เมฆินทร์ที่กลับจากการทำธุระของตัวเองก็คิดถึงเหมยไม่แพ้อาชาหรือธง วันนี้เขาตั้งใจจะเข้าไปเจอเหมยที่คาเฟ่และซื้อของมากมายกลับมาฝากเธอ
“ถังลี่ วันนี้กูจะเข้าไปที่ไร่ชาพรหมเทพ จะเอาของที่กูซื้อไปฝากคุณเหมย มึงให้เด็กเอาของขึ้นรถให้กูด้วย” เมฆินทร์หันไปสั่งบอดี้การ์ดคู่ใจ “ผมจัดการให้นายเรียบร้อยแล้วครับ นายจะไปเลยไหมครับ” ถังลี่หันมาถามผู้เป็นนาย เมฆินทร์พยักหน้า เขาลุกออกจากห้องนั่งเล่นในคฤหาสน์หรูแล้วก้าวขึ้นรถสไตล์ยุโรป ใจของเขาอยากจะเจอหน้าสวย ๆ ของเหมย และเขาก็อยากจะเข้าไปสืบหาเรื่องราวของอาชาที่จะทำการเซ็นสัญญากับมิสเตอร์จางเพื่อตัดหน้าบริษัทของเขาด้วย “ได้ครับนาย แต่ว่านายมั่นใจเรื่องที่ดินที่เราซื้อไว้ให้มิสเตอร์จางจริง ๆ ใช่ไหมครับ” ถังลี่รู้สึกว่าอาชามีความเงียบผิดปกติ “มีอะไรหรือเปล่าวะ” เมฆินทร์หันมาถามขณะกำลังดูตารางงานอยู่ด้านหลังรถ “ผมว่าบอดี้การ์ดของไอ้อาชาและตัวมันเงียบผิดปกติ เพราะโครงการนี้มันเคยคิดจะสู้กับเราหลายหน ทำไมมันถึงเงียบหายไป” ถังลี่รู้สึกถึงความผิดสังเกต “มันก็จริงอย่างที่มึงพูด ส่งคนของเราจับตาดูมันทุกฝีก้าว ลองดูว่ามันจะบินไปสิงคโปร์เมื่อไหร่” เมฆินทร์เองก็แอบกระวนกระวายใจอยู่ไม่น้อย เพราะเขาได้มา “กระตุกหนวดเสือ” อย่างอาชา ทั้งเรื่องผู้หญิงและเรื่องงาน เขาก็อยากจะเอาชนะอาชาให้ราบคาบเพื่อแก้แค้นให้กับตระกูลของเขาที่ต้องเสียหน้าและเสียทุกอย่างไปจนเกือบหมดตัว รถหรูสไตล์ยุโรปมาจอดอยู่หน้าคาเฟ่ที่ไร่ชาพรหมเทพตั้งแต่คาเฟ่เพิ่งจะเริ่มเปิด ร่างสูงหล่อเหลาในชุดทักซิโดสีดำ วันนี้เมฆินทร์แต่งตัวมาเต็มสูตร รองเท้าหนังมันวาว พร้อมกับถังลี่ที่เดินหิ้วของแบรนด์เนมต่าง ๆ ตามมา ขณะนั้นลิลลี่ที่เพิ่งจะพักเบรกคาบเรียนช่วง สิบโมงเช้าก็ออกมานั่งเล่นดื่มชาอยู่กับเหมยด้านนอกเพื่อพักผ่อนสมองพอดี “คุณครูคะ คุณลุงคนนั้นมาหาอีกแล้ว” หนูลิลลี่ที่กำลังตักเค้กเข้าปากก็ชี้มือเล็ก ๆ อูม ๆ ไปที่เมฆินทร์ เหมยเองก็แอบตกใจไม่น้อยที่อยู่ดี ๆ เมฆินทร์ก็มาปรากฏตัวหลังจากหายไปเกือบเดือน “สวัสดีครับคุณเหมย สบายดีหรือเปล่า” เมฆินทร์ทักเหมยด้วยท่าทีสุขุมและส่งรอยยิ้มที่มีเสน่ห์มาให้กับเธอ “สวัสดีค่ะคุณเมฆินทร์ สบายดีนะคะ” เหมยก็หันไปตอบรับตามมารยาท “ผมสบายดีครับ ซื้อของมาฝากด้วย แล้วก็มีของหนูลิลลี่ด้วยนะครับ” เมฆินทร์ไม่ลืมที่จะเอาใจเด็กผู้หญิงตรงหน้า “อันนี้กระเป๋าแบรนด์เนมที่ผมตั้งใจซื้อมาฝาก ไม่รู้ว่าคุณเหมยจะถูกใจหรือเปล่า ผมให้คุณแม่ช่วยเลือกเลยนะ” เมฆินทร์กำลังจะสื่อว่าเหมยเป็นคนสำคัญถึงขนาดที่แม่ของเขายอมเลือกกระเป๋า แบรนด์เนมให้เธอด้วยตัวเอง “เหมยรับไม่ได้หรอกค่ะ มันมีมูลค่าสูงเกินไป” เหมยที่ตกใจเห็นกระเป๋ามูลค่าแตะล้าน “ถ้าคุณเหมยไม่รับ แม่ผมคงเสียใจแย่เลย ท่านอุตส่าห์อยากจะชวนคุณเหมยไปทานข้าวที่บ้านด้วย” เมฆินทร์บอกเจตจำนงอย่างชัดเจนและโจ่งแจ้งไม่มีปิดบัง “โทษที คุณเหมยคงไปทานข้าวที่บ้านแม่คุณไม่ได้หรอ! เพราะว่าแม่ผมจองคิวคุณเหมยไปทานข้าวก่อนแล้ว” อาชาที่ยืนเห็นเหตุการณ์และได้ยินคำพูดอยู่ก็เดินเข้ามาแทรกกลางทันที เขารู้สึกหงุดหงิดและปวดหัวมาก เพราะมีทั้งธงและเมฆินทร์ที่ยังกลับมาวุ่นวายป้วนเปี้ยนในความสัมพันธ์ของเขาและเหมย “อุ๊ยตาย! ศึกครั้งนี้ใครจะเป็นคนชนะ” นางบานเย็นที่เห็นเหตุการณ์ก็ถึงกับร้องอุทาน เอามือทาบอก เพราะมีแต่คนรายล้อมแย่งตัวคุณเหมย เหมยที่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจพูดอะไรไม่ออก เธอถึงกับยิ้มแห้ง ๆ ส่งไปให้กับผู้ชายทั้งสองคนที่เหมือนกำลังฟาดฟันกันทางสายตาและคำพูด “เหมยขอบคุณคุณเมฆินทร์นะคะ แต่ว่าเหมยไม่สะดวกจริง ๆ” เหมยคิดในใจว่าก่อนหน้านี้ตอนที่เธอยังเรียนมหาวิทยาลัย ทำไมถึงไม่ฮอตเหมือนตอนนี้ “ไม่เป็นไรครับคุณเหมย เอาไว้คุณเหมยพร้อมเมื่อไหร่ คุณแม่ผมยินดีและอยากจะชวนคุณเหมยไปทานข้าวที่บ้านนะครับ” เมฆินทร์ที่นั่งลงข้างเหมยอย่างถือวิสาสะแล้วยังคงยื่นกระเป๋าสุดหรูแบรนด์ดังให้กับเธอ “กระเป๋าของคุณเมฆินทร์ เหมยรับไม่ได้จริง ๆ ค่ะ คุณเมฆินทร์เก็บเอาไว้นะคะ มันไม่คู่ควรกับเหมยหรอก” เหมยถึงกับผลักของในมือของเมฆินทร์คืนเขาทันทีเพราะเธอเกรงใจมาก “คุณเหมยรับไว้เถอะครับ ถือว่าผมขอร้อง อย่าให้คุณแม่ผมต้องเลือกของขวัญฟรีเลย ท่านจะเสียใจมากจริง ๆ นะครับ” เมฆินทร์ใช้แม่มาเป็นเครื่องมือในการต่อรองให้เหมยรับของขวัญ “คุณเหมยไม่จำเป็นต้องรับของของแม่คุณเมฆินทร์หรอกครับ เพราะว่าแม่ผมซื้อไว้ให้แล้ว” เหมยถึงกับตกใจ เงยหน้ามองอาชาด้วยเครื่องหมายคำถามเต็มหน้า “โถ่คุณเหมยครับ ไม่เห็นจะต้องทำหน้าตกใจเลย ก็เมื่อคืนเรายังนอนคุยกันอยู่เลยว่าเราจะไปเที่ยวด้วยกันไม่ใช่หรอ” อยู่ดี ๆ อาชาก็พูดสองแง่สองง่ามขึ้นมา แล้วชายตากลับไปมองเมฆินทร์ที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เริ่มโกรธแบบหัวฟัดหัวเหวี่ยง หลังจากที่หายไปเกือบเดือน กลับมาก็รับฝีปากกับอาชาเลย “แหม คุณอาชานี่ออกตัวแรงนะครับ ไม่ให้โอกาสคุณเหมยเขาได้เลือกสิ่งที่ดีให้กับตัวเองบ้างหรอ” เมฆินทร์ยังไม่ยอมแพ้ เพราะถ้าเขาโกรธและเล่นตามเกมของอาชา คงมีสติแตกกันบ้าง “คุณเหมยเขารู้ครับว่าอันไหนเพชร อันไหนแค่คริสตัล มันอาจจะเหมือนเพชรนะครับ แต่มันไม่มีคุณค่า มันก็เป็นได้แค่คริสตัลอยู่วันยังค่ำ ได้แต่สวยแต่ไร้ค่า.!” อาชาพูดน้ำเสียงราบเรียบแต่ดูเจ็บปวดและบาดลึกเหมือนมีดคมกริบทิ่มเข้าไปในใจของเมฆินทร์ “เหมยขออนุญาตพาหนูลิลลี่กลับเข้าไปสอนต่อแล้วกันนะคะ” เหมยที่ลุกพรวดแล้วจูงหนูลิลลี่กลับเข้าไปในห้องทันที เพราะเธอไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์ที่อึดอัดนี้แล้วกระเป๋ามูลค่าเป็นล้านของเมฆินทร์เธอก็ไม่เก็บกลับมา “คุณครูขา ทำไมรีบเรียนจังเลยคะ เหลือเวลาพักอีกตั้งนาน” หนูลิลลี่ที่เข้ามาในห้องก็เอ่ยถามทันที “ไม่หรอกค่ะคุณครูว่าจะชวนหนูลิลลี่มานอนดูการ์ตูนข้างใน ข้างนอกอากาศร้อนมาก” เหมยหาเรื่องพูดไปเรื่อยเปื่อย “ก็ดีเหมือนกันค่ะ งั้นคุณครูดูการ์ตูนกับลิลลี่นะคะ” ทั้งสองสาวพากันนอนดูการ์ตูนจนถึงบ่าย หนูลิลลี่ก็นอนหลับพักกลางวันอยู่ในห้องเรียน เหมยที่เห็นว่าเมฆินทร์กลับไปแล้วเธอจึงได้เดินออกมาข้างนอกอย่างโล่งใจ ส่วนเมฆินทร์ที่เห็นว่าเหมยเดินหนีเขาเข้าไปในห้องส่วนตัว เขาก็ไม่ได้คิดจะตามเธอเข้าไปและยังคงให้เกียรติเหมยเสมอเขาหันมามองจ้องหน้ากับอาชาอยู่พักนึงก็ชวนบอดี้การ์ดของตัวเองกลับ “นายครับ นายสนใจคุณเหมยจริง ๆ หรอครับ หรือว่าแค่อยากจะเอาชนะคุณอาชา” บอดี้การ์ดคู่ใจของเมฆินทร์หันมาถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นขณะที่เมฆินทร์กินนั่งอยู่บนรถ “เหมยเธอไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น มีความน่าสนใจ ไม่งั้นคงเอาชนะใจผู้ชายอย่างอาชาไม่ได้หรอก” เมฆินทร์มีความประทับใจในตัวเหมยไม่น้อย ยิ่งรู้ว่าเป็นคนที่อาชาหมายปอง เขายิ่งอยากจะได้มาไว้ในครอบครอง....ทางด้านธงและดารินก็ยังคงไม่ยอมแพ้ แม้ว่าดารินจะแพ้อย่างราบคาบเมื่อเจออาชาเล่นไม้แข็ง ให้บอดี้การ์ดลากเธอออกจากไร่ชาพรหมเทพอย่างไม่ใยดี แถมยังสั่งห้ามไม่ให้ดารินเข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตของเขาอีก ขณะที่ทั้งสองกำลังพลอดรักกันอยู่ที่โรงแรมเดิม ธงที่รู้สึกถึงแรงแค้นมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะยิ่งวิ่งเข้าใกล้เหมยมากเท่าไหร่ เหมยก็ยิ่งวิ่งออกห่างเขามากเท่านั้น ธงรู้สึกเหมือนเสียศักดิ์ศรีและโดนหยามหน้า "ดารินครับ ทำไมคุณถึงได้ทำพลาดขนาดนั้น คุณไม่เคยรู้เลยเหรอว่าไอ้อาชามีหลานสาว" ธงที่นอนอยู่บนตักของดารินก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ "แล้วใครมันจะไปรู้ล่ะคะ ว่าอีเด็กเปรตนั่นจะเป็นหลานสาวของอาชา" ดารินก็รู้สึกโมโหไม่น้อยที่อยู่ดี ๆ ก็ต้องมาล้มละลายเพียงเพราะเด็กคนเดียว "แล้วเราจะทำยังไงต่อไปล่ะครับดาไหนจะมีไอ้เมฆินทร์อีกคนนึงที่มาตามป้วนเปี้ยนจีบเหมย" ธงก็ยังคงอยากเอาชนะอาชาและเมฆินทร์อยู่ โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของเหมยและอาชาได้ก้าวหน้าเกินกว่าที่เขาจะแตะถึง "เหลือแต่คุณแล้วค่ะที่ต้องเข้าไปทำลายความสัมพันธ์ของสองคนนั้น เอาให้ทั้งสองคนมันแตกหัก ไม่ไว้ใจซึ่งกันและกันยิ่งดี แล้ว
เมฆินทร์ที่กลับจากการทำธุระของตัวเองก็คิดถึงเหมยไม่แพ้อาชาหรือธง วันนี้เขาตั้งใจจะเข้าไปเจอเหมยที่คาเฟ่และซื้อของมากมายกลับมาฝากเธอ “ถังลี่ วันนี้กูจะเข้าไปที่ไร่ชาพรหมเทพ จะเอาของที่กูซื้อไปฝากคุณเหมย มึงให้เด็กเอาของขึ้นรถให้กูด้วย” เมฆินทร์หันไปสั่งบอดี้การ์ดคู่ใจ “ผมจัดการให้นายเรียบร้อยแล้วครับ นายจะไปเลยไหมครับ” ถังลี่หันมาถามผู้เป็นนาย เมฆินทร์พยักหน้า เขาลุกออกจากห้องนั่งเล่นในคฤหาสน์หรูแล้วก้าวขึ้นรถสไตล์ยุโรป ใจของเขาอยากจะเจอหน้าสวย ๆ ของเหมย และเขาก็อยากจะเข้าไปสืบหาเรื่องราวของอาชาที่จะทำการเซ็นสัญญากับมิสเตอร์จางเพื่อตัดหน้าบริษัทของเขาด้วย “ได้ครับนาย แต่ว่านายมั่นใจเรื่องที่ดินที่เราซื้อไว้ให้มิสเตอร์จางจริง ๆ ใช่ไหมครับ” ถังลี่รู้สึกว่าอาชามีความเงียบผิดปกติ “มีอะไรหรือเปล่าวะ” เมฆินทร์หันมาถามขณะกำลังดูตารางงานอยู่ด้านหลังรถ “ผมว่าบอดี้การ์ดของไอ้อาชาและตัวมันเงียบผิดปกติ เพราะโครงการนี้มันเคยคิดจะสู้กับเราหลายหน ทำไมมันถึงเงียบหายไป” ถังลี่รู้สึกถึงความผิดสังเกต “มันก็จริงอย่างที่มึงพูด ส่งคนของเราจับตาดูมันทุกฝีก้าว ลองดูว่ามันจะบินไปสิงคโปร์เมื่อไหร่
อาชาปลดพันธนาการที่ข้อมือเหมยออก ช้า ๆ แต่ยังคงจับมือเธอไว้มั่น เขายิ้มเจ้าเล่ห์ "เราลองเปลี่ยนท่ากันหน่อยดีไหมครับคนดีของพี่..." เหมยพยักหน้าเล็กน้อยด้วยใบหน้าแดง ระเรื่อ เธอเชื่อใจเขาอย่างเต็มเปี่ยม อาชาจึงค่อย ๆ พลิกร่างบางของเหมยให้นอนคว่ำลงช้า ๆ จากนั้นใช้เนคไทผูกข้อมือทั้งสองข้างของเธอไขว้ไปด้านหลังอย่างชำนาญ การถูกมัดในท่านี้ทำให้เหมยรู้สึกอ่อนแอแต่ก็ตื่นเต้นจนหัวใจเต้นระรัว "แบบนี้... เราจะรู้สึกถึงพี่ได้ชัดเจนขึ้น พี่จะเอาเหมยจน เหมยร้องขอให้พี่หยุด..." อาชากระซิบเสียงแหบพร่าข้างใบหูของเหมย ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาทำให้ขนอ่อน ๆ ทั่วร่างของเธอตั้งชัน เหมยพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เสียงก็ติดอยู่ในลำคอ อาชาโน้มตัวลงไปจูบแผ่นหลังเนียนนุ่มของเหมยช้า ๆ ไล่ขึ้นไปตามกระดูกสันหลังอย่างแผ่วเบา สัมผัสอันเร่าร้อนของเขาทำให้เหมยบิดกายเล็กน้อยด้วยความรู้สึกที่พุ่งพล่านขนลุกซู่ไปทั้งกาย "พะ พี่... อาชาขา.....อ้าส์ ซี๊ด..." เหมยครางชื่อเขาเบา ๆ น้ำเสียงแหบพร่าด้วยอารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้ "ใช่ครับ... พี่อยู่นี่แล้ว" อาชาตอบ พลางใช้ปลายนิ้วไล้ไปตามแนวสะโพกผายของเธออย่างยั่วยวน เ
หลังจากผ่านพ้นเรื่องของดารินไปอาชาสั่งห้ามบอดี้การ์ดทุกคนห้ามให้ดารินกลับมาเหยียบไม่ว่าจะเป็น มหาวิทยาลัยทุกพื้นที่ของตระกูลเขา ห้ามดารินเข้ามาก้าวก่ายโดยเด็ดขาด "ไอ้เสือบอกบอดี้การ์ดทุกคน ถ่ายทอดคำสั่งของกูลงไป ห้ามให้ดารินเหยียบเข้ามาทุกพื้นที่ของตระกูลกู แม้แต่เงาก็ห้ามให้มาใกล้..! อาชาเขารู้ว่าผู้หญิงอย่างดารินทั้งอันตรายและเจ้าเล่ห์จึงเลือกที่จะปกป้องเหมยและลิลลี่ให้ออกห่างจากผู้หญิงอย่างดาริน "ครับนายผมจะรีบถ่ายทอดคำสั่งของนายทุกคำออกไปในกลุ่มบอดี้การ์ดของเราครับนาย" "คืนนี้ผมว่าเป็นคืนที่ดีนะครับนาย" "มันเป็นคืนที่ดียังไงวะ" อาชาสงสัยเล็กน้อยเมื่ออยู่ๆเสือก็พูดขึ้นมา "เพราะคืนนี้นายธงมักจะออกไปทุกคืน วันเสาร์และกลับมาในวันจันทร์เช้า เพื่อทำงาน ผมอาจจะใช้โอกาสทองและจังหวะนี้" "ในการหาข้อสงสัยของผมเพราะมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลที่ผมสัมผัสได้" เสือรายงานบางอย่างให้กับอาชาได้ฟังเพราะเขาก็แอบสงสัยพฤติกรรมของธงมานานแล้ว "ดีกูเองก็ไม่ไว้ใจมัน มันจงใจปล่อยข่าวเสียหายให้กับเหมย เรื่องของมันกับเหมยในอดีตกูคงจะยอมง่าย ๆ ไม่ได้หรอก" อาชาเองก็ไม่ได้ละทิ้งเรื่องพวกนี้แต่เขาให้มันเป็นเพี
ไม่นานหลังจากเหตุการณ์ชุลมุนที่คาเฟ่ ดารินก็ได้พบกับ อาชา ในที่สุด เธอเดินเข้าไปหาเขาด้วยรอยยิ้มหวานหยด ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอนั่งรออาชาหลายชั่วโมงกว่าที่อาชาจะยอมให้เธอเข้าพบ "อาชาคะ ดาคิดถึงคุณจังเลยค่ะ" ดารินเอ่ยเสียงหวาน พร้อมกับทำท่าจะโผเข้ากอด แต่อาชากลับถอยห่างออกมาเล็กน้อย สีหน้าเรียบเฉย "คุณดาริน มาทำอะไรที่นี่" อาชาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาไม่ต้องการจะข้องแวะกับอดีตที่เลวร้าย "อะไรกันคะอาชา ทำไมพูดกับดาแบบนี้ล่ะคะ ดาก็แค่อยากมาเยี่ยมคุณ มาทวงถามความรักเก่า ๆ ของเราคืน" ดารินแสร้งทำเป็นตัดพ้อ ใบหน้าแสดงความเศร้าสร้อยอย่างจงใจ "สงสัยความรักที่ผมเรียกคุณไป 10 ล้านคงไม่พอซะแล้วมั้ง คุณยังมีแรงมาระรานวุ่นวายกับผมอยู่แบบนี้"อาชาพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยันและรู้สึกรังเกียจผู้หญิงอย่างดารินที่สุด "โธ่อาชาคะ คุณไม่เห็นจะต้องแจ้งความเอาเรื่องดารินขนาดนั้นเลยค่ะ คุณก็รู้ว่าดารินไม่มีอะไรที่จะสู้กับคุณได้" "ดารินแค่อยากมาถามหาความเห็นใจจากคุณบ้างก็เท่านั้น ใจดีกับดารินหน่อยนะคะ" ดารินเกาะแข้งเกาะขาอาชาไม่ยอมปล่อยเอาแต่ทำท่าทีออดอ้อนออเซาะเพื่อให้อาชาใจอ่อน เหมือนฝันของดารินกำ
ธงเริ่มปฏิบัติการตามแผนของดารินอย่างเคร่งครัด เขายังคงส่งของขวัญและดอกไม้ให้เหมยเช่นเคย แต่คราวนี้มาพร้อมข้อความที่ดูเหมือนจะเข้าใจและเห็นอกเห็นใจเหมยมากยิ่งขึ้น เช่น "รู้ว่าเธอเหนื่อย พักผ่อนบ้างนะ" หรือ "หวังว่าดอกไม้ช่อนี้จะทำให้วันของเธอสดใสขึ้นมาบ้าง" ซึ่งเป็นข้อความที่ดารินแนะนำให้ใช้เพื่อสร้างความรู้สึกผูกพันทางอารมณ์"พี่ส่งดอกไม้ให้ครูเหมยทุกวันเลยอ่ะผมเป็นครูเหมยนี้ผมละลายหมดแล้วนะ"ไอ้เต้เดินมาแซวธงเมื่อเห็นว่ายังคงใช้ให้เต้ไปส่งดอกไม้"มันก็ต้องขยันหน่อยเว้ย.!!อยากได้เขากลับมาก็ต้องเอาใจเขาบ้าง"ธงพูดลอยๆ"คราบพี่" ไอ้เต้กับไอ้ต้นหนาวถึงกับหลุดหัวเราะในขณะเดียวกัน ธงก็เริ่มหาโอกาสพูดคุยกับเหมยมากขึ้น โดยอาศัยสถานการณ์ที่พบกันโดยบังเอิญในที่ทำงาน หรืออ้างเรื่องงานเข้ามาพูดคุย "อรุณสวัสดิ์ครับเหมย" ธงที่มาคาเฟ่แต่เช้าเพื่อมาดักรอเหมยและลิลลี่ที่จะมานั่งในห้องประจำเพื่อเรียนหนังสือเปลี่ยนบรรยากาศไม่ใช่ภายในบ้านพักตากอากาศ"อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ธง"เหมยยิ้มให้อย่างเป็นมิตรช่วงนี้เธออาจจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย