มัฆวัฒน์อึ้งไปชั่วขณะ กับคำพูดยอกย้อนของหญิงสาวตรงหน้าที่กล้าพูดกับเขาได้อย่างฉะฉาน กล้าต่อปากต่อคำ ต่างจากตอนแรกที่ดูหงอ ๆ นั่นลิบลับ เจ้าของร่างสูงโยกตัว กลับมานั่งในท่าตรงอีกครั้ง มือเรียวใหญ่ยังคงหมุนปากกาสีทองไปพร้อมกับเอ่ยกับอีกฝ่ายเสียงอ่อนลงต่างจากตอนแรกเล็กน้อย
“ผมก็แค่ข้องใจนิดหน่อย ถึงอย่างไรผมก็ไม่สามารถให้คุณออกได้ จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม คุณจะยอมรับ ..หรือไม่ยอมรับ ผมก็ไม่สามารถบังคับคุณหรอกนะครับ เอาเป็นว่าเรื่องนี้จบไปก็แล้วกัน”
จอมขวัญนิ่งฟังพร้อมกับเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นอีกรอบ พยายามสะกดกลั้นรู้สึกขุ่นเคืองและเจ็บใจกับคำพูดแดกดันของท่านประธานใหญ่ไม่หาย ข่มใจให้สงบเข้าไว้ เจ้านายเหลือบมองเอกสารของหล่อน และหยิบมันขึ้นมาเปิด ๆ ดู ซึ่งมองแล้วเหมือนไม่ได้ตั้งใจดูสักเท่าไหร่หรอก“จากแฟ้มของคุณ ประวัติทางการศึกษาน่าจะไปเป็นอาจารย์สอนภาษาไทยให้กับเด็กมากกว่า ที่จะมาทำงานเกี่ยวกับโรงแรมอย่างนี้ มันดูขัดกันนะ ผมก็เลยสงสัยว่าคุณอาจจะรู้จักใครในนี้ แต่ถ้าคุณบอกว่า ไม่.. ก็คือ ไม่.. ก็โอเค ผมจะได้เริ่มคำถามต่อไป” ฟังจากสุ้มเสียงของเขาถึงแม้ว่าจะเข้าใจและยอมรับตามนั้น แต่ก็ยังคงมีความกังขาอยู่ในที เห็นได้ว่าอนาคตข้างหน้าแลดูร่อแร่อย่างไรพิกลอยู่จอมขวัญเอ๋ย
พนักงานฝึกหัดทั่วไปลอบสูดหายใจเข้าปอดช้า ๆ ภาพพจน์ของหล่อนคงดูแย่เสียเหลือเกิน ในสายตาของเขา ถึงพูดออกมาแบบนี้ มันผิดตรงไหนล่ะที่หล่อนจบมาทางด้านนี้ อย่างน้อย ๆ หล่อนก็ได้เกียรตินิยมอันดับสอง แม้จะไม่ติดอันดับหนึ่งเหมือนพี่ชายหล่อนก็ตามทีเถอะ หญิงสาวคิดว่าสมควรที่จะพูดอะไรออกไปเสียบ้าง อย่างมากก็แค่กลับไปนอนอยู่กับบ้าน และไปทำวิจัยฝุ่น ซึ่งเป็นงานยอดฮิต ของพวกที่จบใหม่เขาทำกัน อยู่อีกสักพักหนึ่งก็เท่านั้น จอมขวัญคิดอย่างคนปลงตกได้แล้ว
คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้หรอก อย่างน้อยก็มีพ่อกับแม่รออยู่ที่บ้านล่ะน่า ยังไงซะลองปะทะคารมกับเจ้านายดูสักครั้งจะเป็นไร จะได้เก็บเป็นความทรงจำที่มีค่าในชีวิต ที่มียัยบ้ากล้าตีฝีปากกับเจ้านาย อย่างคุณมัฆวัฒน์ ก้องกังวาลไกล น้อยคนนักที่จะได้มีโอกาสดี ๆ อย่างหล่อน ไหน ๆ ภาพพจน์ของเธอก็ดูทุเรศทุรังในสายตาของเขาอยู่แล้ว หากจะเพิ่มขึ้นอีกสักนิดสักหน่อย คงไม่เท่าไหร่หรอกมั้ง จอมขวัญแอบซ่อนแววตาซุกซน ก้มยิ้มในหน้าแวบหนึ่ง หากก็รีบสะลัดความคิดนั้นทิ้งทันที พับเก็บความคิดเมื่อสักครู่ไว้ฉับพลัน เมื่อได้ยินเสียงเข้มเอ่ยถามเสียก่อน
“ตั้งแต่มาทำงานที่นี่… อาทิตย์หนึ่งแล้วสินะ คุณทำอะไรเป็นบ้างล่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยถามหยั่งเชิงพนักงานสาวตรงหน้าต่อ
“เอาตั้งแต่วันแรกเลยเหรอคะ?” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาเต็มตาอีกครั้ง มุมปากยังมีรอยยิ้มติดอยู่ในหน้า แน่ล่ะจะมีก็แต่หล่อนเท่านั้นที่รู้ว่ายิ้มอะไร หลังจากนั้นหล่อนก็สาธยายถึงผลงานที่หล่อนได้ทำตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา อย่างละเอียดยิบกับหน้าที่พนักงานฝึกหัดทั่วไปให้เจ้านายขี้เก๊กฟัง
“อืมม์..คุณแน่ใจนะว่า..พร้อมในตำแหน่งผู้ช่วยของผม”
“ก็อย่างที่ดิฉันเรียนท่านไปแล้วนั่นล่ะค่ะ ดิฉันทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ถึงแม้จะผิดพลาดบ้าง ดิฉันก็จะจำไว้เป็นบทเรียน และจะพยายามไม่ให้เกิดขึ้นอีก” คนตอบเอ่ยสวนออกไปทันที ทั้งที่ยังไม่ได้คิดไตร่ตรองคำถามจากเจ้านายให้ดีเสียก่อน แต่ก็ทะแม่ง ๆ กับถ้อยคำในตอนท้ายของเขาที่ว่า 'ผู้ช่วยของผม' อยู่
“เอ็ม ไอ พี คอร์เปอร์เรชั่น ไม่ใช่สถานที่ ที่จะเปิดโอกาสให้เด็กจบใหม่มาฝึกงาน และต้องมาคอยนั่งอบรมสั่งสอน และพร้อมที่จะให้อภัยในสิ่งที่ผิดพลาดซ้ำ ๆ นักหรอก ผมจึงต้องการมืออาชีพพอสมควร มีความชัดเจน และมีความชำนาญมากพอ ผมอยากให้คุณพิจารณาตัวเอง”
จอมขวัญใจหายวูบ จากประโยคยาวเหยียดของเขา นี่แปลว่าหล่อนต้องออกจากงานจริง ๆ หรือนี่ ก็เขาประเมินว่าไม่พร้อมที่จะรับเด็กใหม่และต้องการคนมีประสบการณ์ด้วย เขาช่างเป็นคนที่คิดในมุมแคบ อย่างร้ายกาจ หล่อนรู้สึกผิดหวังในตัวบุรุษรูปงามผู้นี้อย่างรุนแรงเสียจริง
“จากตอนแรกที่ดิฉันพูดออกไปว่า หากท่านยังคลางแคลงใจ ในการที่ดิฉันได้เข้ามาทำงานที่นี่ได้ยังไง อาจจะใช้เส้นใช้สายมาหรือเปล่า ดิฉันยินดีลาออกหากท่านไม่พอใจ แต่ที่ท่านพูดออกมาเมื่อสักครู่ ดิฉันรู้สึกผิดหวังมากที่ได้รู้ว่าผู้บริหารระดับสูง ๆ ที่เขายังมีความคิดว่าเด็กที่จบมาใหม่ ๆ ไม่มีประสบการณ์ อย่างดิฉันจะทำงานให้ท่านไม่ได้ตามที่ต้องการ ดิฉันไม่เถียงหรอกค่ะ ที่ดิฉันไม่มีประสบการณ์ในการทำงานมาก่อน แต่..ในการเริ่มต้นทำงานของใครหลาย ๆ ก็ย่อมต้องมีก้าวแรกกันทั้งนั้น ถ้านายจ้างมีความคิดที่คับแคบอย่างท่านกันทุกคน โลกก็คงไม่พัฒนาจนถึงทุกวันนี้เป็นแน่ และถ้าปราศจากนายจ้างที่ใจกว้าง เปิดโอกาสให้เด็กใหม่ได้เรียนรู้การทำงานครั้งแรกในชีวิต แล้วจะเอาคนที่มีประสบการณ์มาจากไหนล่ะคะ” เป็นไงเป็นกันล่ะอยากจะลุกขึ้นมาบีบคอก็เชิญ แต่ขอให้พูดจบก่อนเถอะนะ
“แล้วตัวท่านเองล่ะคะ ดิฉันอยากทราบว่าท่านได้เริ่มต้นทำงานครั้งแรก จากที่ไม่เคยเรียนรู้งานมาก่อน อย่างนั้นแล้วท่านจะเอาประสบการณ์มาจากไหน ถ้าไม่มีคนให้โอกาสท่าน” จอมขวัญคิดว่าเขาคงลุกขึ้นมาบีบคอเธอให้แหลกคามืออย่างแน่นอนเมื่อกล่าวจบประโยค..หากกลับกลายเป็นว่า เขานั่งฟังหล่อนนิ่ง เงียบสงบจนน่าแปลกใจ เมื่อหล่อนพูดจบได้สักพักเขาก็หัวเราะหึ ออกมาเบา ๆ เท่านั้น และแทนที่จะทำอย่างที่กลัวอยู่ในใจ
“ผมพอมองเห็นคุณสมบัติโดดเด่นอยู่อย่างหนึ่งจากคุณนะ” หญิงสาวทำท่าฉงน ขมวดคิ้วถามเขาโดยไม่พูด
“ปากเก่งน่าดู” ชายหนุ่มนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อีกครั้ง มือก็หมุนปากการาคาแพงไปมาอย่างใช้ความคิดประเมินค่าในเวลาเดียวกัน
เสียงเปิดและปิดประตูอย่างแผ่วเบา สักพักเตียงอีกฝั่งก็ยวบลงช้า ๆ ตามด้วยมือใหญ่เรียวยาวค่อยๆ สอดมาใต้หมอนเอื้อมมาคว้าไหล่บอบบางของเมียสาวที่ตอนนี้นอนหันหลังให้ พลางออกแรงแกมบังคับให้พลิกมาทางเขาอย่างเบามือ“จะรีบนอนไปไหนล่ะครับ ฮึ” เสียงพึมพำ ทำให้หล่อนลืมตาขึ้นมามอง พร้อมกับส่งสายตาขุ่นขวางกลับไปให้“ง่วงแล้ว..คนจะนอนมาปลุกทำไมเนี่ย ทำไมไม่ไปนอนกับคนอื่นโน่น” ชายหนุ่มหัวเราะหึ ๆ อย่างเป็นสุข กลับจ้องมองตอบดวงตาเขียวปั๊ดที่ส่งมาอย่างไม่เกรงกลัว“งอนหรือนี่ คุณหึงผมใช่ไหม ดีใจจัง นึกว่ามีแต่ผมเท่านั้นที่คอยแต่จะหึงหวงคุณอยู่ฝ่ายเดียว” ไม่พูดเปล่า ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงคลอเคลียอยู่แถวข้างแก้ม และเลยไปตามซอกคอขาวละมุน ลมหายใจอุ่นร้อนจากปลายจมูกโด่งทำเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ร่างสูงค่อย ๆ ดันตัวเองให้แนบชิดกับร่างเล็กน่ากอดให้เอนนอนราบลงไปกับเตียงนอนหนานุ่มช้าเนิบอย่างใจเย็น“คุณ..เอ่อ..คุณมาร์คคะ คือว่า..จอม”“อะไรอีกครับที่รัก จะหาข้ออ้างอะไรอีก เมื่อสองสามวันก่อนคุณก็บอกว่าเป็นรอบเดือน แล้วคราวนี้คุณจะบอกว่าเป็นอะไรอีกครับ..ฮึ” จอมขวัญแทบจมลงไปกับเตียงนอนหนานุ่ม เมื่อร่างที่ใหญ่กว่าทิ้งตัว
แม้ในใจจะรู้สึกโล่ง แต่อีกใจหนึ่งกลับอดเป็นห่วงเขาไม่ได้ เท้าบางจึงเดินออกมาหาที่ห้องนั่งเล่นด้านนอก เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย ร่างสูงนอนเหยียดยาวทอดกายไปกับโซฟา เปิดทีวีค้างไว้ คงหลับไปแล้ว ฮึ..รอไม่ไหวล่ะสิ คงเพลียจากงานเมื่อกลางวันที่เขาต้องรับบทหนักกว่าหล่อนมากก็ไหนจะคอยต้อนรับญาติ ๆ ทางมารดาเขา ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และไหนจะเพื่อนฝูงสมัยเรียน เพื่อนร่วมธุรกิจอีก จอมขวัญนั่งลงกับพื้นข้างโซฟาที่มีคนตัวสูงนอนอย่างสบายใจ พลางยื่นปลายนิ้วไปเขี่ยตรงต้นแขน กะว่าจะปลุกให้เข้าไปนอนที่เตียงนอนเสียหน่อย เพราะดูจากที่เขานอนอยู่คงไม่สบายเท่าใดนัก“อืมม์..ไม่ต้องมาสะกิดเลย คืนนี้ยกให้ ผมไม่มีแรงจะทำอะไรแล้วง่วง..” พูดจบเจ้าบ่าวก็ลุกขึ้น เดินโซซัดโซเซกลับมาล้มตัวลงนอนที่เตียงกว้างด้านในอย่างงอน ๆ จอมขวัญย่นจมูก อย่างนึกหมั่นไส้ แลบลิ้นแถมไปให้ด้วย เฮอะ..ผู้ชายอะไรงอนก็เป็นด้วยตลกชะมัด แต่ก็น่ารักไปอีกแบบเมื่อคนอย่างเขาทำ ฮิ ๆ หญิงสาวก้าวขึ้นเตียงนอนใหญ่หนานุ่ม อย่างแผ่วเบา ด้วยเกรงว่าคนข้าง ๆ จะตื่น ก่อนจะตะแคงมองสามีที่น่ารักยิ่งนักเมื่อยามหลับ โน้มใบหน้าบางใส ไปจุ๊บราตรีสวัสดิ์ ให้
งานวิวาห์ระหว่าง นายมัฆวัฒน์ ก้องกังวาลไกล นักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงกับเลขาสาวนางสาวจอมขวัญ มงคลเกียรติ ถูกจัดขึ้นที่โรงแรมหรูใจกลางกรุงเมืองหลวง เป็นวันที่ทั้งสองรอคอยว่าจะให้มีวันนี้ นับตั้งแต่ผ่านช่วงปีใหม่มาแล้วร่วมสองเดือน ซึ่งฝ่ายเจ้าบ่าว บ่นอิดออดว่าทำไมฤกษ์ที่มารดาเจ้าสาวหาให้ ถึงได้ล่าช้านัก ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาต้องทรมานขนาดไหนที่ต้องทนรอให้ถึงวันนี้อย่างใจจดใจจ่อเพียงใด“วันนี้คุณสวยจัง” เจ้าบ่าวกระซิบข้างใบหูเล็กของเจ้าสาว อย่างเอาใจ เมื่อทั้งหล่อนและเขาออกมายืนต้อนรับแขกเหรื่อหน้าประตูทางเข้าห้องจัดเลี้ยง ที่ถูกจัดขึ้นอย่างวิจิตร ตระการตา เจ้าสาวของเขาอยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ ผมยาวสลวยถูกเกล้าขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าขาวใส ที่ตอนนี้ถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางบางเบา เท่านั้นก็ช่วยให้หล่อนสวยใสไร้ที่ติจนเขาต้องเอ่ยปากชมออกมา“ไม่ต้องมาพูดเอาใจหรอกน่า..ยังไง ๆ ก็รับผิดชอบในตัวคุณอยู่แล้วล่ะค่ะ” จอมขวัญตอบกลับไป พลางยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ แถมแลบลิ้นแบบเด็ก ๆ ส่งไปให้เจ้าบ่าวของหล่อน ที่วันนี้เขาก็ดูหล่อสมาร์ตกว่าใคร ๆ ในงานเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเวลาธรรมดา เขาก็ดูดีไม่มีที่ติอยู่แล้ว“แน่นอน
บ่อยครั้งเข้าต้นน้ำถึงกับร้องครางออกมาอย่างลืมตัวเมื่อหญิงสาวเริ่มตอบสนองเขาอย่างเต็มใจ ลำแขนเรียวเล็กเลื่อนขึ้นมาโอบรอบคอแข็งแรงของเขาไว้อย่างต้องการที่ยึดเหนี่ยวเมื่อชายหนุ่มถอนริมฝีปากออก ล้อมดาวถึงกับหายใจหอบเล็กน้อย ก้มหน้ามุดเข้าไปหาความอบอุ่นในอ้อมอกเขาอย่างเอียงอาย ไม่พูดไม่จา“ ดูเหมือนว่า เราจะเกิดมาคู่กันเสียแล้วสิ..คุณว่าไหม”“ บ้าน่ะสิ คนบ้า! พาฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้นะ”“ อ๋อ..อยากให้ถึงที่บ้านเร็ว ๆ จะได้ฟ้องทุกคนงั้นสิ คราวนี้ถ้าคุณไม่ฟ้องจริง ๆ ผมจะเป็นฝ่ายบอกกับทุกคนเองเลยเป็นไง ว่าเรารู้สึกยังไงต่อกัน” “ อี๋..ใครไปมีความรู้สึกอะไรกับคุณกันล่ะแล้วก็ห้ามบอกเรื่อง..เรื่องนี้กับใครเป็นอันขาด!”“ อะไรนะเรื่องจูบนี่น่ะหรือ ที่ห้ามบอกฮ่า ๆ”“ นี่คุณ!ฉันไม่ตลกด้วยหรอกนะ” หญิงสาวตวาดแว๊ดใส่ชายหนุ่มใบหน้าแดงก่ำด้วยความขัดเขินปนขุ่นเคืองเป็นกำลัง ต้นน้ำหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของหล่อนนัก ดวงหน้าขาวใสที่ออกเป็นสีแดงจาง ๆ แล้วตอนนี้ พร้อมด้วยการค้อน แสดงความเป็นธรรมชาติที่ไม่ได้เสแสร้งแต่อย่างใด มันช่างถูกใจนัก สงสัยว่าเขาจะต้องไปเกี่ยวดองกับตระกูลไฮโซอีกคนเสียแล้วสิ เฮ้อ!“
แสงแดดยามเช้าส่งลงมายังสวนผลไม้ ทำให้บรรยากาศตอนนี้ช่างรื่นรมย์เหลือเกิน ล้อมดาวชอบบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติอย่างนี้ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หญิงสาวออกมาช่วยคนงานเก็บผลส้มอย่างเพลิดเพลิน จนไม่รู้ว่าได้เดินลึกเข้าไปในไร่อย่างไม่รู้ตัว พลางเขย่งเท้าเพื่อที่จะปลิดผลส้มที่อยู่สูงเกินมือจะเอื้อมถึง จึงมองหาบันไดที่คนงานเขามักจะใช้กันเมื่อเก็บลูกที่อยู่สูงขึ้นไป“ ทำอะไรน่ะ! เดี๋ยวก็ตกลงมาหรอก!” เพราะเสียงเข้มดุนั้นทีเดียวเล่นเอาเธอสะดุ้งตกใจ และไม่ทันตั้งตัวขณะที่ล้อมดาว ก้มลงไปมองยังเสียงเข้มดุคล้ายรำคาญเต็มทน สาวต่างถิ่นจึงตัดสินใจก้าวขาลงมา แต่กลับก้าวพลาด ทำให้ร่างของหล่อนร่วงจากบันไดทันที!“ ว๊ายยย!!” ตุ๊บ!! “ โอ้ย!..”“ เฮ้ย! ว่าแล้วเชียวต้องเป็นแบบนี้พูดยังไม่ทันขาดคำเลย โธ่เอ๊ย!ลุกไหวไหมล่ะทีนี้”“ ไม่ต้องมายุ่งเลยคนใจร้าย เมื่อไหร่จะหยุดแกล้งฉันเสียที ที่ผ่านมายังไม่พอใจอีกหรือ” คนอะไร ไม่อยากมองหน้าเลย ใบหน้าที่ดุดัน นัยน์ตาที่แฝงไปด้วยความร้ายกาจ ทั้งปาก ทั้งจมูก หล่อนเกลียดนัก ทำไมจะต้องมาเจอคนอย่างเขาด้วยนะ แล้วทำไมต้องมายุ่มย่ามกับหล่อนด้วยไม่เข้าใจเลยจริง ๆ“ พูดอะไรของคุณเนี่ย
“ คุณเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง นี่อย่าบอกนะว่า..คุณจะมาแก้แค้นเรื่องเมื่อวาน แล้วที่..ที่คุณทำกับฉันเมื่อวานยังไม่พอใจอีกเหรอ คน..คนไม่ดี..คนพาล ออกไปนะ ออกไป! ฉันเกลียดคุณ คนบ้า! ฮือ ๆ ฉันจะฟ้องทุกคนเลยคอยดู ฮือ ๆ ที่คุณกล้าทำกับฉันแบบนี้ ฮือ ๆ”เมื่อได้สติหญิงสาวก็กระโดดผลุงลงจากเตียง วิ่งไปหลบชิดกำแพงห้อง ราวกับว่ามันจะช่วยหล่อนได้กระนั้น พลางชี้หน้าด่าคนที่บังอาจเข้ามาในห้องที่หล่อนนอนอยู่ พูดไปร้องไห้ไป อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้นน้ำลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองจ้องไปยังหญิงสาวที่บัดนี้ตัวสั่นงันงกอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง ปากก็พร่ำว่าเขา พูดไปร้องไห้ไปอย่างกับเด็ก เอะอะก็จะฟ้องคนโน้นคนนี้ ก็เอาสิ ลองดูว่าจะทำอย่างที่พูดได้หรือเปล่า“ ก็เอาสิ ฟ้องก็ฟ้องเลย คราวนี้ล่ะเขาจะได้รู้กัน ว่าเราน่ะ..มีความลับต่อกันอยู่หึ ๆ” ชายหนุ่มกอดอก พูดเนิบ ๆ อย่างใจเย็น มองตอบกลับไปยังใบหน้าขาวสะอาดที่บัดนี้เปื้อนไปด้วยน้ำตา อย่างท้าทาย ก่อนจะเดินออกจากห้องมาหน้าตาเฉย หากในใจกลับอดรู้สึกสงสารเจ้าของใบหน้าที่ดูหวาดระแวง วิตกกังวล ใบหน้าอ่อนใสค่อนข้างแดงก่ำจะเพราะพิษไข้ หรือจากที่โ