วันนี้อาชากลับมาถึงที่บ้านด้วยความเหนื่อยอ่อนแต่ก็ยังดีใจที่เจอเหมยและลิลลี่เปรียบเสมือนครอบครัวที่สมบูรณ์แบบรอคอยให้อาชากลับมาที่บ้านพักตากอากาศนี้จากที่เคยเงียบเหงาก็มีชีวิตชีวาและรอยยิ้มของลิลลี่กับเหมยทำให้ที่นี่มีสีสัน
"คุณเป็นอะไรมากไหมครับ เหมยรู้สึกอึดอัดกับคุณธงอยู่หรือเปล่า" ธงที่กำลังนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นเปิดทีวีและเห็นเหมยกำลังนั่งเหม่อลอยคิดอะไรบางอย่าง อาชาเป็นห่วงความรู้สึกของเหมยเพราะรู้ตั้งแต่ต้นสายปลายเหตุและยิ่งธงทำตัวแบบนี้อาชายิ่งรู้สึกโกรธแค้นแทนเหมย "ไม่หรอกค่ะ พี่ธงเขาก็เป็นคนแบบนี้แหละแล้วคุณอาชาล่ะคะวันนี้เป็นไงบ้าง" เหมยที่ได้ยอมรับหัวใจของตัวเองนานแล้วหลังจากที่มีความสัมพันธ์ทางกายและผูกพันทางใจกับอาชาภายในเวลาอันรวดเร็ว "วันนี้ลูกค้าที่ไร่ชาไม่ค่อยเยอะครับ ส่วนที่ มหาลัยก็มีคุณครูปริมคอยดูแลจัดการทุกอย่างโอเคมาก...อาชาพูดเว้นจังหวะ "แต่ผมคิดถึงเหมยนะ"อาชายังไม่วายจะหยอดคำหวานใส่เหมยทุกครั้งที่มีโอกาส "คุณอาชาไม่ต้องมาหยอดคำหวานใส่เหมยเลยนะคะ"เหมยแอบเขินจนหน้าแดง อาชาที่เห็นแบบนั้นก็รีบลุกขึ้นยืนกระเถิบมานั่งอยู่ข้างเหมยแล้วโอบกอดหมอยเอาไว้แนบกาย พร้อมกับเสียงกระซิบว่า "วันนี้ขอผมไปนอนด้วยได้ไหม"อาชากระซิบข้างหูของเหมย... เหมยเงยหน้าขึ้นมอง ทำตาดุใส่ แม้จะรู้ว่าอาชาจะเข้ามาหาเธอแน่นอนโดยที่ไม่ต้องขออนุญาต เพราะตอนนี้อาชาได้สั่งให้คนทำประตูพิเศษระหว่างห้องของอาชาและเหมยที่ผ่านเข้าออกได้ ในค่ำคืนนั้นอาชาที่ได้ทำท่าทางขอเหมยมานอนด้วยเขาก็กลับมาจริงๆเขาแอบย่องเปิดประตูเข้ามานั่งรอเหมยที่กำลังอาบน้ำอยู่ในห้องอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์โดยไม่รู้เลยว่ามีผู้ชายเจ้าเล่ห์แสนกลตัวใหญ่กำลังนั่งรอเธออยู่ในห้องนอน อาชาเดินดูรอบๆห้องของเหมยแบบนี้ทุกวันแต่วันนี้เป็นวันแรกที่เขากล้าเข้ามาในห้องของเหมยแบบถือวิสาสะ เหมยที่เปิดประตูออกมาในชุดนุ่งกระโจมอกผมที่ถูกจะเซ็ตจนแห้งจากในห้องน้ำยาวตก ๆ หลังดูมีเสน่ห์มากเหมยถึงกับตกใจเมื่อหันมาเห็นร่างใหญ่ของอาชา "คุณอาชา..!! เข้ามาทำอะไรในห้องของ เหมยคะ?" เหมยที่เห็นหน้าของอาชาก็ถอดสีเล็กน้อยแต่ก็ทำใจดีสู้เสือหันกลับมาถามเหตุการณ์ในครั้งก่อนทุกอย่างเป็นเหตุที่ไม่ได้ตั้งใจที่ทำให้ทั้งสองตกเป็นของกันและกันมันหวนกลับเข้ามาในหัวของเหมยอีกครั้ง "คุณเหมยอาบน้ำเสร็จแล้วหรอ ผมคิดถึงเหมยนะ ก็เลยอยากเข้ามานอนกับเหมยได้ไหม" อาชาพูดน้ำเสียงกระเส่าตาหวานเยิ้มครั้งนี้เขาจะแก้ตัวและทำออกมาด้วยความรัก อาชาลุกขึ้นจากเตียงเข้าไปจู่โจมกอดเหมยเอาไว้แนบแน่น เนื้อแนบเนื้อ แล้วประคองกอดจูบลงไปที่ริมฝีปากอย่างแผ่วเบา ในครั้งนี้เหมยไม่ได้มีการปฏิเสธเธอเองก็มีใจให้กับอาชาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ตัว "อื้อ..."เสียงครางอื้ออึงในลำคอของเหมยและอาชาราวกับกำลังพอใจในสิ่งที่ได้รับ จูบของอาชาลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆ ร้อนแรงราวกับเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำในพายุฤดูร้อน ลิ้นของเขาสอดแทรกเข้ามาหยอกล้อกับลิ้นของเหมยอย่างเชี่ยวชาญ ปลุกเร้าทุกอณูความรู้สึกให้ตื่นขึ้น เหมยตอบรับจูบนั้นอย่างโหยหา มือเรียวโอบรอบคออาชาแน่น จิกปลายนิ้วลงบนแผงไหล่กว้างอย่างไม่รู้ตัว ความรู้สึกวาบหวามแล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์กายราวกับกระแสไฟฟ้า "ชอบไหมครับเหมย...."อาชามองตาของเหมยหลังจากที่เขาถอนจูบออกจากปากแสนหวานเหมยตาปรือหยาดเยิ้มราวกับน้ำผึ้ง อาชาสัมผัสได้ถึงการตอบสนองที่ร้อนแรงจากเหมย เขายิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ มือหนาเลื่อนจากเอวของเธอขึ้นไปปลดปมผ้าขนหนูที่รัดกระโจมอกของเหมยออกอย่างเชื่องช้า แต่เต็มไปด้วยความตั้งใจ ทุกการเคลื่อนไหวของเขาราวกับบทเพลงที่บรรเลงอยู่บนผิวเนื้อ เผยให้เห็นเรือนร่างที่นวลเนียนผุดผ่องของเหมยทีละน้อย ผ้าผืนสุดท้ายหลุดร่วงลงสู่พื้นอย่างแผ่วเบา เหมยยืนอยู่ตรงหน้าอาชาในสภาพเปลือยเปล่า แสงไฟสีนวลส่องกระจ่างนวลภายในห้อง อาบไล้เรือนร่างของเหมยให้ดูงดงามจับตา เส้นผมสีดำขลับที่เพิ่งสระเสร็จหมาดๆ ตกลงมาเคลียแผ่นหลังเนียนนุ่ม หยดน้ำเล็กๆ เกาะพราวอยู่บนผิวเนื้อ สะท้อนแสงระยิบระยับราวกับเพชรเม็ดเล็กๆ อาชาจ้องมองเหมยด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความหลงใหลและปรารถนาอันแรงกล้า ดวงตาคมกริบคู่นั้นราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัว "เหมย... คุณสวยเหลือเกิน" อาชากระซิบเสียงแหบพร่า พลางเลื่อนมือขึ้นเชยคางมนของเหมยอย่างแผ่วเบา เหมยเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความเขินอาย แต่แววตากลับฉายแววความต้องการที่ไม่แตกต่างกัน อาชาค่อยๆ โน้มตัวลง ใบหน้าคมสันซุกไซร้เข้ากับลำคอระหงของเหมย จมูกโด่งโด่งกดลงสูดดมความหอมกรุ่นจากผิวเนื้อของเธอ ริมฝีปากอุ่นร้อนไล่จูบซับตั้งแต่ซอกคอ ไล่ลงมาตามเนินอกอิ่ม เหมยแอ่นกายรับสัมผัสร้อนผ่าวจากริมฝีปากของเขาอย่างอ่อนระทวย เสียงครางแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากลำคอระหงอย่างควบคุมไม่ได้ "อ้าส์...ซี๊ด คุณอาชา...ฮืม..เสียว..."ทุกอย่างจะถูกดำเนินไปตามแรงอารมณ์และมันจะไม่จบลงเพียงเท่านี้....อาชาเลื่อนมือลงไปบีบเคล้นสะโพกกลมกลึงของเหมยอย่างแผ่วเบา แต่แฝงไว้ด้วยความกระหายอาชาอยากทำทุกอย่างด้วยความอ่อนโยนที่สุดเพื่อลบรอยแผลในใจให้กับเหมยในค่ำคืนนี้เขาจะสอนบทเพลงรักที่แสนหวานให้กับเหมย "ผมจะทำให้เหมยมีความสุขที่สุด... สุขกว่าครั้งไหน ๆ " อาชากระซิบเสียงพร่า สัมผัสแผ่วเบาจากริมฝีปากของเขาแตะลงบนกลีบปากอิ่มของเหมยอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ บดขยี้ลงไปอย่างนุ่มนวล แต่แฝงไว้ด้วยความเร่าร้อนและความปรารถนาที่ไม่อาจเก็บงำ ลิ้นของเขาสอดแทรกเข้ามาควานหาความหอมหวานภายในโพรงปากของเหมยอย่างช่ำชอง เหมยตอบรับจูบนั้นอย่างเต็มใจ ปล่อยให้ความรู้สึกนำพาไป ความร้อนรุ่มที่ก่อตัวขึ้นภายในตัวของเธอ มันร้อนแรงเสียจนเธอไม่คิดจะต่อต้านอีกต่อไป อาชาค่อยๆ ช้อนร่างบางของเหมยขึ้นมาในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม ราวกับเธอคือสิ่งล้ำค่าที่สุดในชีวิต เหมยโอบรอบคอเขาไว้แน่น ซบใบหน้าลงกับแผงอกแกร่งของเขา หัวใจของทั้งสองเต้นรัวเป็นจังหวะเดียวกัน ดังกว่าเสียงใดๆ ในห้องนั้น อาชาเดินตรงไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง เขาบรรจงวางเหมยลงบนเตียง
คำพูดของอาชาในวันนั้นยังคงก้องอยู่ในหัวของ ธง ราวกับคมมีดกรีดลึก "คุณกำลังล้ำเส้น และผมไม่ชอบให้ใครมาล้ำเส้นของผม" คำพูดที่ตอกหน้าเขาอย่างจังต่อหน้า เหมย ผู้หญิงที่เขาต้องการและปรารถนา มันไม่ใช่แค่ความอับอาย แต่มันคือการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขาอย่างไม่ไว้หน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขากลายเป็นเพียงพนักงานฝึกหัดภายใต้การปกครองของอาชา ตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการช่างซ่อมบำรุงที่ เสือ เป็นผู้ควบคุม มันเหมือนกับการตอกย้ำว่าเขายังด้อยกว่าอาชามากแค่ไหน "พี่ธงเป็นอะไรหรือเปล่าเห็นยืนเหม่อตั้งนาน" เมื่อมีรุ่นน้องช่างซ่อมบำรุงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาธงที่กำลังยืนดูการทำงานของเครื่องซีลถุงชา "เออไม่มีอะไรว่ะ พอดีคิดอะไรเพลิน ๆ แล้วนี่ไอ้ต้นหนาวมันไปไหนวะ ไม่เห็นมันมาเลย"ธงหันมาถาม "พอดีวันนี้มันหยุดวะ พี่นี่ก็ใกล้เลิกงานแล้วผมนัดกับมันไว้ว่าจะไปเที่ยวบาร์ในตัวเมืองเชียงใหม่กัน พี่ไปป่ะล่ะ"ไอ้เต้รุ่นน้องช่างซ่อมบำรุงในสาขาแผนกเดียวกันเอ่ยปากชวนธง "เออไปดิวะเบื่อ ๆ เหมือนกัน แถมพรุ่งนี้ก็วันอาทิตย์แล้วด้วยคืนนี้ก็ตี้สักหน่อยก็ดีเดี๋ยวกูเลี้ยงเอง..!"ธงที่อาสาเป็นคนเลี้ยงเหล้ารุ่นน้องในแผนกเพราะ
วันนี้อาชากลับมาถึงที่บ้านด้วยความเหนื่อยอ่อนแต่ก็ยังดีใจที่เจอเหมยและลิลลี่เปรียบเสมือนครอบครัวที่สมบูรณ์แบบรอคอยให้อาชากลับมาที่บ้านพักตากอากาศนี้จากที่เคยเงียบเหงาก็มีชีวิตชีวาและรอยยิ้มของลิลลี่กับเหมยทำให้ที่นี่มีสีสัน"คุณเป็นอะไรมากไหมครับ เหมยรู้สึกอึดอัดกับคุณธงอยู่หรือเปล่า" ธงที่กำลังนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นเปิดทีวีและเห็นเหมยกำลังนั่งเหม่อลอยคิดอะไรบางอย่างอาชาเป็นห่วงความรู้สึกของเหมยเพราะรู้ตั้งแต่ต้นสายปลายเหตุและยิ่งธงทำตัวแบบนี้อาชายิ่งรู้สึกโกรธแค้นแทนเหมย"ไม่หรอกค่ะ พี่ธงเขาก็เป็นคนแบบนี้แหละแล้วคุณอาชาล่ะคะวันนี้เป็นไงบ้าง"เหมยที่ได้ยอมรับหัวใจของตัวเองนานแล้วหลังจากที่มีความสัมพันธ์ทางกายและผูกพันทางใจกับอาชาภายในเวลาอันรวดเร็ว"วันนี้ลูกค้าที่ไร่ชาไม่ค่อยเยอะครับ ส่วนที่ มหาลัยก็มีคุณครูปริมคอยดูแลจัดการทุกอย่างโอเคมาก...อาชาพูดเว้นจังหวะ "แต่ผมคิดถึงเหมยนะ"อาชายังไม่วายจะหยอดคำหวานใส่เหมยทุกครั้งที่มีโอกาส"คุณอาชาไม่ต้องมาหยอดคำหวานใส่เหมยเลยนะคะ"เหมยแอบเขินจนหน้าแดงอาชาที่เห็นแบบนั้นก็รีบล
แต่ในขณะที่ความรักของอาชาและเหมย กำลังเบ่งบาน ก็ยังมีเงาของ ธงรวมถึงเมฆินทร์ที่ยังคงพยายามไปมาหาสู่กับเหมยแต่ช่วงนี้เมฆินทร์ที่ยุ่งกับงานค่อนข้างหนักห่างหายเหมยไปสักพักใหญ่แต่ก็ยังคงวนเวียนอยู่ ธงยังคงตามตอแยเหมยอย่างไม่ลดละ ทุกครั้งที่เหมยไปสอนลิลลี่ที่บ้าน ธงมักจะหาโอกาสเข้ามาทักทาย ชวนคุย หรือแม้กระทั่งพยายามชวนเหมยไปกินข้าว"น้องเหมยครับ วันนี้พี่ทำขนมมาฝาก น้องเหมยลองชิมดูนะครับ" ธงยิ้มหวานยื่นกล่องขนมให้เหมยในวันที่เธอเพิ่งสอนลิลลี่เสร็จเหมยรับขนมมาอย่างเกรงใจ "ขอบคุณค่ะพี่ธง แต่วันหลังอย่าลำบากเอามาให้เหมยอีกนะคะเหมือนเกรงใจ" เหมยหันมาพูดกับธงเพราะเธอไม่ต้องการให้ธงมามีบทบาทในชีวิตของเธออีกแล้วพยายามปฏิเสธและหลบหน้าอยู่เสมอ"น้องเหมยอย่าพูดแบบนั้นสิเราเคยมีวันดีๆร่วมกันนะ แล้วนี่น้องเหมยเลิกสอนแล้วจะกลับเลยเหรอครับ หรือว่าจะอยู่ทานข้าวเย็นที่นี่ก่อน" ธงยังคงพยายามชวนต่อทำเป็นทองไม่รู้ร้อนยังคงพยายามมีบทบาทในชีวิตของเหมยมักจะหยิบยกวันเก่าๆขึ้นมาพูดเพราะคิดว่าเหมยอาจจะยังมีใจทั้งที่เหมยแสดงออกชัดเจนเสมอว่ารังเกียจธงมากแค่ไหน
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ความสัมพันธ์ระหว่างเหมยและอาชาก้าวหน้าไปอย่างช้า ๆ แต่เต็มไปด้วยความมั่นคง อาชาพิสูจน์ให้เหมยเห็นถึงความจริงใจ ความรับผิดชอบ และความรักที่เขามีให้เธอทุกวัน เหมยเองก็เปิดใจยอมรับอาชามากขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีลิลลี่เป็นเหมือนกาวใจที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของทั้งสองให้แน่นแฟ้นขึ้น"คุณครูขา...วันนี้ดอกกุหลาบบานแล้วนะคะเราไปดูดอกกุหลาบตอนเช้ากันไหมค่ะ"วันนี้หนูน้อยวัย 4 ขวบตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้าโดยให้ป้าแจ่มแม่บ้านเป็นคนไปปลูกเพราะเธออยากจะพาคุณครูเหมยสุดที่รักของเธอและคุณลุงอาชาไปดูดอกกุหลาบผลงานที่เธอตั้งใจปลูกไว้รอเหมยกลับมา"จริงหรอคะ งั้นเราทานข้าวเช้า แล้วเราไปดูดอกกุหลาบบานตอนเช้ากันดีกว่านะคะ"เหมยทำท่าทางดีใจและจูงหนูน้อยลิลลี่ไปที่โต๊ะอาหาร โดยที่มีอาชานั่งคอยอยู่ดั่งเช่นทุกวันนับตั้งแต่วันที่เหมยกลับมาสอนลิลลี่และอาศัยอยู่ภายในบ้านพักตากอากาศสุดหรูในไร่ชาพรหมเทพ"อรุณสวัสดิ์ครับสองสาวยิ้มดีใจอะไรกันฮึ.." อาชาเดินออกมาแล้วเดินมาอุ้มหนูน้อยลิลลี่มาที่โต๊ะอาหาร"วันนี้ดอกกุหลาบของเราสองคนที่ปลูกไ
วันเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าสำหรับอาชา แต่สำหรับเหมยแล้ว มันกลับเป็นช่วงเวลาที่เธอได้ทบทวนตัวเองและเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตอนนี้มีหมาสีขาวพันธุ์ไทยที่มาอยู่เป็นเพื่อนเหมยทุกวันชื่อคุณนายสีด่าง ที่ชื่อสีด่างเพราะทั้งตัวมีแต่รอยดำ เป็นจุดดำ ๆ เหมือนแม่วัว "เจ้าสีด่างเป็นเอ็งนี่ก็ดีนะกินแล้วก็นอน" เหมยที่ตอนนี้เริ่มเขียนนิยายเพื่อนสะสมต้นฉบับว่าง ๆ เธอจะโทรหาแม่น้ำฟ้ากับพ่อของเธอ เธอใช้เวลาอยู่กับพราวและเจ้าสีด่างหมาตัวเมียที่คอยเฝ้ามาขออาหารเธอเป็นประจำ เพื่อนสนิทที่คอยอยู่เคียงข้างและรับฟังทุกความรู้สึก บาดแผลในใจของเหมยค่อย ๆ สมานขึ้นทีละน้อย เมื่อเธอเริ่มยอมรับได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เป็นความผิดของใครทั้งนั้นเหตุการณ์ทุกอย่างอาจเป็นเพราะพรหมลิขิต พราวเพื่อนสาวที่อยู่เป็นเพื่อนเหมยในทุกช่วงเวลาหลังจากที่มีเรื่องกับอาชา *ฮัลโหลยายเจ๊สซี่ืสรุป แกจะมาเมืองไทยเมื่อไหร่ มาคราวที่แล้วก็ไม่มาหาฉันไปหาแต่ยัยเหมยคนเดียว"พราวแอบงอนให้กับเจ๊สซี่ "โอ๋....ไม่งอนฉันนะเพื่อนเลิฟ เดี๋ยวสี่เดือนหมด