Share

บทที่ 25

last update Last Updated: 2025-08-10 17:08:46

บทที่ 25

หัวหน้าหมู่บ้านที่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยรีบห้ามซือถัวทันที

“เธออย่าเห็นแก่ได้ไปหน่อยเลยซือถัว ก่อนหน้านี้บ้านใหญ่เคยให้อะไรกับบ้านรองบ้างล่ะ ตอนที่แยกบ้านและตัดขาดกัน บ้านรองแทบไม่มีอะไรติดตัวมาเลย แม้ว่าตอนนี้ครอบครัวของหลี่กวงจะย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง แต่บ้านหลังนี้ก็ยังเป็นของเขาอยู่ และเขาจะให้ของในบ้านกับใคร หรือไม่ให้ใคร มันก็เป็นสิทธิ์ของหลี่กวง เธอไม่มีสิทธิ์มายุ่ง”

“นี่มันเรื่องในครอบครัวของตระกูลหลี่ หัวหน้าหมู่บ้านนั่นแหละที่ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดแบบนี้ ฉันพูดกับน้องชายของสามี ไม่ได้พูดกับหัวหน้าหมู่บ้านสักหน่อย” เธอหันกลับมาตวาดใส่หัวหน้าหมู่บ้านอย่างโมโห และรู้สึกไม่พอใจที่หัวหน้าหมู่บ้านเข้ามายุ่งในเรื่องนี้

แต่ในขณะนั้นเอง ลูกชายคนโตของซือถัวก็เดินเข้ามาด้วยความโมโห พร้อมกับพูดกับแม่อย่างฉุนเฉียวว่า

“ผมบอกแม่แล้วใช่ไหมว่าให้เลิกยุ่ง และวุ่นวายกับบ้านอารองเสียที ในเมื่อแม่ไม่เชื่อฟังผม และยังเห็นแก่ตัวอยู่แบบนี้ เห็นทีผมต้องแยกบ้านเสียแล้วล่ะ”

พอเห็นว่าลูกชายพูดด้วยอาการโกรธจัด ท่าทีของซือถัว

ก็สงบลง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเบา ๆ กับเขา

“แม่ก็แค่อยากได้เครื่องเรือน และข้าวของไปไว้ที่บ้านเราเท่านั้นเอง ลูกก็รู้ว่าตอนนี้บ้านเราแทบไม่มีอะไรเลย ขนาดนอนยังปูผ้านอนกันอยู่เลย”

“แล้วยังไงครับแม่ ในเมื่อที่ผ่านมาเรายังอยู่กันได้ จะอยู่ต่อไปอีกสักหน่อยก็คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้งครับ ผมเองก็ขยันทำงานจนแทบจะไม่มีเวลาพักอยู่แล้ว หากแม่ช่วยทำงานอีกแรง คะแนนของบ้านเราก็คงเยอะขึ้น แล้วเราก็จะมีเงินซื้อของพวกนี้มาไว้ใช้เอง ไม่ต้องไปอยากได้ของคนอื่นแบบนี้”

ชายหนุ่มพูดออกมาอย่างเหลืออด ก่อนจะหันมาบอกกับ

หลี่กวงด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงว่า

“อารองรีบไปเถอะครับ ไม่ต้องสนใจแม่หรอก ถ้ามัวมาใส่ใจก็จะปวดหัวเปล่า ๆ โต้เถียงกับแม่ผม ไม่มีวันจบสิ้นหรอกครับ”

หลี่กวงมองหลานชายด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป เขาไม่คิดว่าความลำบากที่บ้านใหญ่พบเจอ จะทำให้หลานชายที่เคยเห็นแก่ตัว มีนิสัยเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

‘แม้ว่าคนเราจะโกหกได้ แต่แววตาไม่สามารถโกหกกันได้’

เขาคิดอยู่ในใจ ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า

“ถ้าอย่างนั้นอาไปก่อนก็แล้วกัน หากเมื่อไรที่หลานตัดสินใจจะแยกบ้านก็ให้บอกกับหัวหน้าหมู่บ้านไว้ แล้วอาจจะช่วยเหลือเอง”

หลี่เหมยได้ยินคำพูดของพ่อก็ไม่คิดจะโต้แย้งหรือจะพูดขัดอะไร นั่นเพราะว่าเธอก็เห็นความเปลี่ยนแปลง และเปลี่ยนไปของพี่ชายจากบ้านใหญ่คนนี้ หากเขาอยากแยกบ้านจริง ๆ เธอเชื่อก็ว่าพ่อคงยกบ้านหลังนี้ให้อยู่ไปก่อน จนกว่าเขาจะขยับขยายที่ทางของตัวเองได้

จากนั้นเธอก็เดินขึ้นรถไปพร้อมกับสามี ก่อนจะมีคนอื่น ๆ เดินตามมาขึ้นรถเหมือนกัน

คนในหมู่บ้านและหัวหน้าหมู่บ้านที่มาส่งบ้านรองหลี่

ทุกคนได้แต่ดีใจไปกับครอบครัวนี้ จึงได้มองรถแล่นไปจนสุดสายตา ก่อนจะหมุนตัวกลับไปทำงานของตนเอง 

เมื่อย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองแล้ว หน้าคฤหาสน์ก็ติดป้ายบ้านตระกูลหลี่สายรอง แม้ว่าจะมีเพื่อนบ้านแปลกใจว่าใครย้ายมา

แต่พอเห็นหยางอี้ข่ายอยู่ที่บ้านหลังนี้ด้วย

ทุกคนก็รู้ได้ทันทีว่าคนครอบครัวตระกูลหลี่จะต้องมีความเกี่ยวดองกับตระกูลหยาง เลยทำให้หลายครอบครัวต่างก็แวะเวียนมาทักทาย และเอาของมาฝากอยู่เสมอ

หลี่เหมยไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพราะรู้ดีว่าคนพวกนี้

เข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์ แล้วอีกอย่างตอนนี้ทุกคนก็ไม่ได้มีเวลาว่างมากนัก เพราะต้องเตรียมงานแต่งงานที่จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ เพราะว่าตั้งแต่ย้ายบ้านมา นี่ก็ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว

ส่วนทางด้านหลี่ซือหยวน แม้เขาจะไม่ค่อยได้ช่วยเตรียมงานแต่งของน้องสาว แต่ก็ลงสมองและลงแรงไปกับร้านค้า ที่เพิ่งได้รับมาจากน้องเขย อีกทั้งเขายังศึกษาการค้าทุกอย่าง เพื่อทำให้กิจการเจริญรุ่งเรืองขึ้น

หยางอี้ข่ายเกิดความน้อยใจในบางครั้ง เพราะเขาและภรรยาแทบจะไม่มีเวลาแสดงความรักหวาน ๆ ต่อกันเลย ยิ่งวันนี้แม่ของเขามาที่บ้านของภรรยา แถมยังสั่งห้ามไม่ให้เขาอยู่ที่นี่

และห้ามพบหน้าภรรยาจนกว่าจะถึงวันแต่งงาน ทำให้เขาต้องร้องโวยวายออกมาคล้ายกับเด็กคนหนึ่ง

“ได้อย่างไรกันครับแม่ จะให้ผมแยกกันอยู่กับอาเหมยเนี่ยนะ ไม่มีทางเสียหรอก”

หยางอี้ข่ายพูดขึ้นอย่างไม่ยินยอม

หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรเขาก็ไม่มีทางแยกจากภรรยาแน่ เพราะตั้งแต่ได้รับใบรับรองการแต่งงาน เขาก็ไม่เคยแยกจากเธอเลยสักวันเดียว แล้วคราวนี้แม่จะให้เขาแยกกันอยู่กับภรรยาตั้ง

ครึ่งเดือน ใครจะไปทนไหว

“มันเป็นธรรมเนียมนะลูก อดทนหน่อยสิ อีกไม่นาน

งานแต่งก็เกิดขึ้นแล้ว ไม่เห็นหรือไงว่าครึ่งเดือนก็แค่แป๊บเดียวเอง”

คนเป็นแม่พยายามพูดหว่านล้อมลูกชายให้ใจเย็น ๆ

“นะคะพี่อี้ข่าย แค่ครึ่งเดือนเอง เดี๋ยวพองานแต่งผ่านพ้นไป เราสองคนก็จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปแล้ว ฉันเองก็ต้องไปอยู่กับพี่ที่คฤหาสน์ตระกูลหยาง ธรรมเนียมพวกนี้เราต้องทำตามนะคะ ชีวิตคู่ของเราจะได้ยืนยาวอย่างไรล่ะ”

หลี่เหมยเองพยายามหว่านล้อมสามี เธอเข้าใจสิ่งที่แม่สามีบอกมา เพราะธรรมเนียมบางอย่างมันไม่สามารถละเลยได้

ในเมื่อแม่สามีและแม่ของเธอมีความเห็นตรงกัน ก็ยิ่งไม่สมควรละเลย

“เอาน่าพี่อี้ข่าย ทำตามที่แม่บอกเถอะ อย่างน้อยก็คิด

เสียว่าเป็นธรรมเนียมของบรรพบุรุษ”

หลี่ซือหยวนที่นั่งฟังอยู่นานพูดขึ้นมาบ้าง ทว่ากลับถูกหยางอี้ข่ายพูดสวนกลับมาทันที 

“รอนายมีคนรักดูบ้างเถอะ แล้วจะเข้าใจความรู้สึกฉันตอนนี้”

พูดจบเขาก็นั่งกอดอกและทำหน้าบึ้งตึงต่อ

พอทุกคนได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะอย่างชอบใจ และสุดท้ายแล้วหยางอี้ข่ายก็ยอมตกลงที่จะแยกกันอยู่กับภรรยาจนกว่าจะถึงวันแต่งงาน

ปัง ปัง ปัง

เสียงประทัดดังขึ้นสนั่น ทำให้ทุกคนต้องอุดหูไว้ แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าทุกคนก็แสดงความยินดีออกมา นั่นเพราะว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานของหลี่เหมยกับหยางอี้ข่าย 

ในบ้านเจ้าสาวเวลานี้มีแขกเหรื่อที่ถูกเชิญมาจำนวนไม่น้อยเลย ทั้งคนในหมู่บ้านที่รู้จักและสนิทสนมกัน รวมถึงคู่ค้าและลูกค้าของหลี่ซือหยวน ต่างก็มาแสดงความยินดีกับเจ้าสาวในวันนี้

 สีหน้าของหลี่กวงและเฉินรุ่ยเมิ่ง ต่างก็ปรากฏรอยยิ้มแสดงถึงความยินดีและดีใจที่ลูกสาวเป็นฝั่งเป็นฝา ใครเห็นต่างก็อิจฉาคนทั้งคู่ไม่น้อย ที่ได้เกี่ยวดองกับตระกูลหยาง ผู้ทรงอิทธิพลของเมืองนี้

“ยินดีกับทั้งสองคนด้วยนะ ลูกสาวของนายเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที ไม่คิดว่างานแต่งที่บ้านเจ้าสาวในครั้งนี้จะยิ่งใหญ่มาก”

หัวหน้าหมู่บ้านที่มาในงานด้วยกล่าวแสดงความยินดีกับพ่อแม่เจ้าสาว

“ขอบคุณหัวหน้าหมู่บ้านมากนะที่มาในวันนี้ อย่างไรก็เชิญกินอาหารให้อิ่มก็แล้วกัน ไม่ต้องเกรงใจ พวกเราคนกันเองทั้งนั้น”

หลี่กวงกล่าวขอบคุณกลับ และผายมือเชื้อเชิญให้หัวหน้าหมู่บ้านให้กินอาหารต่อ

งานแต่งของที่อื่นเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่สำหรับตระกูลหลี่สายรอง ทุกคนอยากให้แขกที่มาที่นี่ได้กินอิ่ม เมื่อเจ้าบ่าวมารับเจ้าสาวแล้ว ใครอยากกินเลี้ยงที่นี่ต่อ หรือตามไปร่วมพิธีที่บ้านเจ้าบ่าวก็สุดแล้วแต่ความต้องการของแต่ละคน     

หลี่เหมยนั่งอยู่ในห้องกับน้องสาว แม้ว่าจะจดทะเบียนและอยู่กับสามีแล้ว แต่นี่คือการแต่งงานครั้งแรกของเธอ ย่อมต้องมีความตื่นเต้นอยู่พอสมควร

“ฉันดีใจนะที่พี่แต่งงาน พี่ผ่านเรื่องราวร้าย ๆ มาพอสมควรแล้ว ต่อจากนี้ไปพี่ควรจะมีความสุขเสียที”

หลี่ลู่หรานพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม เธอยินดีกับพี่สาวที่เจอคนที่รักจริง ไม่หลอกลวงเหมือนหร่วนเจินฮ่าว

“ขอบใจนะเสี่ยวหราน วันหนึ่งเธอก็ต้องเจอคนรักที่ดีเหมือนพี่ ทว่าตอนนี้เธอต้องตั้งใจเรียน เผื่อว่าวันข้างหน้ารัฐจะเปิดสอบเกาเข่าอีกครั้ง”

หลี่เหมยรู้ดีว่าอีกไม่นานรัฐจะเปิดสอบเข้ามหาวิทยาลัยจึงพูดกับน้องสาวอย่างอ่อนโยน แม้ว่านี่คือนิยายเรื่องหนึ่งก็ตาม แต่เธอก็อยากให้น้องสาวมีอนาคตที่ดี

หลี่ลู่หรานยิ้มและเดินเข้ามากอดพี่สาว เธอน้ำตาซึมด้วยความยินดีและซาบซึ้งใจกับสิ่งที่หลี่เหมยทำให้เธอ

ในขณะนั้นเอง เสียงขบวนเจ้าบ่าวที่มารับเจ้าสาวก็ดัง

เข้ามา ไม่นานหลี่ซือหยวนก็เดินเข้ามาบอกเจ้าสาว

“ขบวนเจ้าบ่าวมาแล้ว ไปเถอะ พี่จะไปส่งอาเหมยเอง”

แม้ว่าน้องสาวจะแต่งงานออกไป แต่พี่ชายอย่างเขาก็อดน้ำตาซึมด้วยความยินดีไม่ได้

“ค่ะพี่ใหญ่” เธอตอบรับและส่งมือให้พี่ชาย

หลี่ซือหยวนจูงมือน้องสาวเดินออกมาท่ามกลางความสนใจของแขกเหรื่อและฝ่ายเจ้าบ่าว

หยางอี้ข่ายอยู่ในชุดเจ้าบ่าวที่เรียบหรู เหมาะกับฐานะของทายาทตระกูลหยาง ใบหน้าที่มักจะเย็นชาเสมอ กลับปรากฏรอยยิ้มออกมาอย่างยินดี

“ฝากน้องสาวผมด้วยนะพี่อี้ข่าย”

หลี่ซือหยวนพูดขึ้นมาพร้อมกับส่งมือน้องสาวไปให้อีกฝ่าย

“นายไม่ต้องห่วง พี่จะต้องดูแลเมียของพี่อย่างดีที่สุดอยู่แล้ว”

เจ้าบ่าวยื่นมือไปรับมือเจ้าสาวมากุมไว้ พร้อมกับพูดอย่างหนักแน่น

นั่นนับว่าพิธีส่งเจ้าสาวเป็นอันเสร็จเรียบร้อย

ขบวนของเจ้าบ่าวเคลื่อนตัวไปที่คฤหาสน์ตระกูลหยาง ซึ่งอยู่ไม่ไกลกับที่นี่มากนัก ไม่นานทุกคนก็มาถึง

งานที่บ้านเจ้าบ่าวในครั้งนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมฐานะ แขกที่มาในงานต่างก็มีฐานะและมีตำแหน่งในสังคม และเมื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาถึงก็ถูกเชิญเข้ามาที่ห้องโถงใหญ่ที่ประดับไปด้วยข้าวของสีแดง สีมงคลของงานแต่งงาน

หลี่เหมยและหยางอี้ข่ายคุกเข่าตรงหน้าพ่อกับแม่ฝ่ายเจ้าบ่าว และพ่อแม่ฝ่ายเจ้าสาวที่ตามมาด้วย เพื่อให้ลูกทั้งสองคนทำพิธียกน้ำชา

ทุกคนที่มาในงานต่างแสดงความยินดีกันไม่น้อย ก่อนที่พิธีการต่าง ๆ จะดำเนินต่อไป

หลังจากที่เสร็จสิ้นจากพิธีเรียบร้อยแล้ว บ่าวสาวจึงเดินออกมาต้อนรับแขก

“พี่ขอดื่มกับทุกคนตามธรรมเนียมก่อนนะครับ ถ้าอาเหมยเหนื่อยก็ไปพักก่อนได้ เดี๋ยวพี่ตามไป” ชายหนุ่มหันมากระซิบกับภรรยา ตอนที่สหายกำลังส่งแก้วเครื่องดื่มให้

“วันนี้วันมงคล พี่สนุกกับสหายเถอะ อย่าเคร่งครัดนักเลย ฉันรู้สึกเหนื่อยว่าจะกลับเข้าห้องเพื่อพักเสียหน่อย” หญิงสาวตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เพราะพิธีส่งเจ้าสาวเข้าหอได้ทำไปแล้ว และนี่ไม่ใช่ยุคโบราณที่ต้องอยู่แต่ในห้องหอ เธอจึงออกมาต้อนรับแขกกับสามี แต่ทว่าตอนนี้กลับรู้สึกเหนื่อยและง่วง เลยอยากจะไปงีบสักหน่อย

“ครับ เดี๋ยวพี่ไปส่งน้องก่อนแล้วค่อยกลับมาสังสรรค์กับสหายก็แล้วกัน” ชายหนุ่มรีบบอกอย่างเอาใจ เขาไม่อยากปล่อยให้ภรรยาเดินไปคนเดียว

“ไม่ต้องหรอกค่ะ พี่อยู่ที่นี่เถอะ อย่าทำตัวให้สหายล้อเลย อีกอย่างพ่อกับแม่ก็อยู่ในบ้าน ไม่มีอะไรหรอกนะ”

เธอรู้สึกขำที่สามีนั้นทั้งห่วงและตัวติดกับเธอมากเกินไป แต่ก็เข้าใจว่าครึ่งเดือนที่ผ่านมาไม่ได้อยู่ด้วยกัน จึงทำให้เขาเป็นแบบนี้ แต่นี่ก็แต่งงานแล้ว เดี๋ยวก็ถูกสหายและแขกในงานล้อเอาพอดี

เมื่อตกลงกันได้เรียบร้อยแล้ว หลี่เหมยก็เดินเข้ามาในบ้าน แต่ก็ถูกพ่อแม่เรียกไปนั่งคุยกันเล็กน้อย ก่อนที่หลี่ลู่หรานจะพาพี่สาวกลับเข้าห้องหอ เพื่อไปพักผ่อนและกินอาหารรองท้องก่อน

เมื่อเข้ามาในห้องหอ หญิงสาวก็เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่เจ้าบ่าวเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รักร้ายนายคู่หมั้นสุดโหด   ตอนพิเศษ 2

    ตอนพิเศษ 2 5 ปีผ่านไปตอนนี้สถานการณ์ครอบครัวของหลี่เหมยก็เข้าที่เข้าทางแล้ว ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น และตอนนี้ลูกฝาแฝดของเธออย่างหยางกวนโม่กับหยางเสี่ยวเหมยก็อายุครบห้าขวบในวันนี้ ดังนั้นวันนี้ที่บ้านตระกูลหยางจึงครึกครื้นมากเป็นพิเศษ เพราะสมาชิกทั้งสองครอบครัวลงไปจัดเตรียมสถานที่ตั้งแต่เช้ามืด แขกที่มาก็จะเป็นทั้งญาติพี่น้อง และคู่ค้าที่มีสัมพันธ์อันดีแต่ในห้องนอนของหยางอี้ข่ายนั้นมีแสงส่องผ่านผ้าม่านสีฟ้าอ่อนเข้ามาเล็กน้อย และในห้องนั้นก็กำลังร้อนระอุกับบทรักยามเช้าที่สามีกำลังมอบให้ภรรยา“อา....เสียวมากครับอาเหมย ไม่ว่ากี่ปีผ่านไปน้องก็ทำให้มีความสุขทุกครั้ง” หยางอี้ข่ายถึงกับแหงนหน้าครางออกมาอย่างสุขสม“ฮึก...ฉันก็เสียวและมีความสุขค่ะ แต่พี่ต้องทำเวลาหน่อยนะ ตอนนี้ทุกคนตื่นแล้ว ซี้ดดด!” หลี่เหมยที่ตอนนี้อยู่ในท่าคุกเข่าหันก้นให้สามีอัดกระแทกแก่นกายเข้าในร่องเสียว เธอครางด้วยความเสียวซ่าน เมื่อตอนนี้สะโพกหนากระแทกใส่เธอไม่ยั้งตับ ๆ ตับ ๆ ตับ ๆ“โอ้ววว พี่ก็พยายามอยู่ แต่พี่อยากมีความสุขกับอาเหมยนาน ๆ พี่รักอาเหมยที่สุด จุ๊บ!”ชายหนุ่มที่แหงนหน้าครางได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งจับเอ

  • รักร้ายนายคู่หมั้นสุดโหด   ตอนพิเศษ 1

    ตอนพิเศษ 1 ตั้งแต่ที่รู้ว่าหลี่เหมยตั้งท้อง นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนจนเกือบจะคลอดอยู่แล้ว ทว่าทุกคนกลับดูแลเธอไม่ต่างจากตอนท้องสองเดือน จนหญิงสาวต้องบ่นออกมาว่าเธอแค่ท้องไม่ได้ป่วยสักหน่อย แล้วคุณหมอก็บอกแล้วว่าท้องนี้ของเธอแข็งแรงดีแม้ว่าจะท้องแฝดก็ตาม “อาเหมยเป็นอย่างไรบ้าง พี่ไม่อยากไปทำงานเลย”หยางอี้ข่ายรีบบอก พร้อมกับมีสีหน้าออดอ้อนภรรยา จนโม่ซือเจินต้องเบะปากใส่ลูกชายที่เสแสร้งจนเกินหน้าเกินตา“ฉันก็เหมือนเดิม วันนี้พี่มีประชุมสำคัญของสมาคมการค้า พี่อย่ามางอแงเหมือนเด็กเลยนะ งานนี้สำคัญนะคะ”หญิงสาวอยากจะขำกับท่าทางของเขา แต่ก็ไม่อยากหักหน้าสามีต่อหน้าคนรับใช้หยางอี้ข่ายถอนหายใจ หากวันนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญเขาคงไม่ไปหรอก เพราะภรรยากำลังอยู่ในช่วงใกล้คลอด“ครับ ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะ เสร็จงานแล้วจะรีบกลับ”“พ่อถามหน่อยเถอะ คุณชายแห่งตระกูลหยางผู้เหี้ยมโหดไปไหนแล้ว ทำไมพ่อเห็นแค่แมวน้อยเท่านั้นล่ะ” นายท่านหยางอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อลูกชาย“โธ่ พ่อครับ ผมก็แค่คนที่รักลูกรักภรรยา งานก็ส่วนงานสิครับ หากมีคนมารังแก ผมก็พร้อมที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม”ชายหนุ่มไม่สนใจว่าใครจะมองอย่างไร

  • รักร้ายนายคู่หมั้นสุดโหด   บทที่ 26

    บทที่ 26 หยางอี้ข่ายเดินเข้ามาหาหลี่เหมยที่นั่งอยู่บนเตียง เขายิ้มให้อย่างอ่อนหวาน พร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ เจ้าสาว“ขอโทษนะครับที่พี่เข้ามาช้า พอดีมีแขกดึงไว้น่ะ” เขาพูดขึ้นและหอมแก้มเธอเบา ๆ“ฉันก็นึกว่าพี่จะปล่อยให้ฉันนอนหนาวอยู่คนเดียวในคืนเข้าหอซะอีก” หญิงสาวพูดอย่างหยอกล้อ และเริ่มมือไม้ซุกซนถอดเสื้อตัวนอกของเขาออก “ไปอาบน้ำก่อนดีไหมคะ”“พี่จะปล่อยให้คืนแต่งงานของเราไร้ความหมายได้อย่างไร ส่วนเรื่องอาบน้ำ เอาไว้อาบทีหลังได้ไหมครับ ตอนนี้ยังไม่มีเหงื่อเลยสักนิด เดี๋ยวเรามาเข้าหอกันดีกว่า” ชายหนุ่มตอบกลับพร้อมกับเริ่มถอดเสื้อผ้าให้เธอทีละชิ้นเหมือนกำลังแกะกล่องของขวัญ“พูดแล้วก็ทำให้พี่คิดถึงคืนนั้น ที่เรามีอะไรกันครั้งแรก พี่อยากมีความรู้สึกแบบนั้นอีกจังเลย พี่ชอบมากที่ปากน้อย ๆ นี้สัมผัสกับแก่นกายของพี่ ไม่เคยมีใครทำแบบนั้นกับพี่มาก่อน พี่ขอแบบนั้นอีกได้ไหมครับ”หยางอี้ข่ายพูดอย่างอ่อนหวาน เขาจูบลงที่ริมฝีปากบางในตอนที่พูดถึงปากของเธอ“งั้นถ้าฉันทำให้พี่ พี่ก็ต้องทำให้ฉันด้วยนะคะ เหมือนวันนั้น” หญิงสาวตอบกลับอย่างเขินอาย เมื่อคิดถึงคืนแรกของทั้งสองคน“ได้สิ เรามามีความสุขด้วยกันนะ”

  • รักร้ายนายคู่หมั้นสุดโหด   บทที่ 25

    บทที่ 25 หัวหน้าหมู่บ้านที่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยรีบห้ามซือถัวทันที“เธออย่าเห็นแก่ได้ไปหน่อยเลยซือถัว ก่อนหน้านี้บ้านใหญ่เคยให้อะไรกับบ้านรองบ้างล่ะ ตอนที่แยกบ้านและตัดขาดกัน บ้านรองแทบไม่มีอะไรติดตัวมาเลย แม้ว่าตอนนี้ครอบครัวของหลี่กวงจะย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง แต่บ้านหลังนี้ก็ยังเป็นของเขาอยู่ และเขาจะให้ของในบ้านกับใคร หรือไม่ให้ใคร มันก็เป็นสิทธิ์ของหลี่กวง เธอไม่มีสิทธิ์มายุ่ง”“นี่มันเรื่องในครอบครัวของตระกูลหลี่ หัวหน้าหมู่บ้านนั่นแหละที่ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดแบบนี้ ฉันพูดกับน้องชายของสามี ไม่ได้พูดกับหัวหน้าหมู่บ้านสักหน่อย” เธอหันกลับมาตวาดใส่หัวหน้าหมู่บ้านอย่างโมโห และรู้สึกไม่พอใจที่หัวหน้าหมู่บ้านเข้ามายุ่งในเรื่องนี้แต่ในขณะนั้นเอง ลูกชายคนโตของซือถัวก็เดินเข้ามาด้วยความโมโห พร้อมกับพูดกับแม่อย่างฉุนเฉียวว่า“ผมบอกแม่แล้วใช่ไหมว่าให้เลิกยุ่ง และวุ่นวายกับบ้านอารองเสียที ในเมื่อแม่ไม่เชื่อฟังผม และยังเห็นแก่ตัวอยู่แบบนี้ เห็นทีผมต้องแยกบ้านเสียแล้วล่ะ”พอเห็นว่าลูกชายพูดด้วยอาการโกรธจัด ท่าทีของซือถัว ก็สงบลง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเบา ๆ กับเขา“แม่ก็แค่อยากได้เครื่องเรือน และข้าวขอ

  • รักร้ายนายคู่หมั้นสุดโหด   บทที่ 24

    บทที่ 24 นายท่านหยางเห็นว่าครอบครัวของลูกสะใภ้ยังมีความเกรงใจตัวเอง และยังเรียกนายท่านอยู่จึงได้เอ่ยปากบอกออกมา“ไม่ต้องเรียกฉันว่านายท่านหรอก เราคนกันเองทั้งนั้นต่อจากนี้เรียกฉันว่าพี่หยางตงเถอะ”“เธอก็เหมือนกัน ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณนาย ต่อไปก็เรียกว่าพี่ซือเจิน เราสองครอบครัวตอนนี้เกี่ยวดองกันแล้ว”โม่ซือเจินพูดขึ้นมาบ้าง“ครับ / ค่ะ” ทั้งสองตอบรับอย่างยินดีเหมือนกัน ไม่คิดว่าคนยิ่งใหญ่อย่างนายท่านหยางจะไม่ถือตัวกับชาวบ้านแบบตนเอง“ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ฉันจะพาเธอไปในเมืองเพื่อไปเลือกดูเสื้อผ้าและของใช้ในงานแต่งงาน เธออยากจะจัดงานที่ไหนเหรอ”โม่ซือเจินถามความคิดเห็น“ฉันอยากจะย้ายบ้านก่อนน่ะค่ะ ตอนนี้พ่อสามีให้บ้านมาแล้ว เลยตั้งใจว่าจะไปดูในวันพรุ่งนี้ เพื่อจะได้เตรียมงานที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้า”หลี่เหมยตอบเอง เธอต้องการทำอย่างที่พูดก่อน ส่วนเรื่องจะเชิญใครไปงานแต่งงานนั้นค่อยว่ากัน หรือไม่ก็ค่อยเลี้ยงคนในหมู่บ้านที่มีความสัมพันธ์อันดีกับพวกเธอ“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ อาเหมยก็ค่อยไปดูบ้านกับทุกคนก็แล้วกันว่าชอบหรือเปล่า หากไม่ชอบพ่อจะได้เปลี่ยนหลังใหม่ให้ แล้วจะได้ย้ายทะเบียนบ้านทุกคนเ

  • รักร้ายนายคู่หมั้นสุดโหด   บทที่ 23

    บทที่ 23 ครึ่งเดือนต่อมา...แม้ว่าจะผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว แต่ตอนนี้ในหมู่บ้านก็ยังพูดคุยเรื่องของถังชุนเป้ยอยู่ เนื่องจากการกระทำของเธอมันโหดร้ายจนเกินไป แต่ก็ไม่มีใครไปโกรธหรือเกลียดคนบ้านถัง นั่นเพราะว่าทุกคนแยกแยะออก และรู้ว่าคนบ้านถังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้และที่ทุกคนแปลกใจก็เพราะว่าเมื่อสัปดาห์ก่อน ตัวของหร่วนเจินฮ่าวโดนคำสั่งย้ายอย่างกะทันหัน และเห็นว่าเงินเดือนที่ได้จากกองพลน้อยถูกสั่งหักไว้เพื่อชำระหนี้ให้กับหลี่กวงตามสัญญาที่เคยทำไว้ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นหัวข้อสนทนาของชาวบ้านไม่ต่างกันวันนี้หลี่เหมยตั้งใจจะเข้าเมือง เพราะอยากไปดูที่โรงขยะว่ามีสิ่งของน่าสนใจหรือไม่ อีกอย่างเธอได้ยินสามีพูดว่า พ่อกับแม่สามีใกล้จะกลับมาแล้ว เธอจึงอยากจะหาของเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าในระบบออกมาซึ่งในระบบพอมีเครื่องประดับบางอย่างที่ไม่ผิดกฎหมายในยุคนี้ ส่วนพ่อสามีก็คงจะให้เป็นนาฬิกาข้อมือ ที่หาไม่ได้จากในยุคนี้เหมือนกัน‘เจ้านาย ภาพวาดนั้นมีค่ามาก เจ้านายซื้อเก็บไว้ก่อนเถอะในอนาคต ซื้อขายเป็นร้อยล้านหยวนกันเลยนะ’ลี่ลี่รีบส่งเสียงบอกเมื่อเห็นภาพวาดโบราณที่แทบจะประเมินค่าไม่ได้ แต่ในยุคนี้นั้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status