ตั้งแต่ที่รู้ว่าหลี่เหมยตั้งท้อง นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนจนเกือบจะคลอดอยู่แล้ว ทว่าทุกคนกลับดูแลเธอไม่ต่างจากตอนท้องสองเดือน จนหญิงสาวต้องบ่นออกมาว่าเธอแค่ท้องไม่ได้ป่วย
สักหน่อย แล้วคุณหมอก็บอกแล้วว่าท้องนี้ของเธอแข็งแรงดีแม้ว่าจะท้องแฝดก็ตาม“อาเหมยเป็นอย่างไรบ้าง พี่ไม่อยากไปทำงานเลย”
หยางอี้ข่ายรีบบอก พร้อมกับมีสีหน้าออดอ้อนภรรยา
จนโม่ซือเจินต้องเบะปากใส่ลูกชายที่เสแสร้งจนเกินหน้าเกินตา“ฉันก็เหมือนเดิม วันนี้พี่มีประชุมสำคัญของสมาคมการค้า พี่อย่ามางอแงเหมือนเด็กเลยนะ งานนี้สำคัญนะคะ”
หญิงสาวอยากจะขำกับท่าทางของเขา แต่ก็ไม่อยาก
หักหน้าสามีต่อหน้าคนรับใช้หยางอี้ข่ายถอนหายใจ หากวันนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญเขาคง
ไม่ไปหรอก เพราะภรรยากำลังอยู่ในช่วงใกล้คลอด“ครับ ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะ เสร็จงานแล้วจะรีบกลับ”
“พ่อถามหน่อยเถอะ คุณชายแห่งตระกูลหยางผู้เหี้ยมโหดไปไหนแล้ว ทำไมพ่อเห็นแค่แมวน้อยเท่านั้นล่ะ”
นายท่านหยางอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อลูกชาย
“โธ่ พ่อครับ ผมก็แค่คนที่รักลูกรักภรรยา งานก็ส่วนงานสิครับ หากมีคนมารังแก ผมก็พร้อมที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม”
ชายหนุ่มไม่สนใจว่าใครจะมองอย่างไร ที่ผ่านมาใช่ว่าจะไม่มีผู้หญิงคนไหนทอดสะพานให้ แต่เพราะเป็นคนรักเดียวใจเดียว และรักภรรยามากเลยไม่ได้สนใจผู้หญิงพวกนั้น
แต่ถ้าหากมีใครคิดร้ายกับครอบครัวและคนที่เขารัก
หยางอี้ข่ายก็พร้อมที่จะเล่นงานอีกฝ่ายจนย่อยยับไปเหมือนกัน“ดีแล้วล่ะ ผู้ชายอย่างพวกเราควรจะมีภรรยาเดียว ไม่ควรวอกแวกหรือคดเคี้ยวไปที่ใด อีกอย่างครอบครัวจะได้สงบสุข”
นี่คล้ายจะเป็นคำสอนของนายท่านหยางที่บอกกับลูกชาย
“ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะครับ อาเหมย พี่ไปก่อนนะ”
ชายหนุ่มบอกกับครอบครัวแล้วเดินออกมา เพราะนี่ก็ใกล้เวลาที่จะต้องเข้าประชุมแล้ว
หลี่เหมยมองตามสามีไปจนลับสายตา และไม่เคยคิดที่จะหึงหวงเขาเลย ทั้งที่มีผู้หญิงหลายคนอยากจะสร้างข่าว และสถานการณ์เพื่อให้รู้ว่าหล่อนนั้นมีความสัมพันธ์กับสามีของเธอ
วันนี้หยางอี้ข่ายยังคงหนีบพี่ชายภรรยามาด้วย เนื่องจากต้องการให้หลี่ซือหยวนมีสังคมทางการค้า และอยากให้มีคนคบหาด้วยตัวของหลี่ซือหยวนเอง ไม่ใช่เพราะเส้นสายของตระกูลหยาง
เมื่อประชุมเสร็จแล้ว ทั้งสองก็เดินออกมาด้วยสีหน้าราบเรียบทั้งที่หัวข้อประชุมในครั้งนี้ ทางตระกูลหยางได้สัมปทานท่าเรือขนส่งสินค้าไป นี่เลยทำให้หลายตระกูลอยากจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย และหนึ่งในนั้นคือตระกูลม่าน และคนที่มาประชุมในวันนี้นอกจากนายท่านม่านแล้วก็ยังมีลูกสาวคนรองตามมาด้วย
เมื่อเห็นหยางอี้ข่าย เธอก็เกิดชอบเขาทันที
“พ่อคะ นั่นคือคุณชายหยางที่กำลังขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลต่อจากพ่อของเขาใช่ไหมคะ” ขณะที่ถามสายตาของเธอก็มองไปทางหยางอี้ข่ายตลอด
“ลูกสนใจเขาเหรอ แต่คงยากสักหน่อย หยางอี้ข่ายแต่งงานแล้ว ได้ข่าวว่าเขารักภรรยามาก และตอนนี้เธอก็ท้องใกล้คลอดแล้ว”
นายท่านม่านบอกกับลูกสาว ซึ่งตอนแต่งงานเขาเองก็ได้รับเชิญไปงานเหมือนกัน แม้ว่าครอบครัวตระกูลหลี่สายรองจะเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา แต่วันเวลาไม่ถึงปี ชายที่ชื่อหลี่ซือหยวนกลับสร้างกิจการให้เจริญรุ่งเรืองได้ เรื่องนี้เขาเองนับถือเหมือนกัน
“ก็แค่คนที่กำลังท้องเท่านั้น ผู้ชายก็เหมือนกันแหละพ่อ ในเมื่อภรรยาเขาให้ในเรื่องนั้นไม่ได้ ก็ต้องออกมาหาความสุขข้างนอกหรือเปล่า เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
ม่านหลิวฟางเชื่อมั่นว่าเธอนั้นสามารถเชิญชวนและทำให้
หยางอี้ข่ายมาสนใจตัวเองได้ จึงเดินมาทางที่ชายหนุ่มยืนอยู่กับ หลี่ซือหยวนเมื่อมาถึงเธอก็รีบแนะนำตัวเอง
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อม่านหลิวฟาง คุณหนูรองตระกูลม่านค่ะ”
หยางอี้ข่ายสบตากับพี่ชายภรรยา คล้ายกับถามว่ารู้จักไหม และเมื่อหลี่ซือหยวนส่ายหน้า จึงได้ปรายตามองหญิงสาวที่เพิ่งแนะนำตัวไปด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา
แต่สายตานี้กลับทำให้หญิงสาวเย็นวาบไปทั้งตัว
“ผมไม่สนใจหรอกว่าคุณคือใคร ผมเองไม่ได้รู้จักคุณ
ช่วยหลีกทางด้วย ผมต้องการรีบกลับบ้านไปดูภรรยา”สายตาขณะที่พูดแทบฆ่าหญิงสาวตรงหน้าได้ การที่อีกฝ่ายมาแนะนำตัวอย่างนี้หยางอี้ข่ายรู้ดีถึงจุดประสงค์ของอีกฝ่าย แต่เพราะเขาไม่ชายตาแลหญิงใดนอกจากภรรยา เลยทำให้รังเกียจการกระทำของม่านหลิวฟาง
เมื่อโดนตอบกลับแบบนั้นก็สร้างความอับอายให้เธอไม่น้อย แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ เพราะตอนนี้มีสายตาจำนวนมากมองมาที่เธอ จึงตัดสินใจหมุนตัวเดินกลับด้วยความอับอาย
เมื่อคุณหนูม่านจากไปแล้ว หลี่ซือหยวนเอ่ยถามน้องเขยพร้อมกับกลั้นขำ
“ไม่แรงไปหน่อยเหรอ”
“ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากทำให้อาเหมยต้องไม่สบายใจ หากมีข่าวระหว่างฉันกับผู้หญิงคนอื่น ฉันอยากให้เธอไม่ต้องกังวลทั้งต่อหน้าและลับหลังว่าฉันจะมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่น”
เขาตอบตามความคิดและความรู้สึกที่ได้กระทำมาตั้งแต่แต่งงานกับภรรยา
“น้องสาวผมโชคดีที่ได้พี่เป็นสามี”
หลี่ซือหยวนยิ้มให้ เขารู้สึกสบายใจและดีใจที่มีน้องเขย
คนนี้ ไม่ใช่เพราะหยางอี้ข่ายร่ำรวย หรือให้อะไรหลาย ๆ อย่างแก่ครอบครัวเขา แต่เพราะชายตรงหน้าคนนี้รักและซื่อสัตว์กับน้องสาวเขาตลอดมาอย่างไรล่ะ ทั้งที่ผู้หญิงที่เข้าหานั้นล้วนเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ทั้งนั้น“ฉันต่างหากที่โชคดี”
เขาตอบกลับ ก่อนจะพยักหน้าและเดินออกมาจากสมาคม วันนี้หยางอี้ข่ายไม่ไปไหนแล้ว เพราะต้องการจะกลับไปหาภรรยา
ส่วนทางด้านหลี่เหมย เวลานี้รู้สึกหน่วงและเจ็บท้องเป็นระยะ จึงได้รีบบอกแม่ทั้งสองคน
“แม่คะ ฉันคิดว่าฉันใกล้จะคลอดแล้ว”
“ตายแล้ว งั้นเดี๋ยวแม่จะไปบอกคนขับรถ และเตรียมของไปโรงพยาบาลกันนะ” โม่ซือเจินบอกอย่างลนลานเหมือนกัน เพราะตกใจที่ลูกสะใภ้จะคลอด
“หายใจเข้าลึก ๆ นะลูก พี่ซือเจินอยู่กับอาเหมยเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปเอาของเด็กที่เตรียมไว้เอง” เฉินเมิ่งรุ่ยเห็นอาการแม่สามีของลูกสาวเลยตัดสินใจจะไปเอาของ และบอกคนขับรถเอง
ทว่าลูกชายและลูกเขยกลับมาพอดีเลยรีบบอก
“อี้ข่ายไปอุ้มอาเหมยหน่อย ตอนนี้เจ็บท้องคลอดแล้ว ส่วนลูก รีบออกไปเตรียมรถจะได้พาน้องไปโรงพยาบาล” นับว่าเธอคือคนที่มีสติที่สุดแล้ว
ทันทีที่ได้ยินว่าภรรยาสุดที่รักเจ็บท้องคลอด หยางอี้ข่ายทิ้งทุกอย่างรีบวิ่งไปที่ห้องโถงทันที ส่วนหลี่ซือหยวนก็รีบออกไปเตรียมรถเพื่อพาน้องสาวไปโรงพยาบาล
“พี่มาแล้ว อาเหมยไม่ต้องกลัวนะ ใจเย็น ๆ นะครับ”
เขาไม่เพียงแค่พูดแต่รีบคว้าร่างของภรรยาขึ้นมาอุ้ม พร้อมกับพาเธอเดินออกมา ยิ่งเมื่อเห็นท่าทีเจ็บปวดของเธอก็รู้สึกใจไม่ดี หากเขาเจ็บปวดเองได้ก็คงจะทำไปแล้ว
“ค่ะพี่ พี่เองก็ไม่ต้องกังวลนะ นี่มันเป็นอาการที่ผู้หญิง
ทุกคนต้องเจอ แม้ฉันจะเจ็บปวด แต่มันก็คือความภาคภูมิใจที่ อีกไม่นานก็จะได้เห็นหน้าลูกทั้งสองคนแล้ว”แม้จะเจ็บปวดแค่ไหน แต่ก็พยายามพูดปลอบใจสามีไม่ให้เขาตื่นตระหนกไปมากกว่านี้
“ครับ”
ชายหนุ่มตอบกลับเพียงเท่านั้น ก่อนจะรีบก้าวเท้ายาว ๆ ไปที่รถยนต์ที่กำลังติดเครื่องของหลี่ซือหยวน และพอมาถึงก็รีบอุ้มเธอเข้าไปด้านใน และจัดท่าทางเพื่อให้นั่งสบายที่สุด ก่อนที่เขาจะเดินตามเข้าไป และโอบกอดเธอไว้อย่างอ่อนโยน
ส่วนคนในครอบครัวก็ตามมาด้วยรถอีกคัน ซึ่งแต่ละคนก็มีความวิตกกังวลไม่น้อย นั่นเพราะว่าหลี่เหมยท้องลูกแฝดซึ่งมันจะอันตรายกว่าการคลอดปกติ ถึงแม้คุณหมอจะบอกว่าทารกที่อยู่ในครรภ์แข็งแรงก็ตาม
และเมื่อมาถึงโรงพยาบาล หลี่เหมยก็ถูกส่งเข้าห้องตรวจอย่างทันท่วงที
หยางอี้ข่ายเดินไปมาที่หน้าห้องคลอดด้วยความร้อนใจ
เขาได้ยินเสียงความเจ็บปวดของภรรยาก็แทบอยากจะพุ่งเข้าไปในห้อง ดีที่หลี่ซือหยวนและทุกคนได้ห้ามไว้“แม่ ทำไมอาเหมยเข้าไปนานจังเลยครับ ดูสิครับยังมีเสียงร้องเล็ดลอดออกมาอยู่เลย” ชายหนุ่มหันมาถามคนเป็นแม่ด้วยความร้อนอกร้อนใจ และเป็นกังวลที่ภรรยายังไม่คลอดลูกเสียที
“มันเป็นเรื่องปกติของคนเป็นแม่นะลูก กว่าแม่จะคลอดลูกออกมาได้รู้ไหมว่าแม่เจ็บท้องเป็นวัน ๆ ตอนนี้เครื่องมือการแพทย์สมัยใหม่ และมีความเสถียรกว่าตอนที่แม่ท้องลูกเสียอีก ไม่ต้องกลัวหรอกว่าจะเกิดอันตราย อีกทั้งที่นี่ยังมีคุณหมอที่ชำนาญการตั้งหลายคน” โม่ซือเจินส่ายหน้าเล็กน้อยให้กับความตื่นตระหนกของลูก จึงได้อธิบายถึงความเจ็บปวดที่เธอก็เคยเจอตอนที่จะคลอดเขาออกมา
“ใช่แล้วล่ะ อี้ข่ายไม่ต้องเป็นกังวลนะ ผู้หญิงอย่างเรา ๆ แม้จะเจ็บปวดในวันที่คลอดลูก แต่ก็มีความสุขเมื่อได้เห็นหน้าเมื่อลูกออกมา”
เฉินรุ่ยเมิ่งพยายามปลอมลูกเขย การเจ็บท้องคลอดนั้นเกิดกับผู้หญิงที่เป็นแม่ทุกคน
ขณะนั้นเองเสียงทารกแรกเกิดร้องดังขึ้น นี่จึงสร้างความโล่งใจให้กับทุกคนที่อยู่หน้าห้อง เมื่อมีเสียงหนึ่งไม่นานก็มีเสียงร้องอีกครั้งตามมา ทำให้หยางอี้ข่ายและทุกคนยิ้มออกมาอย่างยินดี
ไม่นานพยาบาลก็ออกมาแจ้งว่าทั้งแม่และลูกปลอดภัย ให้คุณพ่อไปจัดการเรื่องห้องพัก ซึ่งหยางอี้ข่ายไม่ยอมให้ภรรยาและลูกอยู่ห้องรวมกับคนอื่น
เมื่อทุกคนเห็นว่าหลี่เหมยคลอดลูกทั้งสองออกมาอย่างปลอดภัยจึงได้กลับบ้าน และตั้งใจว่าจะกลับมาอีกครั้งช่วงเย็น หน้าที่ดูแลหลี่เหมยก็คือสามีอย่างหยางอี้ข่าย
หลายชั่วโมงต่อมา...
หลี่เหมยฟื้นขึ้นมาก็พบกับสามีที่นั่งเฝ้าเธอไม่ห่าง หญิงสาวจึงยิ้มออกมาอย่างยินดี
“พี่อี้ข่าย ลูกล่ะคะ”
“พี่ไปดูแล้ว หน้าเกลียดหน้าชังเหลือเกิน ขอบคุณนะครับที่ยอมเจ็บปวด พี่เข้าใจความรู้สึกนั้นเลย เพราะพี่เองก็แทบบ้าเมื่อเห็นอาเหมยเจ็บ” ชายหนุ่มบอกอย่างไม่อาย
คล้ายกับพยาบาลรู้ว่าหลี่เหมยฟื้นแล้ว ตอนนี้จึงเข็นเด็ก
ทั้งสองเข้ามาพอดี“คุณแม่ให้นมน้องด้วยค่ะ เอ่อ...คุณพ่อ...” พยาบาลมีท่าทีกระดากอายเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมช่วยภรรยาเอง” เขาตอบกลับด้วยท่าทีปกติ จนพยาบาลอายเสียเอง
หลี่เหมยรับลูกมาแล้วเอาเข้าเต้า โดยมีสามีอุ้มลูกอีกคนไว้ ทั้งสองประสานสายตาให้กันอย่างอ่อนโยน และเริ่มบทบาทใหม่ของหน้าที่พ่อและแม่
ตอนพิเศษ 2 5 ปีผ่านไปตอนนี้สถานการณ์ครอบครัวของหลี่เหมยก็เข้าที่เข้าทางแล้ว ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น และตอนนี้ลูกฝาแฝดของเธออย่างหยางกวนโม่กับหยางเสี่ยวเหมยก็อายุครบห้าขวบในวันนี้ ดังนั้นวันนี้ที่บ้านตระกูลหยางจึงครึกครื้นมากเป็นพิเศษ เพราะสมาชิกทั้งสองครอบครัวลงไปจัดเตรียมสถานที่ตั้งแต่เช้ามืด แขกที่มาก็จะเป็นทั้งญาติพี่น้อง และคู่ค้าที่มีสัมพันธ์อันดีแต่ในห้องนอนของหยางอี้ข่ายนั้นมีแสงส่องผ่านผ้าม่านสีฟ้าอ่อนเข้ามาเล็กน้อย และในห้องนั้นก็กำลังร้อนระอุกับบทรักยามเช้าที่สามีกำลังมอบให้ภรรยา“อา....เสียวมากครับอาเหมย ไม่ว่ากี่ปีผ่านไปน้องก็ทำให้มีความสุขทุกครั้ง” หยางอี้ข่ายถึงกับแหงนหน้าครางออกมาอย่างสุขสม“ฮึก...ฉันก็เสียวและมีความสุขค่ะ แต่พี่ต้องทำเวลาหน่อยนะ ตอนนี้ทุกคนตื่นแล้ว ซี้ดดด!” หลี่เหมยที่ตอนนี้อยู่ในท่าคุกเข่าหันก้นให้สามีอัดกระแทกแก่นกายเข้าในร่องเสียว เธอครางด้วยความเสียวซ่าน เมื่อตอนนี้สะโพกหนากระแทกใส่เธอไม่ยั้งตับ ๆ ตับ ๆ ตับ ๆ“โอ้ววว พี่ก็พยายามอยู่ แต่พี่อยากมีความสุขกับอาเหมยนาน ๆ พี่รักอาเหมยที่สุด จุ๊บ!”ชายหนุ่มที่แหงนหน้าครางได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งจับเอ
ตอนพิเศษ 1 ตั้งแต่ที่รู้ว่าหลี่เหมยตั้งท้อง นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนจนเกือบจะคลอดอยู่แล้ว ทว่าทุกคนกลับดูแลเธอไม่ต่างจากตอนท้องสองเดือน จนหญิงสาวต้องบ่นออกมาว่าเธอแค่ท้องไม่ได้ป่วยสักหน่อย แล้วคุณหมอก็บอกแล้วว่าท้องนี้ของเธอแข็งแรงดีแม้ว่าจะท้องแฝดก็ตาม “อาเหมยเป็นอย่างไรบ้าง พี่ไม่อยากไปทำงานเลย”หยางอี้ข่ายรีบบอก พร้อมกับมีสีหน้าออดอ้อนภรรยา จนโม่ซือเจินต้องเบะปากใส่ลูกชายที่เสแสร้งจนเกินหน้าเกินตา“ฉันก็เหมือนเดิม วันนี้พี่มีประชุมสำคัญของสมาคมการค้า พี่อย่ามางอแงเหมือนเด็กเลยนะ งานนี้สำคัญนะคะ”หญิงสาวอยากจะขำกับท่าทางของเขา แต่ก็ไม่อยากหักหน้าสามีต่อหน้าคนรับใช้หยางอี้ข่ายถอนหายใจ หากวันนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญเขาคงไม่ไปหรอก เพราะภรรยากำลังอยู่ในช่วงใกล้คลอด“ครับ ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะ เสร็จงานแล้วจะรีบกลับ”“พ่อถามหน่อยเถอะ คุณชายแห่งตระกูลหยางผู้เหี้ยมโหดไปไหนแล้ว ทำไมพ่อเห็นแค่แมวน้อยเท่านั้นล่ะ” นายท่านหยางอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อลูกชาย“โธ่ พ่อครับ ผมก็แค่คนที่รักลูกรักภรรยา งานก็ส่วนงานสิครับ หากมีคนมารังแก ผมก็พร้อมที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม”ชายหนุ่มไม่สนใจว่าใครจะมองอย่างไร
บทที่ 26 หยางอี้ข่ายเดินเข้ามาหาหลี่เหมยที่นั่งอยู่บนเตียง เขายิ้มให้อย่างอ่อนหวาน พร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ เจ้าสาว“ขอโทษนะครับที่พี่เข้ามาช้า พอดีมีแขกดึงไว้น่ะ” เขาพูดขึ้นและหอมแก้มเธอเบา ๆ“ฉันก็นึกว่าพี่จะปล่อยให้ฉันนอนหนาวอยู่คนเดียวในคืนเข้าหอซะอีก” หญิงสาวพูดอย่างหยอกล้อ และเริ่มมือไม้ซุกซนถอดเสื้อตัวนอกของเขาออก “ไปอาบน้ำก่อนดีไหมคะ”“พี่จะปล่อยให้คืนแต่งงานของเราไร้ความหมายได้อย่างไร ส่วนเรื่องอาบน้ำ เอาไว้อาบทีหลังได้ไหมครับ ตอนนี้ยังไม่มีเหงื่อเลยสักนิด เดี๋ยวเรามาเข้าหอกันดีกว่า” ชายหนุ่มตอบกลับพร้อมกับเริ่มถอดเสื้อผ้าให้เธอทีละชิ้นเหมือนกำลังแกะกล่องของขวัญ“พูดแล้วก็ทำให้พี่คิดถึงคืนนั้น ที่เรามีอะไรกันครั้งแรก พี่อยากมีความรู้สึกแบบนั้นอีกจังเลย พี่ชอบมากที่ปากน้อย ๆ นี้สัมผัสกับแก่นกายของพี่ ไม่เคยมีใครทำแบบนั้นกับพี่มาก่อน พี่ขอแบบนั้นอีกได้ไหมครับ”หยางอี้ข่ายพูดอย่างอ่อนหวาน เขาจูบลงที่ริมฝีปากบางในตอนที่พูดถึงปากของเธอ“งั้นถ้าฉันทำให้พี่ พี่ก็ต้องทำให้ฉันด้วยนะคะ เหมือนวันนั้น” หญิงสาวตอบกลับอย่างเขินอาย เมื่อคิดถึงคืนแรกของทั้งสองคน“ได้สิ เรามามีความสุขด้วยกันนะ”
บทที่ 25 หัวหน้าหมู่บ้านที่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยรีบห้ามซือถัวทันที“เธออย่าเห็นแก่ได้ไปหน่อยเลยซือถัว ก่อนหน้านี้บ้านใหญ่เคยให้อะไรกับบ้านรองบ้างล่ะ ตอนที่แยกบ้านและตัดขาดกัน บ้านรองแทบไม่มีอะไรติดตัวมาเลย แม้ว่าตอนนี้ครอบครัวของหลี่กวงจะย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง แต่บ้านหลังนี้ก็ยังเป็นของเขาอยู่ และเขาจะให้ของในบ้านกับใคร หรือไม่ให้ใคร มันก็เป็นสิทธิ์ของหลี่กวง เธอไม่มีสิทธิ์มายุ่ง”“นี่มันเรื่องในครอบครัวของตระกูลหลี่ หัวหน้าหมู่บ้านนั่นแหละที่ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดแบบนี้ ฉันพูดกับน้องชายของสามี ไม่ได้พูดกับหัวหน้าหมู่บ้านสักหน่อย” เธอหันกลับมาตวาดใส่หัวหน้าหมู่บ้านอย่างโมโห และรู้สึกไม่พอใจที่หัวหน้าหมู่บ้านเข้ามายุ่งในเรื่องนี้แต่ในขณะนั้นเอง ลูกชายคนโตของซือถัวก็เดินเข้ามาด้วยความโมโห พร้อมกับพูดกับแม่อย่างฉุนเฉียวว่า“ผมบอกแม่แล้วใช่ไหมว่าให้เลิกยุ่ง และวุ่นวายกับบ้านอารองเสียที ในเมื่อแม่ไม่เชื่อฟังผม และยังเห็นแก่ตัวอยู่แบบนี้ เห็นทีผมต้องแยกบ้านเสียแล้วล่ะ”พอเห็นว่าลูกชายพูดด้วยอาการโกรธจัด ท่าทีของซือถัว ก็สงบลง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเบา ๆ กับเขา“แม่ก็แค่อยากได้เครื่องเรือน และข้าวขอ
บทที่ 24 นายท่านหยางเห็นว่าครอบครัวของลูกสะใภ้ยังมีความเกรงใจตัวเอง และยังเรียกนายท่านอยู่จึงได้เอ่ยปากบอกออกมา“ไม่ต้องเรียกฉันว่านายท่านหรอก เราคนกันเองทั้งนั้นต่อจากนี้เรียกฉันว่าพี่หยางตงเถอะ”“เธอก็เหมือนกัน ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณนาย ต่อไปก็เรียกว่าพี่ซือเจิน เราสองครอบครัวตอนนี้เกี่ยวดองกันแล้ว”โม่ซือเจินพูดขึ้นมาบ้าง“ครับ / ค่ะ” ทั้งสองตอบรับอย่างยินดีเหมือนกัน ไม่คิดว่าคนยิ่งใหญ่อย่างนายท่านหยางจะไม่ถือตัวกับชาวบ้านแบบตนเอง“ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ฉันจะพาเธอไปในเมืองเพื่อไปเลือกดูเสื้อผ้าและของใช้ในงานแต่งงาน เธออยากจะจัดงานที่ไหนเหรอ”โม่ซือเจินถามความคิดเห็น“ฉันอยากจะย้ายบ้านก่อนน่ะค่ะ ตอนนี้พ่อสามีให้บ้านมาแล้ว เลยตั้งใจว่าจะไปดูในวันพรุ่งนี้ เพื่อจะได้เตรียมงานที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้า”หลี่เหมยตอบเอง เธอต้องการทำอย่างที่พูดก่อน ส่วนเรื่องจะเชิญใครไปงานแต่งงานนั้นค่อยว่ากัน หรือไม่ก็ค่อยเลี้ยงคนในหมู่บ้านที่มีความสัมพันธ์อันดีกับพวกเธอ“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ อาเหมยก็ค่อยไปดูบ้านกับทุกคนก็แล้วกันว่าชอบหรือเปล่า หากไม่ชอบพ่อจะได้เปลี่ยนหลังใหม่ให้ แล้วจะได้ย้ายทะเบียนบ้านทุกคนเ
บทที่ 23 ครึ่งเดือนต่อมา...แม้ว่าจะผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว แต่ตอนนี้ในหมู่บ้านก็ยังพูดคุยเรื่องของถังชุนเป้ยอยู่ เนื่องจากการกระทำของเธอมันโหดร้ายจนเกินไป แต่ก็ไม่มีใครไปโกรธหรือเกลียดคนบ้านถัง นั่นเพราะว่าทุกคนแยกแยะออก และรู้ว่าคนบ้านถังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้และที่ทุกคนแปลกใจก็เพราะว่าเมื่อสัปดาห์ก่อน ตัวของหร่วนเจินฮ่าวโดนคำสั่งย้ายอย่างกะทันหัน และเห็นว่าเงินเดือนที่ได้จากกองพลน้อยถูกสั่งหักไว้เพื่อชำระหนี้ให้กับหลี่กวงตามสัญญาที่เคยทำไว้ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นหัวข้อสนทนาของชาวบ้านไม่ต่างกันวันนี้หลี่เหมยตั้งใจจะเข้าเมือง เพราะอยากไปดูที่โรงขยะว่ามีสิ่งของน่าสนใจหรือไม่ อีกอย่างเธอได้ยินสามีพูดว่า พ่อกับแม่สามีใกล้จะกลับมาแล้ว เธอจึงอยากจะหาของเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าในระบบออกมาซึ่งในระบบพอมีเครื่องประดับบางอย่างที่ไม่ผิดกฎหมายในยุคนี้ ส่วนพ่อสามีก็คงจะให้เป็นนาฬิกาข้อมือ ที่หาไม่ได้จากในยุคนี้เหมือนกัน‘เจ้านาย ภาพวาดนั้นมีค่ามาก เจ้านายซื้อเก็บไว้ก่อนเถอะในอนาคต ซื้อขายเป็นร้อยล้านหยวนกันเลยนะ’ลี่ลี่รีบส่งเสียงบอกเมื่อเห็นภาพวาดโบราณที่แทบจะประเมินค่าไม่ได้ แต่ในยุคนี้นั้