ไม่นานหลังจากนั้น การทำงานของเสือก็รวดเร็วทันใจ เสือเดินถือเอกสารของมหาวิทยาลัยและคัดข้อมูลของสองสาวออกมาให้กับเจ้านายอย่างอาชาได้อย่างรวดเร็ว
“นี่ข้อมูลของทั้งสองสาวครับเจ้านาย ผมให้คัดมาจากแขกทุกคนที่มาในวันนี้ แล้วก็ค้นข้อมูลเบื้องต้นสืบรู้มาว่า ผู้หญิงคนแรกชื่อเจสซี่ เจสสิก้า เป็นลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย เธอเคยเรียนที่มหาวิทยาลัยของเรา จบปริญญาตรีที่นี่แล้วไปต่อที่ออสเตรเลียครับ” “ส่วนคนที่สองชื่อเล่นชื่อเหมย ชื่อจริงชื่อสุทธิดาครับ เธออายุ 27 ปี เรียนจบรุ่นเดียวกับเจสสิก้า ทั้งสองคนนี้เป็นเพื่อนรักกันครับ" "แต่สมัยที่เรียนผมไปสืบมาจากเพื่อนที่เรียนในรุ่นว่าเหมยคนนี้โดนเดือนโรงเรียนหักหน้าและหักอก ตอนนั้นเป็นข่าวดังมากจน เหมยต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะตรอมใจอยู่เกือบ 1 อาทิตย์” เสือรายงานเรื่องที่สืบมาอย่างละเอียด “คนไหนคือเดือนโรงเรียน” พูดจบอาชาก็หันไปมองหน้าเสือ เพราะอยากรู้ว่าใครทำร้ายผู้หญิงที่เขากำลังสนใจ “เดือนโรงเรียนชื่อเล่นชื่อธงครับ ที่นั่งอยู่ข้างๆ น้องเสื้อดำที่กำลังยื่นแชมเปญให้ก่อนหน้านี้” เสือชี้มือไปที่ไอ้ธงและต๊อบที่กำลังพยายามสานสัมพันธ์กับเหมยใหม่อีกครั้ง “แกลองไปสืบมาสิว่าไอ้คนชื่อธงมันทำงานอะไรอยู่ที่ไหน ฉันอยากรู้” อาชาที่มีความสนใจในตัวของเหมยจึงอยากจะรู้ทุกอย่างในเรื่องราวชีวิตของเหมย แม้กระทั่งอดีตที่ผ่านมา “ได้ครับเจ้านาย หากผมสืบทราบทั้งหมดเรียบร้อย ผมจะส่งข้อมูลให้นายในเมลนะครับ” “ฮืม..” เสียงตอบกลับมาสั้นๆ แล้วอาชาก็จิบแชมเปญเบาๆ ต่อไป ทุกคนเล่นเกมถามตอบกันอย่างสนุกสนาน อาชาที่ไม่เคยอยู่จนถึงงานเลิกเลยแม้แต่งานเดียวแต่งานนี้อาชายอมเสียเวลางานที่เป็นเงินเป็นทอง นั่งเฝ้าเหมยหญิงในดวงใจที่เขามีความสนใจใคร่รู้มากเป็นพิเศษ “เหมย เรื่องครั้งนั้นพี่ขอโทษนะ” ธงที่เห็นโอกาสขณะที่เจสซี่เดินไปชนแก้วแชมเปญกับเพื่อนๆ ทุกคน จึงเอ่ยปากขอโทษเหมย “ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ธง เรื่องมันผ่านมาแล้ว เหมยเองก็ไม่ได้คิดอะไรตั้งนานแล้ว” เหมยตอบห้วนๆ เพราะรู้สึกรำคาญธงขึ้นมา “ถ้างั้นน้องเหมยก็ช่วยรับไวน์แก้วนี้ ดื่มเชื่อมสัมพันธ์ครั้งใหม่ให้พี่หน่อยสิ” ธงถือโอกาสที่เจสซี่ปล่อยให้เหมยอยู่คนเดียวทำคะแนนกับเหมย “ไม่เอาค่ะ เหมยไม่ดื่ม ไม่ใช่ว่าไม่อยากรับสัมพันธ์แต่เดี๋ยวเราก็คงไม่ได้เจอกันแล้ว ไม่จำเป็นต้องดื่มหรอกค่ะ” เหมยที่พูดตัดเยื่อใยกับธง “โถ่น้องเหมย แสดงว่ายังโกรธพี่ น้องเหมยอยากกลับมาเป็นแฟนกับพี่ไหมล่ะ ตอนนี้พี่ยังไม่มีใครนะ” ธงที่พูดออกไป “ไม่ล่ะค่ะ เหมยไม่อยากเจ็บอีกรอบ เหมยขอตัวออกไปสูดอากาศข้างนอกสักหน่อยแล้วกันนะคะ” เหมยพูดจบก็ลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปด้านนอกอาคาร อาชาที่มองเห็นว่าเหมยได้เดินออกไปด้านนอก จึงถือโอกาสนี้เดินตามออกไปแสร้งทำทีว่าออกไปดูดบุหรี่ เสือที่เห็นว่าผู้เป็นนายเดินตามผู้หญิงที่กำลังเล็งไว้ ก็บอกให้บอดี้การ์ดตามออกไปด้านนอกให้อยู่ห่างๆ ให้ความเป็นส่วนตัวกับผู้เป็นเจ้านาย อย่ารบกวนเด็ดขาด เหมยที่เดินออกมาสำรวจด้านนอก สูดอากาศ เหมยรู้สึกว่าตอนนี้ในหัวใจของเหมยได้ปลดล็อคทุกความเจ็บในอดีต ธงก็แค่ผู้ชายห่วยๆ คนนึงที่ทำนิสัยเสียใส่เธอก็เท่านั้น ไม่ได้มีค่าให้เธอไม่รักตัวเองแบบทุกวันนี้ซะที่ไหน “คิดอะไรอยู่หรอ” เสียงหล่อทุ้มคมเข้มดังมาจากทางด้านหลัง เหมยที่คิดอะไรเพลินๆ จึงเอี้ยวคอหันตามเสียง แล้วก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งภายใต้แสงเงามืด ยืนพิงกำแพงในชุดสูทหรูพร้อมกับในมือถือบุหรี่ “เอ่อ คุณ....” เหมยตั้งท่าจะถามชื่อ “ผมชื่ออาชาครับ ไม่ทราบคุณชื่ออะไร” อาชาถามชื่อเหมยแบบสุภาพ “ชื่อเหมยค่ะ” อาชาโยนบุหรี่ลงพื้น ใช้เท้าขยี้แล้วเดินย่างสามขุมตรงมาหาเหมยที่กำลังเอี้ยวคอมองอาชาอย่างไม่ค่อยใส่ใจ “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณเหมย” อาชายื่นมือหนาออกไปเหมือนเป็นท่าทางเช็กแฮนด์ อาชายืนจ้องเข้าไปในดวงตาสวย ราวกับอยากค้นหาความรู้สึกบางอย่างก่อเกิดภายในใจของอาชา “รังเกียจผมหรอ” อาชาที่ทำท่าทางจะชักมือกลับ เพราะเห็นว่าเหมยไม่ยอมจับมือด้วยจึงได้เอ่ยปากถามไปตรงๆ “เปล่าหรอกนะคะ เหมยแค่ไม่ค่อยได้พบเจอผู้คนสักเท่าไหร่ค่ะ” เหมยจึงยื่นมือไปจับกับมือหนาใหญ่ของอาชาอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท “ทำไมคุณถึงไม่ค่อยได้พบเจอใครครับ” อาชาอยากสอบถามความเป็นมาของชีวิต เหมย “เหมยเป็นนักเขียนนิยายนะคะ ปกติก็ไม่ค่อยได้พบเจอผู้คนสักเท่าไหร่ จะอยู่กับตัวอักษรเหมือนหนอนหนังสือซะมากกว่า” ตอนที่เหมยพูดถึงงานเขียนและการอ่านหนังสือ เหมยดูมีความสุข จึงหัวเราะยิ้มร่าออกไป โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ารอยยิ้มนี้กำลังไปสะกดและตราตรึงหัวใจของผู้ชายที่ชื่ออาชาจนหมดใจ อาชาที่ยืนจ้องมองผู้หญิงตรงหน้าเพียงแรกพบและก็ตกหลุมรักรอยยิ้มนี้จนหัวใจของอาชาเต้นไม่เป็นจังหวะ อาชาจ้องมองรอยยิ้มของเหมยราวกับโลกหยุดหมุน เหมือนเวลาไม่เดินหน้า “แล้วคุณอาชาทำงานอะไรคะ” เหมยที่ไม่ได้ตั้งใจฟังอาชาตอนที่ขึ้นไปพูดประกาศโรงเรียนสักเท่าไหร่ เพราะมัวแต่ฟังธงกับ ต๊อบที่เอาแต่พูดเรื่องสมัยก่อนจนน่าเบื่อ “ผมทำงานที่ไร่ชาครับ” อาชาไม่ได้บอกเหมยว่าเป็นเจ้าของไร่ชา เพียงจะบอกว่าทำงานที่ไร่ชา “จริงหรอคะ ไร่ชาที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่หรือเปล่า เห็นว่ามีคาเฟ่ชาเขียวด้วย” เหมยที่หันไปถามตาเป็นประกาย “ใช่ครับคุณเหมยรู้จักหรอ” อาชาก็หันไปส่งรอยยิ้มมุมปาก “เคยได้ยินแต่ชื่อไร่ชาพรหมเทพค่ะ ปกติเหมยชอบดื่มชาเขียวนะคะ แต่ส่วนใหญ่เหมยจะสั่งออนไลน์มา" "แล้วก็เหมยชอบอยู่ที่บ้านมากกว่าที่จะออกไปเที่ยว” เหมยรู้สึกอยู่กับอาชาแล้วเป็นตัวเอง สบายใจที่จะพูดคุยเรื่องราวหลายๆ อย่างให้ฟัง โดยที่รู้สึกมีความเป็นกันเอง “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เชิญคุณเหมยมาที่ไร่ชาสิครับ เดี๋ยวผมรับรองคุณเหมยเอง คุณเหมย อยากทานอะไรผมเลี้ยง” อาชาเอ่ยปากชวนเหมยไปเที่ยวไร่ชาของเขา ความสัมพันธ์นี้กำลังจะเริ่มต้นขึ้นจากคนสองคนที่เริ่มรู้จักกัน...ระหว่างที่เหมยกำลังครุ่นคิดว่าจะนอนที่ไร่ชาพรหมเทพของอาชาดีไหม ก็กลายเป็นว่าเธอโดนอาชามัดมือชกให้พักที่นี่อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะอาชาหยิบกุญแจรถแล้วยื่นให้เสือขับไปจอดที่บ้านพักตากอากาศหลังเดิมที่ เหมยเคยมาพักผ่อนตอนอยู่กับเจสซี่"โธ่ คุณอาชาคะ เหมยเกรงใจค่ะ ให้เหมย กลับเองก็ได้ แค่นี้เอง" เหมยหันไปทำหน้าสิ้นหวังเมื่ออาชาไม่อนุญาตให้ตนกลับบ้าน"ไม่ได้หรอกครับคุณเหมย มันดึกแล้ว ถ้าพรุ่งนี้คุณเหมยก็หยุดใช่ไหมครับ คุณเหมยพักที่นี่เถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยกลับนะครับ" อาชาใช้ความเป็นสุภาพบุรุษหลอกล่อ"ก็ได้ค่ะ" เหมยเมื่อจนปัญญาก็ต้องทำตามน้ำไปก่อน"งั้นคุณเหมยไปอาบน้ำพักผ่อนที่ห้องดีกว่า เอาเสื้อเชิ้ตผมไปใส่ได้ เดี๋ยวผมไปเตรียมเสื้อผ้าให้" อาชาพูดอย่างกระตือรือร้นเหมยพยักหน้าเป็นเชิงว่าไม่มีทางเลือกแล้ว ก็ต้องทำตามที่อาชาตัดสินใจ ทั้งสองออกจากคาเฟ่แล้วขับรถกอล์ฟ โดยมีเสือเป็นคนขับรถพาทั้งสองคนกลับไปที่บ้านพักตากอากาศที่อยู่ห่างไม่ไกลจากคาเฟ่"บรรยากาศที่ไร่ชายิ่งตอนกลางคืนยิ่งสวยมากเลยนะคะ ดูสิคุณอาชาจัดไฟออกมาได้สวยงามมากเลย
ขณะที่ ธง มาส่งที่ไร่ชาพรหมเทพของ อาชา ก็ค่อนข้างมืดและเปลี่ยว กว่าจะถึงไร่ชาก็เกือบ 2 ทุ่มแล้ว ธงมาในฐานะ ผู้ช่วยผู้จัดการฝึกงานวิศวกรเครื่องยนต์ ในไร่ชาที่จะต้องทำการฟื้นฟูและดูแลบำรุงรักษา ธงจึงต้องมาฝึกงานเพื่อให้เรียนรู้ในตำแหน่งนี้ก่อนเป็นระยะเวลา 3-6 เดือน หรือจนกว่าจะผ่านโปร“ข้างหน้านี่ก็น่าจะถึงแล้วค่ะ แล้วกระเป๋าเสื้อผ้าอะไรของพี่ธงอยู่ไหนหรอคะ เหมยเองก็ลืมถามเพราะมัวแต่เจอเรื่องชุลมุนอยู่”“กระเป๋าเสื้อผ้าพี่ส่งมาที่ไร่ชาแล้วตั้งแต่วันสองวันก่อนหน้านี้ แต่ตัวพี่เพิ่งจะมาวันนี้เพราะติดธุระที่กรุงเทพฯ เลยบินมาช้ากว่า” ธงเอ่ยปากบอกเหมยในสิ่งที่เหมยถามอย่างรวดเร็ว“อ๋อค่ะพี่” เหมยก็ตั้งใจขับรถตรงเข้าไปบริเวณไร่ชา ขณะที่กำลังเลี้ยวรถจอดตรงหน้าคาเฟ่ ซึ่งมีคนกำลังนั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศวิวภูเขาไร่ชาและชมดาวที่ท้องฟ้าดูโปร่งสวยสดใส พร้อมกับแสงไฟระยิบระยับทั้งไร่ ทำให้บรรยากาศดีเข้าไปอีกเหมยจอดรถตรงลานจอดที่หน้าคาเฟ่ พอดีจังหวะนั้น เสือ เดินออกมาจากคาเฟ่พร้อมกับอาชา และเห็นเหมยมากับธง อาชาถึงกับโกรธควันออกหู“ไอ้เวรนั่นมากับเหมยได้ยังไง ไอ้เสือ มึงไปสืบมาให้กูเดี๋ยวนี้” อาชาออกคำ
เหมือนวันเวลาผ่านไปรวดเร็วมื้อกลางวันเพิ่งผ่านไปไม่นานยัยหนูลิลลี่ที่เดินเล่นและพูดคุยกับเหมยก็หมดฤทธิ์ราวกับตุ๊กตาที่ถ่านหมดนอนสลบไสลอยู่บนโซฟาใหญ่ของเหมย"ผมขอบคุณมากนะครับคุณเหมยที่ช่วยดูแลยัยหนูลิลลี่ทั้งวันรบกวนคุณเหมยมากแล้วผมจะพายายหนูลิลลี่กลับนะครับ"อาชาที่เดินเข้าไปอุ้มสวมกอดแม่หนูน้อยลิลลี่ที่หลับตาพริ้ม"ไม่เป็นไรเลยค่ะเอาไว้เหมยเคลียร์งานเรียบร้อยเหมยจะติดต่อไปเรื่องสอนพิเศษนะคะ"เหมยลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วรีบเดินมาเปิดประตูให้กับอาชาที่อุ้มร่างเล็กของยัยหนูลิลลี่อยู่"ขอบคุณมากครับคุณเหมยที่ช่วยเปิดประตู"อาชายังคงความเป็นสุภาพบุรุษทุกอย่างต่อหน้าเหมย"เดี๋ยวเหมยไปเปิดประตูรถให้นะคะ"เหมยพูดจบก็รีบวิ่งไปที่ประตูรถหรูแล้วก็เปิดประตูให้สองลุงหลานขึ้นรถยุโรปคันหรูทันที"เดินทางปลอดภัยนะคะ"เหมยยืนโบกมือให้กับอาชาและแม่หนูน้อยลิลลี่ที่กำลังขับรถออกไปจากบ้านสวนของเธอเหมยถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะวันนี้เธอหมดพลังงานไปกับแม่หนูน้อยลิลลี่ที่แสนน่ารักและก็ติดเธอเอามาก ๆ แบบที่ไม่เคยมีเด็กคนไหนทำกับเธอมาก่อนเธอไม่ได้รู้สึกรำคาญกับรู้สึกถูกชะตาและเอ็นดูกับแม่หนูน้อยลิลลี่มากขึ้นไปอีกม
เหมยแทบจะตั้งตัวไม่ทันเมื่อได้ยินเสียงเล็กๆ ตะโกนมา เธอจึงรีบวางอาหารปลาและหันควบตามเสียง ถึงกับตาเบิกโพลงตกใจเล็กๆ ที่เห็นหนูลิลลี่สะพายกระเป๋าสีชมพูแล้วตั้งท่าวิ่งมาหาเธอด้วยความดีใจ "หนูลิลลี่มาได้ยังไงคะ?" เหยตะโกนถามพร้อมกับอ้าแขนรับ "ลิลลี่คิดถึงคุณครูที่สุดเลยค่ะ ลิลลี่มากับคุณลุงอาชาค่ะ คุณลุงพามาหาคุณครู" พูดจบลิลลี่ก็ชี้มือชี้ไม้ไปทางผู้ชายตัวสูงใบหน้าหล่อเหลาในชุดสูทสีน้ำเงินรองเท้าหนังสีดำมันเงาดูสะอาดเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า "คุณอาชาทำไมมาถึงนี่เลยคะ?" เหมยที่ลุกขึ้นพร้อมกับใช้มือเล็ก ๆ ปัดไปที่ก้นเบาๆ เพราะเธอนั่งเล่นอยู่ที่พื้นก็กลัวเลอะ "ขอโทษคุณเหมยนะครับ แม่หนูลิลลี่ของผมร้องไห้ทุกวันเลย ก็เลยอดใจอ่อนไม่ได้ที่พายัยหนูมาหาครับ""แล้วก็ต้องขอโทษอีกครั้งที่ไม่ได้โทรแจ้งล่วงหน้า" อาชาแสดงด้านที่อบอุ่นออกมาให้เหมยเห็นเสมอ ภายใต้หน้ากากนี้มีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ สายตาที่จ้องมองร่างบางของเหมยดูแวววับประดุจมีดที่ถูกรับจนกระทบแสง อาชากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อเห็นเหมยในเสื้อกล้ามส
วันนี้เหมยได้ลากกระเป๋าออกจากไร่ชาของอาชาเพื่อกลับมาที่บ้านสวนของเธอ กว่าเธอจะบอกลาแม่หนูน้อยลิลลี่ที่แสนน่ารักก็ทำใจอยู่นานเพราะลิลลี่เอาแต่ร้องไห้งอแง อาชาเองก็สงสารหลานสาวจับใจแต่ก็ต้องจำใจปล่อยให้เหมยกลับมาเหมยที่กลับมาถึงบ้านแล้ว เธอก็จัดการปิดจบต้นฉบับนิยายที่ต้องส่งสำนักพิมพ์เรื่องสุดท้ายของเดือนแล้วจะพักผ่อนยาว"เยส..! เป็นไทยแล้วฉันเหมยที่บอกตัวเองเบาๆเมื่อปิดจบต้นฉบับนิยายจำนวน 150,000 คำเหมยที่ไปอยู่ไร่ชาของอาชานานเกือบอาทิตย์กว่ากลับมาก็จัดการเก็บกวาดห้องเรียบร้อยก็เล่นเหนื่อยเอาสายตัวแทบขาดโดยที่เหมยไม่รู้ตัวเลยว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่แปลกไปภายในบ้านของเหมยอาชาได้แอบให้คนเข้ามาติดกล้องขนาดเล็กที่หากไม่จับสังเกตไม่สามารถหาพบเจอได้มันเล็กจิ๋วและอำพรางไปกับข้าวของเครื่องใช้นับ 10 ตัวตั้งแต่หน้าประตูทุกซอกทุกมุมรวมไปถึงห้องนอนและอาบน้ำของเหมย"ฉันคิดถึงเธอจังเหมย"เสียงพึมพำของใครบางคนเหมยที่อยากจะเข้าไปล้างเหงื่อใครหลังจากเก็บกวาดห้องเสร็จก็ได้ปลดเปลื้องผ้าที่เปรอะเลอะเทอะลงตะกร้าแล้วเดินเปลือยเปล่าเปิดน้ำใส่อ่างพร้อมกับตีฟองนุ่มๆ ขาเรียวเล็กผิวขาวเนียนสวยไม่มีตำหนิสะโพ
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เจสซี่จะอยู่ในประเทศไทย เธอต้องลาจากไร่ชาแสนสุขและบอกลาเพื่อนรักอย่างเหมย นักเขียนนิยายที่กำลังจะกลายเป็นว่าที่คุณครูกวดวิชาประจำตัวของเด็กหญิงลิลลี่ที่น่ารัก เจสซี่ได้พบเพื่อนใหม่ที่เป็นบอดี้การ์ดหน้าโหด ไม่เคยส่งยิ้มให้เธอเลย แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยเสมอเมื่ออยู่ใกล้ นั่นคือเสือ คนขับรถที่มาส่งเจสซี่ที่สนามบินตามคำสั่งของอาชา"ฉันต้องไปแล้ว แกต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ อย่าให้ใครมารังแกแกได้ เข้าใจไหม ยัยบื้อ" เจสซี่พูดด้วยความรักและห่วงใยเหมยยิ่งกว่าเพื่อนทุกคน แม้ปากจะร้ายกาจแต่ไม่เคยทำให้เหมยเสียใจเลย"แกไม่ต้องห่วงฉันหรอก ฉันจะเหงาได้ไง แล้วใครจะมาทำอะไรฉันได้ นู่น ฉันมีบอดี้การ์ดส่วนตัวอย่างหนูลิลลี่ที่แสนน่ารัก นอนกอดฉันทุกคืน" ตั้งแต่ไปอยู่ไร่ชาครบ 1 อาทิตย์ หนูลิลลี่ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเหมย ทั้งสองคนตัวติดกัน ถ้ามองห่าง ๆ คงคิดว่าเป็นแม่กับลูก""จ้ะ ตั้งแต่มีหนูลิลลี่ แกก็ทิ้งฉันเลย แกต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ ยัยเหมย เอาไว้ฉันปิดเทอมเมื่อไหร่ ฉันจะแวะมาหาแกนะ" เจสซี่บอกลาเหมยพร้อมน้ำตาที่เอ่อล้นเสือที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก เห็นหน้าเจสซี่ก็ทำใบหน้าเรี