เมื่อเหมยจูงมืออาชาเดินไปยังจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น หัวใจของอาชาเต้นระรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน การสัมผัสแผ่วเบาจากมือเล็กๆ ของเธอ ทำให้โลกทั้งใบของเขาสว่างไสว
เหมยเดินนำไปตามทางเล็กๆ ที่ค่อนข้างชัน อาชาพยายามปรับฝีก้าวให้เข้ากับเธอ เขาสังเกตเห็นสีหน้าตื่นเต้นของเหมยขณะที่เธอชี้ชวนให้มองดอกพญาเสือโคร่งที่บานสะพรั่งเต็มต้น สีชมพูสดใสตัดกับสีเขียวชอุ่มของต้นไม้อื่นๆ เป็นภาพที่งดงามเกินบรรยาย "สวยจริงๆ ครับคุณเหมย ไม่คิดเลยว่าที่นี่จะมีอะไรแบบนี้ด้วย" อาชาเอ่ยขึ้น สายตาจับจ้องไปที่เหมยมากกว่าวิวทิวทัศน์ตรงหน้า เหมยหันมายิ้มกว้าง "ใช่ไหมล่ะคะ เหมยชอบมาที่นี่ตอนเช้าๆ ค่ะ อากาศดีมากเลย" ทั้งสองเดินมาถึงจุดที่สูงที่สุดของหน้าผาเล็กๆ แห่งนั้น เป็นลานโล่งกว้างพอสมควรมีต้นพญาเสือโคร่งขนาดใหญ่สองต้นยืนตระหง่านอยู่เป็นฉากหลัง แสงอาทิตย์ยามเช้าเริ่มสาดส่องลงมา ทาบทับผืนป่าให้กลายเป็นสีทองอร่าม เหมยสูดหายใจเข้าเต็มปอด สัมผัสความสดชื่นของธรรมชาติที่โอบล้อมกาย "ดูสิคะคุณอาชา พระอาทิตย์กำลังขึ้นแล้ว" เหมยชี้ไปยังขอบฟ้าทางทิศตะวันออก แสงสีส้มแดงค่อยๆ เปล่งประกายขึ้นช้าๆ ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีจากน้ำเงินเข้มเป็นม่วงอ่อน ชมพู และส้มทอง อาชามองตามนิ้วเรียวของเหมย แต่สายตาเขากลับวกกลับมาที่ใบหน้าของเธออีกครั้ง แสงอาทิตย์ยามเช้ากระทบกับผิวขาวเนียนของเหมย ทำให้เธอดูเปล่งประกายราวกับนางฟ้า ผมยาวสลวยปลิวไสวไปตามแรงลมเบาๆ อาชารู้สึกเหมือนถูกมนตร์สะกด ทุกวินาทีที่อยู่กับเหมยคือช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุดในรอบหลายปี ตั้งแต่เขาต้องแบกธุรกิจของครอบ เขาก็ไม่เคยสัมผัสความรู้สึกอิสระและเบาใจแบบนี้เลย "สวยมากครับ" อาชาพึมพำออกไป เหมยหันมายิ้มให้เขาอีกครั้ง รอยยิ้มนั้นทำให้ใจอาชาอ่อนยวบ "คุณอาชาถ่ายรูปไว้สิคะ เก็บไว้เป็นที่ระลึก" เหมยบอกพลางหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา "ผมไม่ค่อยชอบถ่ายรูปเท่าไหร่ครับ แต่ถ้ามีคุณเหมยอยู่ในเฟรม ผมจะถ่ายเก็บไว้เยอะๆ เลย" อาชาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำให้เหมยหน้าแดงเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าจะตอบอะไร ได้แต่ยิ้มเขินๆ แล้วหันไปสนใจพระอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นขอบฟ้าเต็มดวง "คุณอาชาอย่าล้อเล่นกับเหมยแบบนี้สิคะเหมยก็เขินเป็นนะ"เหมยเองก็รู้สึกเขินอย่างที่พูดจริงๆ อาชารวบรวมความกล้าเขาไม่เคยรู้สึกว่าตั้งแต่เกิดมามีแต่ผู้หญิงอยากจะคลานขึ้นเตียงและพร้อมจะถวายร่างกายให้กับเขา แต่ครั้งนี้เขากลับชอบเหมยตั้งแต่แรกเจอในวันงานโรงเรียนของมหาวิทยาลัยเขาจึงรวบรวมความกล้าที่จะบอกชอบเหมย "คุณเหมยครับผมขอจีบคุณหน่อยได้ไหม"อาชาพูดออกไปตรงๆ "คะ คะ คุณอาชาพูดอะไรออกมาคะ"เหมยที่มีปมบาดแผลในใจอยู่แล้วก็ไม่กล้าที่จะรับปากจึงเบี่ยงเบนหาเรื่องอื่นพูด "ผมไม่เร่งรัดคุณเหมยนะครับแต่แค่อยากให้คุณเหมยรู้ว่าผมชอบคุณ"อาชาพูดย้ำอีกครั้ง บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมพัดและเสียงนกร้อง เหมยหันไปมองอาชาอีกครั้ง เขาดูสงบนิ่งและแตกต่างจากตอนที่พูดคุยกับลูกน้องเมื่อครู่ เธอเพิ่งสังเกตเห็นว่าดวงตาของอาชามีแววความเศร้าบางอย่างซ่อนอยู่ลึกๆ แต่เธอก็ไม่ได้ถามออกไป "คุณอาชาคงมีเรื่องให้คิดเยอะใช่ไหมคะ" เหมยเอ่ยขึ้นเบาๆ อาชาหันมาสบตาเธอ แววตาที่เคยเศร้าเมื่อครู่กลับกลายเป็นอ่อนโยน "ก็...นิดหน่อยครับ แต่พออยู่กับคุณเหมย ผมก็รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลยครับ" เหมยยิ้มตอบ พลางหันกลับไปมองวิวเบื้องหน้า "เหมยก็เหมือนกันค่ะ เวลาอยู่ที่นี่ เหมยรู้สึกเหมือนทุกปัญหาหายไปหมดเลย" อาชายืนอยู่ข้างๆ เหมย ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมระหว่างพวกเขา ความเงียบที่ไม่ได้อึดอัด แต่กลับอบอุ่นและสบายใจ อาชาอยากให้ช่วงเวลานี้คงอยู่ตลอดไป เขาอยากจะกอดเธอไว้ อยากจะบอกทุกความรู้สึกที่เขามีให้เธอได้รับรู้มากกว่าการที่บอกชอบเหมย แต่เขาก็รู้ดีว่ามันยังไม่ถึงเวลา หลังจากยืนชมพระอาทิตย์ขึ้นจนเต็มอิ่ม ทั้งสองก็ตัดสินใจเดินกลับ เหมยเดินนำหน้าไปก่อน อาชาตามหลังมาอย่างช้าๆ เขาแอบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเหมยจากด้านหลังหลายรูป รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าคมสันของเขาโดยไม่รู้ตัว เมื่อเดินกลับมาถึงจักรยาน อาชาทำท่าจะปั่น แต่เหมยก็รีบบอกว่า "เดี๋ยวเหมยปั่นให้ก็ได้ค่ะ คุณอาชาตัวใหญ่ เหมยอยากลองบรรทุกคนตัวใหญ่อย่างคุณอาชาดู ฮิ ฮิ" "ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่เมื่อยหรอกน่า" อาชายืนยันเสียงหนักแน่น พร้อมกับส่งยิ้มกวนๆ ให้เธอ "ให้ผมดูแลคุณเหมยบ้างสิครับ" เหมยไม่รู้จะโต้แย้งอย่างไร ได้แต่ขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายอย่างว่าง่าย อาชาออกแรงปั่นจักรยานอย่างมั่นคง แม้จะรู้สึกเมื่อยบ้างเล็กน้อย แต่เขาก็มีความสุขที่ได้ดูแลเธอ ระหว่างทางกลับบ้าน เหมยชี้ชวนอาชาให้ดูต้นไม้ดอกไม้นานาชนิดที่เธอรู้จัก เธอเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับไร่ของพ่อกับแม่ให้ฟังอย่างสนุกสนาน อาชาฟังเธอพูดไม่เบื่อ เขารู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เป็นเด็กที่ไร้กังวลและมีความสุข เมื่อมาถึงหน้าบ้าน พ่อบุญทองและแม่น้ำฟ้ายืนรออยู่แล้ว พร้อมกับลิลลี่ที่เพิ่งตื่นนอนและกำลังขยี้ตาปอยๆ "เป็นยังไงบ้างลูก สนุกไหม" แม่น้ำฟ้าถามด้วยรอยยิ้ม "สนุกมากค่ะแม่ วิวสวยมากเลย" เหมยตอบพลางลงจากจักรยาน "ขอบคุณมากนะครับคุณพ่อคุณแม่ ที่แนะนำที่สวยๆ ให้ผม" อาชาโค้งคำนับเล็กน้อย "ไม่เป็นไรหรอกลูก แค่เห็นพวกหนูมีความสุข พ่อกับแม่ก็ดีใจแล้ว" พ่อบุญทองพูดพลางหัวเราะเบาๆ ลิลลี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ อาชา เงยหน้ามองเขาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น "ลุงอาชาไปไหนมาคะ ทำไมลิลลี่ไม่เห็นลุงเลย" อาชาย่อตัวลงระดับเดียวกับลิลลี่ ลูบผมเธอเบาๆ "ลุงไปดูพระอาทิตย์ขึ้นมาครับ หนูลิลลี่ตื่นสาย เลยอดไปเลย" "จริงเหรอคะ? ลิลลี่อยากไปดูบ้าง" ลิลลี่ทำหน้ามุ่ย "เอาไว้คราวหน้า ลุงจะปลุกหนูไปดูด้วยนะครับ" อาชาสัญญา ทุกคนเดินเข้าไปในบ้าน แม่น้ำฟ้าเตรียมอาหารเช้าไว้พร้อมแล้ว ขนมจีนน้ำเงี้ยวส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบ้าน บอดี้การ์ดของอาชาผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ต่างก็ชื่นชมฝีมือการทำอาหารของแม่น้ำฟ้า "อร่อยมากเลยครับคุณป้า ไม่คิดเลยว่าจะได้กินขนมจีนน้ำเงี้ยวรสชาติแบบนี้ที่นี่" หนึ่งในบอดี้การ์ดเอ่ยชม แม่น้ำฟ้ายิ้มอย่างปลื้มใจ "กินเยอะๆ นะหนุ่มๆ จะได้มีแรงทำงาน" อาชานั่งลงข้างเหมย เขาสังเกตเห็นว่าเหมยทานอาหารเช้าน้อยกว่าปกติ และดูเหมือนจะมีอาการซึมๆ เล็กน้อย "คุณเหมยไม่สบายหรือเปล่าครับ ดูไม่ค่อยสดใสเลย" อาชาถามด้วยความเป็นห่วง เหมยหันมายิ้มเจื่อนๆ "เปล่าค่ะ เหมยแค่เพลียๆ นิดหน่อย" อาชาไม่เชื่อในคำตอบของเหมย เขารู้สึกว่าเธอมีบางอย่างปิดบังอยู่ แต่ก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้ เขาเพียงแค่หยิบช้อนตักขนมจีนน้ำเงี้ยวที่ตนเองตักมาแล้วยื่นให้เหมย "ลองชิมของผมสิครับ เผื่อจะเจริญอาหารขึ้น" เหมยรับช้อนมาทานอย่างว่าง่าย อาชามองเธอด้วยความเป็นห่วงในใจ เขาตั้งใจไว้ว่าหลังจากทานอาหารเสร็จ เขาจะต้องหาโอกาสคุยกับเหมยเป็นการส่วนตัว เพื่อสอบถามว่าเธอเป็นอะไรกันแน่...วันรุ่งขึ้น เมฆินทร์ปรากฏตัวที่คาเฟ่แต่เช้าผิดปกติ เขานั่งอยู่ที่โต๊ะเดิม ริมหน้าต่าง และแทนที่จะจิบกาแฟสบาย ๆ เหมือนเคย วันนี้กลับมีหนังสือเล่มหนาอยู่ในมือ เมื่อเหมยเดินผ่านมาเพื่อนำดอกไม้สดที่เธอตั้งใจตัดมาจัดที่โต๊ะเพราะหนูน้อยลิลลี่กับอาชาเป็นคนช่วยกันปลูกทำให้เหมยอยากจะเชยชมและประดับห้องเรียนของเธอและลิลลี่ให้ออกมาเป็นบรรยากาศที่สวยงาม เมฆินทร์ก็เงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้ม "อรุณสวัสดิ์ครับคุณเหมย เช้านี้อากาศดีจังเลยนะครับ"เมฆินทร์ที่วันนี้ตั้งใจมาหาเหมยตั้งแต่เช้าเพราะเขาอยากจะรู้ว่าอาชาจะดิ้นทุรนทุรายขนาดไหน "อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเมฆินทร์" เหมยตอบพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ เธอยังคงรู้สึกประหลาดใจกับการปรากฏตัวของเขาในทุก ๆ วันและนับวันก็ยิ่งประหลาดขึ้นทุกวัน "ผมกำลังอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่พอดีเลยครับ" เมฆินทร์ชูหนังสือในมือขึ้นมา "เป็นนิยายแนวแฟนตาซี "ผมไม่ค่อยได้อ่านแนวนี้เท่าไหร่ แต่พออ่านแล้วก็รู้สึกว่าน่าสนใจมากเลยครับ" เมฆินทร์หาทางเชื่อมสัมพันธ์กับเหมยผ่านการอ่านหนังสือซึ่งตัวเขาเองก็ชอบอ่านหนังสือเป็นทุนเดิมทำให้เข้ากับเหมยได้ค่อนข้างง่าย เหมยเหลือบมองหนังสือในมือเมฆินทร์ "อ้อ
เสียงตึงเครียดของอาชาและเมฆินทร์ดังไปทั่วห้อง ท่ามกลางบรรยากาศที่พร้อมจะปะทุอยู่ดี ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา หนูน้อยลิลลี่ที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดหนังสือในห้องสมุดก็เดินกลับมาพร้อมกับหนังสือภาพเล่มโปรดในมือ"คุณลุงอาชาขา ลิลลี่อยากให้คุณลุงอ่านนิทานเรื่องนี้ให้ฟังก่อนนอนกลางวันค่ะ" ลิลลี่เงยหน้ามองอาชาด้วยดวงตากลมโตไร้เดียงสาน้ำเสียงใสซื่อของลิลลี่ดึงสติของอาชาให้กลับมา เขาสูดหายใจลึกๆ พยายามระงับโทสะที่คุกรุ่น เมฆินทร์เองก็ลดรอยยิ้มยียวนลงเล็กน้อยเมื่อเห็นเด็กน้อยเดินเข้ามา"ได้สิครับคนเก่ง" อาชาย่อตัวลงรับหนังสือจากลิลลี่ พลางเอื้อมมือไปลูบผมหนูน้อยอย่างอ่อนโยน "เดี๋ยวคุณลุงไปอ่านให้ฟังที่ห้องนะครับ"เหมยที่เดินตามมาก็พยกหัว 1 ครั้งและรีบจูงมือหนูลิลลี่ที่อยู่กับอาชาเพื่อจะกลับไปนอนอ่านนิทานด้วยกัน"ลิลลี่คะคุณลุงทำงานไปฟังนิทานกับคุณครูดีกว่า เดี๋ยวคุณครูจะนอนเป็นเพื่อน"เหมยที่พูดตลอดให้หนูลิลลี่เชื่อฟังอาชาหันไปมองเมฆินทร์ด้วยสายตาเย็นชา "ผมคงต้องขอตัวพาหลานไปพักผ่อนก่อน หวังว่าคุณจะเข้าใจนะ เมฆินทร์""ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณเหมยงั้นเราไปพร้อมกันเลยดีกว่า"อาชาที่พูดกันท่าไม่ให้เ
บรรยากาศระหว่างอาชาและเมฆินทร์ยังคงคุกรุ่นราวกับมีไฟฟ้าสถิตย์ แม้เหมยจะเดินจากไปแล้ว แต่ความตึงเครียดก็ยังคงอยู่เต็มเปี่ยม"ฉันเตือนนายแล้วนะ เมฆินทร์" อาชากล่าวเสียงเย็น "อย่าคิดจะทำอะไรไม่ดีที่นี่"เมฆินทร์ยิ้มมุมปาก "คุณอาชาครับ ผมมาเที่ยว มาพักผ่อน ไม่ได้มาสร้างปัญหาอะไร" เขาเว้นจังหวะ "แต่ถ้ามีอะไรที่น่าสนใจ...ผมก็ไม่พลาดที่จะคว้าไว้หรอกนะ" สายตาของเขาจงใจกวาดมองไปทางที่เหมยเพิ่งจากไปอาชากำหมัดแน่น พยายามระงับอารมณ์ที่พุ่งพล่าน "คนของฉันไม่ใช่ของเล่นของนาย""ผมก็ไม่ได้บอกว่าเป็นของเล่นนี่ครับ" เมฆินทร์ตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน "แต่คุณเหมยดูเป็นคนน่าสนใจจริงๆ นั่นแหละ"เสือที่ยืนอยู่ข้างกายอาชาขยับตัวเล็กน้อย แผ่รังสีข่มขู่ไปยังถังลี่ที่ยืนอยู่ข้างเมฆินทร์เช่นกัน ถังลี่เองก็จ้องกลับอย่างไม่ยอมแพ้"กลับไปซะ..! เมฆินทร์" อาชาสั่งเสียงห้วน "ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน"เมฆินทร์หัวเราะเบาๆ "ใจเย็นๆ สิครับเพื่อนเก่า เราเพิ่งเจอกันเองนะ" เขาหยิบถุงกระดาษสีน้ำตาลออกมาจากด้านหลัง "พอดีผมมีของขวัญมาฝากคุณหนูลิลลี่ด้วยน่ะครับ"อาชามองถุงในมือเมฆินทร์อย่างระแวง "ไม่จำเป็น.!""แหม อย่าใจร้ายอย่า
"เออ ครับ" อาชาตอบสั้น ๆ และหันไปพยักหน้าให้เสือเสริมเก้าอี้และโต๊ะมาเพื่อให้นั่ง ข้าง ๆ เหมย "งั้นผมขอร่วมวงด้วยเลยก็แล้วกันนะครับคุณเมฆินทร์" อาชานั่งลงแล้วหันหน้าไปมองเมฆินทร์ด้วยสายตาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ "แหม คุณอาชาเพื่อนรัก อย่าพูดห่างเหินอย่างนั้นสิครับ เดี๋ยวคุณเหมยก็คิดว่าเราไม่ได้เป็นเพื่อนกันหรอก" เมฆินทร์หาช่องว่างพูดกระแทกแดกดันใส่อาชา บรรยากาศบนโต๊ะยังคงอบอวลไปด้วยความตึงเครียดที่ซ่อนเร้น อาชาพยายามวางตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี แต่สายตาคมกริบของเขายังคงจับจ้องไปที่เมฆินทร์เป็นระยะ ขณะที่เมฆินทร์เองก็ยังคงรักษาท่าทีเป็นมิตร แต่แฝงไปด้วยความมั่นใจที่ยากจะเข้าถึง "หนูลิลลี่เรียนเป็นยังไงบ้างครับ" เมฆินทร์หันไปถามหนูลิลลี่ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ทำให้หนูลิลลี่รู้สึกสบายใจที่จะตอบ "ดีค่ะ คุณครูเหมยใจดีมากเลยค่ะ สอนเข้าใจง่ายด้วย" หนูลิลลี่ตอบอย่างกระตือรือร้น "งั้นเหรอครับ" เมฆินทร์เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองเหมย "เห็นไหมครับคุณเหมย ศิษย์รักชมขนาดนี้ ต้องเก่งจริงแน่ ๆ" เหมยยิ้มเล็กน้อยด้วยความเขินอาย "ลิลลี่ก็เก่งอยู่แล้วค่ะ" อาชายิ้มเล็กน้อยอย่างภูมิใจ "ลิลลี่เป็นเด็
เมฆินทร์ที่เคยลั่นวาจาไว้ว่าจะมาหาอาชาเพื่อดื่มด่ำกับไร่ชาที่คาเฟ่ วันนี้เขาก็ได้ก้าวเข้ามาในไร่ชาของอาชาจริง ๆ บรรยากาศยามบ่ายคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาถ่ายรูปและเซลฟี่ รถเข้าออกวันละไม่ต่ำกว่า 40-50 คัน"ที่นี่เหรอวะ ถังลี่ ไร่ชาพรหมเทพ? บรรยากาศก็ดูดีใช้ได้เลยนะ" เมฆินทร์ที่มาพร้อมกับถังลี่ บอดี้การ์ดคู่ใจเอ่ยขึ้น เขากล้าหาญและเด็ดเดี่ยว เดิมทีตั้งใจจะนำบอดี้การ์ดมาด้วยหลายคน แต่ไม่อยากให้ผู้คนแตกตื่น จึงเลือกมากับถังลี่เพียงสองคน"ใช่ครับนาย ที่นี่แหละไร่ชาของพรหมเทพ" ถังลี่ยืนประกบอยู่ด้านหลัง"งั้นมึงสั่งกาแฟกับชามาให้กูอย่างละแก้ว วันนี้กูก็อยากกินขนมหวานด้วย เผื่อจะได้ปะทะกับเจ้าของคาเฟ่" คำพูดของเมฆินทร์ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนที่เขาเตรียมพร้อมจะปะทะคืออาชา เพราะวันนี้เขากล้ามาเหยียบถึงถิ่นบอดี้การ์ดคนอื่น ๆ ที่เห็นว่าศัตรูมาเหยียบถึงถิ่นก็รีบเข้าไปรายงานเสือ เพื่อให้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล เพราะวันนี้มีนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ"พี่เสือ ไอ้เมฆินทร์มันมาพร้อมกับลูกน้องคนนึง" บอดี้การ์ดชุดดำรีบวิ่งเข้ามาบอก"จัดคนของเราเฝ้ารอบ ๆ อย่าให้มีปัญหา เดี๋ยวไปกูเ
ไม่กี่วันก่อนจะต้องไปสอนพิเศษให้หนูลิลลี่ที่บ้านของอาชา เหมย มีนัดสำคัญที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติ เธอได้รับเชิญให้ไปออกบูธพบปะแฟนคลับในงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ "พี่เหมยคะเดี๋ยวจะมีแฟนคลับมาขอลายเซ็นหนังสือพี่เหมยนั่งรอตรงนี้นะเดี๋ยวตุ๊กตาจะไปเตรียมของมาให้พี่อยากได้อะไรบอกตุ๊กตานะคะน้องรีเซฟชั่นคนที่คอยเคลียร์ทุกอย่างให้กับเหมยเป็นคนน่ารักมากชื่อตุ๊กตาวิ่งทำโน่นทำนี่ไม่หยุดขอบใจมากจ้ะตุ๊กตาเดี๋ยวถ้าพี่อยากได้อะไรพี่บอกนะหลังจากนั้นไม่นานเหล่าบรรดาแฟนคลับก็เริ่มทยอยมาพูดคุยและขอลายเซ็นจากเหมยหลังจากที่นวนิยายเล่มล่าสุดของเธอได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม บรรยากาศภายในงานคึกคักไปด้วยผู้คน เหมย ใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่ที่บูธของเธอ แจกลายเซ็นและพูดคุยกับแฟนๆ อย่างสนุกสนาน จนกระทั่งถึงเวลาที่เธอต้องพักเข้าห้องน้ำเหมย เดินออกมาจากบูธ สองมือถือแก้วกาแฟเย็นที่เพิ่งซื้อมาอย่างเร่งรีบ เพราะเธอรู้ว่ามีแฟนคลับจำนวนมากรออยู่ที่บูธ เธอพยายามเดินหลบหลีกฝูงชนที่เดินกันขวักไขว่ แต่แล้ว..."โอ๊ะ!"เสียงอุทานดังขึ้นพร้อมกับแรงปะทะ ร่างของเห