LOGIN"กระผม ร้อยเอกขุนเขา อนันต์ชัย รายงานตัวครับท่าน"
ผู้กองขุนเขา ทำความเคารพผู้บังคับบัญชา "ยินดีต้อนรับ ผู้กอง เรายินดีมากเลยที่ได้ฝีมือระดับพระกาฬ อย่างคุณมาร่วมทีม ผู้ร้ายคงต้องคิดหนักหน่อยล่ะเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับคุณ" วันนี้ผู้กองขุนเขาได้เข้ามารายงานตัวที่หน่วยการได้กลับมาประจำการที่บ้านเกิดครานี้เรื่องงานเขาไม่ได้หนักใจแม้แต่น้อย ที่เขาหนักใจคือเรื่องพ่อของเขากับแม่จันทร์หอมมากกว่า อีกอย่างคือมันเหมือนมีอะไรบางอย่างในใจของเขา เกี่ยวกับแม่คนนั้น มันมีแต่จะคอยคิดถึงใบหน้าที่น้ำตาคลอของเธอ ในวันที่เขาไปส่งเธอในวันนั้นอยู่ร่ำไป เขาก็ได้แต่คิดปลอบใจตัวเองว่า เป็นเพราะเขาเกลียดเธอจึงทำให้เขามักจะนึกถึงเธออยู่บ่อย ๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร และเขาได้ตั้งปนิธานเอาไว้ว่า เรื่องพ่อของเขากับจันทร์หอมเขาจะขัดขวางให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะใช้วิธีใด ๆ ก็ตาม "พี่จันทร์เร็ว ๆ ขึ้นรถ" วริษาตะโกนพลางกวักมือเรียกเธอ จันทร์หอมจึงเร่งฝีเท้าเดินไปทางวริษาที่ยืนอยู่ข้างปิคอัพสี่ประตูสีดำ ยี่ห้อยอดนิยมคันหนึ่ง "น่ารักจังวันนี้" เธอทักวริษา วันนี้วริษาใส่เสื้อแขนตุ๊กตาสีชมพูเอาชายเสื้อทับในกางเกงยีนส์ขาดทรงเดพ ทำให้ดูเป็นสาวน้อยน่ารัก สดใสขึ้นมาทันที "พี่จันทร์ก็สวย" จันทร์หอมใส่เสื้อเชิ้ต คอจีนสีขาว ปิดกระดุมคอถึงเม็ดสุดท้าย สวมยีนส์ทรงบอยขาดเข่ายัดชายเสื้อเข้าในกางเกง ดูทะมัดทะแมง เหมาะกับงานที่ต้องไปเผชิญวันนี้ "ปากหวาน แล้ว ต้อมกับแทนล่ะ " "อยู่บนรถแล้วค่ะพี่" วริษาตอบ เธอจึงก้าวขึ้นรถไป ในรถมีน้าชาติคนขับ แทน ต้อม วริษา รวมเธอด้วยก็ห้าคน วันนี้พวกเธอจะไปปลูกป่า ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริ โดยการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ เอกชน และกองทัพ ทุกคนที่ศูนย์จึงไปปลูกป่าบนภูเขาร่วมกับ คณะครู นักเรียน ชาวบ้าน มีท่านนายอำเภอมาให้เกียรติเป็นประธาน งานนี้น่าสนุก เธอจำได้ว่าตอนที่เธออยู่ชั้นประถม เธอก็เคยไปปลูกป่าแบบนี้แหละ ป่านนี้ต้นไม้ที่เธอปลูกมันจะยังมีชีวิตรอดไหมหนอ ถ้ามันยังเหลือรอดป่านนี้คงโตน่าดู เธอคิดถึงอดีตในวัยเด็ก "น้าชาติ คะ แล้วท่านนายก อบต. ล่ะคะ" เธอเอ่ยปากถามคนขับรถ เพราะรถคันนี้เป็นรถประจำศูนย์ อบต. "ท่านขับรถไปเอง" น้าชาติตอบเธอแล้วก็ตั้งใจขับรถต่อเพราะทางที่ต้องไปค่อนข้างชัน ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาก็ถึงสถานที่ที่จะทำการปลูกป่ากัน จันทร์หอมกับพรรคพวกจึงเดินไปที่เต๊นท์ที่เขาเตรียมไว้ ในนั้นมีเก้าอี้พลาสติกวางเรียงเป็นแถวไว้สำหรับนั่ง จันทร์หอมกับเพื่อน จึงเลือกนั่งแถวหลังสุด สโลแกนที่ว่า มาก่อนนั่งหลัง มาทีหลังนั่งหน้ายังใช้ได้ผลอยู่ วริษาควักโทรศัพท์ออกมาแล้วก็ทำการเซลฟี่ พร้อมกับชวนจันทร์หอมมาถ่ายรูป ส่วนแทนกับต้อม ก็มองหนุ่ม ๆ แล้วก็ส่งตาหวานไปให้เด็กนักเรียนม.ปลายกลุ่มหนึ่ง แปดโมงเช้า ทุกคนร่วมร้องเพลงชาติ ท่านนายอำเภอกล่าวเปิดงานโดยมีใจความว่า "กราบสวัสดีทุกท่าน ขณะนี้ป่าไม้ในประเทศของเรากำลังถูกทำลาย ในหลวงของเราทรงเล็งเห็นความสำคัญของต้นไม้ พระองค์ท่านจึงมีโครงการปลูกป่า เพื่อทดแทน ต้นไม้ที่ถูกทำลายไป กระผม จึงอยากขอความร่วมมือพวกเราทุกคนให้ช่วยกัน เป็นหูเป็นตา สอดส่องดูแลอย่าให้ใครมาทำลายป่าไม้ของเรา ขอให้ช่วยกันอนุรักษ์ไว้เพื่อลูกหลานของเราสืบไป ขอบคุณครับ" หลังท่านนายอำเภอกล่าวจบ ทหารหลายนายก็นำพันธ์ุไม้มาแจกจ่าย พร้อมอุปกรณ์ในการปลูก เช่น จอบ เสียม และบัวรดน้ำ หนึ่งในนายทหารเหล่านั้นก็มีคนที่จันทร์หอมไม่อยากเจอที่สุดรวมอยู่ด้วย ร่างสูงใหญ่นั้นยืนอยู่ท่ามกลางลูกน้อง เขาสั่งการอะไรบางอย่างเสร็จแล้วจึงเดินตรงมาทางท่านนายก อบต.จังหวะเดียวกับที่ท่านนายก อบต.ก็กวักมือเรียกจันทร์หอม เธอจึงเดินไปถึงตัวท่าน นายก อบต.พร้อมกับเขาพอดี "จันทร์หอมมาเอาต้นไม้นี่ไปปลูกไป" ท่านบอกจันทร์หอม พร้อมยื่นต้นไม้มาให้เธอ สามต้น เธอรับมาถือไว้ แล้วท่านก็เดินมาลูบหัวเธอ พลางหันไปทำหน้ายิ้ม ๆใส่ลูกชาย ส่งผลให้ผู้กองขี้เก๊ก หน้าดูเข้มขึ้นไปอีกหลายส่วน "ไอ้เสือ ไปช่วยหนูจันทร์ปลูกต้นไม้ด้วยนะ เดี๋ยวพ่อจะไปคุยกับท่านนายอำเภอสักหน่อย" ท่านพูดแล้วก็เดินจากไปทิ้งให้เธอกับเขาอยู่กันตามลำพัง โดยที่ท่านคงไม่รู้ว่ากำลังจะมีสงครามการปะทะคารมกันเกิดขึ้น "ระริกระรี้เชียวนะ แสดงว่าเธอยังไม่เข็ด" เขาเค้นเสียงถามเธอ "ตรงใหนที่บ่งบอกว่าฉันริกรี้" ไม่รอฟังคำตอบ เธอเดินเลี่ยงเข้าไปในบริเวณที่จะทำการปลูกต้นไม้ จันทร์หอมวางต้นไม้ลงในหลุมที่มีคนขุดไว้ แล้วก็ใช้มือโกยดินกลบโคนต้นไม้ ขุนเขาเดินตามเธอมา สองคนจึงช่วยกันปลูกต้นที่เหลือ หยุดการปะทะคารม กันชั่วคราว ขุนเขาจ้องมองเธออย่างพิจารณา เขาก็พบว่าความจริงแล้วผู้หญิงตรงหน้าเขาที่กำลังขะมักเขม้นกับการปลูกต้นไม้คนนี้ ก็แลดูน่ารัก และไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรเลย ในทางตรงข้าม เธอกลับดูสดใส ดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงมาก ทั้ง ๆที่เธอก็อายุ ยี่สิบแปดปีแล้ว แต่ก็อย่างว่าแหละ มารยาผู้หญิง เห็นนิ่ง ๆอย่างนี้อาจจะร้ายกว่าที่เขาคิดก็ได้ไม่งั้นพ่อเขาจะหลงเธอหัวปักหัวปำจนคิดจะแต่งงานใหม่หรอกหรือ "ผู้กองครับ" พลฯ ทหารรายหนึ่งเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับยื่นกล้าไม้มาให้เขาอีกสามต้น "ท่านนายก อบต. ฝากมาให้ผู้กองครับ " เขาจึงยื่นมือไปรับกล้าไม้มาถือไว้ พลฯ ทหารนายนั้นจึงเดินออกไป "คุณ ยังไม่หมดเหรอ " จันทร์หอมตะโกนถามเขา เพราะเห็นต้นไม้ที่เขาถืออยู่ "มีคนเอามาให้เพิ่ม" เขาตอบเธอ เธอจึงเดินเข้ามาหาเขา "รีบเอาไปปลูกสิคุณ มาฉันช่วย" เธอพูดพร้อมกับยื่นมือไปดึงกล้าไม้จากมือเขามาถือไว้ และออกเดินนำหน้าเขาไปยังบริเวณที่จะปลูกต้นไม้ พอไปถึงหลุมที่มีคนขุดเตรียมไว้เธอก็คุกเข่าลง นำต้นไม้วางลงก้นหลุมและใช้มือโกยดินเพื่อกลบโคนต้นไม้ ..ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่ามีตัวอะไรบางอย่างใต่ที่มือเธอ เท่านั้นแหละ "กกกรี๊ดดด!!" จันทร์หอมกรี๊ดออกมาเสียงดังพร้อมกับหลับหูหลับตาวิ่งเข้าไปกระโดดกอดคนตัวใหญ่ไว้ทันที "จันทร์หอม เธอเป็นอะไร" ขุนเขาเอ่ยปากถามเธอ "กะ กะกิ้งกือ " เธอยังไม่ยอมลืมตาพลางชี้มือไปทางหลุมต้นไม้ต้นนั้น ขุนเขาเขย่าตัวเธอเบา ๆ พร้อมกับกระซิบบอกเธอว่า "มันไปแล้ว" จันทร์หอมถึงได้ยอมลืมตาขึ้น แต่ยังไม่ยอมปล่อยจากการเกาะกุมเขา หน้าเธอยังซุกอยู่ที่อกแกร่งของเขาอยู่ "นี่แม่ คู๊ณ..กะอิแค่กิ้งกือตัวเล็ก ๆก็กลัว นี่คงจะเป็นหนึ่งในมารยาของเธอล่ะสิ" ได้ผลจันทร์หอมผละจากอ้อมอกเขาทันทีพลางมองเขาด้วยตาเขียวปั้ด และก็เดินหนีไปทันที "ไม่ป่งไม่ปลูกมันแล้วต้นไม้ คุณปลูกเองเถอะ" จันทร์หอมบอกเขาและเธอก็เดินตรงไปทางเต๊นท์ และก็นั่งอยู่ในนั้นจนกระทั่งการปลูกต้นไม้เสร็จสิ้น "มีใครเห็นบ้างรึเปล่านะ เดี๋ยวคนอื่นก็รู้กันหมดว่าเรากลัวกิ้งกือ เดี๋ยวได้โดนแกล้งกันพอดี" จันทร์หอมมีประสบการณ์เคยโดนแกล้งตอนมัธยมต้น พอเพื่อน ๆในห้องรู้ว่าเธอกลัวกิ้งกือพวกผู้ชายที่แก่น ๆมักจะจับมาใส่เธอบ่อย ๆ ทำให้เธอหลอนมากมาจนทุกวันนี้สามเดือนต่อมา จันทร์หอมท้องได้เดือนกว่าแล้ว เธอแพ้ท้องหนักมากจนไปทำงานไม่ไหว ผู้กองขุนเขาจึงให้เธอออกจากงานมาอยู่บ้าน ตอนแรกจันทร์หอมไม่ยอม แต่ท่านนายก อบต.ก็เห็นด้วยเธอจึงต้องยอม "ไม่ต้องกลัวพี่จะเลี้ยงไม่ไหวหรอกนะน้อง"ผู้กองขุนเขาพูดกับเธออย่างอารมณ์ดีพร้อมกับขยี้หัวเธอไปด้วย เมื่อเห็นเธอทำหน้ากังวล เพราะไม่ได้ไปทำงาน"ถึงเงินเดือนพี่จะน้อย แต่สมบัติพ่อพี่ก็พอมีอยู่"ผู้กองหนุ่มไม่ได้พูดเกินจริง เพราะท่านนายก อบต.มีที่นาให้คนเช่าหลายร้อยไร่ แล้วก็มีกิจการบ้านเช่าที่อยู่ในตัวเมืองด้วย "ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อยค่ะ จันทร์ไม่ได้กลัวว่าคุณจะเลี้ยงไม่ไหว แต่จันทร์ไม่อยากอยู่เฉย ๆ หากเกิดวันใดคุณเบื่อจันทร์กับลูกขึ้นมาแล้วไล่เราไป อย่างน้อยถ้ามีงานทำเราสองคนแม่ลูกก็จะได้ไม่อดตายไงคะ""โธ่..จันทร์หอม ไปเอาความคิดมาจากไหน ไม่มีทางที่ฉันจะเบื่อเธอกับลูก อย่าคิดแบบนี้อีกนะ"เมื่อเขาพูดจบเธอก็โผเข้าไปซุกในอ้อมกอดเขา ซุกซบใบหน้ากับอกแกร่ง "คุณพูดจริงนะ""ยิ่งกว่าจริง ด้วยเกียรติของชายชาติทหาร"ท่านนายก อบต.มองภาพนั้นอย่างมีความสุข หันไปทาง ป้านภา ที่กำลังจะตามสองหนุ่มสาวไปทานข
และแล้วก็มาถึงวันแต่งงานระหว่างผู้กองขุนเขาและจันทร์หอม งานแต่งถูกจัดขึ้นที่บ้านของฝ่ายหญิง ขบวนขันหมากจะยกมาในเวลาเก้านาฬิกาตรง ซึ่งขบวนจะตั้งอยู่ที่บ้านญาติผู้ใหญ่ของจันทร์หอมที่ถัดไปจากบ้านเธอประมาณสามร้อยเมตร เมื่อได้ฤกษ์แล้วขบวนขันหมากก็เคลื่อนขบวนมา นำโดยท่านนายก อบต.ที่ถือพานสินสอด ตามด้วยผู้กองขุนเขาเจ้าบ่าว และแน่นอนเพื่อนเจ้าบ่าวก็คือผู้กองแทนไท นอกจากนั้นก็มีบรรดาญาติผู้ใหญ่ที่ถือของที่เป็นมงคลต่าง ๆ อาทิเช่น ต้นกล้วย ต้นอ้อย พานดอกไม้ เทียนแพ เป็นต้นเมื่อมาถึงหน้าบ้านเจ้าสาวแล้วก็ต้องมีการกั้นประตูเงินประตูทอง โดยด่านแรกก็คือ ต้อม กับ แทน ถือเข็มขัดเงินกั้นไว้ ท่านนายก อบต.จึงควักแบงค์สีเทาให้คนละใบ ต้อมกับแทนก็ยอมให้ผ่านแต่โดยดี ด่านที่สองเป็นญาติผู้น้องของจันทร์หอมสองคนถือเข็มขัดทองกั้นไว้ ท่านนายก อบต.ก็ควักแบงค์สีเทาออกมาสองใบส่งให้คนละใบ ประตูก็รีบให้ผ่านโดยไว ก่อนจะข้ามธรณีประตูบ้านเข้าไปตุ๊ต๊ะก็มาล้างเท้าให้พี่เขย เป็นอันเสร็จกระบวนการแห่ขันหมาก จันทร์หอมเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าสาวคือวริษาก็นั่งรออยู่ที่พาขวัญแล้ว โดยมีหมอทำขวัญคนเดิมที่เคยทำพิธีสู่ขวัญให้ผู้กองขุนเขา
"คุณพูดจริง เหรอคะ ผู้กอง"จันทร์หอมพึมพำเหมือนคนละเมอ ผู้กองขุนเขาพยักหน้าพร้อมกับโน้มตัวลงมาจูบที่หน้าผากของเธอ แล้วก็แนบหน้าผากของเขาไว้กับหน้าผากของเธอด้วย"แต่วันนั้นจันทร์เห็นคุณกับคุณชะบาไปด้วยกัน แล้วก่อนหน้านี้คุณชะบาก็มาหาจันทร์ มาขอคุณคืน""แล้วเธอว่าไงล่ะ จันทร์หอม""ก็..บอกให้เธอไปคุยกับคุณเอง""อืม..เธอก็เลยเข้าใจผิดคิดว่า.. ฉันกับชะบาจะกลับมาคืนดีกันงั้นสิ"พูดจบผู้กองขุนเขาก็จูงมือเธอไปนั่งที่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน "สงสัยต้องคุยกันอีกยาว"ผู้กองขุนเขาพึมพำ เมื่อทั้งสองนั่งลงที่ม้าหินอ่อนแล้ว ผู้กองขุนเขาก็จับมือจันทร์หอมมากุมไว้ "เรื่องวันนั้น ที่ชะบาไปกับฉันก็เนื่องมาจากฉันรู้จากไอ้แทนไทว่า(แทนไทรู้มาจากวริษาอีกที) ชะบามาหาเธอ ฉันก็คิดว่า คงต้องจัดการอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้ชะบามาก่อกวน หรือพูดอะไรให้เธอเข้าใจผิด หรือไม่สบายใจ จนไปกินเหล้าเมาเหมือนวันนั้นอีก แต่เราไม่ได้ไปตามลำพังนะ ไอ้แทนไทมันก็ไปด้วย ไม่เชื่อถามมันดูก็ได้"ผู้กองหนุ่มอธิบายเสียยืดยาวแล้วก็หาพยานบุคคลมายืนยันด้วย"หรือที่เธอปวดหัวไมเกรนเป็นเพราะคิดมากเรื่องนี้เหรอจันทร์หอม ฉันขอโทษนะ ความจริงฉันน่าจะรีบ
เมื่อมาถึงห้องนอนของจันทร์หอมผู้กองขุนเขาก็โยนเธอลงบนเตียง แล้วก็โน้มตัวเองลงมานอนทาบทับเธอไว้ นอกจากตัวเขาจะทับเธอแล้ว มือข้างหนึ่งของเขายังรวบแขนทั้งสองของเธอไว้เหนือหัวด้วย ส่วนอีกข้างเขายันกับที่นอนไว้เพื่อผ่อนแรงไม่ทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงมาที่ตัวของเธอ จันทร์หอมพยายามขยับตัวแต่ก็ขยับไม่ได้ ถึงเขาจะไม่ทิ้งแรงทั้งหมดทับมาที่เธอก็ตาม แต่ถ้าเทียบขนาดตัวกันแล้ว จันทร์หอมก็คือลูกแกะน้อยในอุ้งมือราชสีห์นั่นเอง เมื่อเห็นว่าสู้แรงเขาไม่ได้จันทร์หอมก็คิดที่จะเจรจา"ดะ เดี๋ยวค่ะ ผู้กอง คุณจะทำอะไรน่ะ""จะทำอะไร ถามได้ จะทำอะไรน่ะเหรอก็จัดการเธอน่ะสิ จะตอกย้ำให้เธอรู้ว่าเธอเป็นของฉัน""ฮึ้ย..ไม่นะ คุณจะทำอย่างนี้ไม่ได้นะผู้กอง""ทำไมจะทำไม่ได้"พูดพร้อมกับซุกไซ้ใบหน้าลงตรงซอกคอของเธอ "ฮื้อ..มันก็ไม่ดี ไม่งามน่ะสิ คุณจะยกเลิกการแต่งงานอยู่แล้ว เพราะฉนั้นคุณจะทำแบบนี้ไม่ได้"จันทร์หอมพูดพร้อมกับพยายามดิ้นรนเผื่อจะหลุดจากปราการของผู้กองตัวใหญ่ออกมาได้"อ้อ..แสดงว่าถ้า ฉันไม่ยกเลิกงานแต่งก็ทำแบบนี้ได้ใช่ไหมล่ะ"พูดจบก็หอมแก้มเธอข้างซ้ายแล้วก็ข้างขวา "อีกอย่างฉันก็ไม่เคยพูดว่าจะยกเลิกงานแต่ง มี
"สวัสดีครับ"ผู้กองขุนเขากล่าวทักทายป้าจำปา เขามาหาจันทร์หอมที่บ้านในช่วงค่ำ ๆ"อ้าวคุณผู้กอง ไหว้พระเถอจ้ะ ทานข้าวทานปลามาหรือยัง""เรียบร้อยแล้วครับ จันทร์หอมล่ะครับป้า""หลับไปแล้วล่ะ เห็นบ่นว่าปวดหัว ป้าให้ทานยาแล้วก็นอนเลย ข้าวก็ยังไม่ได้กิน แล้วนี่คุณผู้กองกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ ดูคล้ำ ๆ ไปนะ พ่อคุณ""ผมกลับมาถึงเมื่อเช้านี่เอง พอจัดการอะไร ๆ เสร็จก็รีบมาหาจันทร์หอมเลย ถ้ายังงั้นผมกลับก่อนนะครับ เดี๋ยวผมมาใหม่ สวัสดีครับ"ขุนเขาพูดพร้อมกับยกมือไหว้ป้าจำปาแล้วก็ขอตัวกลับเลย 'พอทำให้ถูกต้อง เข้าตามตรอกออกตามประตูนี่มันยากแฮะ 'พึมพำกับตัวเองแล้วก็นึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น คืนที่เขาปีนเข้าห้องของจันทร์หอม นึกแล้วก็ให้รู้สึกร้อนรุ่มแปลก ๆ ผู้กองหน้านิ่งจึงรีบเพิ่มความเร็วของรถเพื่อให้ถึงบ้านตัวเองเร็ว ๆ"อยากเจอเธอจัง นี่ถ้าไม่ติดว่าจะต้องรอฤกษ์ รอยามในวันแต่งงานนะ พรุ่งนี้จะพาเธอมาอยู่ด้วยกันให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย" .............จันทร์หอมตื่นเช้าขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ใช่แล้วไมเกรนเล่นงานเธอนั่นเอง อาการปวดหัวไมเกรนนี้เธอไม่พบเจอกับมันนานแล้วตั
หลังจากสวดมนต์ไหว้พระเสร็จแล้ว จันทร์หอมก็ล้มตัวลงนอน มือก่ายหน้าผากนึกถึงคำพูดของชะบา"คืนเขาให้ฉันเถอะนะจันทร์หอม"แล้วก็นึกถึงคำพูดของวริษา"หนอย ! ถ้าเป็นแฟนเก่าอีตาลุงแทนไทโผล่มาแบบนี้นะ หนูจะจัดการให้น่วมเลย"เธอจะทำยังไงดีน้า...ถ้าหากเธอแน่ใจว่าความรู้สึกของขุนเขาที่มีต่อเธอมันคือความรัก ไม่ใช่การแสดงความรับผิดชอบ รับรองเธอจะไม่ยอมให้ใครหน้าใหนมาทำแบบชะบาแน่ แต่นี่ทั้งสองรักกัน คนที่ควรจะหลีกทางมันก็คือเธอ "แทนว่านะพี่ แทนที่เราจะมานั่งวิเคราะห์ หรือคิดไปเอง ทำไมเราไม่ถามคุณผู้กองขุนเขาให้มันรู้ดำรู้แดงไปเลยล่ะพี่"หรือจะทำอย่างที่แทนบอก เธอนึกถึงคำแนะนำของแทน จันทร์หอมคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วก็เปิดไลน์ผู้กองขุนเขา จ้องอยู่นาน จนหน้าจอดับไป จนแล้วจนรอด เธอก็ไม่ได้ส่งข้อความใด ๆ "เฮ้อ"จันทร์หอมถอนหายใจออกมา พร้อมกับนึกถึงกลอนของ ท่านกวีสี่แผ่นดิน "ไม่เมาเหล้า แล้วเรายัง เมายังรักสุดจะหัก ห้ามจิต คิดไฉนถึงเมาเหล้า เช้าสาย ก็หายไปแต่เมาใจ นี้ประจำ ทุกค่ำคืน" สุนทรภู่ตอนนี้เธอก็คงจะเหมือนคนเมา เมาใจ ..........."หนูจันท







