงแสบไม่น้อยสินะ ถึงทำให้มารดาเปลี่ยนไปได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ “พี่สะใภ้ข้าอยากเห็นหน้าหลานแล้ว ต้องน่ารักมากแน่ ข้าจะเลี้ยงลูกของพวกท่านจนเติบใหญ่เลย” หานจื่ออี้พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “แล้วเจ้าไม่เลี้ยงบุตรของเจ้าหรืออย่างไร” “จะยากอันใดก็เอามาเลี้ยงด้วยกันอย่างไรเล่า” หานจื่ออี้กล่าวอย่างไหลลื่น แต่เมื่อคิดว่าตนเพิ่งกล่าวอันใดไปก็มีใบหน้าขึ้นสีพลางมองไปที่คู่หมายแวบหนึ่งนางกล่าวว่าจะมีลูกกับเขาหรือฉินกุ้ยหย
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ “พี่ไม่ อุ๊บ” หานจื่อหลันยังกล่าวไม่จบ เขาก็มีอาการพะอืดพะอมเอามือปิดปากแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านไปทันที ฉินกุ้ยหยวนเห็นเช่นนั้นจึงตื่นตระหนกยิ่ง รีบหันมาบอกทุกคน ที่ยามนี้ล้วนแต่หยุดปฏิกิริยาของตนแล้วส่งสายตากังวลไปที่หานจื่อหลัน “เดี๋ยวจะจะจัดการเอง พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ” ฉินกุ้ยหยวนหันมากล่าวกับทุกคนก่อนที่รีบวิ่งเข้าบ้านไป นางเดินไปด้วยความเร่งร้อน เมื่อไปถึงก็พบว่าหานจื่อหลันอาเจียนออกมาและนั่งล้มพักอยู่ข้างอ่างน้ำในห้องครัวอย่างหมดสภาพ “พี่จื่อหลัน พี่เป็นอันใดกัน ท่านป่วยหรือเจ้าคะ เป็นข้าที่ดูแลท่านไม่ดี” “หยวนหยวน พี่รู้สึก…พะอืดพะอม อยากจะอาเจียนตลอดเวลา พี่…อุ๊บ” เขาลุกขึ้นไปเกาะที่อ่างน้ำนั่นอีกครั้งก่อนจะอาเจียนออกมา “รีบไปที่เครื่องรักษาตนเถิดเจ้าค่ะ” นางไม่อยากรั้งรออันใด รีบคว้าแขนเขาแล้วพาเข้ามิติทันที เมื่อถึงเครื่องรักษาก็รีบประคองเข้าไปนั่งแล้วเริ่มทำการรักษาอย่างด่วนที่สุด หานจื่อหลันที่ได้เข้าเครื่องรักษาไม่นานอาการพะอืดพะอมก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง แต่ฉินกุ้ยหยวนนั้นสงสัยนัก ที่หน้าจอแสดงผลของเครื่องรักษาตนที่อัปเกรดใหม่นั้น บ
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบันนางมองอาณาจักรตระกูลฉินของนางยามนี้ที่คึกคักไม่น้อย ทั้งร้านหมูกระทะและเรือนรับรอง ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาที่นี่อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง และที่นี่เหมือนว่าเป็นที่ที่หลายคนตั้งเป้าว่าจะมาฉลองปีใหม่ด้วยกัน ‘สถานที่ที่แสนอบอุ่น’ ทำให้หลายคนกล้าฉีกกรอบวัฒนธรรมเดิม ๆ ที่ปีใหม่ต้องฉลองกันที่บ้านของตนเอง ท่านลุงโหว ท่านลุงหลิว แม้กระทั่งนายช่างฉือยังพาครอบครัวมาฉลองปีใหม่ที่นี่ ก่อนวันขึ้นปีใหม่หนึ่งวันในที่สุดมิติของนางก็มีสัญญาณบางอย่างเกิดขึ้น นางจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านท่ามกลางการห้ามปรามของสามีที่กลับว่านางจะล้มเอาได้ “ท่านพี่เดี๋ยวข้ามาเจ้าค่ะ” เมื่อเข้าไปในห้องของตนเองนางก็รีบเข้าไปในมิติ “เสี่ยวหลง” “นายหญิง” “เสี่ยวหลงเจ้า….” “นายหญิงเสี่ยวหลงกลับมาแล้ว” หนึ่งคนหนึ่งหมีต่างก็สบตากันกก่อนจะโผกอดกันด้วยความคิดถึง “ข้ารอเจ้าอยู่กลัวว่าเจ้าจะไม่กลับมา” “เสี่ยวหลงจะไม่มาได้อย่างไร ในเมื่อนายหญิงอยู่ที่นี่ ท่านตาผู้เฒ่า ท่านยายผู้เฒ่า ฮูหยินท่านแม่ ไหนจะคนอื่น ๆ อีก เสี่ยวหลงต้องกลับมาอยู่แล้ว” ที่จริงแล้วหน้าที่บนโลกมนุษย์ของ