และแล้วเวลาที่อาชารอคอยก็มาถึง วันนี้เขายกเลิกงานและการประชุมทุกอย่าง เพื่อเตรียมตัวมารับเหมยด้วยตัวเอง เขาตื่นเต้นกว่าคนที่จะมาพักเสียอีก
"เจ้านายครับ นี่เพิ่ง 15:30 น. เอง เจ้านายจะรีบไปไหนครับ? ผมเห็นเจ้านายรีบตั้งแต่ 15:00 น. แล้ว จะไปรับเหมยท่าเดียวเลย" เสือพูด "ครึ่งชั่วโมงก็ไปถึงบ้านใหม่พอดี มึงรีบแต่งตัวเลย" อาชาตอบ " คนภายนอกมองไม่มีใครรู้หรอกว่าเสือกับอาชาเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน เรียนด้วยกันมาและผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ แต่เสือให้ความเคารพอาชาในฐานะเจ้านาย นอกจากบางครั้งที่อาชาอยากจะได้ความเป็นเพื่อน เสือก็จะอยู่ข้าง ๆ อาชาเสมอ "ผมน่ะไม่ต้องแต่งตัวแล้วครับ เชิญเจ้านายขึ้นรถเลย เดี๋ยวผมขับรถให้" เสือพูดกึ่งแซว ทางด้านสองสาวที่เตรียมเสื้อผ้าและกระเป๋าสำหรับการไปพักผ่อน 2-3 วันตามคำเชิญของอาชา ส่วนเหมยตั้งใจจะไปสูดอากาศที่ไร่ชาให้เต็มปอด แล้วเขียนนิยายเรื่องโปรดเพื่อให้แฟน ๆ ได้อ่านต่อไป "ฉันว่านะ ฉันจะต้องมีพลังในการเขียนนิยายมากแน่เลย ได้ไปเปลี่ยนบรรยากาศ" เหมยหันมาคุยกับเจสซี่ที่ยืนทาลิปสติกอยู่หน้ากระจก "ยัยเหมย แกไม่คิดจะพักผ่อนบ้างหรือไง แกคิดแต่จะไปเขียนนิยาย ทำงานตลอดเวลาไม่ได้นะยัยเพื่อนบ๊อง" เจสซี่หันมาบอกเพื่อนรักให้รู้จักพักผ่อน "ที่ฉันยอมไปเนี่ย เพราะฉันคิดว่าฉันอยากจะไปเปลี่ยนบรรยากาศในการปั่นนิยาย เผื่อจะได้ไอเดียในการเขียนเพิ่มขึ้น" เหมยตอบ "แหม ฉันก็อยากจะเห็นหน้าคุณอาชาสุดหล่อแบบเต็ม ๆ ถ้าคืนนั้นฉันไม่เมาแล้วไม่ได้สนใจคนที่ขึ้นไปกล่าวบนเวที คงได้เห็นหน้าพ่อสุดหล่อของเธอนะ" เจสซี่ว่า "คุณอาชาเขาสุภาพมากนะ น่ารักมากด้วย" เหมยพูดถึงอาชาก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เจสซี่ที่เห็นอาการของเพื่อนก็วางลิปสติกลง แล้วใช้มือจับไปที่แก้มทั้งสองข้างของเพื่อนเหมือนเรียกสติ "ยัยเหมย แกอย่ายกหัวใจให้เขาง่าย ๆ นะ ไม่เอานะ ให้ฉันสแกนก่อน" เจสซี่พูดกึ่งแซวกึ่งหยอกเพื่อนรัก "แกจะบ้าหรือไง ยายเจสซี่ ฉันแค่ชื่นชมในความเป็นสุภาพบุรุษ แกรู้ไหมวันนั้นน่ะไอ้พี่ธงน่ะมันพยายามเข้ามารุ่มร่ามกับแกกับฉันนะ แถมทำตัวสันดานหมามากเลย" เหมยหันไปบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนั้นให้เจสซี่ได้ฟัง "จริงเหรอแก ดีแล้วแหละ เราก็คงไม่เจอ ไอ้พี่ธงหน้าหม้อนั่นอีกแล้ว" ผ่านไปสักพักหนึ่ง รถหรูสไตล์ยุโรปก็มาจอดที่หน้าบ้านสวนของเหมย พร้อมกับหนุ่มรูปหล่อที่ใส่ชุดลำลองสบาย ๆ เดินลงมาพร้อมบอดี้การ์ดคู่ใจอย่างเสือ เจสซี่ที่เปิดหน้าต่างมองดูสำรวจอาชาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก็แทบอยากจะกรี๊ดออกมาให้ดัง ๆ เพราะอาชาดูเป็นผู้ใหญ่ หล่อสมาร์ทครบเครื่องในแบบที่สาว ๆ ทุกคนใฝ่ฝัน "แก! คนนี้เหรอคุณอาชาที่จะไปบอก?" เจสซี่หันไปถามเพื่อนรักอย่างกระดี๊กระด๊าออกนอกหน้า "ก็คนนี้แหละที่มาส่งเราสองคนในคืนนั้น" เหมยที่กำลังขมวดผมให้เข้าที่เข้าทางอยู่หน้ากระจกตอบ "แก คนนี้โอเค เขาหล่อมาก อนุมัติ แกจับเขาให้อยู่นะเหมย" เจสซี่ตอบโดยที่ไม่ต้องคิด "แกแล้ว ไอ้คนที่ทำหน้ายุ่ง ๆ อยู่ข้าง ๆ เขาอ่ะใครวะ คนขับรถเหรอ?" เสือที่มีใบหน้าหล่อเหลาไม่แพ้อาชา แต่เป็นคนที่เรียกว่าเสือยิ้มยาก ไม่เหมือนอาชาที่ถ้าถูกใจอะไรก็จะแสดงออกมาอย่างชัดเจน "คนนั้นเหรอ?" เหมยเดินเข้ามาหาเจสซี่แล้วก็เปิดหน้าต่างดู "คนที่แกถามน่ะ เขาชื่อคุณเสือ เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวและผู้ช่วยของคุณอาชาเลย" "โอ้โห ดูหน้าสิ สมกับที่ชื่อเสือเลยอ่ะ หน้าโคตรดุเลย ยิ่งไม่ยิ้มยิ่งดูโหดมาก" เจสซี่ที่เห็นก็เบะปากมองบน ไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น "แกอย่าพูดอย่างนั้นไปเชียวนะยัยเจสซี่ วันนั้นแกน่ะเกือบอ้วกรดเสื้อคุณเสือเขา แต่ดีที่เขาพลิกตัวแกได้ทันก็เลยเลอะแค่ชายเสื้อ" "ฉันจะต้องรับผิดชอบซักเสื้อให้คุณเสือด้วยย่ะ" เหมยเล่าวีรกรรมแสบ ๆ ตอนที่เจสซี่ไม่มีสติ "จริงเหรอแก! ตายแล้ว แล้วฉันจะมองหน้าเขายังไงวะเนี่ย โคตรเขินเลยว่ะ" เจสซี่เอาหนังสือตีไปที่หัวตัวเองเบา ๆ เหมือนเป็นการเรียกสติ ผ่านไปไม่นาน สองหนุ่มก็เดินเข้ามาในบ้านแล้วก็ทำการเคาะประตูเรียกทั้งสองสาวให้ออกมาจากบ้าน "สวัสดีค่ะคุณอาชา มาตรงเวลาเป๊ะเลยนะคะ" เหมยส่งยิ้มไปให้ "ผมก็กะว่าจะมารับคุณเหมยให้ตรงเวลาแบบเป๊ะ ๆ ผมกลัวคุณเหมยจะรอนะครับ" อาชาก็ตอบไปตามตรง "ขอบคุณนะคะ วันนี้ขอแนะนำยายเจสซี่อย่างเป็นทางการนะคะ" เหมยพูด "คุณเสือคะ อันนี้ยายเจสซี่คนที่คุณเสืออุ้มมาวันนั้น วันนี้เป็นผู้เป็นคนแล้วค่ะ" เหมยหัวเราะคึกคักที่ได้เผาเพื่อน "ยัยเหมย แกนี่แสบจริง ๆ เลย สวัสดีค่ะคุณเสือ ขอบคุณสำหรับเรื่องวันนั้นนะคะ" เจสซี่ที่ทำท่าทางยิ้มเขินอาย เสือแทนที่จะตอบกลับมา กลับพยักหน้าเบา ๆ ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน วางท่ามาดเข้ม "ผมว่าเชิญคุณสองคนขึ้นรถเถอะครับ เดี๋ยวกระเป๋าผมให้เสือจัดการให้" อาชาพูดจบก็พยักหน้าหันไปบอกเสือให้ยกกระเป๋าของสองสาวขึ้นไปบนรถหรูของตัวเอง "ขอบคุณมากนะคะ" เหมยกล่าวขอบคุณแล้วก็เดินตรงไปที่รถ โดยมีอาชานำอยู่ด้านหน้า อาชาเอื้อมมือไปเปิดประตูให้กับทั้งสองสาวได้ขึ้นไปบนรถหรูของตัวเอง นี่เป็นครั้งแรก ๆ ที่อาชายอมให้คนแปลกหน้าขึ้นรถ ปกติถ้าเป็นคู่ขาหรือคู่นอนโดยทั่วไปของอาชา แม้แต่จะก้าวเข้ามาในบ้านอาชายังไม่เคยอนุญาต นอกจากเช่าโรงแรมหรูเพื่อเสพสมความสุขจากเรือนร่างของผู้หญิงพวกนั้น พอจบงานก็จ่ายเงิน ไม่มีพันธะและความผูกพันใด ๆ ทั้งสิ้น "คุณเหมยคิดว่าจะอยู่กี่วันดีครับ" อาชาที่นั่งอยู่ด้านหน้าข้าง ๆ คนขับกับเสือ หันกลับไปถามเหมย "เหมยจะขออยู่สัก 2-3 วันค่ะ เหมยอยากเปลี่ยนบรรยากาศในการเขียนนิยายของเหมย" เหมยก็ตอบไปตามความจริง "คุณเหมยอยู่นานกว่า 2-3 วันก็ได้นะครับ ผมไม่ว่าหรอก" อาชาเองอยากจะหาเรื่องให้เหมยอยู่ด้วย เขาจึงอยากคิดแผนการบางอย่างขึ้น "คุณเหมยเรียนจบอะไรมาครับ" อาชาก็หันไปถามเหมยอีก "เหมยเรียนจบเอกภาษาไทยปริญญาตรีค่ะ เหมยเคยทำงานสอนนักเรียนอ่านเขียน กวดวิชาตามโรงเรียนด้วยค่ะ" เหมยพูดถึงสมัยที่กำลังหางานแรก ๆ ให้อาชาฟัง เจสซี่และเสือนั่งเงียบและตั้งใจฟังสองคนคุยกัน ราวกับว่าเสือและเจสซี่เป็นธาตุอากาศ ไม่มีตัวตนไปซะอย่างนั้น.....เวลาที่ไร่ชาผ่านไปเร็วไวเหมือนโกหก วันนี้เป็นวันที่สี่ ที่เหมยมาอยู่ที่ไร่ชาแสนสุขนี้ โดยมีเจสซี่และสมาชิกใหม่แสนน่ารัก 1 คนที่ไม่ยอมไปนอนกับอาชา ขอมานอนกับเหมยทุกวันตั้งแต่พบกัน"คุณครูเหมยขา ลิลลี่เขียนตัวนี้ถูกต้องไหมคะ" ลิลลี่เอ่ยถาม "ตั้งแต่เจอคุณครูเหมย ลิลลี่ก็เหมือนได้เติมเต็มบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไป แม้แต่คุณตาคุณยายก็ไม่อาจเติมเต็มให้ลิลลี่ได้"สวยมากค่ะลิลลี่" เหมยที่กำลังนั่งปั่นต้นฉบับนิยายอีกเล็กน้อย จึงไม่ค่อยตึงเครียดเท่าไหร่ ถือโอกาสทำความรู้จักกับลิลลี่ผู้ น่ารัก"ฮาย...หนูลิลลี่!" เสียงเจสซี่ที่เปิดประตูห้องเข้ามาอย่างถือวิสาสะตามประสาเพื่อนรัก"คุณน้าเจสซี่ ดูนี่สิคะ ลิลลี่เขียนถูกต้องด้วยค่ะ" ลิลลี่เอาผลงานไปโชว์เจสซี่ด้วยความภาคภูมิใจ"โอ้โห หนูลิลลี่ของคุณน้าเจสซี่เก่งมากค่ะ งั้นเดี๋ยวหนูลิลลี่ไปนั่งบนเตียงนะคะ ขอคุณน้าคุยธุระกับคุณครูเหมยแป๊บนึง" เจสซี่บอกให้ลิลลี่ไปนั่งรออย่างเรียบร้อย"ยัยเหมย ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ" ท่าทีดูจริงจังของเจสซี่ทำให้เหมยวางมือแล้วเดินตามเจสซี่ออกไปนอกห้อง"นี่แกจะเป็นคุณครูของหนูลิลลี่จริงๆ เหรอ" เจสซี่ถามเพื่อนรักอย่างจริง
อาชาซึ่งยืนแอบอยู่ข้างๆ เฝ้าดูพฤติกรรมทุกอย่างของเหมยด้วยตัวเขาเอง เขามั่นใจแล้วว่าเหมยเป็นคนที่มีจิตใจดีมาก เพราะแม้แต่ลิลลี่จะพุ่งเข้าไปหาหรือแกล้ง เหมยก็ไม่มีทีท่าจะโกรธหรือดุลิลลี่เลย ซ้ำยังก้มลงไปหอมแก้มลิลลี่อีกต่างหาก"ลิลลี่ไม่มีคุณพ่อกับคุณแม่ค่ะ ลิลลี่มีแต่คุณลุง คุณตา และคุณยายค่ะ" เมื่อลิลลี่พูดถึงพ่อกับแม่ที่เสียไป ก็ทำหน้าเศร้าลงเล็กน้อยเหมยที่เห็นอาการของลิลลี่ดูเศร้าลง จึงกล่าวคำขอโทษลิลลี่จากใจจริง เพราะไม่รู้ว่าลิลลี่ต้องพบเจออะไรมาบ้าง"หนูชื่ออะไรคะ พี่ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้หนูเสียใจ" เหมยบอกขอโทษลิลลี่"ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ คุณครูคนสวยของลิลลี่ คุณครูสอนหนังสือให้ลิลลี่นะคะ ลิลลี่จะเป็นเด็กดี" ลิลลี่ก็ยังคงพูดเรื่องการเรียนกับเหมยอยู่"ก่อนที่เราจะตกลงกัน งั้นพาไปหาผู้ปกครองได้ไหมคะ เผื่อผู้ปกครองตามหาอยู่" เหมยหันซ้ายหันขวาก็ไม่เห็นใครอยู่บริเวณนั้นนอกจากเธอเหมยวางลิลลี่ออกจากตักแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พร้อมกับยื่นมือให้ลิลลี่จูงเหมยไปหาผู้ปกครองของลิลลี่"คุณลุงของลิลลี่อยู่ตรงโน้นค่ะ" ลิลลี่ด้วยความใสซื่อจึงชี้ไปที่ด้านหลังทางเข้าประตูที่อาชาแกล้งแอบยืนด
เหมยกับเจสซี่อยู่ที่ไร่ชาของอาชาเป็นวันที่ สอง วันนี้เหมยได้ไปเยือนคาเฟ่ชาสุดชิกพร้อมกับดูการทำงานของบาริสต้าชงชาฝีมือฉมัง ลูกค้าเข้ามาที่คาเฟ่ของอาชาไม่ขาดสายตั้งแต่ผู้ใหญ่ เด็ก ไปจนถึงวัยรุ่น ที่นี่ตกแต่งออกมาเป็นบรรยากาศวิวภูเขาที่สบายตามากๆเหมยถือโน้ตบุ๊กคู่ใจมานั่งบริเวณด้านนอกเพื่อรับชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าพลางจิบกาแฟเบาๆ ค่อยๆ บรรจงพิมพ์งานลงไปทีละตัวอักษร ถ่ายทอดความรู้สึกต่างๆ ลงไปบนตัวหนังสือสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมาที่เหมยแทบไม่วางตาพร้อมกับยืนจิบกาแฟหอมกรุ่นในยามเช้าเช่นกัน อาชาที่เปิดกระจกในห้องทำงานพลันสายตาก็เห็นร่างเล็กของผู้หญิงที่หมายปองอย่างเหมย เขาจึงยืนจิบกาแฟแล้วจ้องมองเหมยด้วยความเสน่หาอย่างเต็มหัวใจส่วนเจสซี่ เพื่อนสาวสุดที่รักก็สนุกสุดเหวี่ยงตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เล่นทุกกิจกรรมที่มี จนตอนนี้ยังนอนสลบอยู่บนเตียงไม่ฟื้น“นายชอบคุณเหมยไหมครับ นายรู้ไหมว่านายชอบเผลอยิ้มทุกครั้งที่พูดถึงคุณเหมยเลยนะ” เสือหันไปพูดกับอาชา“ฉันว่าเหมยเป็นผู้หญิงที่น่ารักดีนะ แต่ฉันคงไม่ถึงขั้นชอบเหมยหรอก” อาชายืนจิบกาแฟล้วงกระเป
พระอาทิตย์อัสดงยามเย็น แสงแดดสีแดงสดใสบวกกับพระอาทิตย์ดวงกลมโตที่กำลังจะลับไปหลังภูเขาเขียวขจีลูกใหญ่ ณ ไร่ชาพรหมเทพ เหมยและอาชากำลังนั่งจิบชายามเย็นตรงระเบียงห้องพักตากอากาศอาชากำลังเฝ้ามองเหมยระหว่างที่เหมย กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าโน้ตบุ๊ก รู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบอยากให้มีเพียงเหมยและเขา“คุณเหมยดูท่าจะชอบเขียนนิยายเอามากๆ เลยนะครับ” อาชาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเหมยกำลังนั่งขะมักเขม้นกับหน้าจอตั้งแต่มาถึงที่นี่เหมยจึงหยุดมือแล้วเงยหน้าขึ้นไปมอง พร้อมยิ้มตอบกลับไปให้อาชาด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจในแบบฉบับของสาวแว่น“เหมยว่าเวลาที่เหมยเขียนนิยาย เหมือนเหมยหลุดไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งที่เหมยอยากจินตนาการตัวละครตัวใดตัวหนึ่งให้อยู่บน โชคชะตาและเส้นด้ายที่เหมยได้เขียนเอาไว้” เหมยอธิบายเรื่องราวมากมายให้อาชาฟัง อาชาโดยปกติเป็นคนไม่ค่อยเอาเวลาที่เป็นเงินเป็นทองมานั่งเฝ้าผู้หญิงแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เสือเห็นกิริยาของเจ้านาย“นี่..! คุณบอดี้การ์ด ช่วยเปิดขวดเนยถั่วให้หน่อยได้ป่ะ” เจสซี่ที่เดินมาหาเสือขณะที่ยืนคุมเชิงอยู่บริเวณด้านนอกเสือทำคิ้วขมวดเมื่อจ้องมองหน้าสาวสวยลูกครึ่งฝรั่ง“คุณช่วยทำหน้าให้มันดูเป
และแล้วเวลาที่อาชารอคอยก็มาถึง วันนี้เขายกเลิกงานและการประชุมทุกอย่าง เพื่อเตรียมตัวมารับเหมยด้วยตัวเอง เขาตื่นเต้นกว่าคนที่จะมาพักเสียอีก"เจ้านายครับ นี่เพิ่ง 15:30 น. เอง เจ้านายจะรีบไปไหนครับ? ผมเห็นเจ้านายรีบตั้งแต่ 15:00 น. แล้ว จะไปรับเหมยท่าเดียวเลย" เสือพูด"ครึ่งชั่วโมงก็ไปถึงบ้านใหม่พอดี มึงรีบแต่งตัวเลย" อาชาตอบ "คนภายนอกมองไม่มีใครรู้หรอกว่าเสือกับอาชาเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน เรียนด้วยกันมาและผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ แต่เสือให้ความเคารพอาชาในฐานะเจ้านาย นอกจากบางครั้งที่อาชาอยากจะได้ความเป็นเพื่อน เสือก็จะอยู่ข้าง ๆ อาชาเสมอ"ผมน่ะไม่ต้องแต่งตัวแล้วครับ เชิญเจ้านายขึ้นรถเลย เดี๋ยวผมขับรถให้" เสือพูดกึ่งแซวทางด้านสองสาวที่เตรียมเสื้อผ้าและกระเป๋าสำหรับการไปพักผ่อน 2-3 วันตามคำเชิญของอาชา ส่วนเหมยตั้งใจจะไปสูดอากาศที่ไร่ชาให้เต็มปอด แล้วเขียนนิยายเรื่องโปรดเพื่อให้แฟน ๆ ได้อ่านต่อไป"ฉันว่านะ ฉันจะต้องมีพลังในการเขียนนิยายมากแน่เลย ได้ไปเปลี่ยนบรรยากาศ" เหมยหันมาคุยกับเจสซี่ที่ยืนทาลิปสติกอยู่หน้ากระจก
ทุกอย่างผ่านไปไวเหมือนโกหก หลังจากที่เหมยกับอาชาทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อยในช่วงเวลาเช้า เสียงรถคันหรูก็แล่นเข้ามาที่บ้านของเหมยอีกครั้งเพื่อมารับอาชากลับไป“คุณเหมยครับ จะรังเกียจไหมถ้าผมจะขอแลกไอดีกับคุณเหมยหน่อย” อาชาที่อยากจะทำความรู้จักเหมยมากกว่านี้จึงได้เอ่ยปากขอช่องทางการติดต่อกับเหมย“ยินดีมากค่ะคุณอาชา เป็นเพื่อนคนที่สองของเหมยเลยนะ” เหมยยิ้มจนแก้มแทบฉีกที่ได้เพื่อนใหม่ต่างวัย“งั้นพรุ่งนี้ผมจะมารับคุณเหมยไปลองชิมชาที่ไร่ แล้วก็ไปกินเค้กที่คาเฟ่ คุณเหมยโอเคไหมครับ” อาชาหันมาถามเหมยก่อนที่จะก้าวขึ้นรถหรูไป“ได้สิคะ เหมยขออนุญาตพายายเจสซี่ไปด้วยได้ใช่ไหมคะ” เหมยเองที่ยังไม่แน่ใจว่าอาชาเป็นคนแบบไหน จึงเลือกที่จะพาเจสซี่ เพื่อนสาวที่แสนฉลาดหลักแหลมติดไปด้วย“ได้สิครับ ยินดีมากๆ เอาไว้พรุ่งนี้ผมมารับคุณเหมยกี่โมงดี” อาชารวบรัดตัดตอนเลือกทั้งกระทั่งเวลาให้กับเหมย“ที่ไร่ชาปิดกี่โมงคะ” เหมยหันไปถามอาชาเพราะไม่เคยไปเลยสักครั้ง“ที่ไร่ชาของผม สำหรับคุณเหมยเปิดตลอดครับ” อาชาพูดอย่างคนเป็นต่อ“ถ้าเหมยไม่เกรงใจจะไปน