หน้าหลัก / โรแมนติก / รักกล้วยกล้วย / ตอนที่ 19  คืนแรกในบ้านหลังเดิม

แชร์

ตอนที่ 19  คืนแรกในบ้านหลังเดิม

ผู้เขียน: Sitha
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-28 01:17:02

 

กัทลีตัดสินใจพาบัวชมพูไปบ้านปู่เหมและย่าจันทร์‍หอมในเช้าวันอาทิตย์ก่อนจะถึงเปิดเทอมไม่กี่วัน  ตามที่เคยสัญญาไว้กับปู่ย่าในวันที่เธอพาลูกย้ายไปอยู่บ้านใหม่ในเมือง  

แม้ในใจหญิงสาวจะยังรู้สึกไม่ชินกับการกลับไปเยือนบ้านหลังเดิมที่เคยอยู่สมัยแต่งงานในบรรยากาศที่มีหิรัญอยู่ในบ้านนั้นด้วย

หิรัญเสนอตัวมารับแม่กับลูกที่บ้านโดยการอ้างว่าเขาต้องกลับบ้านไปคุยกับบิดาเรื่องงานอยู่แล้ว   พวกเขาไปถึงที่นั่นในตอนไม่สายมากนัก อากาศยังไม่ร้อนเพราะบ้านปู่ย่าอยู่ห่างกับตัวเมืองเพียงห้าสิบกิโลเมตร

“บ้านนี้ยังเหมือนเดิมเลยนะคะแม่”

กัทลีเอ่ยเบาๆ ขณะเดินตามลูก‍สาวที่วิ่งเข้าบ้านเลยไปหาคุณปู่  เธอมองไปรอบๆ อย่างพิจารณา  หญิงสาวพาลูกย้ายออกไปอยู่กันเองที่บ้านอีกหลังที่ปู่ย่ายกให้ ตั้งแต่ตอนที่น้องบัวเริ่มเข้าโรงเรียน  เพราะบ้านนั้นอยู่ติดเทศบาลที่หญิงสาวทำงานและใกล้กับโรงเรียนลูกเท่ากับเธอไม่ได้อยู่ที่นี่มาหลายปีก่อนที่หิรัญจะกลับมาเสียอีก

“แม่แค่ทาสีใหม่บ้างเป็นบางจุดจ้ะ นอกนั้นก็ไม่มีเวลาเปลี่ยนอะไรหรอก”  นางจันทร์‍หอมตอบพร้อมรอยยิ้ม  วันนี้นางมีความสุขมากที่เห็นลูกหลานอยู่กันพร้อมหน้า 

มื้อเที่ยงวันนั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและกลิ่นกับข้าวบ้านๆ ที่คุ้นเคยดี  ย่าทำแกงเทโพเนื้อย่างกับเคี่ยวขาหมูพะโล้ไว้รอขณะที่กัทลีเข้าครัวช่วยอีกคน  เธอทำยำหมูยอใส่วุ้นเส้นกับไข่เจียวเพิ่มส่วนหิรัญก็ช่วยจัดโต๊ะ  และเมื่อกินเสร็จเขาก็ลุกเก็บจานไปล้างอย่างคล่องแคล่วเหมือนคนที่อยู่บ้านหลังนี้ทุกวัน

ตอนแรกกัทลีตกลงกับลูกไว้ว่าจะไม่ค้าง  พวกเธอตั้งใจจะกลับบ้านในเมืองหลังรับประทานอาหารเย็น  แต่เริ่มมีเสียงลมพัดแรงและฝนเริ่มกระหน่ำขึ้นหลังมื้ออาหาร  ไฟในบ้านกะพริบวูบสองสามครั้งจนสุดท้ายก็ดับลงทั้งหมู่บ้าน

“ไฟดับแบบนี้... วันนี้คงกลับลำบากนะ” หิรัญพูดเบาๆ ขณะถือไฟฉายไปดูเบรกเกอร์

“แม่ว่าอยู่ค้างนี่สักคืนก่อนดีกว่าลูก  จะไปเสี่ยงขับรถกลับบ้านตอนฝนตกหนักแบบนี้ทำไม  เดี๋ยวแม่จัดที่นอนให้ เสื้อผ้าของกล้วยกับน้องบัวที่นี่ก็ยังมีนะลูก”

ย่าจันทร์‍หอมพูดและนั่นทำให้กัทลีต้องฟัง  และในที่สุดเสียงฝนที่เริ่มโปรยลงมาเบาๆ ตั้งแต่ช่วงเย็นก็กลายเป็นพายุหนักในยามค่ำ

กัทลีมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นน้ำฝนที่ไหลลงจากหลังคาเป็นสายก็ถอนใจออกมาเบาๆ ก่อนจะพยักหน้า

“งั้นคืนนี้เรานอนนี่นะลูกพรุ่งนี้เราค่อยกลับตอนเช้ามืด”  เธอหันไปตอบคุณย่า  “เดี๋ยวหนูทำเองก็ได้ค่ะแม่  ห้องเดิมหนูกับลูกว่างอยู่ไหมคะ”

“ห้องนั้นล่ะลูก  เดี๋ยวให้หินย้ายมานอนห้องข้างๆ ได้” 

เพราะว่าห้องเดิมของกัทลีก็คือห้องของหิรัญเช่นกัน  หลังจากที่น้องบัวย้ายไปอยู่กับแม่ในเมืองชายหนุ่มก็ย้ายกลับไปนอนห้องนั้น   นางจันทร์‍หอมจึงบอกแบบนั้นไม่อยากให้กัทลีลำบากใจ   

“ถ้าหินใช้ห้องนั้นก็ไม่ต้องย้ายหรอกค่ะ  ให้กล้วยกับน้องบัวนอนอีกห้องได้”

“ไม่เป็นไรลูก  ของกล้วยกับลูกก็อยู่ห้องนั้น เจ้าหินย้ายแค่ที่นอนออกมาง่ายกว่าเยอะ”  นางจันทร์‍หอมยืนยันจนหิรัญต้องช่วยพูดอีกคน

“กล้วยกับน้องบัวนอนห้องนั้นแหละ  ผมก็ไม่ค่อยได้นอนเท่าไหร่  ห้องนั้นมีห้องน้ำในตัวมันสะดวกกว่า”  ว่าจบเขาก็เดินนำไปที่ชั้นบนเพื่อย้ายของใช้ตัวเองออกมาอีกห้องโดยไม่ฟังเสียงค้าน

“เย้...” บัวชมพูตบมือรัว “หนูจะได้นอนเตียงเก่าของเราใช่ไหมคะแม่”

“ใช่เลยจ้ะ” ย่าหัวเราะพลางพาเด็กหญิงขึ้นชั้นสอง  ส่วนกัทลีก็เดินตามขึ้นไปช้าๆ  ส่วนหิรัญกำลังเร่งขนที่นอนแบบพับออกมาปูด้านนอกเพื่อสละห้องให้เธอกับลูก

บ้านไม้ในยามฝนตกหนักอบอวลไปด้วยกลิ่นฝนและกลิ่นไม้เก่าที่กัทลีคุ้นเคยอย่างแปลกใจ  เธอไม่คิดว่าตัวเองจะรู้สึกอุ่นใจในที่แห่งนี้ได้อีกครั้ง

ในตอนที่กำลังปูที่นอนหญิงสาวได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ ที่เดินเข้ามาหยุดหน้าห้อง  พร้อมเสียงกระซิบของสองพ่อลูก

“พ่ออยู่ข้างห้องนะลูก ถ้ามีหนูอะไรเรียกพ่อได้เลย”

“ค่ะพ่อ”  บัวชมพูตอบเบาๆ แล้วเดินเข้าไปหาแม่

ไฟมาหลังจากที่กัทลีจัดที่นอนเรียบร้อย  เธอจึงบอกให้น้องบัวอาบน้ำและหลังจากที่เด็กหญิงนอนหลับไปแล้ว  กัทลีก็ออกมานั่งที่ชานไม้หน้าบ้าน

หญิงสาวเอาโน้ตบุ๊กออกมานั่งทำงานเอกสารที่ค้างไว้ แต่ทำได้ไม่ถึงสิบบรรทัด  ใจก็วูบไหวไปหมดด้วยเสียงหัวเราะของลูก‍สาวที่ยังก้องอยู่ในหัว

หิรัญเดินออกมาในชุดนอนกับแก้วน้ำมะตูมที่แม่ของเขาต้มไว้ตั้งแต่ตอนบ่าย  เขายื่นแก้วให้เธอโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะนั่งลงห่างๆ ข้างๆ กันใต้แสงไฟข้างเสาเรือน

“ขอบคุณค่ะ”

กัทลีรับแก้วมาแล้วก้มลงจิบ น้ำมะตูมอุ่นมีรสหวานน้อยและกลิ่นหอมเหมือนที่เขาเคยต้มน้ำแบบนี้ให้เธอกินเมื่อหลายปีก่อน

“น้องบัวหลับแล้วเหรอครับ”

“หลับค่ะ คงเหนื่อยทั้งวันน่ะ”

หิรัญพยักหน้า

“วันนี้มันดีมากนะ... ขอบคุณมากที่กล้วยกับลูกยอมมา”

กัทลีไม่ได้ตอบทันที เธอเงียบไปสักครู่ แล้วพูดว่า

“คุณเองก็ทำดีแล้วค่ะหิน...  คุณดูแลลูกได้ดีมาก”

ประโยคนั้นทำให้หิรัญเงยหน้าขึ้นทันที น้ำเสียงของเธอจริงจัง ราบเรียบ แต่มันชัดเจนพอจะทำให้หัวใจเขาไหว

“ขอบคุณนะกล้วย... ผมพยายามอยู่ทุกวันเลย”

ทั้งสองคนเงียบกันไปอีกสักพัก เสียงจักจั่นเริ่มดังขึ้นราวกับจะมาแทนบทสนทนา  และไม่กี่นาทีต่อมามีเสียงจากในห้องนอน เสียงพูดเบาๆ ดังลอดออกมา

“แม่ขา... แม่”

กัทลีรีบลุกขึ้นไปทันที หิรัญตามหลังไป พวกเขาเข้าไปในห้องพร้อมกัน พบเด็กหญิงนั่งอยู่บนเตียง ผมเผ้ายุ่งเหยิง และน้ำตาคลอเบ้า

“แม่อยู่ตรงนี้ค่ะลูก น้องบัวเป็นอะไรคะ ฝันร้ายเหรอ”

กัทลีโผเข้ากอดลูกทันที ส่วนหิรัญค่อย ๆ ทรุดตัวนั่งลงข้างเตียงอีกด้าน

“หนูฝันว่าแม่ของหนูทำตาแดงๆ อีกแล้วค่ะพ่อ”

น้องบัวหันไปหาพ่อทันที

หิรัญกับกัทลีสบตากันโดยไม่ตั้งใจ ต่างคนต่างไม่รู้จะทำหรือพูดอะไรในเวลาแบบนี้

“แล้วคุณแม่ร้องไห้รึเปล่าคะ”

เด็กหญิงถามซ้ำ ขณะที่มือเล็กลูบแก้มมารดาเบาๆ

“เปล่าค่ะลูก  หนูแค่ฝันนะคะ” กัทลีพูดอย่างใจเย็นแล้วดึงลูกมากอด

หิรัญลูบหัวลูกเบาๆ แล้วพูดขึ้น   “ถ้าแม่ร้องไห้จริง  น้องบัวจะทำยังไงให้แม่ยิ้มดีคะ”

“หนูจะเล่าเรื่องหนอนผีเสื้อให้แม่ฟังค่ะ พ่อบอกว่าอีกไม่กี่วันมันจะกลายเป็นผีเสื้อแล้ว”  น้ำเสียงของเด็กหญิงตอนนี้กลับมาสดใส

“ใช่ครับ” หิรัญเสริม “มันจะออกจากดักแด้ได้อย่างปลอดภัย ถ้ามันอยู่ในที่ที่ปลอดภัย”

คำพูดนั้นคล้ายคำเปรียบเทียบที่ไม่ตั้งใจ แต่คนเป็นแม่กลับรู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองสะดุ้งเงียบๆ  กัทลีลูบหัวลูกอีกครั้ง แล้วพูดเสียงเบา

“ถ้าผีเสื้อออกจากดักแด้เมื่อไหร่ แม่จะไปดูด้วยนะลูก”

น้องบัวยิ้ม  “พ่อบอกว่าถ้าผีเสื้อออกมาได้ แสดงว่าเขาแข็งแรงมากๆ ค่ะ”

ทั้งห้องเงียบลงอีกครั้งเหลือแค่เสียงลมหายใจ และหัวใจของกัทลีที่เริ่มโน้มไปหาหิรัญอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • รักกล้วยกล้วย   ตอนพิเศษ 3: ทายาทแห่งฟาร์มบัวชมพู

    วันเปิดตัวผลิตภัณฑ์แปรรูปล็อตแรกของ ฟาร์มบัวชมพู ตรงกับช่วงปลายฤดูร้อนของปีที่น้องบัวเรียนจบมหาวิทยาลัยหลังจากใช้เวลากว่าสี่ปีในคณะวิทยาศาสตร์การเกษตร จากมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านเกษตรกรรมแบบยั่งยืนบัวชมพูกลับมาบ้านด้วยความตั้งใจเต็มเปี่ยม และมุ่งมั่นจะต่อยอดฟาร์มของครอบครัว ไม่ใช่แค่เป็นพื้นที่ปลูกพืชเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ งานวิจัย และแหล่งสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์พร้อมผู้บริหารรุ่นใหม่ถูกจัดขึ้นที่ลานหน้าคาเฟฟาร์ม ซึ่งถูกรีโนเวตให้มีมุมจัดแสดงสินค้าทางการเกษตรของครอบครัว โต๊ะไม้ไผ่ถูกเรียงเป็นวงล้อมสนามหญ้า มีซุ้มเม‍ล่อน น้ำผลไม้เย็น แยมผลไม้โฮมเมดจากสวน และขนมพื้นบ้านที่กัทลีเป็นคนคิดสูตรบัวชมพูในวัยยี่สิบสองปีเต็ม วันนี้จากเด็กหญิงตัวเล็กเธอกลายเป็นสาวเต็มตัว หญิงสาวสวมเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายปักมือกับกางเกงยีนเอวสูง ผูกผ้าโพกหัวลายดอกไม้ เธอดูมีความเรียบง่ายแต่สดใส มีสไตล์เป็นของตัวเอง มีแววของความเป็นหญิงสาววัยทำงานที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ในมือของเธอมีแผ่นพับสรุปเรื่องราวของฟาร์มซึ่งเธอเขียนเองตั้งแต่หน้าแรกจนถึงภาพประกอบเสียงพิธีกรประกาศเปิดงานอย่างเป

  • รักกล้วยกล้วย   ตอนพิเศษ 2: ความรักในหัวใจพ่อ

    เมื่อเข้าสู่หน้าหนาวของปีถัดมา ท้องฟ้าในตอนเช้าอากาศดูปลอดโปร่ง ที่มียังคงมีหมอกบางคลุมยอดเขาในตอนเช้าตรู่ทำให้รู้สึกสดชื่น แสงแดดอ่อนของฤดูหนาวแตะผิวแปลงสตรอว์เบอรี่ที่ปลูกอยู่ด้านหลังโรงเรือนเม‍ล่อนของฟาร์มบัวชมพูจนเกิดเป็นประกายสีเงินระยิบระยับบนใบไม้หิรัญในชุดเสื้อแขนยาวพับข้อศอกสีเขียวเข้ม เดินถือกล่องพลาสติกขนาดกลางมาหาลูก‍สาวที่นั่งแกว่งขาบนแคร่ไม้ใต้ต้นมะขามเทศ“หัวหน้าทีมตรวจผลผลิต พร้อมยังครับ” เขาถามพลางยื่นกล่องให้เด็กหญิงบัวชมพูวัยสิบขวบ เงยหน้าจากสมุดบันทึกแล้วลุกขึ้นยืนทันที“พร้อมแล้วค่ะคุณพ่อ แต่คุณพ่อพูดผิดนะคะ คุณพ่อต้องเรียกหนูอย่างเป็นทางการว่าหัวหน้าบัวค่ะ”ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะยืดตัวตรงแล้วทำท่าเคารพแบบทหาร“รับทราบค่ะ หัวหน้าบัว” เสียงหัวเราะของทั้งสองคนลอยไปตามลมหนาว ขณะพ่อกับลูก‍สาวเดินเข้าไปในแปลงสตรอว์เบอรี่ที่กำลังให้ผล เป็นรุ่นแรกที่หิรัญขยายแปลงออกไปอย่างเต็มพื้นที่หลังจากที่เขาทดลองปลูกมาสองปี ใบของสตรอว์เบอรี่สีเขียวเข้มตัดกับผลสีขาวและแดงคละกันไป ทำให้บรรยากาศโดยรอบดูสดชื่นและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา“คุณพ่อดูสิคะ ลูกนี้แดงจัดเลยต้อ

  • รักกล้วยกล้วย   ตอนพิเศษ 1: งานแต่งของพ่อกับแม่

    ฤดูหนาวปีนั้น ทุ่งดอกไม้หลังฟาร์มบานสะพรั่งพอดีกับวันสำคัญที่ทุกคนรอคอย“งานแต่งของพ่อจ๋ากับแม่จ๋า” คือชื่องานที่น้องบัวตั้งไว้เอง แม้จะไม่ได้จัดอย่างใหญ่โตเหมือนในละคร แต่ก็เป็นงานแต่งที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยรอยยิ้มจากคนที่ผ่านเรื่องราวมาด้วยกันจริง ๆหิรัญและกัทลีเลือกจัดงานในสวนข้างโรงเรือนเม‍ล่อน ใต้ร่มไม้ที่เด็กหญิงเคยนั่งมองผีเสื้อยักษ์ในวัยเจ็ดขวบ โต๊ะเก้าอี้ไม้ถูกจัดเรียงล้อมรอบลานดินกลางสวน ตกแต่งด้วยซุ้มดอกไม้เป็นระยะ หลักๆ คือทานตะวัน ดอกดาวเรือง และอ่างบัววางตกแต่งปลูกบัวที่บานชูช่อพอดีในวันงาน ซึ่งทั้งปู่เหมกับหลานสาวช่วยกันปลูกไว้ตั้งแต่ต้นฤดูฝนและกะเวลาไว้พอดีเป๊ะเพื่อนของหิรัญมาหลายคน ทั้งเพื่อนมหาวิทยาลัยและเพื่อนร่วมงานสมัยก่อน บางคนมองไม่เชื่อว่าชายผู้เคยเอาแน่เอานอนไม่ได้ในเรื่องชีวิตครอบครัว จะยืนอยู่ตรงนี้พร้อมภรรยาและลูก‍สาววัยสิบขวบได้อย่างมั่นคง “กล้วยนี่เพื่อนสนิทผมสมัยเรียนมหาวิทยาลัย นี่บอม ธนัชส่วนนั่นไอ้ผามันชื่อจริงว่าภูผา สองคนนี้เป็นเพื่อนอยู่ห้องเดียวกัน หอเดียวกันมาตลอดตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่” “สวัสดีค่ะ ยินดีที่รู้จักคุณ

  • รักกล้วยกล้วย   ตอนที่ 33 (จบ)  รักกล้วยกล้วยที่ไม่ได้แปลว่ารักง่ายง่าย

    ช่วงต้นฤดูร้อนท้องฟ้าของปีต่อมา อาจจะเป็นปีแรกที่กัทลีเห็นว่าฟ้าเป็นสีฟ้าสดใสตามที่มันควรจะเป็น สายลมอบอุ่นจากทุ่งกว้างพัดเอากลิ่นหอมของดินและหญ้าโชยเข้ามาจนถึงระเบียงของบ้านแม้ว่าบ้านใหม่จะอยู่ห่างจากฟาร์มไกลกว่าบ้านน็อกดาวน์หลังเดิม แต่ความรู้สึกและกิจวัตรประจำวันของสมาชิกในบ้านยังคงไม่เปลี่ยนไป บัวชมพูนั่งระบายสีสมุดภาพเล่มใหม่บนโต๊ะกลางบ้านขณะที่หิรัญกำลังตัดแต่งต้นสตรอว์เบอรี่ที่ให้ผลแล้วในหน้าหนาวที่ผ่านมา ปีนี้เขาทดลองผลิตไหลเองโดยทำแปลงปลูกแบบยกพื้นที่บ้าน เพื่อเตรียมความพร้อมให้ต้นแม่สมบูรณ์พอจะผลิตไหลซึ่งส่วนมากต้นจะเริ่มมีไหลในช่วงก่อนเข้าฤดูฝน และนำไปปลูกเป็นต้นใหม่ในช่วงเดือนตุลาคมกัทลีมองสองพ่อลูกที่ต่างทำงานของตัวเอง จากนั้นเธอเข้าครัวไปเตรียมอาหารว่างไว้ให้ลูกและสามีโดยไม่รู้ตัวว่ารอยยิ้มของเธอมีมากกว่าทุกครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเสียงเรียกหาแม่ของเด็กหญิงดังขึ้นเบาๆ เธอชูภาพที่ระบายสีเสร็จแล้วขึ้นมาให้แม่ดู ระหว่างที่หญิงสาวยกของว่างออกมาให้ลูก"แม่ขา ดูสิหนูวาดครอบครัวของเรามีแม่มีพ่อแล้วก็น้องบัวอยู่ในฟาร์ม พร้อมกับพวกน้องเต่า น้องทานตะวันด้วยนะแม่"

  • รักกล้วยกล้วย   ตอนที่  32   จดหมายฉบับสุดท้ายถึงอดีต

    เช้านี้ หิรัญมีแพลนจะพาลูก‍สาวออกไปดูแปลงทานตะวันรอบใหม่ซึ่งจะปลูกที่หน้าฟาร์ม เขาอยากให้กัทลีไปด้วยแต่เธอปฏิเสธโดยการบอกว่าขอเวลาเคลียร์อะไรที่คั่งค้างที่บ้าน“กล้วยไม่ไปด้วยกันแน่นะ น้องบัวลองถามคุณแม่ดูอีกทีดีไหมคะลูก” หิรัญถามขณะที่สวมหมวกให้ลูก‍สาว ปีนี้น้องบัวโตขึ้นมากเกือบสองปีจากวันที่เขากลับมาที่นี่ จากเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบตัวเล็กๆ ที่ไม่ไว้ใจพ่อแบบเขา กลายเป็นเด็กหญิงวัยเก้าขวบที่สูงขึ้นมากและแน่นอนตอนนี้เธอสนิทกับพ่อมากเช่นกันจากเด็กหญิงขี้อายที่เคยเขินเวลาคุณพ่อเข้าใกล้ หรือเคยพูดเพียงเบาๆ ว่า “คุณลุง” ในตอนแรก ตอนนี้น้องบัวกลายเป็นคนที่คอยดึงแขนพ่อไปดูดอกไม้ คอยบอกว่า“คุณพ่อถ่ายรูปหนูตรงนี้นะคะ” และคอยเล่าเรื่องราวในโรงเรียนให้ฟังทุกเย็น เด็กหญิงมีความมั่นใจมากขึ้น กล้าคิดกล้าแสดงออก และรู้ว่าตัวเองมีครอบครัวที่มั่นคงหนุนหลังเสมอกัทลีมองเห็นได้เลยว่าความเปลี่ยนแปลงในใจลูกไม่ได้มาจากคำพูด แต่เกิดจากความสม่ำเสมอของหิรัญที่อยู่ตรงนี้ในทุกเช้าเย็น“แม่ขา ไม่ไปด้วยกันเหรอคะแม่” ลูก‍สาวก็ช่างเชื่อฟังคุณพ่อดีจริงๆ บอกให้ทำอะไรก็ทำ กัทลีมองอย่างเอ็นดูแต่เธอก็ยืนยันคำตอบ

  • รักกล้วยกล้วย   ตอนที่  31  ความฝันในสวนเม‍ล่อน

    หนึ่งปีผ่านไป ฤดูปลูกเม‍ล่อนเวียนกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงมากมายที่เกิดขึ้นภายในฟาร์มแห่งนี้ โรงเรือนที่เคยมีเพียงต้นเม‍ล่อนแปลงเล็กๆ ปลูกไว้ทดลอง กลายเป็นโรงเรือนขนาดกลางที่มีระบบน้ำหยดและแสงไฟอัตโนมัติ แปลงผักแนวยาวเพิ่มขึ้นอีกหลายแปลงหิรัญวางระบบบริหารจัดการภายในฟาร์มอย่างเป็นสัดส่วน และมีการวางแผนรายได้รายจ่ายรายเดือนอย่างจริงจังในสวนอีกมุมหนึ่ง แปลงดอกไม้หลากสีเริ่มผลิบานไล่จากดอกดาวเรือง ทานตะวัน ไปจนถึงโบตั๋นที่เริ่มอวดกลีบอ่อนชั้นแรก ทั้งหมดนี้เกิดจากความฝันเล็กๆ ของเด็กหญิงบัวชมพูที่เคยขอให้พ่อปลูกทุ่งดอกไม้เอาไว้ให้เธอวิ่งเล่นและถ่ายรูป หิรัญไม่เคยลืมคำขอของลูก‍สาว และในที่สุดมันก็กลายเป็นจริง“หินพรุ่งนี้จะมีสองคณะที่ขอเข้าชมนะ คุณเตรียมไกด์ไว้แล้วหรือยัง” กัทลีถามถึงงานในวันรุ่งขึ้น “เรียบร้อย ชุดแรกอบต.บ้านนา ผมให้ไอ้สิงห์ดูแล ส่วนชุดที่สองโรงเรียนดงอรัญผมจะดูแลเอง” หิรัญเดินมานั่งโต๊ะเดียวกับที่กัทลีเช็กงานอยู่ ฟาร์มแห่งนี้เริ่มมีผู้คนมาเยี่ยมชมมากขึ้นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และเมื่อธุรกิจใหญ่ขึ้นชายหนุ่มก็ดันให้คนที่เริ่มก่อร่างสร้างตัวมาด้วยกั

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status