อาชาปลดพันธนาการที่ข้อมือเหมยออก ช้า ๆ แต่ยังคงจับมือเธอไว้มั่น เขายิ้มเจ้าเล่ห์
"เราลองเปลี่ยนท่ากันหน่อยดีไหมครับคนดีของพี่..." เหมยพยักหน้าเล็กน้อยด้วยใบหน้าแดง ระเรื่อ เธอเชื่อใจเขาอย่างเต็มเปี่ยม อาชาจึงค่อย ๆ พลิกร่างบางของเหมยให้นอนคว่ำลงช้า ๆ จากนั้นใช้เนคไทผูกข้อมือทั้งสองข้างของเธอไขว้ไปด้านหลังอย่างชำนาญ การถูกมัดในท่านี้ทำให้เหมยรู้สึกอ่อนแอแต่ก็ตื่นเต้นจนหัวใจเต้นระรัว "แบบนี้... เราจะรู้สึกถึงพี่ได้ชัดเจนขึ้น พี่จะเอาเหมยจน เหมยร้องขอให้พี่หยุด..." อาชากระซิบเสียงแหบพร่าข้างใบหูของเหมย ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาทำให้ขนอ่อน ๆ ทั่วร่างของเธอตั้งชัน เหมยพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เสียงก็ติดอยู่ในลำคอ อาชาโน้มตัวลงไปจูบแผ่นหลังเนียนนุ่มของเหมยช้า ๆ ไล่ขึ้นไปตามกระดูกสันหลังอย่างแผ่วเบา สัมผัสอันเร่าร้อนของเขาทำให้เหมยบิดกายเล็กน้อยด้วยความรู้สึกที่พุ่งพล่านขนลุกซู่ไปทั้งกาย "พะ พี่... อาชาขา.....อ้าส์ ซี๊ด..." เหมยครางชื่อเขาเบา ๆ น้ำเสียงแหบพร่าด้วยอารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้ "ใช่ครับ... พี่อยู่นี่แล้ว" อาชาตอบ พลางใช้ปลายนิ้วไล้ไปตามแนวสะโพกผายของเธออย่างยั่วยวน เพี้ยะ..! เพี๊ยะ ! ฝามือหนาฟาดลงไปบนแก้มก้นที่กลมกลึงสองทีอย่างหมั่นเขี้ยว "อะ อะ .....เจ็บ ฮื้ม...." อาชากดจูบเน้นย้ำลงไปที่ผิวเนื้ออ่อนนุ่ม พรมจูบทั่วบริเวณแผ่นหลัง ไล่ลงไปจนถึงบั้นท้ายที่กลมกลึง กลิ่นกายหอมอ่อน ๆ ของเหมยยิ่งปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบของเขา "โอ้ว....เหมยจ๋า เธอกำลังให้พี่แทบคลั่งตายอยู่แล้ว ซี๊ด...เด็กดี" ความร้อนรุ่มเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่างของเหมย เธอกัดริมฝีปากแน่นเพื่อสะกดกลั้นเสียงครางที่กำลังจะหลุดออกมา เมื่ออาชาเคลื่อนไหวอย่างแนบชิดมากขึ้น สัมผัสอันเร่าร้อนของเขาทำให้เธอสั่นสะท้านไปทั้งตัว "พร้อมหรือยังครับคนดี?" อาชากระซิบถามเสียงพร่าห่างเพียงไม่กี่นิ้วจากใบหูของเหมย เหมยไม่ตอบเป็นคำพูด เพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อย เป็นสัญญาณว่าเธอพร้อมแล้วที่จะปล่อยกายและใจไปกับบทเพลงรักที่อาชากำลังจะบรรเลง ความร้อนรุ่มเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่างของเหมย เธอจิกปลายนิ้วลงบนผ้าปูที่นอนแน่นเพื่อสะกดกลั้นเสียงครางที่กำลังจะหลุดออกมา เมื่ออาชาเคลื่อนไหวอย่างแนบชิดมากขึ้น สัมผัสอันเร่าร้อนของเขาทำให้เธอสั่นสะท้านไปทั้งตัว ราวกับถูกกระแสไฟฟ้าแรงสูงช็อตทุกอณู "พี่อยากเอาเธอให้จนเช้าเลย หอมไปหมดเลยแม่คุณเอ๊ย...อ้าส์ " อาชากระซิบถามเสียงพร่าข้างใบหูของเหมย ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาเป่ารดจนขนอ่อนตั้งชัน เหมยไม่ตอบเป็นคำพูด เพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อย ใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาฉ่ำเยิ้มเป็นประกายด้วยความปรารถนาอันมิอาจปกปิด "เสียว.... เหมยเสียวค่ะ.... พี่อาชาขา. ... อ้าส์..ซี๊ด" เหมยที่โดนกระแทกร้องจนน้ำแฉะรูสวาทในท่าหมาแถมโดนตรึงด้วยเน็คไทเพิ่มความตื่นเต้นอีก "เหมยจ๋า .... อูย อย่าขมิบ..พี่เสียว อะ อ้าส์รูโคตรแน่นเลย" มันเป็นสัญญาณว่าเหมยพร้อมแล้วที่จะปล่อยกายและใจไปกับบทเพลงรักที่อาชากำลังจะบรรเลง ปลดปล่อยพันธนาการทางความรู้สึกทุกสิ่งเพื่อจมดิ่งไปกับเขา เสียงเหมยตอบกลับอาชาที่เสียงซ่าน"เหมยเปล่าขมิบ อะ อะ ...เหมยเสียว.." จังหวะแห่งรักเริ่มต้นขึ้นอย่างช้า ๆ อาชาเคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยนแต่เต็มเปี่ยมด้วยความเร่าร้อน เขาบรรจงจุมพิตซอกคอขาวเนียนของเหมยอย่างแผ่วเบา ไล่ลงมาตามแผ่นหลัง สัมผัสอุ่นร้อนจากริมฝีปากเขาทำให้เหมยขนลุกซู่ไปทั้งตัว เธอรู้สึกเหมือนกระแสไฟฟ้าแล่นพล่านไปทั่วร่าง ความรู้สึกแปลกใหม่ที่รุนแรงจนแทบระเบิดออกภายใน ทำให้เธอแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ อาชากระซิบชิดใบหูของเหมย "ผ่อนคลายนะครับคนดี ปล่อยไปตามอารมณ์ พี่เงี้ยนจนทนไม่ไหวแล้ว...โอ้ว.. เหมย..!" น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาเหมือนเวทมนตร์ที่สะกดให้เหมยผ่อนคลายลงอย่างไม่น่าเชื่อ เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และปล่อยกายไปตามสัมผัสของเขา ความตื่นเต้นระคนปรารถนาทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก ความร้อนผ่าวปะทุขึ้นภายในกายทุกขณะ "กระดกก้นหน่อยเด็กดี อู้ย...สวย" อาชาค่อย ๆ เร่งจังหวะให้เร็วขึ้น หนักหน่วงขึ้น สอดประสานกันอย่างลงตัวกับลมหายใจหอบถี่ของเหมย สองมือหนาและรูสวาทกระดูกสะโพกขึ้นเล็กน้อยทำให้เห็นกลีบกุหลาบน้ำไหลเยิ้ม ช้ำแดง ๆ เพราะแรงกระแทก เพี้ย..! ครางดัง !! เพี้ยะ..! ครางเรียกชื่อพี่..อูย..เสียว รู้สึกดีฉิบหาย...อาชาสบถคำหยาบ "อ้าส์ .. พี่อาชา....เหมยเสียว.." ทุกการเคลื่อนไหวของอาชาสร้างความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย เหมยรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยอยู่เหนือเมฆ สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ จนไม่อาจสัมผัสพื้นดินได้อีกต่อไป โลกทั้งใบเหลือเพียงแค่เขาและเธอเท่านั้น "อาชา... อ๊า... พี่... ได้โปรด..กระแทกเหมยแรง ๆ เหมยไม่ไหวแล้ว...." เหมยครางชื่อเขาออกมาอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงสั่นเครือปนเปไปด้วยความสุขสมที่ท่วมท้น เธอไม่สามารถเรียบเรียงคำพูดใด ๆ ได้อีกแล้ว ในตอนนี้ มีเพียงความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ความสุขสมที่แล่นริ้วขึ้นจากปลายเท้าจรดปลายผม อาชายิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอ เขาก้มลงจูบซับตามแผ่นหลังเนียนนุ่ม สลับกับการเคลื่อนไหวที่เร่าร้อนแท่งเอ็นขนาดใหญ่ยังคงสอดแทรกกระเด้าเอวหนาๆม่พักและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งทั้งสองหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันในห้วงอารมณ์แห่งความปรารถนาอันลึกซึ้ง ไร้ซึ่งขีดจำกัดใด ๆ บทเพลงรักดำเนินไปอย่างยาวนานและถึงพริกถึงขิง ภายในห้องนอนอบอวลไปด้วยไออุ่นของความรักและความปรารถนาที่ไม่อาจปกปิดได้ เสียงครางแผ่วเบาของเหมยผสมผสานกับเสียงหอบหายใจของอาชา กลายเป็นบทเพลงที่เร่าร้อนที่สุด ไพเราะที่สุด ที่ทั้งสองจะไม่มีวันลืมเลือน เมื่อบทเพลงสุดท้ายสิ้นสุดลง เหมยทิ้งตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยอ่อนแต่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข เธอซบใบหน้ากับหมอนอย่างอ่อนแรง ร่างกายสั่นระริกด้วยความอิ่มเอมใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อาชาพลิกตัวนอนตะแคงข้าง โอบกอดร่างบางของเหมยไว้แน่น พลางจุมพิตลงบนเรือนผมหอมกรุ่นของเธอ "หลับฝันดีนะครับคนดีของพี่" เขากระซิบเสียงพร่า พร้อมกับลูบไล้แผ่นหลังเนียนเบา ๆ อย่างอ่อนโยนราวกับจะปลอบประโลม เหมยไม่ตอบ เธอเพียงแต่ขยับตัวซุกเข้าหาไออุ่นของอาชาให้แน่นขึ้น รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าขณะที่เธอผล็อยหลับไปในอ้อมกอดของอาชา ค่ำคืนนี้จะเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ตราตรึงอยู่ในใจของเธอตลอดไป และเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าที่เธอเคยจินตนาการไว้มากนัก...ทุกครั้งที่อาชาร่วมรักกับเหมยเขาไม่เคยป้องกันเลย....ทางด้านธงและดารินก็ยังคงไม่ยอมแพ้ แม้ว่าดารินจะแพ้อย่างราบคาบเมื่อเจออาชาเล่นไม้แข็ง ให้บอดี้การ์ดลากเธอออกจากไร่ชาพรหมเทพอย่างไม่ใยดี แถมยังสั่งห้ามไม่ให้ดารินเข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตของเขาอีก ขณะที่ทั้งสองกำลังพลอดรักกันอยู่ที่โรงแรมเดิม ธงที่รู้สึกถึงแรงแค้นมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะยิ่งวิ่งเข้าใกล้เหมยมากเท่าไหร่ เหมยก็ยิ่งวิ่งออกห่างเขามากเท่านั้น ธงรู้สึกเหมือนเสียศักดิ์ศรีและโดนหยามหน้า "ดารินครับ ทำไมคุณถึงได้ทำพลาดขนาดนั้น คุณไม่เคยรู้เลยเหรอว่าไอ้อาชามีหลานสาว" ธงที่นอนอยู่บนตักของดารินก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ "แล้วใครมันจะไปรู้ล่ะคะ ว่าอีเด็กเปรตนั่นจะเป็นหลานสาวของอาชา" ดารินก็รู้สึกโมโหไม่น้อยที่อยู่ดี ๆ ก็ต้องมาล้มละลายเพียงเพราะเด็กคนเดียว "แล้วเราจะทำยังไงต่อไปล่ะครับดาไหนจะมีไอ้เมฆินทร์อีกคนนึงที่มาตามป้วนเปี้ยนจีบเหมย" ธงก็ยังคงอยากเอาชนะอาชาและเมฆินทร์อยู่ โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของเหมยและอาชาได้ก้าวหน้าเกินกว่าที่เขาจะแตะถึง "เหลือแต่คุณแล้วค่ะที่ต้องเข้าไปทำลายความสัมพันธ์ของสองคนนั้น เอาให้ทั้งสองคนมันแตกหัก ไม่ไว้ใจซึ่งกันและกันยิ่งดี แล้ว
เมฆินทร์ที่กลับจากการทำธุระของตัวเองก็คิดถึงเหมยไม่แพ้อาชาหรือธง วันนี้เขาตั้งใจจะเข้าไปเจอเหมยที่คาเฟ่และซื้อของมากมายกลับมาฝากเธอ “ถังลี่ วันนี้กูจะเข้าไปที่ไร่ชาพรหมเทพ จะเอาของที่กูซื้อไปฝากคุณเหมย มึงให้เด็กเอาของขึ้นรถให้กูด้วย” เมฆินทร์หันไปสั่งบอดี้การ์ดคู่ใจ “ผมจัดการให้นายเรียบร้อยแล้วครับ นายจะไปเลยไหมครับ” ถังลี่หันมาถามผู้เป็นนาย เมฆินทร์พยักหน้า เขาลุกออกจากห้องนั่งเล่นในคฤหาสน์หรูแล้วก้าวขึ้นรถสไตล์ยุโรป ใจของเขาอยากจะเจอหน้าสวย ๆ ของเหมย และเขาก็อยากจะเข้าไปสืบหาเรื่องราวของอาชาที่จะทำการเซ็นสัญญากับมิสเตอร์จางเพื่อตัดหน้าบริษัทของเขาด้วย “ได้ครับนาย แต่ว่านายมั่นใจเรื่องที่ดินที่เราซื้อไว้ให้มิสเตอร์จางจริง ๆ ใช่ไหมครับ” ถังลี่รู้สึกว่าอาชามีความเงียบผิดปกติ “มีอะไรหรือเปล่าวะ” เมฆินทร์หันมาถามขณะกำลังดูตารางงานอยู่ด้านหลังรถ “ผมว่าบอดี้การ์ดของไอ้อาชาและตัวมันเงียบผิดปกติ เพราะโครงการนี้มันเคยคิดจะสู้กับเราหลายหน ทำไมมันถึงเงียบหายไป” ถังลี่รู้สึกถึงความผิดสังเกต “มันก็จริงอย่างที่มึงพูด ส่งคนของเราจับตาดูมันทุกฝีก้าว ลองดูว่ามันจะบินไปสิงคโปร์เมื่อไหร่
อาชาปลดพันธนาการที่ข้อมือเหมยออก ช้า ๆ แต่ยังคงจับมือเธอไว้มั่น เขายิ้มเจ้าเล่ห์ "เราลองเปลี่ยนท่ากันหน่อยดีไหมครับคนดีของพี่..." เหมยพยักหน้าเล็กน้อยด้วยใบหน้าแดง ระเรื่อ เธอเชื่อใจเขาอย่างเต็มเปี่ยม อาชาจึงค่อย ๆ พลิกร่างบางของเหมยให้นอนคว่ำลงช้า ๆ จากนั้นใช้เนคไทผูกข้อมือทั้งสองข้างของเธอไขว้ไปด้านหลังอย่างชำนาญ การถูกมัดในท่านี้ทำให้เหมยรู้สึกอ่อนแอแต่ก็ตื่นเต้นจนหัวใจเต้นระรัว "แบบนี้... เราจะรู้สึกถึงพี่ได้ชัดเจนขึ้น พี่จะเอาเหมยจน เหมยร้องขอให้พี่หยุด..." อาชากระซิบเสียงแหบพร่าข้างใบหูของเหมย ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาทำให้ขนอ่อน ๆ ทั่วร่างของเธอตั้งชัน เหมยพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เสียงก็ติดอยู่ในลำคอ อาชาโน้มตัวลงไปจูบแผ่นหลังเนียนนุ่มของเหมยช้า ๆ ไล่ขึ้นไปตามกระดูกสันหลังอย่างแผ่วเบา สัมผัสอันเร่าร้อนของเขาทำให้เหมยบิดกายเล็กน้อยด้วยความรู้สึกที่พุ่งพล่านขนลุกซู่ไปทั้งกาย "พะ พี่... อาชาขา.....อ้าส์ ซี๊ด..." เหมยครางชื่อเขาเบา ๆ น้ำเสียงแหบพร่าด้วยอารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้ "ใช่ครับ... พี่อยู่นี่แล้ว" อาชาตอบ พลางใช้ปลายนิ้วไล้ไปตามแนวสะโพกผายของเธออย่างยั่วยวน เ
หลังจากผ่านพ้นเรื่องของดารินไปอาชาสั่งห้ามบอดี้การ์ดทุกคนห้ามให้ดารินกลับมาเหยียบไม่ว่าจะเป็น มหาวิทยาลัยทุกพื้นที่ของตระกูลเขา ห้ามดารินเข้ามาก้าวก่ายโดยเด็ดขาด "ไอ้เสือบอกบอดี้การ์ดทุกคน ถ่ายทอดคำสั่งของกูลงไป ห้ามให้ดารินเหยียบเข้ามาทุกพื้นที่ของตระกูลกู แม้แต่เงาก็ห้ามให้มาใกล้..! อาชาเขารู้ว่าผู้หญิงอย่างดารินทั้งอันตรายและเจ้าเล่ห์จึงเลือกที่จะปกป้องเหมยและลิลลี่ให้ออกห่างจากผู้หญิงอย่างดาริน "ครับนายผมจะรีบถ่ายทอดคำสั่งของนายทุกคำออกไปในกลุ่มบอดี้การ์ดของเราครับนาย" "คืนนี้ผมว่าเป็นคืนที่ดีนะครับนาย" "มันเป็นคืนที่ดียังไงวะ" อาชาสงสัยเล็กน้อยเมื่ออยู่ๆเสือก็พูดขึ้นมา "เพราะคืนนี้นายธงมักจะออกไปทุกคืน วันเสาร์และกลับมาในวันจันทร์เช้า เพื่อทำงาน ผมอาจจะใช้โอกาสทองและจังหวะนี้" "ในการหาข้อสงสัยของผมเพราะมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลที่ผมสัมผัสได้" เสือรายงานบางอย่างให้กับอาชาได้ฟังเพราะเขาก็แอบสงสัยพฤติกรรมของธงมานานแล้ว "ดีกูเองก็ไม่ไว้ใจมัน มันจงใจปล่อยข่าวเสียหายให้กับเหมย เรื่องของมันกับเหมยในอดีตกูคงจะยอมง่าย ๆ ไม่ได้หรอก" อาชาเองก็ไม่ได้ละทิ้งเรื่องพวกนี้แต่เขาให้มันเป็นเพี
ไม่นานหลังจากเหตุการณ์ชุลมุนที่คาเฟ่ ดารินก็ได้พบกับ อาชา ในที่สุด เธอเดินเข้าไปหาเขาด้วยรอยยิ้มหวานหยด ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอนั่งรออาชาหลายชั่วโมงกว่าที่อาชาจะยอมให้เธอเข้าพบ "อาชาคะ ดาคิดถึงคุณจังเลยค่ะ" ดารินเอ่ยเสียงหวาน พร้อมกับทำท่าจะโผเข้ากอด แต่อาชากลับถอยห่างออกมาเล็กน้อย สีหน้าเรียบเฉย "คุณดาริน มาทำอะไรที่นี่" อาชาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาไม่ต้องการจะข้องแวะกับอดีตที่เลวร้าย "อะไรกันคะอาชา ทำไมพูดกับดาแบบนี้ล่ะคะ ดาก็แค่อยากมาเยี่ยมคุณ มาทวงถามความรักเก่า ๆ ของเราคืน" ดารินแสร้งทำเป็นตัดพ้อ ใบหน้าแสดงความเศร้าสร้อยอย่างจงใจ "สงสัยความรักที่ผมเรียกคุณไป 10 ล้านคงไม่พอซะแล้วมั้ง คุณยังมีแรงมาระรานวุ่นวายกับผมอยู่แบบนี้"อาชาพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยันและรู้สึกรังเกียจผู้หญิงอย่างดารินที่สุด "โธ่อาชาคะ คุณไม่เห็นจะต้องแจ้งความเอาเรื่องดารินขนาดนั้นเลยค่ะ คุณก็รู้ว่าดารินไม่มีอะไรที่จะสู้กับคุณได้" "ดารินแค่อยากมาถามหาความเห็นใจจากคุณบ้างก็เท่านั้น ใจดีกับดารินหน่อยนะคะ" ดารินเกาะแข้งเกาะขาอาชาไม่ยอมปล่อยเอาแต่ทำท่าทีออดอ้อนออเซาะเพื่อให้อาชาใจอ่อน เหมือนฝันของดารินกำ
ธงเริ่มปฏิบัติการตามแผนของดารินอย่างเคร่งครัด เขายังคงส่งของขวัญและดอกไม้ให้เหมยเช่นเคย แต่คราวนี้มาพร้อมข้อความที่ดูเหมือนจะเข้าใจและเห็นอกเห็นใจเหมยมากยิ่งขึ้น เช่น "รู้ว่าเธอเหนื่อย พักผ่อนบ้างนะ" หรือ "หวังว่าดอกไม้ช่อนี้จะทำให้วันของเธอสดใสขึ้นมาบ้าง" ซึ่งเป็นข้อความที่ดารินแนะนำให้ใช้เพื่อสร้างความรู้สึกผูกพันทางอารมณ์"พี่ส่งดอกไม้ให้ครูเหมยทุกวันเลยอ่ะผมเป็นครูเหมยนี้ผมละลายหมดแล้วนะ"ไอ้เต้เดินมาแซวธงเมื่อเห็นว่ายังคงใช้ให้เต้ไปส่งดอกไม้"มันก็ต้องขยันหน่อยเว้ย.!!อยากได้เขากลับมาก็ต้องเอาใจเขาบ้าง"ธงพูดลอยๆ"คราบพี่" ไอ้เต้กับไอ้ต้นหนาวถึงกับหลุดหัวเราะในขณะเดียวกัน ธงก็เริ่มหาโอกาสพูดคุยกับเหมยมากขึ้น โดยอาศัยสถานการณ์ที่พบกันโดยบังเอิญในที่ทำงาน หรืออ้างเรื่องงานเข้ามาพูดคุย "อรุณสวัสดิ์ครับเหมย" ธงที่มาคาเฟ่แต่เช้าเพื่อมาดักรอเหมยและลิลลี่ที่จะมานั่งในห้องประจำเพื่อเรียนหนังสือเปลี่ยนบรรยากาศไม่ใช่ภายในบ้านพักตากอากาศ"อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ธง"เหมยยิ้มให้อย่างเป็นมิตรช่วงนี้เธออาจจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย