แพรพิไลนั่งนวดขมับเพื่อขับไล่อาการปวดศีรษะเพราะเมื่อคืนดื่มไปไม่น้อย วันนี้เธอยกหน้าที่ติดตามครองขวัญให้เจติยาไปทำแทนเนื่องจากว่าต้องรวบรวมภาพถ่ายและคลิปทั้งหมดที่ถ่ายได้มาเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ อีกทั้งต้องมาเซ็นเอกสารหลายฉบับที่เกี่ยวกับบริษัทด้วยเพราะตลอดสองวันที่เธอไม่อยู่ มีการว่าจ้างเกี่ยวกับคดีชู้สาวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคดี
“ไม่คิดจะมีคดีอื่นบ้างเลยรึไงเนี่ย วัน ๆ มีแต่เรื่องติดตามชู้ เฮ้อ...”
หญิงสาวเปิดลิ้นชักหยิบยาแก้ปวดขึ้นมาสองเม็ด จากนั้นก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วหลับตาลง กะไว้ว่าจะพักสายตาสักครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยมานั่งดูรูปอีกครั้งหนึ่ง
ใบหน้าหล่อเหลากับรอยยิ้มละลายใจของใครบางคนผุดวาบขึ้นมาในห้วงความคิด เมื่อคืนหลังจากที่โยนหินถามทางเรื่องเขาเป็นผู้ชายขายบริการไป คราแรกนึกว่ารชตจะปฏิเสธเสียงแข็ง แต่กลับกลายเป็นว่าเขายอมรับแต่โดยดี หนำซ้ำยังถามย้ำอยู่บ่อยครั้งด้วยว่าตกลงเธอจะรับอุปการะเขาหรือเปล่า
ข้าวสามมื้อกับเซ็กซ์ก่อนนอนทุกคืน...
บ้าแล้ว! นี่เขาไม่คิดจะไปให้บริการผู้หญิงคนอื่นบ้างเลยหรือไร จู่ ๆ จะมาเกาะติดแต่เธอคนเดียวโดยที่ไม่ได้เงินสักบาทนี่น่ะหรือ...เธอไม่เชื่อหรอก
อย่างไรเสียคืนนี้เธอก็ต้องไปที่คลับเฮราอีก ไม่แคล้วว่าคงต้องเจอเขาแน่นอนพร้อมกับคำถามเดิม ๆ ว่าเธอพูดจริงหรือพูดเล่นที่จะใช้บริการเขา
‘แล้วผมจะรอคำตอบจากคุณ...’
“คำตอบจากฉันคือเมื่อไรนายจะไปติ๊ดชึ่งกับคุณครองขวัญเขาสักที ฉันจะได้ถ่ายรูปเป็นหลักฐาน งานฉันจะได้จบและรับเงินมา อีตาบ้านี่...” พูดถึงเรื่องเงินแล้วแพรพิไลก็เพิ่งนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“ตายแล้ว! ลืมทำเรื่องเบิกค่าสมาชิกจากคุณสุกำพล” หญิงสาวลืมตาขึ้นแล้วคว้ากระเป๋าสะพายมาวางตรงหน้า หยิบใบเสร็จรับเงินออกมาแล้วทำเอกสารเบิกค่าใช้จ่ายทันที
จากนั้นก็โทร. ไปรายงานความคืบหน้าให้สุกำพลทราบ ซึ่งก็ยังเป็นเหมือนเมื่อวานนั่นก็คือครองขวัญไม่ได้มีนัดกับใคร หลังออกจากคลับเฮราแล้วฝ่ายนั้นก็ตรงกลับบ้านทันที แต่มีเรื่องหนึ่งที่เธอไม่ได้รายงานไปตามตรงก็คือเรื่องของรชต ผู้ชายที่ครองขวัญอุปการะอยู่ นั่นก็เพราะมีอะไรบางอย่างมาฉุดความคิดของเธอเอาไว้ว่าบางทีเรื่องนี้อาจเป็นการเข้าใจผิดไปเอง
ทางด้านคนที่ถูกยัดเยียดให้เป็นผู้ชายขายบริการ ตอนนี้กำลังยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่หน้าต่างเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนหลังจากที่เขาเรียกร้องค่าบริการที่แพรพิไลต้องจ่ายหากว่าต้องการจะอุปการะเขา
‘โกหกน่า แล้วคุณจะได้อะไรล่ะคะถ้าคิดแค่นั้น’ อาจเพราะหญิงสาวมัวแต่ตกใจกับข้อเรียกร้องของเขา จึงไม่ทันได้สังเกตว่าตอนนี้แขนของเขารัดเอวเธอแน่นกว่าเดิม ส่งผลให้ใบหน้าห่างกันแค่คืบเท่านั้น
‘ได้ใกล้ชิดกับคุณไง’ เขาตอบไปตามตรงอย่างไม่คิดปิดบัง จากที่เคยคิดว่าคงไม่ได้เจอน้องแพรของเขาอีกแล้ว ปรากฏว่าได้เจอตัวเป็น ๆ แถมยังได้พูดคุยกันใกล้ ๆ อย่างนี้ เรื่องอะไรที่เขาจะปล่อยให้ผ่านไปเฉย ๆ
‘แล้วกับคนอื่นคุณคิดค่าบริการเท่าไร’ เธอดูเหมือนครุ่นคิดอย่างหนัก เท่านี้เขาก็มองออกแล้วว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะซื้อบริการจากเขาจริง ๆ หรอก แต่น่าจะโยนหินถามทางมากกว่า และเขาก็ไม่รู้ว่าคนตรงหน้ามีจุดประสงค์อะไรกันแน่
‘บอกไม่ได้ครับ เป็นความลับ แต่เชื่อเถอะว่าผมคิดให้คุณพิเศษที่สุดแล้ว’ เขามองเธออย่างสื่อความหมาย หวังลึก ๆ ว่าแพรจะจำเขาได้สักที
‘ทำไมล่ะคะ’ คำถามนี้ของแพรพิไลทำให้เขากระชับเอวเธอแน่นขึ้นอีกจนกลางลำตัวของทั้งคู่แนบชิดสนิทกัน
‘เอาไว้อีกหน่อยคุณก็จะรู้เองนั่นแหละ ว่าแต่ว่า...คุณจะตกลงได้รึยัง คืนนี้ผมว่างนะ’ ท้ายประโยคเขาโน้มหน้าลงไปพูดใกล้หูเธอจนเกือบอดใจไม่ไหว อยากขบติ่งหูนั้นเล่นเหลือเกิน
‘ขอฉันไปคิดอีกหน่อยดีกว่า ฉันไม่อยากมีปัญหากับคุณครองขวัญน่ะ เพราะดูท่าทางเธอจะหวงคุณใช่เล่นเลยนะ’
สาวสวยคนนี้ก็ช่างกระไร เอะอะก็เอาครองขวัญขึ้นมาอ้างตลอด แต่นั่นก็ทำให้เขารู้อะไรอย่างหนึ่ง
‘ผมเชื่อแล้วว่าคุณสนใจผมจริง ๆ เพราะไม่อย่างนั้นคุณคงไม่รู้ว่าคุณครองขวัญเธอหวงผม’ เขาเห็นเธอทำท่าจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่าง แต่ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ปิดปากเงียบไม่เอ่ยอะไรออกมา เขาเดาว่าเธอคงเถียงเขาไม่ออก
สมัยก่อนก็เป็นแบบนี้ เวลาเถียงเขาไม่ได้เจ้าตัวมักเงียบไปและทำเพียงส่งสายตาพิฆาตมาให้เท่านั้นเอง
คิดถึงเหลือเกิน...คิดถึงช่วงเวลาพิเศษที่เป็นความลับระหว่างเราแค่สองคน
สัมผัสแผ่วเบาที่น่อง จากนั้นก็ค่อย ๆ ไต่ขึ้นมาจนถึงหัวเข่าทำให้รชตยืนนิ่งไม่กล้าขยับเขยื้อนและก้มลงมองตัวต้นเหตุทันที รอยยิ้มกระจายเต็มวงหน้าเพราะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าใครมาอ้อน เขาจึงไม่กล้าขยับขาเพราะกลัวว่าหลานชายตัวน้อยจะหกล้มก้นจ้ำเบ้า
“ว่าไงครับคนเก่ง หัดเดินกับอาไหม” พูดจบก็ก้มลงไปจับมือน้อย ๆ ทั้งสองข้างของหลานชาย จากนั้นก็ก้าวถอยหลังช้า ๆ เพื่อให้เจ้าตัวเล็กฝึกเดิน
วัชร์ บุตรชายของพชร ผู้เป็นพี่ชายได้แต่ยิ้มร่า อวดฟันน้ำนมซี่เล็ก ๆ สองซี่ระหว่างที่ค่อย ๆ ก้าวเท้าเตาะแตะไปข้างหน้า ยิ่งผู้เป็นอาชมเปาะไม่ขาดปาก ก็ดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มความเร็วในการเดินมากขึ้น
“ช้า ๆ ลูกช้า ๆ ไม่ต้องรีบครับ...เก่งมาก...โอ้โห หลานใครเนี่ย เก่งที่สุดในโลกเลย”
พชรเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นแล้วทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา มองน้องชายที่ช่วยพยุงพาบุตรชายของเขาหัดเดินด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม
รชตเป็นคนรักเด็ก วันไหนที่เขากับภรรยาไม่ว่าง บิดามารดาไปทำธุระข้างนอกจึงจำเป็นต้องฝากบุตรชายไว้ให้รชตดูแล ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่เคยอิดออด หนำซ้ำยังทำได้ดีอีกด้วย
“ปีนี้แกอายุเท่าไรแล้ววะอาร์ต” บางทีเขาก็หลง ๆ ลืม ๆ ไปว่าเขาห่างกับน้องชายกี่ปี
“ยี่สิบเก้าแล้วพี่” รชตตอบโดยไม่หันไปมองพี่ชาย เพราะคอยแต่จับจ้องอยู่ที่หลานชายอย่างไม่ให้คลาดสายตา
“มีแฟนรึยังวะ หรือมีคนที่จีบ ๆ อยู่บ้างรึเปล่า”
คราวนี้เจ้าน้องชายหันมามองเขาแวบหนึ่งก่อนหันไปจับจ้องหลานชายตรงหน้าต่อ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยก่อนตอบ
“แฟนยังไม่มีเป็นตัวเป็นตน แต่ถ้าถามถึงคนที่กำลังจีบ ๆ อยู่ก็มีนะ” รชตตอบพลางยักคิ้วให้พี่ชาย
“ถามจริง...ใครวะ” ได้ยินน้องชายตอบแบบนี้จัดว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่อีกฝ่ายจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาในเร็ววัน
“รุ่นน้องที่เคยเรียนที่เดียวกันน่ะ” รชตตอบยิ้ม ๆ สีหน้าดูมีความสุขตอนที่พูดถึงหญิงสาวคนนั้น
“ก็ดี จะได้เลิกล่องลอยสักทีนะแกน่ะ...ฝากเจ้าวัชร์ด้วยล่ะ ขอไปหาอะไรกินก่อน” พูดจบ พชรก็ลุกขึ้นเดินไปห้องครัว
ขณะที่รชตก็ช้อนอุ้มหลานชายไว้ในอ้อมกอดเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวเล็กฝึกเดินได้สักพักแล้ว
ชายหนุ่มคลี่ยิ้มบาง ๆ เมื่อนึกถึงใบหน้าสวยเชิดกับรอยยิ้มหวานบาดใจของแพรพิไล ไม่รู้ว่าคืนนี้เธอจะไปที่คลับอีกหรือไม่ แต่อย่างไรเสีย เขาคิดว่าจะต้องเจอเธออีกอย่างแน่นอน ในเมื่อเสียค่าสมาชิกไปแล้วเป็นแสน คงไม่คิดไปแค่วันเดียวกระมัง
แต่ท่าทางของหญิงสาวทำให้รชตรู้สึกสงสัยบางอย่าง จากที่คุยและใกล้ชิดกันเมื่อคืนที่ผ่านมา แพรพิไลไม่ใช่ผู้หญิงไวไฟ และไม่ใช่ผู้หญิงที่รักสนุกหรือชื่นชอบ One night stand เธอเหมือนมาจับผิด หรือมาล้วงเอาข้อมูลอะไรสักอย่างมากกว่า และเขาก็ต้องรู้ให้ได้ด้วยว่าเธอกำลังคิดจะทำอะไร
เป็นอีกคืนที่แพรพิไลตามมาเฝ้าครองขวัญที่คลับเฮราอีก สามวันแล้วที่เธอให้เจติยาเป็นฝ่ายติดตามเป้าหมาย จากการรายงานของเจติยาจึงทำให้เธอรู้ว่าครองขวัญมีกิจวัตรประจำวันเหมือนกันเกือบทุกวันนั่นก็คือเข้าร้านเสริมสวยหรือสปา เดินห้างสรรพสินค้า บางวันก็ไปงานเปิดตัวของสินค้าสารพัดแบรนด์เนมชั้นนำ ตกเย็นก็สังสรรค์กับเพื่อนฝูง จะมีก็แค่เมื่อคืนที่ผ่านมาที่ต่างออกไปจากทุกวันนั่นก็คือไปงานเลี้ยงวันเกิดของนักธุรกิจคนหนึ่งในโรงแรมระดับห้าดาว แต่หลังจากนั้นครองขวัญก็ชักชวนเพื่อนฝูงให้มาเต้นรำที่คลับเฮรา...วันนี้ก็เช่นกัน
คืนนั้นที่ครองขวัญพาเพื่อนมาที่คลับก็มีแต่ผู้หญิง เธอจึงไม่เห็นความผิดปกติใด ๆ ของเป้าหมาย นอกจากความสนุกสนานของสาวไฮโซทั้งกลุ่มที่ได้ลีลาศกับหนุ่มหล่อ อีกทั้งรชตก็ไม่ได้มาที่คลับ เธอคิดว่าคงเป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ของเขา จึงไม่เห็นครองขวัญกับรชตนัวเนียกันเหมือนวันนั้น
แต่ก็ใช่ว่าแพรพิไลจะถอดใจ คืนนั้นหญิงสาวขับรถตามครองขวัญไปเรื่อย ๆ เพราะคิดว่าเจ้าตัวน่าจะนัดแนะกับผู้ชายที่เลี้ยงดูไว้อย่างรชตเพื่อไปหาความสุขกันที่ไหนสักแห่งเช่นโรงแรมหรือคอนโดฯ แต่ปรากฏว่าคืนนั้นครองขวัญขับรถกลับบ้านทันทีที่ออกจากคลับ...และแน่นอนว่าเธอไม่ได้ข้อมูลอะไรอีกตามเคย
เด็กชายวัชร์ส่งเสียงทักทายผู้เป็นอาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างพลางกางแขนจะให้อุ้ม รชตจึงยื่นมือไปรับร่างป้อมของหลานชายมาอุ้มไว้“แพร นี่พี่โอม พี่ชายพี่เอง...นี่แพร ที่เคยเล่าให้ฟังน่ะ” รชตหันไปแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกันแพรพิไลยกมือไหว้อีกฝ่ายก่อนเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยเมื่อได้ยินที่เขาพูดว่าเคยเล่าเรื่องของเธอให้พี่ชายฟังด้วยพชรรับไหว้พลางยิ้มให้อย่างเป็นมิตร นัยน์ตาคมกริบลอบประเมินว่าที่น้องสะใภ้แล้วรู้สึกว่าแพรพิไลคนนี้มีบุคลิกเหมือนช่อมาลี ภรรยาของเขาอยู่มากเลยทีเดียวเหมือนที่ความมั่นใจ เหมือนที่ความกระตือรือร้นในแววตา และเหมือนที่ดูเป็นคนอยู่เฉย ๆ ไม่ค่อยได้จากนั้นทั้งหมดก็พากันเข้าไปในห้องรับแขก ซึ่งมีเพียงช่อมาลีนั่งอ่านนิตยสารรถยนต์อยู่เพียงลำพัง ครั้นพอเห็นว่ารชตพาคนรักมาถึงแล้วจึงปิดหนังสือแล้ววางไว้บนโต๊ะตามเดิมรชตแนะนำให้สองสาวรู้จักกัน ซึ่งทั้งแพรพิไลและช่อมาลีต่างรู้สึกถูกชะตากันตั้งแต่ที่ได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่ประโยค จากนั้นช่อมาลีก็เดินไปเรียกบิดามารดาของทั้งสองหนุ่มที่นั่งดูโทรทัศน์กันอยู่อีกห้องหนึ่งการทำคว
“ว่าแต่เป้าหมายเป็นใครล่ะ” รชตถามพลางมองไปรอบฟลอร์ ครั้นพอเห็นสายตาของแพรพิไลเขาก็เลิกคิ้วขึ้น“อย่าบอกนะว่าคือผู้หญิงที่เต้นรำกับพี่เมื่อกี้”“ใช่เลย คนนั้นนั่นแหละ” แพรพิไลยิ้มกว้างเมื่อเห็นสีหน้าของเขาซึ่งทำเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา“อยากรู้ล่ะสิว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร” ชายหนุ่มกะพริบตาให้เธอข้างหนึ่ง ดูเจ้าชู้กรุ้มกริ่มจนคนมองเห็นแล้วรู้สึกคันไม้คันมืออยากเอามือไปปิดตาคู่นั้นไว้เสีย“อยากรู้สิ แต่พี่น่ะจะบอกแพรรึเปล่า”“บอกสิ แต่แพรน่ะยอมเอาตัวเข้าแลกรึเปล่า”แพรพิไลสะดุ้งเฮือกเมื่อแผ่นหลังเปล่าเปลือยสัมผัสกับที่นอนเย็นเฉียบ หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้หญิงสาวกับรชตยังเต้นรำกันอยู่บนฟลอร์ที่คลับเฮรา ทว่าเวลานี้ร่างไร้อาภรณ์ของเธอกลับมานอนอยู่ใต้ร่างกำยำบนเตียงในห้องนอนของตัวเองเสียแล้วทุกอณูเนื้อกำลังถูกลมหายใจและริมฝีปากร้อนผ่าวไล่ประทับตีตราไปทั่วราวกับต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ มือทั้งสองข้างของเขาลูบไล้ฟอนเฟ้นไปทั่ว
หญิงสาวคนหนึ่งในชุดเดรสแขนกุดสีม่วงอเมทิสต์เยื้องย่างราวกับนางพญาเข้ามาในคลับเฮรา คลับลีลาศอันโด่งดังที่สุดในกลุ่มคนที่ชื่นชอบการเต้นรำ เรือนร่างเย้ายวนและความสวยนั้นสะกดสายตาทุกคู่ไว้ได้อย่างง่ายดาย เธออมยิ้มเล็กน้อยระหว่างที่เดินไปยังโต๊ะวีไอพีที่อยู่ด้านในสุด นัยน์ตาคู่สวยกวาดมองไปรอบด้านด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ฟลอร์เต้นรำที่มีผีเสื้อราตรีหลายคู่กำลังเริงระบำกันท่ามกลางแสงไฟที่สาดส่องลงมาชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งตกเป็นเป้าสายตาของหญิงสาวผู้มาใหม่ทันที ปากอิ่มคลี่ยิ้มบาง ๆ เมื่อรับรู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นกำลังมองมาทางตนอย่างสนใจหญิงสาวหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบริกรที่มารอรับออร์เดอร์ จากนั้นก็ทำทีเป็นไม่สนใจคนคู่นั้นอีก นิ้วมือเคาะโต๊ะเบา ๆ เป็นจังหวะตามเสียงเพลงที่กำลังเปิดอยู่ พลางหลับตาแล้วฮัมไปด้วยอย่างอารมณ์ดี“ให้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงได้ไหมครับคุณผู้หญิง”เสียงทุ้มที่ดังขึ้นตรงหน้าปลุกให้หญิงสาวต้องลืมตาขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน ครั้นพอเห็นรอยยิ้มมุมปากของเขากับสายตาเชิญชวนคู่นั้น เธอก็ตอบออกไปอย่างไม่ลังเล
“เลว! อย่างน้อยก็เคยใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะสามีภรรยา เขาน่าจะนึกถึงเรื่องนี้บ้าง นี่อะไร...เหยียบคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาจมดินแบบนี้เลยน่ะหรือ แล้วตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง พี่อาร์ตรู้ไหมคะ”“คุณพ่อคุณแม่ของคุณขวัญพาไปบำบัดน่ะ เพราะผลข้างเคียงของยาเสพติดพวกนี้ทำให้คนที่ไม่ได้เสพจะเป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง...คุณขวัญเคยพยายามฆ่าตัวตายมาหลายครั้งแล้ว แต่คนในบ้านช่วยไว้ได้ทันเวลา”“แปลกนะคะ ถ้าไปรักษาตัวตอนที่พยายามฆ่าตัวตาย ทำไมไม่เห็นมีข่าวเล็ดลอดออกมาบ้างเลย”เธอจำได้ว่าตอนนั้นพยายามหาข่าวของครองขวัญจากหลาย ๆ ที่ว่าหายไปไหน เนื่องจากไม่เห็นอีกฝ่ายไปที่คลับเฮราติดกันหลายวันแล้ว แต่กลับไม่มีใครรู้คำตอบที่แท้จริง ข่าวที่ได้มาจึงค่อนข้างหลากหลายจนดูไม่น่าเชื่อถือ“ตระกูลของคุณขวัญเป็นตระกูลผู้ดีเก่ามีหน้ามีตาในสังคม เรื่องที่จะส่งลูกสาวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลน่ะลืมไปได้เลย เขาเรียกหมอไปรักษาที่บ้าน จ้างพยาบาลส่วนตัวมาเฝ้า เพราะไม่อย่างนั้นเธอก็จะทำร้ายตัวเองอีก”“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าชีวิตพังเพราะผู้ชายคน
“แพรขอโทษ แพรไม่ได้ตั้งใจตะคอกใส่พี่อาร์ตนะ แต่แพรเป็นอะไรไม่รู้ แพรหงุดหงิดไปหมด มันรู้สึกอึดอัดในอกเหมือนจะระเบิดออกมาให้ได้ แพรอยากกรี๊ดออกมาดัง ๆ เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาจนอยากทำลายทิ้งให้หมด...แพรไม่อยากเป็นแบบนี้เลยพี่อาร์ต ทำยังไงดี ฮือ...”“เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น มันเป็นผลข้างเคียงจากยาที่แพรดื่มเข้าไปน่ะ ไม่กี่วันก็หายแล้วแพร ทนหน่อยนะ ถ้าแพรอยากทำลายข้าวของ แพรมาทึ้งเสื้อผ้าพี่แทนก็ได้พี่ไม่ว่าหรอก แต่อย่าทำตอนที่หมอกับพยาบาลอยู่ก็พอ เดี๋ยวเป็นข่าว” รชตพูดหน้าตาเฉย ขณะที่คนฟังหัวเราะทั้งน้ำตาแพรพิไลพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้คงที่จนกระทั่งเริ่มผ่อนคลายลงจึงเอ่ยถามเขาเกี่ยวกับเรื่องของศักดิ์อีกครั้ง“ตกลงแล้วพี่ศักดิ์ถูกบีบบังคับยังไงกันคะ”“สุกำพลจับตัวลูก ๆ ของพี่ศักดิ์ไว้เป็นตัวประกันน่ะ พี่ศักดิ์มีลูกสาวกับลูกชายอย่างละคนใช่ไหมล่ะ มันจับเด็ก ๆ ไปอยู่ในความดูแลของสุกำพล เขาบอกว่าจะไม่ทำอะไรเด็กจนกว่าพี่ศักดิ์จะหาหลักฐานที่เหลือมาได้ จนครั้งสุดท้ายที่เขาเรียกใช้งานพี่ศักดิ์ก็คือตอนที่เขาพาตัวแพรไปให้
“ข่าวด่วน นักธุรกิจหนุ่มไฮโซ แท้จริงแล้วคือมาเฟียยาเสพติด!”“นักธุรกิจชื่อดัง สุกำพล พัวพันคดียาเสพติด”ข่าวพาดหัวตัวโตของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างพร้อมใจกันลงข่าวไฮโซหนุ่มเนื้อหอม นักธุรกิจชื่อดัง เจ้าของธุรกิจมากมาย รายการข่าวทางโทรทัศน์และวิทยุต่างนำเสนอข่าวนี้กันแทบทุกช่องจนกลายเป็นเรื่องทอล์กออฟเดอะทาวน์ที่คนต่างพูดถึงกันมากที่สุดในประเทศ แม้ว่าจะผ่านมาถึงสองวันแล้วก็ตามรชตหยิบรีโมตคอนโทรลขึ้นกดเปลี่ยนช่องไปดูรายการอื่น เพราะเบื่อข่าวของสุกำพลเต็มที ยิ่งนานวันนักข่าว นักสืบออนไลน์ และนักสืบโซเชียลทั้งหลายต่างก็พากันขุดคุ้ยเรื่องของสุกำพลไม่หยุด บางคนก็แต่งเรื่องโกหก บางคนก็เป็นผู้เสียหาย บางรายก็ฟังเขาเล่ามา จนเวลานี้แทบไม่รู้ว่าข่าวไหนจริง ข่าวไหนเท็จ“พี่อาร์ตเปลี่ยนช่องทำไม” น้ำเสียงราบเรียบของแพรพิไลทำให้ชายหนุ่มหันกลับไปมองที่เตียงคนไข้“อ้าว...ตื่นนานรึยัง อยากกินอะไรไหม” เขาไม่ตอบคำถามของ