ทุกอย่างผ่านไปไวเหมือนโกหก หลังจากที่เหมยกับอาชาทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อยในช่วงเวลาเช้า เสียงรถคันหรูก็แล่นเข้ามาที่บ้านของเหมยอีกครั้งเพื่อมารับอาชากลับไป
“คุณเหมยครับ จะรังเกียจไหมถ้าผมจะขอแลกไอดีกับคุณเหมยหน่อย” อาชาที่อยากจะทำความรู้จักเหมยมากกว่านี้จึงได้เอ่ยปากขอช่องทางการติดต่อกับเหมย “ยินดีมากค่ะคุณอาชา เป็นเพื่อนคนที่สองของเหมยเลยนะ” เหมยยิ้มจนแก้มแทบฉีกที่ได้เพื่อนใหม่ต่างวัย “งั้นพรุ่งนี้ผมจะมารับคุณเหมยไปลองชิมชาที่ไร่ แล้วก็ไปกินเค้กที่คาเฟ่ คุณเหมยโอเคไหมครับ” อาชาหันมาถามเหมยก่อนที่จะก้าวขึ้นรถหรูไป “ได้สิคะ เหมยขออนุญาตพายายเจสซี่ไปด้วยได้ใช่ไหมคะ” เหมยเองที่ยังไม่แน่ใจว่าอาชาเป็นคนแบบไหน จึงเลือกที่จะพาเจสซี่ เพื่อนสาวที่แสนฉลาดหลักแหลมติดไปด้วย “ได้สิครับ ยินดีมากๆ เอาไว้พรุ่งนี้ผมมารับคุณเหมยกี่โมงดี” อาชารวบรัดตัดตอนเลือกทั้งกระทั่งเวลาให้กับเหมย “ที่ไร่ชาปิดกี่โมงคะ” เหมยหันไปถามอาชาเพราะไม่เคยไปเลยสักครั้ง “ที่ไร่ชาของผม สำหรับคุณเหมยเปิดตลอดครับ” อาชาพูดอย่างคนเป็นต่อ “ถ้าเหมยไม่เกรงใจจะไปนอนพักที่ไร่ชาเลยนะคะ จะขออนุญาตหิ้วโน๊ตบุ๊คไปแต่งนิยายที่นู่นด้วย อยากเปลี่ยนบรรยากาศ” เหมยหัวเราะคึกคักพูดทีเล่นทีจริง “ถ้าอย่างนั้นคุณเหมยพูดเองนะว่าจะไปนอนที่ไร่ชาของผม พรุ่งนี้เตรียมกระเป๋าเลยแล้วผมจะมารับคุณเหมยด้วยตัวเอง” อาชาที่ไม่สนใจว่าเหมยจะพูดเล่นหรือพูดจริงก็ตัดสินใจแทนเหมยไปหมดแล้ว “คุณอาชา เหมยพูดเล่นค่ะ เหมยเกรงใจ” เหมยที่ทำหน้าตกใจก็รีบหันไปตอบอาชาอย่างว่องไว “ไม่ได้นะครับคุณเหมย คุณเหมยสัญญากับผมแล้วว่าจะไปนอนค้างที่ไร่ชาผม เดี๋ยวผมจะให้แม่บ้านเตรียมห้องนอนให้ คุณเหมยกับเพื่อนอย่างดีเลย" "เอาไว้พรุ่งนี้ตอน 4 โมงเย็นเราเจอกันนะครับ ผมไปละ” อาชาพูดจบก็เดินขึ้นรถปิดประตูโดยที่ไม่ฟังคำทักทายของเหมยเลยแม้แต่น้อย “คุณอาชา เดี๋ยวก่อนสิ..เดี๋ยว..!” เหมยที่พยายามเคาะกระจกเรียกอาชา แต่สิ่งที่ได้กลับมาเป็นเพียงใบหน้าเปื้อนยิ้มที่แสนละมุนของอาชาเท่านั้น “โธ่ยัยเหมยนะยัยเหมย ไม่น่าปากไวเลยแกนี่” เหมยพูดจบก็ยกมือเรียวเล็กของตัวเองขึ้นมาตีปากเบาๆ ส่วนยายเพื่อนตัวแสบที่ยังนอนเมาไม่สร่างและก็ยังไม่ลุกจากที่นอนสักที เหมยก็เลยเดินเข้าไปหาเจสซี่เพื่อปลุกเจสซี่มาอาบน้ำแล้วกินข้าวเช้า บวกกับน่าจะต้องกินยาแก้แฮงค์ ไม่งั้นยายเจสซี่คงจะหัวทิ่มเตียงแน่ๆ “ยายเจสซี่ รีบๆ ตื่นเลย สายแล้วนะนี่ รู้บ้างไหมเนี่ยว่าเมื่อคืนแกทำเรื่องอะไรลงไปบ้าง” เหมยเขย่าเพื่อนรักเบาๆ ให้ตื่นขึ้นมา “โอ๊ย ยายเหมย แกจะปลุกฉันทำไม ฉันยังง่วงอยู่เลย” เจสซี่ที่ลุกขึ้นมาในสภาพหัวฟูเหมือนสิงโต ใบหน้าเลอะเครื่องสำอาง ตา ‘คล้ำ’ เป็นหมีแพนด้า “แกดูสภาพแกในกระจกสิยายเจสซี่ เมื่อคืนนะถ้าไม่ได้คนมาช่วย ฉันคงพาแกนอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแล้ว คนบ้าอะไรเมาจนไม่มีสติ” เหมยแอบตัดพ้อต่อว่าเจสซี่เบาๆ “ฉันขอโทษ ก็ฉันไม่คิดว่าไอ้น้ำหมักใสๆ’ มันจะทำให้ฉัน ‘หน้ามืดตาลายจนภาพตัดได้นี่” “เขาไม่ได้เรียกว่าน้ำ ‘ใสๆ’ เขาเรียกว่าเหล้าหมักย่ะ แรงอย่าบอกใคร” “แกรีบลุกออกไปเลยแล้วไปกินข้าว ฉันต้มข้าวต้มไว้” เหมยพูดจบก็ลุกออกจากห้องเพื่อไปเตรียมสัมภาระของตัวเอง หลังจากเจสซี่ที่อาบน้ำแต่งตัวออกมากินข้าวเรียบร้อย ก็เข้ามาในห้องของเหมยก็เห็นว่าเหมยกำลังเก็บเสื้อผ้า 2-3 ชุด เหมือนกำลังแพ็คกระเป๋าไปที่ไหนสักแห่ง “เหมย นี่แกจะไปไหน” เจสซี่ที่ยืนเกาหัวแก๊กๆ หันไปถามเพื่อนรักที่กำลังเก็บเสื้อผ้าและโน๊ตบุ๊ครวมถึงหนังสือบางส่วน “คืองี้เรื่องมันยาวอ่ะแก” เหมยก็เลยตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทุกอย่างเมื่อคืนให้กับ เจสซี่ได้ฟัง เจสซี่ที่ได้ฟังคำบอกเล่าจากปากของเพื่อนรักก็รู้สึกอึ้งว่าตัวเองนั้นทำวีรกรรมเอาไว้เยอะมาก ส่วนเรื่องที่จะไปพักที่ไร่ชาของอาชาก็เป็นความคิดที่ไม่เลว “งั้นพรุ่งนี้ฉันจะเก็บเสื้อผ้าไปด้วย 2-3 ชุด ฉันก็อยากไปเที่ยวไร่ชาก่อนจะกลับออสเตรเลียนี่นา” เจสซี่ตื่นเต้นไม่น้อยก็รีบเดินกลับเข้าไปในห้องแล้วเก็บของตามเหมย ทางด้านอาชาที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ยิ้มไม่หุบตอนที่เดินเข้ามาในไร่ชา โดยปกติลูกน้องจะเห็นเพียงหน้ายักษ์บูดบึ้งตึงของอาชาเท่านั้น ไม่รู้ว่าวันนี้ไปอารมณ์ดีอะไรมา “พ่อมิ่ง พ่อดูสิ วันนี้ทำไมพ่อเลี้ยงอาชาถึงอารมณ์ดีผิดปกติวะ” ไอ้สันหันไปสะกิดแขนผู้เป็นพ่อ “กูจะรู้กับมึงไหมละ หรือมึงจะให้กูบอกให้นายหัวอาชาลากมึงไปกระทืบในส่วนชาดีไหม” ตามิ่งหันไปด่าลูกชาย “แกสองคนพ่อลูกนี่จะพากันพูดมากทำไมนักหนา” ป้าแจ่มแม่ของสันและเมียของตามมิ่ง เป็นคนงานในไร่ชาอยู่มาเป็น 10 ปีแล้ว อาชาที่เดินเข้ามาจนถึงห้องทำงานก็พลิกเอกสารไปมาแล้วก็เซ็นเอกสารอย่างว่องไว เพราะอยากจะไปเตรียมห้องให้กับเหมยและเพื่อนของเธอที่จะเดินทางมาในวันพรุ่งนี้ จึงได้เดินออกมาจากห้องแล้วเรียกป้าสมใจมา “ป้าแจ่ม!” อาชาตะโกนเรียกสมใจ เมียของตามมิ่งที่เป็นแม่บ้านอยู่ที่ทั้งออฟฟิศและบ้านตากอากาศหลังใหญ่ในสวนชา “ค่ะ คุณอาชาเรียกป้าหรอคะ” ป้าแจ่มรีบเดินมาหาเมื่อได้ยินเสียงของอาชาร้องเรียก “ครับป้า พรุ่งนี้จะมีแขกของผมมาสองคน ช่วยจัดการทำความสะอาดห้องพักตากอากาศอย่าให้ขาดตกบกพร่องนะครับ "แล้วก็อาจจะพักอยู่ที่นี่สักพักใหญ่ๆ” อาชาสั่งการให้แม่บ้านอย่างป้าสมใจถ่ายทอดคำสั่งไปถึงแม่บ้านคนอื่นๆ ให้ทำความสะอาดห้องพักให้ดี “ได้ค่ะ เดี๋ยวป้าจะให้เด็กๆ มันจัดการให้ไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลยค่ะ” ป้าแจ่มที่ได้รับคำสั่งแล้วก็รีบเดินออกจากห้องของอาชาอย่างรวดเร็ว ทางด้านเสือที่รายงานเรื่องในไร่ชาให้กับอาชาได้ฟัง และได้บอกกับอาชาว่าธงกำลังมาทดลองเป็นผู้ช่วยผู้จัดการฝึกหัดในไร่ชาของเรา “มึงว่าอะไรนะ” อาชาเอี้ยวคอหันกลับไปฟังสิ่งที่เสือกำลังพูดอีกครั้ง “คนชื่อธงที่เราเจอวันงานคืนสู่เหย้าของมหาวิทยาลัย เขาเป็นพนักงานผู้จัดการฝึกหัดของสาขาที่เชียงรายครับ" น่าจะมาฝึกงานที่นี่ประมาณเดือนนึง” เสือรีบอธิบายเมื่อได้เห็นการแจ้งข่าวมาจากสำนักงานที่เชียงราย “โธ่เว้ย ทำไมมันต้องมาเป็นก้างขวางคอกูตอนที่เหมยจะมาด้วยวะ” อาชารู้สึกหงุดหงิดใจไม่ใช่น้อย แถมธงยังต้องอยู่ที่นี่เกือบเดือน “งั้นไม่ต้องอนุญาตให้มันฝึกงานดีไหมครับนาย ให้มันไปฝึกที่อื่น” เสือเสนอความคิดเห็น “ไม่ได้หรอก เราไม่ได้มีข้ออ้างร้ายแรงอะไรที่จะไม่อนุญาตให้ทางสาขาย่อยมาเรียนรู้งานที่สาขาใหญ่ที่เชียงรายทำ” ความคิดอ่านของอาชาก็มีเหตุผล “ครับนาย ถ้าอย่างนั้นผมจะได้อนุมัติให้นายธงคนนี้มาฝึกงานได้ครับ” เสือพูดจบก็เตรียมเอกสารทั้งหมดส่งกลับไปที่สำนักงาสาขาย่อยที่เชียงรายทันที....เวลาที่ไร่ชาผ่านไปเร็วไวเหมือนโกหก วันนี้เป็นวันที่สี่ ที่เหมยมาอยู่ที่ไร่ชาแสนสุขนี้ โดยมีเจสซี่และสมาชิกใหม่แสนน่ารัก 1 คนที่ไม่ยอมไปนอนกับอาชา ขอมานอนกับเหมยทุกวันตั้งแต่พบกัน"คุณครูเหมยขา ลิลลี่เขียนตัวนี้ถูกต้องไหมคะ" ลิลลี่เอ่ยถาม "ตั้งแต่เจอคุณครูเหมย ลิลลี่ก็เหมือนได้เติมเต็มบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไป แม้แต่คุณตาคุณยายก็ไม่อาจเติมเต็มให้ลิลลี่ได้"สวยมากค่ะลิลลี่" เหมยที่กำลังนั่งปั่นต้นฉบับนิยายอีกเล็กน้อย จึงไม่ค่อยตึงเครียดเท่าไหร่ ถือโอกาสทำความรู้จักกับลิลลี่ผู้ น่ารัก"ฮาย...หนูลิลลี่!" เสียงเจสซี่ที่เปิดประตูห้องเข้ามาอย่างถือวิสาสะตามประสาเพื่อนรัก"คุณน้าเจสซี่ ดูนี่สิคะ ลิลลี่เขียนถูกต้องด้วยค่ะ" ลิลลี่เอาผลงานไปโชว์เจสซี่ด้วยความภาคภูมิใจ"โอ้โห หนูลิลลี่ของคุณน้าเจสซี่เก่งมากค่ะ งั้นเดี๋ยวหนูลิลลี่ไปนั่งบนเตียงนะคะ ขอคุณน้าคุยธุระกับคุณครูเหมยแป๊บนึง" เจสซี่บอกให้ลิลลี่ไปนั่งรออย่างเรียบร้อย"ยัยเหมย ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ" ท่าทีดูจริงจังของเจสซี่ทำให้เหมยวางมือแล้วเดินตามเจสซี่ออกไปนอกห้อง"นี่แกจะเป็นคุณครูของหนูลิลลี่จริงๆ เหรอ" เจสซี่ถามเพื่อนรักอย่างจริง
อาชาซึ่งยืนแอบอยู่ข้างๆ เฝ้าดูพฤติกรรมทุกอย่างของเหมยด้วยตัวเขาเอง เขามั่นใจแล้วว่าเหมยเป็นคนที่มีจิตใจดีมาก เพราะแม้แต่ลิลลี่จะพุ่งเข้าไปหาหรือแกล้ง เหมยก็ไม่มีทีท่าจะโกรธหรือดุลิลลี่เลย ซ้ำยังก้มลงไปหอมแก้มลิลลี่อีกต่างหาก"ลิลลี่ไม่มีคุณพ่อกับคุณแม่ค่ะ ลิลลี่มีแต่คุณลุง คุณตา และคุณยายค่ะ" เมื่อลิลลี่พูดถึงพ่อกับแม่ที่เสียไป ก็ทำหน้าเศร้าลงเล็กน้อยเหมยที่เห็นอาการของลิลลี่ดูเศร้าลง จึงกล่าวคำขอโทษลิลลี่จากใจจริง เพราะไม่รู้ว่าลิลลี่ต้องพบเจออะไรมาบ้าง"หนูชื่ออะไรคะ พี่ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้หนูเสียใจ" เหมยบอกขอโทษลิลลี่"ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ คุณครูคนสวยของลิลลี่ คุณครูสอนหนังสือให้ลิลลี่นะคะ ลิลลี่จะเป็นเด็กดี" ลิลลี่ก็ยังคงพูดเรื่องการเรียนกับเหมยอยู่"ก่อนที่เราจะตกลงกัน งั้นพาไปหาผู้ปกครองได้ไหมคะ เผื่อผู้ปกครองตามหาอยู่" เหมยหันซ้ายหันขวาก็ไม่เห็นใครอยู่บริเวณนั้นนอกจากเธอเหมยวางลิลลี่ออกจากตักแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พร้อมกับยื่นมือให้ลิลลี่จูงเหมยไปหาผู้ปกครองของลิลลี่"คุณลุงของลิลลี่อยู่ตรงโน้นค่ะ" ลิลลี่ด้วยความใสซื่อจึงชี้ไปที่ด้านหลังทางเข้าประตูที่อาชาแกล้งแอบยืนด
เหมยกับเจสซี่อยู่ที่ไร่ชาของอาชาเป็นวันที่ สอง วันนี้เหมยได้ไปเยือนคาเฟ่ชาสุดชิกพร้อมกับดูการทำงานของบาริสต้าชงชาฝีมือฉมัง ลูกค้าเข้ามาที่คาเฟ่ของอาชาไม่ขาดสายตั้งแต่ผู้ใหญ่ เด็ก ไปจนถึงวัยรุ่น ที่นี่ตกแต่งออกมาเป็นบรรยากาศวิวภูเขาที่สบายตามากๆเหมยถือโน้ตบุ๊กคู่ใจมานั่งบริเวณด้านนอกเพื่อรับชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าพลางจิบกาแฟเบาๆ ค่อยๆ บรรจงพิมพ์งานลงไปทีละตัวอักษร ถ่ายทอดความรู้สึกต่างๆ ลงไปบนตัวหนังสือสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมาที่เหมยแทบไม่วางตาพร้อมกับยืนจิบกาแฟหอมกรุ่นในยามเช้าเช่นกัน อาชาที่เปิดกระจกในห้องทำงานพลันสายตาก็เห็นร่างเล็กของผู้หญิงที่หมายปองอย่างเหมย เขาจึงยืนจิบกาแฟแล้วจ้องมองเหมยด้วยความเสน่หาอย่างเต็มหัวใจส่วนเจสซี่ เพื่อนสาวสุดที่รักก็สนุกสุดเหวี่ยงตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เล่นทุกกิจกรรมที่มี จนตอนนี้ยังนอนสลบอยู่บนเตียงไม่ฟื้น“นายชอบคุณเหมยไหมครับ นายรู้ไหมว่านายชอบเผลอยิ้มทุกครั้งที่พูดถึงคุณเหมยเลยนะ” เสือหันไปพูดกับอาชา“ฉันว่าเหมยเป็นผู้หญิงที่น่ารักดีนะ แต่ฉันคงไม่ถึงขั้นชอบเหมยหรอก” อาชายืนจิบกาแฟล้วงกระเป
พระอาทิตย์อัสดงยามเย็น แสงแดดสีแดงสดใสบวกกับพระอาทิตย์ดวงกลมโตที่กำลังจะลับไปหลังภูเขาเขียวขจีลูกใหญ่ ณ ไร่ชาพรหมเทพ เหมยและอาชากำลังนั่งจิบชายามเย็นตรงระเบียงห้องพักตากอากาศอาชากำลังเฝ้ามองเหมยระหว่างที่เหมย กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าโน้ตบุ๊ก รู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบอยากให้มีเพียงเหมยและเขา“คุณเหมยดูท่าจะชอบเขียนนิยายเอามากๆ เลยนะครับ” อาชาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเหมยกำลังนั่งขะมักเขม้นกับหน้าจอตั้งแต่มาถึงที่นี่เหมยจึงหยุดมือแล้วเงยหน้าขึ้นไปมอง พร้อมยิ้มตอบกลับไปให้อาชาด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจในแบบฉบับของสาวแว่น“เหมยว่าเวลาที่เหมยเขียนนิยาย เหมือนเหมยหลุดไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งที่เหมยอยากจินตนาการตัวละครตัวใดตัวหนึ่งให้อยู่บน โชคชะตาและเส้นด้ายที่เหมยได้เขียนเอาไว้” เหมยอธิบายเรื่องราวมากมายให้อาชาฟัง อาชาโดยปกติเป็นคนไม่ค่อยเอาเวลาที่เป็นเงินเป็นทองมานั่งเฝ้าผู้หญิงแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เสือเห็นกิริยาของเจ้านาย“นี่..! คุณบอดี้การ์ด ช่วยเปิดขวดเนยถั่วให้หน่อยได้ป่ะ” เจสซี่ที่เดินมาหาเสือขณะที่ยืนคุมเชิงอยู่บริเวณด้านนอกเสือทำคิ้วขมวดเมื่อจ้องมองหน้าสาวสวยลูกครึ่งฝรั่ง“คุณช่วยทำหน้าให้มันดูเป
และแล้วเวลาที่อาชารอคอยก็มาถึง วันนี้เขายกเลิกงานและการประชุมทุกอย่าง เพื่อเตรียมตัวมารับเหมยด้วยตัวเอง เขาตื่นเต้นกว่าคนที่จะมาพักเสียอีก"เจ้านายครับ นี่เพิ่ง 15:30 น. เอง เจ้านายจะรีบไปไหนครับ? ผมเห็นเจ้านายรีบตั้งแต่ 15:00 น. แล้ว จะไปรับเหมยท่าเดียวเลย" เสือพูด"ครึ่งชั่วโมงก็ไปถึงบ้านใหม่พอดี มึงรีบแต่งตัวเลย" อาชาตอบ "คนภายนอกมองไม่มีใครรู้หรอกว่าเสือกับอาชาเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน เรียนด้วยกันมาและผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ แต่เสือให้ความเคารพอาชาในฐานะเจ้านาย นอกจากบางครั้งที่อาชาอยากจะได้ความเป็นเพื่อน เสือก็จะอยู่ข้าง ๆ อาชาเสมอ"ผมน่ะไม่ต้องแต่งตัวแล้วครับ เชิญเจ้านายขึ้นรถเลย เดี๋ยวผมขับรถให้" เสือพูดกึ่งแซวทางด้านสองสาวที่เตรียมเสื้อผ้าและกระเป๋าสำหรับการไปพักผ่อน 2-3 วันตามคำเชิญของอาชา ส่วนเหมยตั้งใจจะไปสูดอากาศที่ไร่ชาให้เต็มปอด แล้วเขียนนิยายเรื่องโปรดเพื่อให้แฟน ๆ ได้อ่านต่อไป"ฉันว่านะ ฉันจะต้องมีพลังในการเขียนนิยายมากแน่เลย ได้ไปเปลี่ยนบรรยากาศ" เหมยหันมาคุยกับเจสซี่ที่ยืนทาลิปสติกอยู่หน้ากระจก
ทุกอย่างผ่านไปไวเหมือนโกหก หลังจากที่เหมยกับอาชาทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อยในช่วงเวลาเช้า เสียงรถคันหรูก็แล่นเข้ามาที่บ้านของเหมยอีกครั้งเพื่อมารับอาชากลับไป“คุณเหมยครับ จะรังเกียจไหมถ้าผมจะขอแลกไอดีกับคุณเหมยหน่อย” อาชาที่อยากจะทำความรู้จักเหมยมากกว่านี้จึงได้เอ่ยปากขอช่องทางการติดต่อกับเหมย“ยินดีมากค่ะคุณอาชา เป็นเพื่อนคนที่สองของเหมยเลยนะ” เหมยยิ้มจนแก้มแทบฉีกที่ได้เพื่อนใหม่ต่างวัย“งั้นพรุ่งนี้ผมจะมารับคุณเหมยไปลองชิมชาที่ไร่ แล้วก็ไปกินเค้กที่คาเฟ่ คุณเหมยโอเคไหมครับ” อาชาหันมาถามเหมยก่อนที่จะก้าวขึ้นรถหรูไป“ได้สิคะ เหมยขออนุญาตพายายเจสซี่ไปด้วยได้ใช่ไหมคะ” เหมยเองที่ยังไม่แน่ใจว่าอาชาเป็นคนแบบไหน จึงเลือกที่จะพาเจสซี่ เพื่อนสาวที่แสนฉลาดหลักแหลมติดไปด้วย“ได้สิครับ ยินดีมากๆ เอาไว้พรุ่งนี้ผมมารับคุณเหมยกี่โมงดี” อาชารวบรัดตัดตอนเลือกทั้งกระทั่งเวลาให้กับเหมย“ที่ไร่ชาปิดกี่โมงคะ” เหมยหันไปถามอาชาเพราะไม่เคยไปเลยสักครั้ง“ที่ไร่ชาของผม สำหรับคุณเหมยเปิดตลอดครับ” อาชาพูดอย่างคนเป็นต่อ“ถ้าเหมยไม่เกรงใจจะไปน