สองสาวที่เดินลงมาจากรถอีโคคาร์คันเล็กจิ๋ว แต่กลับดึงดูดสายตาคู่หนึ่งที่กำลังเพ่งพินิจจับจ้องหญิงสาวในชุดราตรีสีดำ ผมดำขลับ ปากนิดจมูกหน่อย ผิวขาวจนเห็นเส้นเลือด แต่สิ่งที่ดึงดูดใจที่สุดคือตัวเล็กแต่กลับมีหน้าอกใหญ่และสะโพกผาย
สายตาคู่นั้นที่จ้องมองคือ อาชา รัตนภูมิไพเดช หนุ่มใหญ่อายุ 45 ปี ที่เดินลงมาด้วยความสง่างาม ดวงตาเรียบเฉยดูเย็นชาแต่กลับน่าดึงดูดใจแบบพิกล "โอ๊ย! รองเท้านี่ก็สูงเหลือเกิน ยายเจสซี่แกเลือกอะไรให้ฉันเนี่ย" เหมยบ่นเล็ก ๆ เพราะเพื่อนสาวเลือกรองเท้าสูงขนาดสามนิ้วเท่าส้นเข็มให้กับตน "เดินดี ๆ สิยายเหมย เดี๋ยวก็หกล้มหรอก" เจสซี่ส่องเพื่อนสาวที่พยุงกันเข้างานโดยที่ไม่ได้หันมองความสง่างามที่ตนเดินผ่านมาเลยแม้แต่นิด โดยปกติมีแต่สาว ๆ จะต้องจ้องมองอาชาและกรี๊ดเป็นเสียงเดียว แต่กับเหมยและเจสซี่ ทั้งสองคนเดินผ่านเขาไปราวกับธาตุอากาศ ยิ่งทำให้อาชาสนใจในตัวของเหมย หญิงสาวชุดดำที่เขาเล็งไว้ตั้งแต่แรกเห็นเข้าไปอีก "คุณอาชาครับเรียนเชิญ ขึ้นไปเปิดพิธีก่อนดีกว่า ลูกศิษย์เก่าพวกนั้นกำลังรอคุณอาชาเปิดงานอยู่นะครับ" บอดี้การ์ดที่ชื่อเสือได้บอกให้อาชาขึ้นไปเปิดพิธีงานคืนสู่เหย้าของเหล่าปีสามและปีสี่ที่หวนกลับมาพบกันอีกครั้ง อาชาพยักหน้า เป็นการรับทราบว่าจะต้องทำหน้าที่และภารกิจของตัวเองให้เรียบร้อยก่อน อาชาขึ้นไปกล่าวเปิดงานและขอบคุณเพียงสั้น ๆ ได้รับเสียงปรบมืออย่างล้นหลาม "งั้นในฐานะผมที่เป็นรุ่นพี่ของทุกคน ขอเชิญคุณอาชา อยู่ร่วมกันสนุกด้วยกันในงานนี้นะครับ "ผมได้เตรียมโต๊ะ VIP ไว้ให้คุณอาชามุมนู้นแล้วครับ" หลังจากรุ่นพี่พิธีกรพูดจบ ทุกคนก็เริ่มสังสรรค์ฟังเพลงและดนตรีที่ได้เตรียมมา "โอ้โห! นี่เจสซี่เหรอ?" ตะวันที่ทำตาโตที่เห็นเจสซี่ขณะที่ใส่ชุดสีแดงเพลิงสวยสง่า ปากสีแดงทรงพลัง "ก็ฉันน่ะสิยะ แกคิดว่าเป็นใครหายัยตะวัน" เจสซี่หันไปทำท่าทีด้วยความมั่นใจตามประสาผู้หญิงสมัยใหม่ หญิงสาวที่ดูสูงสง่านั่งหลังตรงพร้อมกับกระเป๋าแบรนด์เนมสีดำยี่ห้อหรู มือถูกทาแต่งแต้มด้วยสีเล็บเจลสีชมพูธรรมชาติต่างหูเล็กๆ ที่ใบหน้าน่ารัก "นี่ใครอ่ะ ฉันจำไม่ได้ว่ายัยเจ็ทใครวะ" ตะวันหันมาถามเจสซี่ด้วยท่าทีงง ๆ เพราะคิดว่าในรุ่นไม่มีเพื่อนที่หน้าตาสวยและเซ็กซี่ขนาดนี้ "ฉันบอกแล้วว่าต้องไม่มีใครจำแกได้ แกเชื่อฉันหรือยัง" เจสซี่หันไปเขย่ามือของเหมย "นี่เพื่อนเราเหรอวะ" ตะวันหันไปทำหน้า เหวอ ๆ ที่ต้องมองเข้าไปจึงพอจะสัมผัสได้ "ยัยเด็กเนิร์ด...!" ตะวันและเพื่อนที่นั่งอยู่ในโต๊ะบริเวณนั้นต่างหันมาจ้องมองแล้ววิ่งเข้ามาดูเหมยเป็นตาเดียวกันทั้งหมด "เฮ้ย! เด็กเนริ์ดจริง ๆ อ่ะ ทำไมสวยขนาดนี้ ไปทำอะไรมา" ทุกคนต่างพากันรายล้อมเหมยจนเหมยยิ้มแก้มแทบแตก และหนึ่งในนั้นที่เดินตรงมาที่โต๊ะของเหมยและเจสซี่คือ ธง หนุ่มหล่อประจำคณะวิศวะปี 4 เมื่อหลายปีที่แล้ว เดินตรงเข้ามาที่โต๊ะของเหมย "สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไร" ธงที่ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษพร้อมกับเดินเข้ามาทำความรู้จัก "แหม! พี่ธงไม่เจอกันนาน สันดานเหมือนเดิมเลยนะพี่" เจสซี่ด่าแบบไม่ไว้หน้าธง "นี่เจสซี่เหรอ" มีผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ด่าธงได้แบบไม่คิด "ก็เจสซี่น่ะสิคะ คิดว่าใครเหรอ" เจสซี่เบะปากมองบน "แล้วนี่ไม่ทราบว่าน้องเรียนคณะไหนครับ พี่ไม่เคยเห็นหน้าเลย" ธงที่จำเหมยไม่ได้ก็เข้ามานั่งข้าง ๆ เหมยอย่างถือวิสาสะ "ขอโทษนะคะ เหมยว่าเราคงไม่ต้องทำความรู้จักกันแล้วล่ะค่ะ เพราะเรารู้จักกันดีมากพอแล้ว" เหมยพูดแบบที่ทำให้ธงหน้าชา คนตรงนั้นต่างพากันอ้าปากหวอ "นะ ๆ น้องเหมย...!" ธงถึงกับตกใจกับผู้หญิงตรงหน้า ที่ดูสวยสง่าน่าค้นหา หน้าอกหน้าใจที่ใหญ่โต สะโพกที่ผาย ไหล่ผึ่ง ยิ่งทำให้ธงอยากจะทำความรู้จักมากขึ้น แต่พอรู้ว่าเป็นเหมย ธงรีบถอยหลังกรูกลับ ไม่คิดว่าจะได้เจอเหมยในรูปลักษณ์ใหม่ที่สวยงามแบบนี้ "ก็เหมยนะสิคะ คิดว่าเป็นคนอื่นหรือไง" เหมยหันไปพูดพร้อมกับส่งยิ้มร้าย ๆ ไปให้ ทั้งที่ใจจริงหัวใจของเหมยทั้งดวงแทบจะลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม เพราะกลัวว่าจะโดนเพื่อนในสมัยเรียนล้อเลียนอีก "โอ้โห! น้องเหมยครับ พี่ไม่คิดว่าจะเป็นน้องเหมย สวยจนจำไม่ได้เลย" ไอ้ต๊อบที่เดินตามหลังของธงมาก็เอ่ยปากพูดขึ้นมา "สวัสดีครับน้องเหมย จำพี่ได้หรือเปล่า พี่ต๊อบ เดือนที่คู่กับไอ้ธงไง" "จำได้สิคะ คนที่ให้พี่ธงมาพนันจีบเหมยในตอนนั้น คนที่ทำให้เหมยเกือบคิดสั้นฆ่าตัวตาย ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะคะ" เหมยพูดเสร็จก็ยกยิ้มเป็นน้ำเสียงที่เรียบนิ่งแต่บาดลึกหัวใจ กรีดคนฟังเป็นที่สุด "เออ เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว พี่ไม่คิดว่าน้องเหมยจะจำได้ดีขนาดนี้" ไอ้ต๊อบที่พูดจาติดขัดอึกอักไปหมดเมื่อเหมยได้พูดถึงเรื่องนั้น "ใช่สิคะ มันผ่านไปนานมากแล้วเนาะ ไม่เห็นจะต้องจำเลย เพราะไม่ใช่คนที่ถูกกระทำเพราะพี่เป็นคนสั่งให้ทำมันก็เลยไม่เป็นไร" "แต่เหมยเป็นคนที่ถูกรังแกไงคะ มันเลยจำไม่ลืม" เหมยก็ยังยกยิ้มให้ "เออ พี่ก็ว่าอย่างนั้นแหละครับ" เสียงของไอ้ต๊อบและไอ้ธงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ช็อกไปตาม ๆ กัน "สวัสดีครับน้องเหมยสวยขึ้นเยอะเลยนะสวยจนจำไม่ได้"สกายที่เดินมาหาเหมยได้ด้วยท่าทีสุขุมและดูอบอุ่นที่สุดในบรรดาทั้งสามคน "สวัสดีค่ะไม่ทราบพี่คือ...."เหมยพยายามนึกให้ออกว่าคนคนนี้คือใครใบหน้าคุ้นเคยแต่กลับนึกชื่อของคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ "ผมชื่อสกาย ถ้าเหมยจะนึกหน้าพี่ไม่ออกก็คงไม่แปลกเพราะเราแทบไม่เคยคุยกันเลยยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะครับ"สกายเปิดตัวและยื่นมือขอไปทำความรู้จักไหมด้วยตัวเขาเอง "พี่สกายคนที่เป็นเดือนมหาลัยอีกคนที่สาวๆ บอกว่าเจ้าชายหน้านิ่งใช่ไหมคะ"เหมยนึกออก หากเป็นฉายานี้เพราะจะมีเดือนมหาลัยคนนึงที่สาวๆ คลั่งไคล้เป็นที่สุด แม้จะใบหน้านิ่งเรียบเฉยก็ยังมีสาวๆพร้อมพลีกายถวายชีวิตที่อยากจะขึ้นเตียงกับเดือนมหาลัยคนนี้ "ฮ่า ฮ่า นั่นภาพจำของพี่หรอครับ"สกายถึงกับยกมือเกาหัวและหลุดขำออกมาในความน่ารักของเหมยซึ่งสกายมีความเอ็นดูเหมยกว่าผู้หญิงทุกคนมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว "เหมยขอโทษนะคะที่จำพี่สกายไม่ได้ตั้งแต่แรก ยินดีที่ได้พบอีกครั้งค่ะ" เหมยยื่นมือออกไปจับกับสกายด้วยความมั่นใจในรอบหลายปี ที่เหมยไม่ได้พบเจอใครเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เหมยมีความมั่นใจเกินร้อยเพราะมีเพื่อนอย่างเจสซี่คอยช่วยเหลือและให้กำลังใจ สกายและเหมยยื่นมือออกมาประสานและจับมือกันสกายส่งยิ้มเล็กๆ ให้กับเหมยเหมยเองก็ตอบรับไมตรีแต่ดูเหมือนแขกไม่ได้รับเชิญอย่างธงได้สอดประสานขึ้นระหว่างทั้งสองคน "พี่ว่าเรามาเริ่มต้นกันใหม่ดีไหมอ่ะ นี่ครับ ดื่มให้กับการเริ่มต้นใหม่ของเรา" ธงรินแชมเปญใส่แก้วแชมเปญสุดหรูหลายแก้วยื่นให้กับทุกคน แล้วยื่นให้กับเหมยด้วยใจที่หวังว่าจะจีบเหมยอีกครั้ง เพราะรู้สึกชอบเหมยตั้งแต่แรกเห็น "น้องเหมยไม่คิดจะรับสัมพันธ์จากพี่เหรอ" เหมยที่จ้องมองแชมเปญในมือของธงสลับไปมากับมองหน้าของธงอย่างกำลังนึกคิดอะไรบางอย่าง เหมือนกับรังเกียจธง "โทษทีค่ะ พอดีเพื่อนเจสซี่ไม่ดื่มแชมเปญ งั้นขอเจสซี่ดื่มแทนแล้วกันนะคะ" เจสซี่ที่รับแก้วแชมเปญไวน์จากมือของธงเอามาดื่มเอง "อ่า ทุกคน เดี๋ยวจะหมดสนุกนะ กินเถอะ กินเถอะ" ตะวันที่พยายามปรับทุกอย่างให้เป็นกลางและให้ทุกคนได้มีความสนุก อาชาที่นั่งจ้องมองมาจากชั้น VIP ด้านบนมีความสนใจในตัวของเหมยตั้งแต่แรกเห็น ก็นั่งจ้องเหมยตาไม่กะพริบ พร้อมกับจิบแชมเปญเบา ๆ อยู่ตรงโซน VIP คนเดียวเช่นกัน "นายสนใจผู้หญิงคนนั้นเหรอครับ ผมเห็นนายจ้องตั้งแต่เธอเดินลงมาจากรถ" เสือที่รู้ใจผู้เป็นนายจึงเอ่ยปากถาม "ใช่ ฉันสนใจเธอ ฉันอยากทำความรู้จักเธอมากกว่านี้ แกช่วยไปสืบให้ฉันหน่อยได้ไหมว่าเธอเป็นใคร" อาชาที่จ้องมองร่างบางผ่านแก้วแชมเปญตาไม่กระพริบ "ได้ครับนาย ผมจัดการให้เดี๋ยวนี้" เสือเดินออกจากโซน VIP แล้วสั่งการให้ลูกน้องค้นประวัติแขกทุกคนที่มาในงานวันนี้ โดยเฉพาะสองคนที่เพิ่งลงมาจากรถ อีโค่คันสีขาว ว่าสองสาวนั้นเป็นใคร โดยเฉพาะผู้หญิงชุดดำ......วันเวลาเดินเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็วก็เข้าปีที่ 3 เด็กๆโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกันเหมยที่ทำหน้าที่ดูแลลูกและหนูน้อยลิลลี่ในเวลาเดียวกันเธอทำทุกอย่างออกมาได้ดีมีแม่บ้านคอยช่วยเหลือบ้างเพราะเธอเองก็ยังทำงานที่เธอรักทำอะไรแต่เช้าครับขณะที่อยู่บนเตียงกว้างกับสามีสุดที่รักอย่างอาชาเขาที่ตื่นมาเห็นหน้าเหมือนเป็นคนแรกในทุกๆวันเช่นนี้เสมอ"กำลังคิดเรื่องพร็อพนิยายใหม่นะคะเดี๋ยวว่าจะแวะเข้าไปที่ไร่ชาสักอาทิตย์หน้าเผื่อไปหาบรรยากาศเปลี่ยนโหมดการทำงานหน่อย"เหมยยิ้มกว้างขณะที่นั่งอยู่บนเตียงหลังจากที่เธอล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ"ก็ดีสิครับ จะได้เปลี่ยนบรรยากาศด้วยตอนนี้ที่ร้านมีขนมใหม่ ๆ เยอะเลยนะ ผมก็อยากให้เหมยไปดูเหมือนกัน" อาชาส่งยิ้มแล้วก็ขยับมานอนบนตักของเหมยด้วยท่าทีออดอ้อนแม้จะแต่งงานกันมาเข้าปีที่ 3 แล้วเหยียบปีที่ 4 ทั้งคู่ก็ยังคงความหวานใส่กันและกันเสมออาชาไม่เคยรักเหมยน้อยลงเช่นเดียวกับเหมยที่ไม่เคยรักอาชาน้อยลงเลย"อาทิตย์นี้เห็นหนูน้อยลิลลี่ของเรากับอคินจะไปบ้านของคุณย่าน้ำฟ้านะคะเดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่ เหมยจะมารับเอง เห็นว่าบ่นคิดถึงหลาน ๆ" เหมยใช้มือลูบไปตามกลุ่มผมของอาชาแล้วก็ส่งยิ้มอา
แสงไฟสลัว ๆ ที่โถงทางเดินของโรงพยาบาลส่องให้เห็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนและนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ ทุกคนในที่นั้นต่างมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลและความหวังปะปนกันไป มีทั้งคุณหญิงวสุธรและคุณบุญรอด ผู้เป็นพ่อและแม่ของอาชา, คุณแม่น้ำฟ้าและคุณพ่อบุญทอง พ่อแม่ของเหมย, และหนูน้อยลิลลี่ ลูกสาววัย 5 ขวบเศษที่มาเฝ้ารอน้องชายคนใหม่ของเธออาชาเดินวนไปมาไม่หยุด เขากุมมือแน่นจนเหงื่อออกซึม ดวงตาจับจ้องไปที่ประตูห้องคลอดอย่างไม่คลาดสายตา ทุก ๆ นาทีที่ผ่านไปเหมือนเป็นชั่วโมงอันยาวนานสำหรับเขาคุณหญิงวสุธรลุกขึ้นจากเก้าอี้พลางวางมือบนบ่าของลูกชาย "ใจเย็น ๆ เถอะลูก เหมยเขาเข้มแข็งจะตาย"คุณบุญรอดเสริมขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้หนักแน่น "นั่นสิอาชา เราทุกคนอยู่ที่นี่พร้อมหน้าพร้อมตา ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกลูก"พ่อของอาชาตกไปที่บ่าของลูกชายเพื่อเป็นกำลังใจเพราะเขาก็เคยผ่านช่วงเวลานี้ในวันที่อาชาได้คลอดออกมาลืมตาดูโลกเช่นกัน"ครับพ่อ" อาชาหันไปตอบแต่ก็ไม่สามารถลดละสีหน้าความเป็นกังวลที่เป็นห่วงเหมยและลูกในท้องที่กำลังรออยู่ในห้องคลอดได้เลยส่วนอีกฟากหนึ่ง คุณพ่อบุญทองก็โอบกอดคุณแม่น้ำฟ้าไว้แน่น คุณแม่น้ำ
ตัดภาพมาที่ทางด้านอาชากับเหมยที่เดินทางมาถึงประเทศญี่ปุ่นในเวลาที่แตกต่างจากไทยทั้งสองมาถึงในวันที่หิมะเริ่มตกพอดีและเป็นช่วงเวลาที่ไม่ได้ตกหนักมากจนเกินไปทำให้เธอได้มองเห็นบรรยากาศที่สวยงามเกินคำบรรยายราวกับออกมาจากเทพนิยายสองร่างก้าวเท้าออกมาจากสนามบินชินชิโตเซะสู่โลกที่ปกคลุมไปด้วยความขาวบริสุทธิ์ของหิมะ เหมยสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่บริสุทธิ์จนขนลุกไปทั่วทั้งร่าง เธอหันไปมองอาชาที่กำลังยืนยิ้มอยู่ข้างๆ“สวยจังเลยค่ะพี่อาชา เหมือนความฝันเลย” เหมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความตื่นเต้นอาชาโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูเธอ “นี่ไม่ใช่ความฝันครับ มันคือโลกแห่งความจริงที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไป”เมื่อมาถึงโรงแรม ทั้งสองก็ไม่รอช้าที่จะออกไปสำรวจเมืองที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ เหมยกับอาชาจูงมือกันเดินไปตามถนนที่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ผู้คนต่างแต่งกายด้วยชุดกันหนาวสีสันสดใส ทำให้บรรยากาศดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นเหมยไม่เคยรู้สึกมีความสุขเท่านี้มาก่อนในชีวิต เธอได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้แสดงความรู้สึกอย่างท
เสือยืนนิ่งอึ้งในห้องเก็บของที่มืดสลัว ความรู้สึกทั้งประหลาดใจ สับสน และตื่นเต้นปะปนกันไปหมด ริมฝีปากของเขายังคงรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาแต่ร้อนแรงของเจสซี่ หัวใจเต้นรัวราวกับกลองศึก“คุณเจสซี่...นี่คุณทำบ้าอะไรเนี่ย!” เสือหลุดปากออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประหม่า เขาพยายามผลักดันเจสซี่ออก แต่เธอกลับยิ่งกอดเขาไว้แน่นเจสซี่หัวเราะเบาๆ “ก็เจสซี่บอกแล้วไงคะ ว่าเจสซี่จะทวนความจำให้เสือ” เธอกระซิบข้างหูเขาอย่างหยอกล้อ “แล้วตอนนี้เสือจำได้หรือยังคะ ว่าใครเป็นคนทำแบบนี้กับเสือ”เสือหลับตาลงอย่างอ่อนใจ เขาพยายามรวบรวมสติทั้งหมดที่มี “คุณเจสซี่ครับ ปล่อยผมเถอะครับ” น้ำเสียงของเขาเริ่มสั่นเครือ “มันไม่ถูกต้อง”“ไม่ถูกต้องตรงไหนคะ” เจสซี่แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “หรือเสือคิดว่าเจสซี่ไม่ดีพอ? เจสซี่เป็นผู้หญิงที่ไม่ได้แย่นะคะ”“คุณดีเกินไปครับ” เสือสวนกลับทันควัน เขาหมายความอย่างนั้นจริงๆ เจสซี่เป็นผู้หญิงที่สวย ฉลาด และมาจากครอบครัวดีๆ . เขาเป็นแค่บอดี้การ์ด...เป็นได้เพียงแค่เงา ที่ไม่ควรมีตัวตนในชีวิตของใคร“เสือไม่ต้องมาหาข้ออ้างเลย” เจสซี่สวนกลับอย่างรู้ทัน “เจสซี่รู้ว่าเสือไม่ได้รังเกียจเจส
สามเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหกเลิกและงานแต่งของเหมยและอาชาก็มาถึง เพื่อนสาวอย่างเจสซี่บินตรงมาจากออสเตรเลียรวมถึงพราวที่ขับรถจากเชียงรายเพื่อมาหาเพื่อนรักในวันพิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นอย่างอบอุ่นท่ามกลางแขกในงานมากหน้าหลายตาเสือและเหล่าบอดี้การ์ดทุกคนเข้าประจำจุดด้วยความพร้อมเพียงวันนี้บอดี้การ์ดของอาชาสวมใส่เสื้อทักซิโด้สีขาวแทนสีดำทำให้บรรยากาศยิ่งดูสดใสขึ้นไปอีกเท่าตัวนึงส่วนเหมยที่ได้สวมใส่ชุดเจ้าสาวแบบฝรั่งโดยมีเพื่อนสาวอย่างเจสซี่เป็นผู้ออกแบบและตัดเย็บเองกับมือเธอภูมิใจในไม้แขวนชุดนี้เหลือเกินเพราะคนที่เป็นไม้แขวนเสื้อตัวนี้ก็คือเหมยเพื่อนสาวที่เธอรักที่สุดพิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นสไตล์ฝรั่งและมีบาทหลวงมากล่าวคำพิธีมงคลต่างๆขณะที่อาชายืนรอเหมยให้เดินออกมากับพ่อบุญทองเขาก็ต้องตกตะลึงเพราะเหมยไม่เคยลองชุดเจ้าสาวให้เขาเห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียวเธอบอกว่าเป็นความลับเหมยในชุดเกาะอกสีขาวโชว์ให้เห็นคองามระหงชุดถุงมือสีขาวบางลายลูกไม้ผ้าคลุมผมเหมือนดั่งเจ้าหญิงชุดฟูฟ่องเล็กน้อยไม่ได้ดูมากไปและน้อยเกินไปต่างหูไข่มุกถูกประดับลงบนใบหูทั้งสองข้างสร้อยไข่มุกและตรงกลางฝังด้วยเพชรขนาด สิบห้ากะรัตดูไม่เ
ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ก้าวเท้าอย่างแผ่วเบาเข้าไปในห้องนอน กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคยของเหมย ลอยมาแตะจมูก ยิ่งทำให้ใจที่คิดถึงแทบขาดของอาชาเต้นรัวแรง เขาปิดประตูอย่างเบามือที่สุดแล้วเดินตรงไปยังเตียงกว้างอย่างเงียบเชียบดวงตาคมกริบไล่มองร่างเล็กที่นอนขดอยู่ภายใต้ผ้าห่มสีขาวสะอาดตา แสงไฟสลัวจากโคมไฟหัวเตียงส่องกระทบใบหน้าหวานที่กำลังหลับใหล อย่างเป็นสุข เรียวปากบางอิ่มที่เผยอยิ้มเล็กน้อยในยามหลับใหลแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังมีความสุขในห้วงฝัน อาชากลัวเหลือเกินว่าถ้าหากไม่ใช่เขาที่ยืนอยู่ตรงนี้ แต่เป็นชายอื่นที่ล่วงล้ำเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเธอ เหมยจะเป็นอย่างไรความคิดเหล่านั้นทำให้แววตาของอาชาเต็มไปด้วยความหวงแหนและหึงหวง เขาทรุดตัวลงนั่งข้างเตียง ค่อยๆ เอื้อมมือไปลูบผมยาวสลวยที่กระจัดกระจายอยู่บนหมอนอย่างแผ่วเบา จากนั้นจึงเลื่อนปลายนิ้วไล้ไปตามโครงหน้าหวาน ไล่ลงมาตามลำคอระหง อาชาโน้มตัวลงไปกระซิบเสียงแผ่วข้างหูของเธอ "คิดถึงนะครับ...คิดถึงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว"คำกระซิบแผ่วเบาคล้ายจะปลุกให้เหมยรู้สึกตัว เธอขยับตัวเล็กน้อยแล้วลืมตาขึ้นช้าๆ แสงสลั