Share

ตอนที่ 10

Aвтор: ลำเนา
last update Последнее обновление: 2024-11-27 08:13:38

            ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมยกเว้นระยะห่างที่แม่นายใจเดียวมอบให้ ซึ่งปรายฝนสัมผัสได้ตั้งแต่กลับมาจากในเมือง เวลาที่ได้อยู่ด้วยกันมีเพียงช่วงเวลาทำงาน เพราะหลังจากหมดเวลางานการพูดคุย การพูดเล่น การได้ใกล้ชิดกันต่างไปจากเดิม แต่ความรู้สึกของปรายฝนเหมือนดอกไม้ในใจเหี่ยวเฉาจากที่เคยตื่นเช้ารู้สึกกระปรี้กระเปร่าอยากรีบออกมาทำงาน กลับกลายเป็นว่ารู้สึกเกียจคร้านไม่อยากตื่นนอนเอาเสียเลย

            “เบื่ออาหารหรือ” ไตรถาม เพราะหลายวันแล้วที่เห็นปรายฝนทานอาหารน้อยลง ปลากับกลอยเองสังเกตเห็นเช่นกัน

            “นั่นสิทำงานทั้งวัน ถ้าไม่กินเยอะๆ จะไม่ไหวนะ” ปลาพูดเตือน

            “เนือยๆ เดี๋ยวก็หาย แม่นายไม่มาทานอาหารเช้าหรอกหรือ ไม่ค่อยเห็นมาที่โรงอาหาร” ปรายฝนพูดขึ้นและมองไปรอบๆ บริเวณโรงอาหารที่มีเสียงการสนทนาและพูดคุยกันเหมือนทุกวัน

            “แม่นายแพรพรรณมาอยู่ที่เรือนรับรอง” กลอยบอก ปรายฝนยิ้มๆ ไม่กล้าสบตากับทุกคน

            “เมื่อคืนพี่ตื่นขึ้นมาเลยออกมายืนที่ระเบียงบ้านพักเห็นแม่นายออก

มาเดินดูดาวเหมือนคิดอะไรอยู่ น่าแปลกเพราะไม่เคยเห็นเลยตั้งแต่มาอยู่ที่นี่” สิ่งที่ไตรบอกทำเอาทุกคนขมวดคิ้วทำท่าคิด

            “กลอยก็เห็นปกติดีนะ เรื่องงานไม่เห็นมีอะไรเลย พี่ไตร”

            “ใช่ อาจจะแค่นอนไม่หลับมั้ง” ปลาพูดขึ้น

            “แต่ที่นี่ดาวสวยนะ พี่ไตร” ปรายฝนยิ้ม

            “ก็หวังว่าแค่ออกมาดูดาว ไม่รู้เพราะแม่นายไร่ข้างๆ หรือเปล่าที่ทำ ให้แม่นายดูเงียบไปบ้างบางเวลา” ไตรแอบคิด

            ปรายฝนรั้งรออยู่บริเวณด้านหน้าอาคารสำนักงานและแอบชะเง้อไปทางเรือนรับรองแขก จึงเห็นแม่นายใจเดียวอยู่กับแม่นายแพรพรรณยัง คงพูดคุยกัน รอยยิ้มของแม่นายใจเดียวไม่เหมือนยามที่ทำงานอยู่กับตัวเองทำให้ปรายฝนถอนใจเบาๆ

            “ไปล่ะ ไว้ตอนกลางวันค่อยมาใหม่” แพรพรรณพูดขึ้น

            “กลางวันเดียวอาจจะไม่ได้กลับมากินข้าวด้วย”

            “แพรจะมารอ จนกว่าเดียวจะใจอ่อน จะไม่ทำให้รำคาญใจแค่ได้มาเจอบ้างก็ดีแล้ว” แพรพรรณมองเห็นปรายฝนชะเง้อชะแง้มองมา จึงเดินเข้าไปสวมกอดใจเดียวเอาไว้แน่น

            “แพรน่าจะรู้จักเดียวดีกว่าใครๆ นะ” ใจเดียวพูดขึ้น

            “ไม่รู้ล่ะ ยังไงแพรก็ไม่ยอมแพ้” แพรพรรณพูดยิ้มๆ

            “เดียวขอตัวไปทำงานก่อน เดี๋ยวคุณผู้ช่วยจะรอนาน” ใจเดียวบอกและเดินออกมาจากเรือนรับรองพร้อมกับแพรพรรณ ซึ่งเมื่อใจเดียวเห็นคนที่ยืนอยู่ทำให้คิดว่า ปรายฝนคงมายืนรออยู่นานแล้ว

            “ไปล่ะ” แพรพรรณยิ้มๆ แอบหอมแก้มใจเดียวก่อนจะรีบเดินไปขึ้น

รถและขับออกไป

            “ใครๆ ก็หอมแก้มได้นี่” ปรายฝนพูดลอยๆ แม่นายใจเดียวไม่ได้พูดอะไรเดินไปนั่งซ้อนท้ายจักรยานเหมือนทุกวัน

            “ไปทำงานได้แล้ว” แม่นายใจเดียวพูดเสียงเข้ม

            “กอดเอวได้แล้วค่ะ ถ้ารังเกียจหรือเกลียดขี้หน้าก็ไม่ต้องกอด”

            “อะไรของเธอ” แม่นายใจเดียวถาม

            “ก็เหมือนที่บอก ถ้าไม่กอดเอวแสดงว่ารังเกียจหรือไม่ก็เกลียดขี้หน้า จะไปแล้วนะ” ปรายฝนพูดด้วยน้ำเสียงงอนๆ และเริ่มมีน้ำตารื้นเมื่อสายลมเย็นปะทะเข้าที่ใบหน้า เพราะไม่มีการโอบเอวเหมือนเช่นทุกวัน

            “จอดก่อนสิ” แม่นายใจเดียวบอกหลังจากมีหยดน้ำกระเซ็นมาโดนเข้าที่แก้ม จึงบอกให้ปรายฝนหยุดรถจักรยานซึ่งเจ้าตัวยังไม่ยอม

            “ฉันบอกให้จอด ไม่ได้ยินหรือไง” แม่นายใจเดียวพูดด้วยน้ำเสียงดุ ปรายฝนจึงหยุดรถจักรยานแล้วรีบเช็ดน้ำตาของตัวเองทันที

            “หันมา” แม่นายใจเดียวดึงชายเสื้อด้านหลังของปรายฝน

            “บอกให้หันมาไง”

            “ปราย หันมาเดี๋ยวนี้” แม่นายใจเดียวลงไปยืนและเดินไปมองดูคนที่พยายามเช็ดน้ำตาให้เหือดแห้ง แต่ยิ่งเช็ดก็ยิ่งไหลรินออกมา

            “เป็นอะไร หันมาดีๆ” น้ำเสียงอันแสนอ่อนโยนทำให้ปรายฝนหันหน้ามองมองสบตาด้วย มือทั้งสองข้างของแม่นายใจเดียวทาบทับไปที่แก้มทั้งสองข้างของปรายฝนซึ่งมีหยดหน้ำตาเกาะอยู่ คนที่ยืนอยู่ยิ้มน้อยๆ และช่วยเช็ดน้ำตาให้

            “ไม่เป็นไรแล้วค่ะ อะไรเข้าตาก็ไม่รู้” ปรายฝนก้มหน้าไม่กล้าสบตา

กับแม่นายใจเดียวที่เชยคางของสาวที่อ่านวัยกว่าขยับเข้าไปจ้องมองแววตาที่ดูเศร้าๆ ใกล้ๆ รอยยิ้มทะเล้นที่ได้เห็นทำให้ปรายฝนขยับเข้าใกล้ทาบทับริมฝีปากไปยังริมฝีปากของแม่นายใจเดียวที่เย็นเฉียบ แต่เพียงครู่เดียวกลับอบอุ่นขึ้นมาจนไม่อยากถอนริมฝีปากขยับออกห่าง

            “หวงฉัน หรือไง” แม่นายใจเดียวถามยิ้มๆ ปรายฝนพยักหน้าแล้วยิ้มอายๆ ไม่กล้ามองสบตาด้วย

            “ไม่รู้เป็นอะไร อยู่ๆ ก็อยากร้องไห้ อยู่ๆ ก็ยิ้มบ้าบอ อยู่ๆ ก็”

            “เป็นอะไรก็ให้มันเป็นไป คำตอบรออยู่ข้างหน้า ไม่มีใครรู้อะไรล่วง หน้าหรอก แม้สุดท้ายแล้วจะไม่ได้เป็นอย่างที่เรารู้สึกอยู่ตอนนี้”

            “แล้วทีนี้กอดเอวปรายได้หรือยังล่ะ” ปรายฝนพูดกระเง้ากระงอด

            “ก็ปั่นช้าขนาดนี้ ไม่เห็นต้องกอดเลย” แม่นายใจเดียวพูดยิ้มๆ และขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายเหมือนเดิม ปรายฝนอมยิ้มก่อนจะค่อยๆ ปั่นไปช้าๆ และเร่งความเร็วให้มากขึ้น จนกระทั่งมีแขนของแม่นายใจเดียวมารวบเข้าที่เอวแถมยังกระชับเอาไว้เสียแน่น ซึ่งนั่นได้สร้างรอยยิ้มกว้างๆ ให้ปรายฝน

            “ว่าแล้วเชียว” ปลากับกลอยหันมายิ้มให้กัน

            “ถึงได้ดูตึงๆ กัน เพราะแม่นายไร่โน้นนี่เอง” ปลาพูดยิ้มๆ

            “ปรายมันก็ร้ายนะ จูบซะกลางไร่ไม่สนใจใครเลย” กลอยยิ้มๆ

            “เรื่องแม่นายเรากับแม่นายแพรพรรณ ก็เป็นเรื่องจริงสิ”

            “แต่เป็นปรายดีกว่านะ กลอยว่า”

            “นั่นสิ ถ้าแม่นายไร่โน้นมาเป็นแม่นายไร่นี้ ไม่น่าจะดี” ปลาทำท่าขยาดเหมือนขนลุกทำเอากลอยหัวเราะ

            “โอ้โหรวยก็ไม่รวยยังทำท่ารังเกียจเขาอีก” กลอยพูดยิ้มๆ

            “ไม่เกี่ยวว่ารวยหรือไม่รวย ตอนไม่มีอะไรก็ทิ้งไปมั่งมีศรีสุข แต่พอสามีตายจะกลับมา ใครเอาก็บ้าแล้ว” ปลาพูด แต่เมื่อมองเห็นไตรจึงรีบเข้าไปในสำนักงานทันที

            “น่าจะมีคนดูดาวด้วยแล้วล่ะครับทีนี้ แม่นาย” ไตรยิ้มๆ มองดูสองสาวที่ปั่นจักรยานไปทำงานกัน

            ปรายฝนมองดูแม่นายใจเดียว ซึ่งทำงานอย่างขยันขันแข็งไม่ต่างจากวันแรกที่เริ่มเข้ามาเป็นผู้ช่วย ถึงแม้ลักษณะท่าทางภายนอกดูเหมือนนางพญาแต่เนื้อเป็นคนโอบอ้อมอารี หากได้พบเจอกันที่อื่น ปรายฝนคงคิดว่าแม่นายใจเดียวน่าจะคล้ายๆ กับแม่นายแพรพรรณ

            เมื่อมองเห็นแม่นายใจเดียวหันมา จึงมองดูเรียวปากที่ไร้สีสันที่เพิ่งได้สัมผัสแนบชิดกันทำให้ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

            “หลงเสน่ห์คนสูงวัยเข้าให้ล่ะสิ เรา” ปรายฝนคิดอยู่ในใจ

            “ให้มาทำงาน ยืนมองอะไรอยู่” แม่นายใจเดียวพูดเสียงเข้มทำเอาคนที่ทำงานอยู่ใกล้ๆ หัวเราะคุณผู้ช่วยของแม่นายใจเดียวกันทุกคน

            “ใบเหี่ยวมากจนผิดปกตินะคะ ปรายว่าให้พี่ไตรมาดูหน่อยดีกว่า”

            “ถ้าอย่างนั้นจัดการแจ้งไตรให้มาเดี๋ยวนี้เลย” ใบส้มที่จู่ๆ ก็เหี่ยวแห้งไปโดยไม่รู้สาเหตุทำให้แม่นายใจเดียวเกิดความกังวลใจ

            “เดี๋ยวผมช่วยดูให้ก่อนครับ นายไตรมาจะได้ตรวจดูอีกที” คนงานบอกกับแม่นายใจเดียว

            “ขอบใจจ้ะ” แม่นายใจเดียวบอกขอบคุณ

            “มันจะลุกลามไหมคะ” ปรายฝนถาม

            “เราจัดการได้ ไม่ต้องกังวลหรอก” แม่นายใจเดียวบอกกับผู้ช่วย

            “ปรายเปล่าสักหน่อย แม่นายนั่นแหละที่กังวล”

            “ต้นไม้ก็เหมือนคน ฉันรู้สึกอย่างนั้นพอเป็นอย่างที่เห็นเลยมีกังวลบ้างเหมือนเขาเจ็บป่วย เราต้องดูแลและช่วยกันรักษาให้กลับมาแข็งแรง”

            “มิน่า ไร่ถึงเขียวชอุ่มมากขนาดนี้เพราะเจ้าของดูแลเอาใจใส่ดี”

            “ถ้าเป็นคนจะดูแลอย่างดีที่สุดเลยล่ะ” แม่นายใจเดียวยิ้มๆ ให้กับปรายฝนที่ยิ้มอายๆ เดินอ้อมไปผลักที่แผ่นหลังเบาๆ เพื่อไปยังส่วนที่ปลูกพืชผักและเลี้ยงสัตว์

            “พูดจาแบบนี้ล่ะสิ แม่นายไร่โน้นถึงได้บุกถึงไร่” ปรายฝนบ่นพึมพำ

            “นินทาผู้ใหญ่บาป รู้ไช่ไหม” แม่นายใจเดียวพูดดุ

            “แค่พูดถึงเฉยๆ ไม่ได้นินทาสักหน่อย” ปรายฝนพูดน้ำเสียงงอนๆ แต่รอยยิ้มสดใสขึ้น เมื่อแขนของแม่นายใจเดียวโอบที่เอวอีกครั้ง

            “แม่นายครับด้านท้ายไร่เหมือนมีคนถางทางแหวกเข้ามา คนงานไปเห็นเข้า ผมว่ากลางคืนจัดเวรยามคอยดูดีกว่าครับ” ไตรรีบตามมารายงาน หลังจากไปดูต้นส้มที่อยู่ๆ ก็เหี่ยวเฉาและใบแห้ง

            “เดี๋ยวฉันจะไปดูก่อนว่ามากน้อยขนาดไหน หรือจะเข้ามาขโมยพืชไร่ของเรา” แม่นายใจเดียวท่าทางขึงขังขึ้นมาทันที ปรายฝนเองรู้สึกตื่นเต้นเมื่อเห็นท่าทางของทั้งไตรและแม่นายใจเดียว

            “ปรายไปตามผู้ชายมาสักสองสามคนให้ตามไปด้วย” ไตรบอกกับปรายฝนที่รีบใช้วิทยุสื่อสารแจ้งไปที่กลอยทันที

            “ไป เดี๋ยวคนงานคงไปรออยู่ที่โน่น” แม่นายใจเดียวบอกปรายฝน

            “เคยมีคนแอบเข้ามาก่อนหน้านี้หรือเปล่าคะ” ปรายฝนถาม เมื่อมอง

เห็นว่าน่าจะมีคนเข้ามาอย่างที่ไตรคาดการณ์เอาไว้

            “มีบ้าง แต่ไม่บ่อยนัก” แม่นายใจเดียวบอกก่อนจะไปพูดคุยกับคน งานจากที่ฟังดูคาดว่าน่าจะมีการจัดเวรยามคอยตรวจตรา เพราะไม่แน่ใจว่าเข้ามาด้วยเหตุผลอะไร เพราะคนงานผ่านมาเห็นเข้าในตอนเช้า

            “ไกลจากบ้านพักคนงานเลยสะดวกที่จะลอบเข้ามา ปรายว่าถ้าเพิ่มไฟละแวกนี้ก็ดีนะคะ” ปรายฝนเสนอความคิดเห็น

            “ดีเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นแจ้งไตรให้รีบจัดการเลย เพราะใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นหลัก ไตรจะได้จัดการทันทีอุปกรณ์มีสำรองเอาไว้อยู่แล้ว” ปรายฝนรีบแจ้งรายละเอียดกลับไปที่สำนักงาน โดยปลาจัดการแจ้งกับไตรให้รีบไปดำเนินการทันที

            “ต้องถึงกับใช้อาวุธหรือเปล่าคะ” ปรายฝนถาม

            “มีบ้าง แต่ไตรฝึกให้ใช้เพื่อป้องกันตัวมากกว่าใช้สุ่มสี่สุ่มห้า”

            “เมื่อก่อนตอนบุกเบิกอยู่ยังไงคะ”

            “ตอนบุกเบิกไม่มีอะไรให้ขโมย ใครเขาจะเข้ามา” แม่นายใจเดียวบอกแล้วยิ้มๆ ให้ปรายฝน

            “แต่เป็นผู้หญิงยังไงก็อันตรายอยู่ดี”

            “ฉันไม่เคยทำร้ายใคร ไม่มีศัตรู ฉันเชื่อว่าคงไม่เกิดเรื่องร้ายแรงกับฉันหรอก ถ้าแค่เข้ามาขโมยพืชไร่เส้นทางด้านหลังไม่น่าจะขนเอาไปได้มากนักแต่ถ้ามาด้วยวัตถุประสงค์อื่นคงต้องจัดการยิงขู่เอาบ้าง”

            “สายโหด ถ้าอย่างนั้นเราไปดูสวนผักก่อนไหมคะ ค่อยกลับมาดูที่นี่อีกที เดี๋ยวพี่ไตรคงมา” ปรายฝนบอกแม่นายใจเดียวที่พยักหน้าให้

            “กลางคืนระวังหน่อย อย่าออกมากลางดึก ถ้ามีเหตุอะไรจะมีการ

ส่งสัญญาณเตือนได้ยินไปที่เครื่องรับส่งสัญญาณของแต่ละคน”

            “แล้วคนที่ไม่มีล่ะคะ”

            “คนที่มีรู้หน้าที่ตัวเองอยู่แล้ว ปรายเอาวางไว้ใกล้ๆ ตัวก็แล้วกัน”

            “แม่นายเคาะเรียกก็ได้นี่นา” ปรายฝนยิ้มๆ เมื่อแม่นายใจเดียวเรียก ชื่อบ่อยๆ แทนการเรียกว่า เธอ เหมือนเคย

            “เผื่อฉันออกมาดูคนงานด้านนอก”

            “ให้ปรายพามาก็ได้” ปรายฝนรีบบอกทันที

            “ยังไงก็ระวังเอาไว้ก่อน” แม่นายใจเดียวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนคนฟังรู้ว่าเหตุการณ์คงร้ายแรงอยู่พอสมควร

            “ได้ค่ะ”

            ไตรจัดเวรยามเฝ้าระวังอย่างรัดกุมอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่มีเหตุการณ์อะไร แม่นายใจเดียวสบายใจขึ้นบ้าง เพราะไม่อยากให้มีเรื่องร้ายแรงหรือถึงกับต้องทำร้ายใคร

            “เห็นท่าจะต้องเพิ่มความสว่างในส่วนอื่นๆ เหมือนที่ปรายเสนอ”

            “โดยเฉพาะท้ายไร่ เพราะหากใครเข้ามาคงเข้ามาทางนั้น ไม่งั้นคงเป็นอีกด้านที่ติดกับไร่โน้น” ปรายฝนทำหน้างอเล็กน้อย เมื่อพูดถึงไร่ข้างๆ ซึ่งเป็นไร่ของแม่นายแพรพรรณ

            “ทำไมต้องหน้างอด้วยล่ะ” แม่นายใจเดียวถาม

            “งอที่ไหน ตาไม่ดีหรือเปล่าคะ แม่นาย” ปรายฝนยักไหล่เล็กน้อย

            “คนแก่ หูตาไม่ดีก็ไม่แปลก ฉันอาจคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไปว่ามีคนหวงฉัน” แม่นายใจเดียวยิ้มๆ

            “หวงได้ด้วยเหรอ” ปรายฝนถามเสียงอ่อยๆ

            “น่าจะได้อยู่ ใช่ไหมคะ แม่นาย” เสียงของปลาทำให้ปรายฝนกับแม่นายใจเดียวยิ้มอายๆ

            “ปลามาแอบฟังคนอื่นคุยกัน เสียมารยาทนะ” ปรายฝนพูดต่อว่า

            “ไม่ได้แอบเลย ผ่านมาได้ยินเฉยๆ” ปลาหัวเราะและรีบรายงานเรื่องที่ไตรจะลดจำนวนคนอยู่เวรยามให้น้อยลง แม่นายใจเดียวเห็นด้วย เพราะไม่อยากให้อดหลับอดนอนกันมากนัก

            “จากที่ไม่เคยต้องมีเวรยาม ก็ต้องมี” แม่นายใจเดียวพยักหน้าเป็นการแสดงท่าทางว่าเห็นด้วยกับสิ่งที่ไตรคิด

            “ระวังไว้ดีกว่าค่ะ ข้างไร่โน้นก็เหมือนกัน ไม่ใช่เพราะหวงนะคะ”

            “ถ้าอย่างนั้น ปลาแจ้งไตรด้วยให้จัดเวรยามดูแลทางด้านที่ติดกับไร่ของแม่นายแพรพรรณป้องกันเอาไว้ คนไม่หวงจะได้สบายใจ” ปลายิ้มๆ เอามือปิดปากพยายามกลั้นหัวเราะและรีบเดินกลับเข้าไปในสำนักงาน

            “ชอบแกล้ง ไม่อายเลยนะคะ”

            “มีอะไรน่าอายล่ะ หรืออายที่ฉันแก่แล้ว” แม่นายใจเดียวถาม

            “เปล่าสักหน่อย ไปทำงานดีกว่า” แม่นายใจเดียวยิ้มๆ มองดูคนที่ออกอาการเขินอายรีบเดินตามปลาเข้าไปในสำนักงาน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่นายใจเดียว   ตอนที่ 9

    พลบค่ำแล้วแต่ฝนคงยังตกหนักและท่าทางคงไม่หยุดตกเอาง่ายๆ แม่นายใจเดียวเลยตัดสินใจเข้าพักในโรงแรมที่ห้องพักเกือบเต็ม โดยเหลือห้องพักเพียงแค่ห้องเดียวเท่านั้น “คงต้องนอนที่นี่ พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับ ขับรถฝ่าฝนไปมีหวังกลับไม่ถึงไร่แน่” แม่นายใจเดียวบอกกับปรายฝน “ยังไงก็ได้ค่ะ แต่คนที่ไร่จะเป็นห่วงเอาสิคะ ปรายโทรฯ ไปแจ้งกับปลาหรือกลอยดีกว่า” ปรายฝนบอก แต่ไม่ได้หยิบโทรศัพท์มือถือมาด้วย “ฉันจัดการเอง” แม่นายใจเดียวหยิบโทรศัพท์ออกมาจากถุงผ้าที่ถืออยู่ ภาพของหญิงสาวจึงปรากฏให้เห็นที่หน้าจอ ปรายฝนเห็นเพียงครู่เดียวแต่มั่นใจว่า ไม่ใช่รูปแม่นายใจเดียว ซึ่งเจ้าตัวรีบขยับมือถือยกขึ้นทันทีเมื่อเห็นปรายฝนมองดูโทรศัพท์ที่ถืออยู่ ปรายฝนเงียบไปตั้งแต่เห็นภาพที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ กาแฟถูกนำมาให้ หลังจากแม่นายใจเดียวแจ้งกับพนักงานจากชั้นล่างของโรงแรมที่เข้าพัก ปรายฝนยิ้มน้อยๆ และบอกขอบคุณพนักงาน “ขอบคุณค่ะ” “ครับผม” กาแฟกลิ่นหอมกับรอยยิ้มน้อยๆ ของคนที่นั่งเงียบๆ อ่านหนังสืออยู่กำลังถอดแว่นออก เมื่อปรายฝนนำกาแฟมาว

  • แม่นายใจเดียว   ตอนพิเศษ : บันทึกจากปรายฝน

    “ปรายเองค่ะ” เป็นข้อความจากปรายฝนส่งถึงผู้อ่าน “จบแบบนี้ไม่ได้สิ ปรายไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นสักหน่อยเนอะ เดี๋ยวจะค่อยๆ เล่าให้ฟังก็แล้วกัน อย่าเพิ่งไปว่าคนเขียนเขาเข้าล่ะ” ปรายฝนหัวเราะคนเขียนก็เช่นกัน “จบแบบที่พิมพ์คำว่า จบ น่ะ ยังไม่สมบูรณ์ต้องอ่านต่อจากตอนพิเศษ ปรายจะเล่าว่ากลับมาอย่างไร แม่นายดีใจขนาดไหนหรือยังคงเฉยๆเหมือนครั้งแรกที่ได้พบกัน พร้อมกันหรือยัง ไปค่ะตามกลับไปที่ไร่ ณ วันหนึ่งที่ฝนตกอากาศเย็นเฉียบเหมือนเดิมยังกับลอกตอนต้นเรื่องกันมาเลย มาๆ ตามมาให้ไวค่ะ” ปรายฝนหัวเราะ เมื่อนึกถึงวันที่นั่งรถสองแถวมาลงที่หน้าไร่เหมือนครั้งแรก แต่ครั้งนี้ความรู้สึกต่างกัน แม้ฝนจะตกจนพื้นชื้นแฉะแต่ไม่มากอะไรเหมือนครั้งก่อนที่เลอะเทอะและเละเทะเรียกว่า พอกดินโคลนเข้าไปพบเจ้านายกันเลยทีเดียว ปรายฝนหยุดยืนอยู่ที่ทางเข้าไร่และมองดูรอบๆ ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปมากและแอบนึกถึงเจ้าของไร่ขึ้นมา ไม่รู้จะเปลี่ยนไปมากมายเหมือนสถานที่หรือไม่ ภาพของวันแรกกลับเข้ามาในความรู้สึก แต่ความสบายใจได้เข้ามาแทนที่ความกังวลใจ ปรายฝนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแม่นายใจเดียวหรือไร่ใจเด

  • แม่นายใจเดียว   ตอนที่ 24

    ภาพแม่นายใจเดียวที่ปั่นจักรยานไปทำงานตรวจดูไร่รอบๆ เป็นภาพที่เห็นจนเป็นเรื่องปกติยิ่งเวลาเลยผ่านไปเรื่อยๆ ทำให้ภาพในครั้งเก่าที่มีคนปั่นจักรยานให้ซ้อนท้ายจางหายไป แต่แม่นายใจเดียวของทุกคนยังมีรอยยิ้มสดใสอยู่เสมอ “คิดถึงปรายเหมือนกันนะ หายเงียบไปเลย” ปลาพูดขึ้น ขณะยืนมองตามแม่นายใจเดียวที่ขี่จักรยานไปไกลลิบแล้ว “ต่างคนต่างใช้ชีวิต แม่นายมีความสุขก็ไม่เห็นต้องไปถามหาเลย” กลอยพูดยิ้มๆ และยังคิดถึงปรายฝนอยู่เสมอ “เป็นเด็กแท้ๆ ดันใช้การเขียนโปสการ์ดแทนการโทรศัพท์มา ไม่รู้คิดยังไง แต่สิ่งที่รู้ก็คือ แม่นายของพวกเรายังคงสดใสและมีความสุขก็พอแล้ว” ปลายิ้มๆ เพราะแรกๆ แอบเคืองปรายฝนอยู่เหมือนกันที่ไม่มีการติดต่อมา แม่นายใจเดียวยิ้มๆ เมื่อเห็นจันจิราอยู่กับไตรที่ชายไร่ส่วนเชื่อมต่อ เพราะยิ่งนานวันจันจิราได้พิสูจน์ให้เห็นว่า มีความสามารถพอที่จะดูแลไร่ต่อจากบิดาซึ่งเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว หลายสิ่งหลายอย่างในไร่เปลี่ยนแปลงไปในระยะสองสามปีที่ผ่านมา ไตรเป็นที่ปรึกษาให้กับจันจิรา ซึ่งพิสูจน์ตัวเองจนไตรใจอ่อนตกปากรับคำที่จะคบหากันฉันท์คนรักและจะแ

  • แม่นายใจเดียว   ตอนที่ 23

    ปรายฝนทำเป็นหลับตาปี๋ เมื่อแม่นายใจเดียวถอดเสื้อผ้าเพื่อให้ช่วยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ “ทำไม มันเหี่ยวย่นจนถึงกับต้องหลับตาเลยหรือ” แม่นายใจเดียวถามและจ้องมองดูคนที่ยังคงทำเป็นหลับตาอยู่ “ไม่กล้าลืมตา กลัวใจตัวเองต่างหาก” ปรายฝนบอก “ลืมตาได้แล้ว เช็ดตัวให้แต่ไม่ลืมตาจะเช็ดได้ยังไงกัน” เสียงหัวเราะของปรายฝนทำให้แม่นายใจเดียวยิ้มได้ เพราะตั้งแต่ได้ทราบข่าวเรื่องการสูญเสียแม้แต่รอยยิ้มก็แทบจะไม่ได้เห็นเลย ปรายฝนลืมตาขึ้นรู้สึกดีที่เห็นรอยยิ้มทะเล้นของคนที่ไม่มีอาภรณ์ใดๆ ติดกายเลย “ยังรู้สึกดีกับเด็กขี้เหวี่ยงอยู่หรือเปล่าคะ” ปรายฝนถาม ขณะขยับเข้ามาใกล้ๆ “ดีนิดหน่อย” แม่นายใจเดียวยิ้มๆ “นิดเดียวเองเหรอ เสียใจนะเนี่ย” ปรายฝนมองดูแววตาที่กลับมาดูอ่อนโยนและทำให้หัวใจรู้สึกอบอุ่นได้อีกครั้ง “จ้องแบบนี้ท่าจะไม่ดี ถ้าจะเช็ดตัวให้ก็รีบๆ หน่อยและถ้าอยากทำอย่างอื่นก็ต้องยิ่งรีบมากๆ ด้วย” แม่นายใจเดียวอมยิ้มกับจุมพิตเล็กๆ ของปรายฝนที่จูบนิดหนึ่งแล้วรีบเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ ปรายฝนเอามือแตะเบาๆ ไปที

  • แม่นายใจเดียว   ตอนที่ 22

    แม่นายใจเดียวออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้ามืด ปรายฝนลงมาจากชั้นบนและแต่งตัวเตรียมไปวัดเห็นแม่บ้านจัดโต๊ะอาหารเอาไว้ที่เดียว “น่าสงสารคุณเขาออกนะคะ ต้องมาอยู่ไกลบ้านมากและเหนื่อยกับคุณปรายทุกวันอีก” แม่บ้านซึ่งอยู่ในเหตุการณ์เมื่อคืนบอกกับปรายฝน “ร่างเด็กเกเรเข้าสิงปราย ขอบคุณค่ะ คุณแม่บ้าน” ปรายฝนบอกก่อนจะถอนใจ เมื่อกลับมานึกถึงความไม่น่ารักของตัวเอง ความเศร้าและเสียใจกับการจากไปของบิดา โดยปรายฝนคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้อาการโรคหัวใจกำเริบหนักขึ้นจนถึงแก่ชีวิต เพราะดวงฤทธิ์มาบอกเรื่องของแม่นายใจเดียวให้บิดาทราบ ปรายฝนคิดว่านั่นน่า จะเป็นสาเหตุของการสูญเสีย ภาพของแม่นายใจเดียวที่พูดคุยอยู่กับอาหมอทำให้ปรายฝนถอนใจ เมื่อแม่นายใจเดียวหันมาปรายฝนทำท่าจะยิ้มให้แต่แววตาเรียบนิ่งที่ได้เห็นสัมผัสได้ถึงความเย็นชา ปรายฝนยังคงยิ้มน้อยๆ ให้ก่อนจะหันไปมองตามสายตาของแม่นายใจเดียว ถึงได้รู้ว่าดวงฤทธิ์มายืนอยู่ข้างๆ เยื้องไปทางด้านหลัง ไตรมาช่วยงานในวันสุดท้าย เพราะต้องดูแลไร่ใจเดียว ถึงแม้เพิ่งมาแต่ได้ช่วยงานอย่างขยันขันแข็ง โดยเฉพาะงานที่ต้องใ

  • แม่นายใจเดียว   ตอนที่ 21

    ปรายฝนเงียบมาตลอดการเดินทาง นายแพทย์ซึ่งปรายฝนเรียกว่าอาหมอได้ช่วยจัดการเรื่องการจัดเตรียมพิธีศพ โดยมีแม่นายใจเดียวช่วยอีกแรง ซึ่งปรายฝนเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวที่ท่านมี จึงต้องรับหน้าที่ดูแลเรื่องการจัดการให้เรียบร้อย “พ่อเป็นโรคหัวใจหรือคะ อาหมอ” ปรายฝนถาม “พ่อเราไม่ยอมให้บอกใคร อาอยากให้บอกปราย แต่ท่านไม่ยอม” “เพราะปรายหรือเปล่าที่ทำให้อาการทรุดลง” ปรายฝนเริ่มมีน้ำตาไหลรินออกมา “ใช่สิ พ่อรู้เรื่องปรายกับแม่นายเจ้าของไร่อาการเลยทรุด” คำพูดของดวงฤทธิ์ทำให้ปรายฝนกับแม่นายใจเดียวหันไปมองพร้อมๆ กัน “ฤทธิ์ใช่เรื่องที่จะมาโทษกันไหม” อาหมอพูดดุ “ผู้ใหญ่ควรต้องรับผิดชอบ” ดวงฤทธิ์พูดกระทบแม่นายใจเดียว “ฝากดูแลปรายด้วยนะครับ คุณใจเดียว” “ดิฉันจะดูแลอย่างดีเลยค่ะ” นายแพทย์จ้องมองดวงฤทธิ์อย่างไม่ค่อยพอใจนักที่พูดโทษปรายฝนว่าเป็นสาเหตุทำให้บิดาของตัวเองเสียชีวิต “เช็ดน้ำตาก่อน ปรายต้องหยุดร้องไห้แล้วล่ะ เพราะต้องรับแขก” แม่นายใจเดียวพูดขึ้น “อยู่กับปรายนะ ปรายไม่เหลือ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status