หน้าหลัก / โรแมนติก / รักกล้วยกล้วย / ตอนที่  32   จดหมายฉบับสุดท้ายถึงอดีต

แชร์

ตอนที่  32   จดหมายฉบับสุดท้ายถึงอดีต

ผู้เขียน: Sitha
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-28 01:25:46

 

เช้านี้ หิรัญมีแพลนจะพาลูก‍สาวออกไปดูแปลงทานตะวันรอบใหม่ซึ่งจะปลูกที่หน้าฟาร์ม  เขาอยากให้กัทลีไปด้วยแต่เธอปฏิเสธโดยการบอกว่าขอเวลาเคลียร์อะไรที่คั่งค้างที่บ้าน

“กล้วยไม่ไปด้วยกันแน่นะ  น้องบัวลองถามคุณแม่ดูอีกทีดีไหมคะลูก”  หิรัญถามขณะที่สวมหมวกให้ลูก‍สาว  ปีนี้น้องบัวโตขึ้นมากเกือบสองปีจากวันที่เขากลับมาที่นี่  จากเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบตัวเล็กๆ ที่ไม่ไว้ใจพ่อแบบเขา  กลายเป็นเด็กหญิงวัยเก้าขวบที่สูงขึ้นมากและแน่นอนตอนนี้เธอสนิทกับพ่อมากเช่นกัน

จากเด็กหญิงขี้อายที่เคยเขินเวลาคุณพ่อเข้าใกล้ หรือเคยพูดเพียงเบาๆ ว่า “คุณลุง” ในตอนแรก ตอนนี้น้องบัวกลายเป็นคนที่คอยดึงแขนพ่อไปดูดอกไม้ คอยบอกว่า

“คุณพ่อถ่ายรูปหนูตรงนี้นะคะ” และคอยเล่าเรื่องราวในโรงเรียนให้ฟังทุกเย็น เด็กหญิงมีความมั่นใจมากขึ้น กล้าคิดกล้าแสดงออก และรู้ว่าตัวเองมีครอบครัวที่มั่นคงหนุนหลังเสมอ

กัทลีมองเห็นได้เลยว่าความเปลี่ยนแปลงในใจลูกไม่ได้มาจากคำพูด แต่เกิดจากความสม่ำเสมอของหิรัญที่อยู่ตรงนี้ในทุกเช้าเย็น

“แม่ขา  ไม่ไปด้วยกันเหรอคะแม่”  ลูก‍สาวก็ช่างเชื่อฟังคุณพ่อดีจริงๆ  บอกให้ทำอะไรก็ทำ  กัทลีมองอย่างเอ็นดูแต่เธอก็ยืนยันคำตอบเดิมคือไม่ไป

“แม่ไม่ว่างเลยค่ะ  น้องบัวไปกับคุณพ่อนะคะแล้วก็คอยดูอย่าให้คุณพ่อไปหาเรื่องใคร  อย่าไปปากแซ่บใส่ใครเข้าใจไหมลูก” 

“น้องบัวเข้าใจค่ะแม่”  เธอหันไปทางบิดา  “คุณพ่ออย่าไปหาเรื่องใครนะคะ  คุณแม่บอกมา”

หิรัญหัวเราะชอบใจ   แม้เขาจะเชื่อว่าตัวเองไม่มีนิสัยหาเรื่องใคร  แค่เป็นคนตรงๆ ไม่ดีตรงไหน

“จ้ะ  พ่อเป็นคนใจเย็น  ใจเย็นมากๆ เลยนะคะฝากน้องบัวบอกคุณแม่ด้วย” 

“แม่ขา  คุณพ่อบอกว่าพ่อเป็นคนใจเย็นมากค่ะ” 

กัทลีส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา  “ไปกันได้แล้วสองพ่อลูก  เดี๋ยวก็แดดร้อนหรอกค่ะ” 

“พ่อเตรียมร่มให้ลูก”  หิรัญรีบหยิบร่มกันแดดคันใหญ่ติดมือไปด้วย  น้องบัวรีบส่ายหน้าปฏิเสธตามประสาวัยรุ่น

“ไม่ต้องเอาร่มก็ได้มั้งคะคุณพ่อ”

“ไม่ได้ค่ะลูก  จริงๆ ถึงไม่ได้อยู่กลางแดดแต่ก็มียูวีนะคะ  แล้วหนูเป็นผู้หญิงต้องดูแลผิวดีๆ  ตอนนี้หนูยังเด็กหนูยังไม่เห็นผลอะไร  แต่แก่ตัวไปมันจะขึ้นมาให้เห็นเลยนะคะ  ฝ้า กระ ตีนกาก็มาไวด้วย” หิรัญแย้งทำให้เด็กหญิงทำหน้าตกใจ 

“งั้นคุณพ่อต้องคอยกางร่มให้หนูด้วยนะคะ”

กัทลีฟังการสนทนาอย่างหมั่นไส้สองพ่อลูก

“ไม่เอาสัปทนงานบวชไปเลยล่ะคะ ใหญ่ดี” 

สองพ่อลูกออกไปแล้ว   กัทลีจึงก้าวขึ้นชั้นสองเธอเข้าไปในห้องนอนส่วนตัว  เปิดตู้เสื้อผ้าบิวท์อินหยิบกล่องไม้ใบเก่าที่เธอเก็บไว้มานานออกมาเปิดดู  กล่องใบนี้ถูกย้ายติดตัวมาเสมอ ไม่ว่าจะย้ายไปอยู่ห้องพักที่ไหนหรือเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกกี่ครั้ง   เพราะภายในนั้นมีทั้งภาพถ่ายเก่า  จดหมายที่ไม่เคยส่ง  และไดอารี่บางหน้าในช่วงเวลาที่ชีวิตมืดมนที่สุด

หญิงสาวค่อยๆ หยิบรูปถ่ายใบหนึ่งขึ้นมา มันคือภาพงานแต่งงานเมื่อหลายปีก่อน  ภาพที่ทุกอย่างยังดูเหมือนจะไปได้ดี  สิ่งที่เธอเห็นคือแววตาของเจ้าสาวในวันนั้นมีบางอย่างที่ยังไม่พร้อม...

ไม่พร้อมจะเจอความรักที่ไม่มั่นคง

ไม่พร้อมจะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องแบกรับทุกอย่างเพียงลำพัง

เธอพลิกดูไดอารี่ฉบับหนึ่งที่เขียนไว้ในช่วงที่การติดต่อของหิรัญเริ่มหายไป  และมันมากขึ้นเรื่อยๆ จนเธอรู้สึกได้เองว่าเขาเปลี่ยนไป   ทุกตัวอักษรเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่เคยได้คำตอบ... และในวันนี้ เธอไม่ต้องการคำตอบอีกแล้ว

กัทลีหยิบกระดาษแผ่นใหม่ขึ้นมาเขียนข้อความลงไปช้าๆ

ถึงหิรัญในอดีต

ขอบคุณที่เคยทำให้ฉันรู้จักความรัก และขอบคุณที่เคยทำให้ฉันต้องรู้จักความเจ็บปวด

ฉันเคยเกลียดคุณ เคยโกรธ เคยอยากให้คุณรู้สึกผิดมากกว่านี้แต่ตอนนี้ ฉันแค่อยากขอบคุณคุณอีกครั้ง

เพราะถ้าไม่มีวันเลวร้ายนั้น ฉันคงไม่เข้าใจว่าการรักตัวเองคืออะไรและถ้าไม่มีคุณในวันนั้น ฉันก็คงไม่มีน้องบัวในวันนี้

วันนี้ฉันจะขอปล่อยคุณจากความผิดในใจฉัน

และขอปล่อยตัวเองจากพันธนาการของความเสียใจ

ลาก่อน... หิรัญที่ฉันเคยรัก

จาก  กัทลีที่กำลังเรียนรู้จะรักหิรัญอีกครั้ง ด้วยหัวใจที่ให้อภัย

หญิงสาวพับกระดาษแผ่นนั้น เก็บใส่กล่องไม้ใบเดิม แล้วหยิบรูปถ่ายเก่าทีละใบใส่ซองพลาสติก จากนั้นเดินลงจากบ้าน ถือกล่องนั้นไปที่ลานหลังบ้านใต้ต้นกระท้อนต้นใหญ่

ลมหนาวหอบเอากลิ่นหอมของดินและดอกไม้จางๆ เข้ามา กัทลีจุดไฟในถังเหล็ก  เธอหย่อนจดหมายฉบับนั้นลงไปก่อน ขณะเปลวไฟลุกขึ้นช้าๆ รอบกระดาษที่เขียนด้วยลายมือของเธอเอง

กัทลีรู้สึกเหมือนได้ปลดล็อกบางอย่างในอก ลมหายใจเบาสบายขึ้น ความรู้สึกผิด ความค้างคา และความสงสัยที่เคยเกาะแน่นอยู่ในหัวใจราวตะปูสนิม  ค่อยๆ หลุดออกไปตามกลิ่นควัน

ภาพเก่าบางภาพนั้นเธอเคยลังเลจะเก็บไว้ หรือเคยคิดว่ามันเป็นบทเรียน แต่ในวันนี้เธอรู้แล้วว่าบางความทรงจำก็ไม่จำเป็นต้องพกพาต่อไป มันหนักเกินกว่าที่ใจควรจะต้องแบก  

และสุดท้ายตามด้วยภาพถ่ายที่เลือกแล้วว่าพอแล้ว ไม่ต้องเก็บไว้อีกเธอเผาทุกสิ่งรวมกันในนั้น

กัทลียืนมองเปลวไฟที่กำลังแผดเผาทุกสิ่งในกล่องใบนั้น  และวันนี้ใจเธอไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป   มีเพียงความว่างเปล่าที่ทำให้ใจสงบและเบาสบาย

เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังมาจากข้างหลัง หิรัญกับลูก‍สาวเดินเข้ามาในจังหวะพอดี เด็กหญิงวิ่งเข้ามากอดแม่จากด้านหลัง “แม่ขา หนูเอาดอกไม้มาให้ค่ะ ดอกแรกของฤดูเลยนะ”

“ขอบคุณนะคะลูก”   กัทลีย่อตัวลงรับดอกทานตะวันจากมือลูก  ก่อนจะเงยหน้ามองหิรัญที่ยืนอยู่อย่างสงบ เขาไม่ได้ถามอะไร เพราะดวงตาของเธอบอกทุกอย่างแล้ว

กัทลีลุกขึ้น แล้วพูดเพียงเบาๆ

“ฉันเผามันหมดแล้ว... ทั้งรูปเก่า ทั้งเรื่องเก่า และความรู้สึกเก่าๆ ที่เคยทำให้ฉันเกลียดคุณ”

เธอหันไปยิ้มให้ลูก‍สาว

“แม่จะไม่คิดเรื่องที่ผ่านมาอีกแล้ว  ต่อไปนี้ชีวิตของแม่จะอยู่ตรงนี้ เพื่อหนู และเพื่ออนาคตของพวกเรา”

หิรัญไม่ได้ตอบอะไรเพราะพูดไม่ออก  เขาแค่เดินเข้ามาใกล้แล้วใช้แขนโอบกอดสองแม่ลูกไว้ด้วยกันเงียบๆ  ให้ความรู้สึกขอบคุณจากใจเขาส่งไปให้ถึงเธอ

แดดเช้ายามสายลอดใบกระท้อนลงมากระทบกล่องไม้เปล่าที่วางอยู่ข้างถังเหล็ก

ไม่มีอดีตเหลืออยู่อีกแล้ว 

และแม้เธอจะยังไม่รู้ว่าชีวิตในวันข้างหน้าจะมีบททดสอบอะไรอีก แต่เธอก็ไม่กลัวแล้ว

เพราะในวันที่เธอก้าวพ้นอดีตมาได้ เธอได้เรียนรู้ว่าครอบครัวไม่ใช่สิ่งที่สมบูรณ์ในนิยามทั่วไป

แต่มันคือพื้นที่เล็กๆ ที่คนสองคนเลือกจะเติบโตใหม่อีกครั้งไปด้วยกัน... เพื่อคนตัวเล็กอีกคนที่พวกเขารักที่สุด   มีเพียงปัจจุบันที่พร้อมจะเริ่มต้นใหม่  อีกครั้ง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • รักกล้วยกล้วย   ตอนพิเศษ 3: ทายาทแห่งฟาร์มบัวชมพู

    วันเปิดตัวผลิตภัณฑ์แปรรูปล็อตแรกของ ฟาร์มบัวชมพู ตรงกับช่วงปลายฤดูร้อนของปีที่น้องบัวเรียนจบมหาวิทยาลัยหลังจากใช้เวลากว่าสี่ปีในคณะวิทยาศาสตร์การเกษตร จากมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านเกษตรกรรมแบบยั่งยืนบัวชมพูกลับมาบ้านด้วยความตั้งใจเต็มเปี่ยม และมุ่งมั่นจะต่อยอดฟาร์มของครอบครัว ไม่ใช่แค่เป็นพื้นที่ปลูกพืชเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ งานวิจัย และแหล่งสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์พร้อมผู้บริหารรุ่นใหม่ถูกจัดขึ้นที่ลานหน้าคาเฟฟาร์ม ซึ่งถูกรีโนเวตให้มีมุมจัดแสดงสินค้าทางการเกษตรของครอบครัว โต๊ะไม้ไผ่ถูกเรียงเป็นวงล้อมสนามหญ้า มีซุ้มเม‍ล่อน น้ำผลไม้เย็น แยมผลไม้โฮมเมดจากสวน และขนมพื้นบ้านที่กัทลีเป็นคนคิดสูตรบัวชมพูในวัยยี่สิบสองปีเต็ม วันนี้จากเด็กหญิงตัวเล็กเธอกลายเป็นสาวเต็มตัว หญิงสาวสวมเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายปักมือกับกางเกงยีนเอวสูง ผูกผ้าโพกหัวลายดอกไม้ เธอดูมีความเรียบง่ายแต่สดใส มีสไตล์เป็นของตัวเอง มีแววของความเป็นหญิงสาววัยทำงานที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ในมือของเธอมีแผ่นพับสรุปเรื่องราวของฟาร์มซึ่งเธอเขียนเองตั้งแต่หน้าแรกจนถึงภาพประกอบเสียงพิธีกรประกาศเปิดงานอย่างเป

  • รักกล้วยกล้วย   ตอนพิเศษ 2: ความรักในหัวใจพ่อ

    เมื่อเข้าสู่หน้าหนาวของปีถัดมา ท้องฟ้าในตอนเช้าอากาศดูปลอดโปร่ง ที่มียังคงมีหมอกบางคลุมยอดเขาในตอนเช้าตรู่ทำให้รู้สึกสดชื่น แสงแดดอ่อนของฤดูหนาวแตะผิวแปลงสตรอว์เบอรี่ที่ปลูกอยู่ด้านหลังโรงเรือนเม‍ล่อนของฟาร์มบัวชมพูจนเกิดเป็นประกายสีเงินระยิบระยับบนใบไม้หิรัญในชุดเสื้อแขนยาวพับข้อศอกสีเขียวเข้ม เดินถือกล่องพลาสติกขนาดกลางมาหาลูก‍สาวที่นั่งแกว่งขาบนแคร่ไม้ใต้ต้นมะขามเทศ“หัวหน้าทีมตรวจผลผลิต พร้อมยังครับ” เขาถามพลางยื่นกล่องให้เด็กหญิงบัวชมพูวัยสิบขวบ เงยหน้าจากสมุดบันทึกแล้วลุกขึ้นยืนทันที“พร้อมแล้วค่ะคุณพ่อ แต่คุณพ่อพูดผิดนะคะ คุณพ่อต้องเรียกหนูอย่างเป็นทางการว่าหัวหน้าบัวค่ะ”ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะยืดตัวตรงแล้วทำท่าเคารพแบบทหาร“รับทราบค่ะ หัวหน้าบัว” เสียงหัวเราะของทั้งสองคนลอยไปตามลมหนาว ขณะพ่อกับลูก‍สาวเดินเข้าไปในแปลงสตรอว์เบอรี่ที่กำลังให้ผล เป็นรุ่นแรกที่หิรัญขยายแปลงออกไปอย่างเต็มพื้นที่หลังจากที่เขาทดลองปลูกมาสองปี ใบของสตรอว์เบอรี่สีเขียวเข้มตัดกับผลสีขาวและแดงคละกันไป ทำให้บรรยากาศโดยรอบดูสดชื่นและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา“คุณพ่อดูสิคะ ลูกนี้แดงจัดเลยต้อ

  • รักกล้วยกล้วย   ตอนพิเศษ 1: งานแต่งของพ่อกับแม่

    ฤดูหนาวปีนั้น ทุ่งดอกไม้หลังฟาร์มบานสะพรั่งพอดีกับวันสำคัญที่ทุกคนรอคอย“งานแต่งของพ่อจ๋ากับแม่จ๋า” คือชื่องานที่น้องบัวตั้งไว้เอง แม้จะไม่ได้จัดอย่างใหญ่โตเหมือนในละคร แต่ก็เป็นงานแต่งที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยรอยยิ้มจากคนที่ผ่านเรื่องราวมาด้วยกันจริง ๆหิรัญและกัทลีเลือกจัดงานในสวนข้างโรงเรือนเม‍ล่อน ใต้ร่มไม้ที่เด็กหญิงเคยนั่งมองผีเสื้อยักษ์ในวัยเจ็ดขวบ โต๊ะเก้าอี้ไม้ถูกจัดเรียงล้อมรอบลานดินกลางสวน ตกแต่งด้วยซุ้มดอกไม้เป็นระยะ หลักๆ คือทานตะวัน ดอกดาวเรือง และอ่างบัววางตกแต่งปลูกบัวที่บานชูช่อพอดีในวันงาน ซึ่งทั้งปู่เหมกับหลานสาวช่วยกันปลูกไว้ตั้งแต่ต้นฤดูฝนและกะเวลาไว้พอดีเป๊ะเพื่อนของหิรัญมาหลายคน ทั้งเพื่อนมหาวิทยาลัยและเพื่อนร่วมงานสมัยก่อน บางคนมองไม่เชื่อว่าชายผู้เคยเอาแน่เอานอนไม่ได้ในเรื่องชีวิตครอบครัว จะยืนอยู่ตรงนี้พร้อมภรรยาและลูก‍สาววัยสิบขวบได้อย่างมั่นคง “กล้วยนี่เพื่อนสนิทผมสมัยเรียนมหาวิทยาลัย นี่บอม ธนัชส่วนนั่นไอ้ผามันชื่อจริงว่าภูผา สองคนนี้เป็นเพื่อนอยู่ห้องเดียวกัน หอเดียวกันมาตลอดตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่” “สวัสดีค่ะ ยินดีที่รู้จักคุณ

  • รักกล้วยกล้วย   ตอนที่ 33 (จบ)  รักกล้วยกล้วยที่ไม่ได้แปลว่ารักง่ายง่าย

    ช่วงต้นฤดูร้อนท้องฟ้าของปีต่อมา อาจจะเป็นปีแรกที่กัทลีเห็นว่าฟ้าเป็นสีฟ้าสดใสตามที่มันควรจะเป็น สายลมอบอุ่นจากทุ่งกว้างพัดเอากลิ่นหอมของดินและหญ้าโชยเข้ามาจนถึงระเบียงของบ้านแม้ว่าบ้านใหม่จะอยู่ห่างจากฟาร์มไกลกว่าบ้านน็อกดาวน์หลังเดิม แต่ความรู้สึกและกิจวัตรประจำวันของสมาชิกในบ้านยังคงไม่เปลี่ยนไป บัวชมพูนั่งระบายสีสมุดภาพเล่มใหม่บนโต๊ะกลางบ้านขณะที่หิรัญกำลังตัดแต่งต้นสตรอว์เบอรี่ที่ให้ผลแล้วในหน้าหนาวที่ผ่านมา ปีนี้เขาทดลองผลิตไหลเองโดยทำแปลงปลูกแบบยกพื้นที่บ้าน เพื่อเตรียมความพร้อมให้ต้นแม่สมบูรณ์พอจะผลิตไหลซึ่งส่วนมากต้นจะเริ่มมีไหลในช่วงก่อนเข้าฤดูฝน และนำไปปลูกเป็นต้นใหม่ในช่วงเดือนตุลาคมกัทลีมองสองพ่อลูกที่ต่างทำงานของตัวเอง จากนั้นเธอเข้าครัวไปเตรียมอาหารว่างไว้ให้ลูกและสามีโดยไม่รู้ตัวว่ารอยยิ้มของเธอมีมากกว่าทุกครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเสียงเรียกหาแม่ของเด็กหญิงดังขึ้นเบาๆ เธอชูภาพที่ระบายสีเสร็จแล้วขึ้นมาให้แม่ดู ระหว่างที่หญิงสาวยกของว่างออกมาให้ลูก"แม่ขา ดูสิหนูวาดครอบครัวของเรามีแม่มีพ่อแล้วก็น้องบัวอยู่ในฟาร์ม พร้อมกับพวกน้องเต่า น้องทานตะวันด้วยนะแม่"

  • รักกล้วยกล้วย   ตอนที่  32   จดหมายฉบับสุดท้ายถึงอดีต

    เช้านี้ หิรัญมีแพลนจะพาลูก‍สาวออกไปดูแปลงทานตะวันรอบใหม่ซึ่งจะปลูกที่หน้าฟาร์ม เขาอยากให้กัทลีไปด้วยแต่เธอปฏิเสธโดยการบอกว่าขอเวลาเคลียร์อะไรที่คั่งค้างที่บ้าน“กล้วยไม่ไปด้วยกันแน่นะ น้องบัวลองถามคุณแม่ดูอีกทีดีไหมคะลูก” หิรัญถามขณะที่สวมหมวกให้ลูก‍สาว ปีนี้น้องบัวโตขึ้นมากเกือบสองปีจากวันที่เขากลับมาที่นี่ จากเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบตัวเล็กๆ ที่ไม่ไว้ใจพ่อแบบเขา กลายเป็นเด็กหญิงวัยเก้าขวบที่สูงขึ้นมากและแน่นอนตอนนี้เธอสนิทกับพ่อมากเช่นกันจากเด็กหญิงขี้อายที่เคยเขินเวลาคุณพ่อเข้าใกล้ หรือเคยพูดเพียงเบาๆ ว่า “คุณลุง” ในตอนแรก ตอนนี้น้องบัวกลายเป็นคนที่คอยดึงแขนพ่อไปดูดอกไม้ คอยบอกว่า“คุณพ่อถ่ายรูปหนูตรงนี้นะคะ” และคอยเล่าเรื่องราวในโรงเรียนให้ฟังทุกเย็น เด็กหญิงมีความมั่นใจมากขึ้น กล้าคิดกล้าแสดงออก และรู้ว่าตัวเองมีครอบครัวที่มั่นคงหนุนหลังเสมอกัทลีมองเห็นได้เลยว่าความเปลี่ยนแปลงในใจลูกไม่ได้มาจากคำพูด แต่เกิดจากความสม่ำเสมอของหิรัญที่อยู่ตรงนี้ในทุกเช้าเย็น“แม่ขา ไม่ไปด้วยกันเหรอคะแม่” ลูก‍สาวก็ช่างเชื่อฟังคุณพ่อดีจริงๆ บอกให้ทำอะไรก็ทำ กัทลีมองอย่างเอ็นดูแต่เธอก็ยืนยันคำตอบ

  • รักกล้วยกล้วย   ตอนที่  31  ความฝันในสวนเม‍ล่อน

    หนึ่งปีผ่านไป ฤดูปลูกเม‍ล่อนเวียนกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงมากมายที่เกิดขึ้นภายในฟาร์มแห่งนี้ โรงเรือนที่เคยมีเพียงต้นเม‍ล่อนแปลงเล็กๆ ปลูกไว้ทดลอง กลายเป็นโรงเรือนขนาดกลางที่มีระบบน้ำหยดและแสงไฟอัตโนมัติ แปลงผักแนวยาวเพิ่มขึ้นอีกหลายแปลงหิรัญวางระบบบริหารจัดการภายในฟาร์มอย่างเป็นสัดส่วน และมีการวางแผนรายได้รายจ่ายรายเดือนอย่างจริงจังในสวนอีกมุมหนึ่ง แปลงดอกไม้หลากสีเริ่มผลิบานไล่จากดอกดาวเรือง ทานตะวัน ไปจนถึงโบตั๋นที่เริ่มอวดกลีบอ่อนชั้นแรก ทั้งหมดนี้เกิดจากความฝันเล็กๆ ของเด็กหญิงบัวชมพูที่เคยขอให้พ่อปลูกทุ่งดอกไม้เอาไว้ให้เธอวิ่งเล่นและถ่ายรูป หิรัญไม่เคยลืมคำขอของลูก‍สาว และในที่สุดมันก็กลายเป็นจริง“หินพรุ่งนี้จะมีสองคณะที่ขอเข้าชมนะ คุณเตรียมไกด์ไว้แล้วหรือยัง” กัทลีถามถึงงานในวันรุ่งขึ้น “เรียบร้อย ชุดแรกอบต.บ้านนา ผมให้ไอ้สิงห์ดูแล ส่วนชุดที่สองโรงเรียนดงอรัญผมจะดูแลเอง” หิรัญเดินมานั่งโต๊ะเดียวกับที่กัทลีเช็กงานอยู่ ฟาร์มแห่งนี้เริ่มมีผู้คนมาเยี่ยมชมมากขึ้นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และเมื่อธุรกิจใหญ่ขึ้นชายหนุ่มก็ดันให้คนที่เริ่มก่อร่างสร้างตัวมาด้วยกั

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status