Share

ถูกตาต้องใจ

last update Last Updated: 2025-07-04 12:00:52

ไม่นานหลังจากนั้น การทำงานของเสือก็รวดเร็วทันใจ เสือเดินถือเอกสารของมหาวิทยาลัยและคัดข้อมูลของสองสาวออกมาให้กับเจ้านายอย่างอาชาได้อย่างรวดเร็ว

“นี่ข้อมูลของทั้งสองสาวครับเจ้านาย ผมให้คัดมาจากแขกทุกคนที่มาในวันนี้ แล้วก็ค้นข้อมูลเบื้องต้นสืบรู้มาว่า ผู้หญิงคนแรกชื่อเจสซี่ เจสสิก้า เป็นลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย เธอเคยเรียนที่มหาวิทยาลัยของเรา จบปริญญาตรีที่นี่แล้วไปต่อที่ออสเตรเลียครับ”

“ส่วนคนที่สองชื่อเล่นชื่อเหมย ชื่อจริงชื่อสุทธิดาครับ เธออายุ 27 ปี เรียนจบรุ่นเดียวกับเจสสิก้า ทั้งสองคนนี้เป็นเพื่อนรักกันครับ"

"แต่สมัยที่เรียนผมไปสืบมาจากเพื่อนที่เรียนในรุ่นว่าเหมยคนนี้โดนเดือนโรงเรียนหักหน้าและหักอก ตอนนั้นเป็นข่าวดังมากจน เหมยต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะตรอมใจอยู่เกือบ 1 อาทิตย์” เสือรายงานเรื่องที่สืบมาอย่างละเอียด

“คนไหนคือเดือนโรงเรียน” พูดจบอาชาก็หันไปมองหน้าเสือ เพราะอยากรู้ว่าใครทำร้ายผู้หญิงที่เขากำลังสนใจ

“เดือนโรงเรียนชื่อเล่นชื่อธงครับ ที่นั่งอยู่ข้างๆ น้องเสื้อดำที่กำลังยื่นแชมเปญให้ก่อนหน้านี้” เสือชี้มือไปที่ไอ้ธงและต๊อบที่กำลังพยายามสานสัมพันธ์กับเหมยใหม่อีกครั้ง

“แกลองไปสืบมาสิว่าไอ้คนชื่อธงมันทำงานอะไรอยู่ที่ไหน ฉันอยากรู้” อาชาที่มีความสนใจในตัวของเหมยจึงอยากจะรู้ทุกอย่างในเรื่องราวชีวิตของเหมย แม้กระทั่งอดีตที่ผ่านมา

“ได้ครับเจ้านาย หากผมสืบทราบทั้งหมดเรียบร้อย ผมจะส่งข้อมูลให้นายในเมลนะครับ”

“ฮืม..” เสียงตอบกลับมาสั้นๆ แล้วอาชาก็จิบแชมเปญเบาๆ ต่อไป

ทุกคนเล่นเกมถามตอบกันอย่างสนุกสนาน อาชาที่ไม่เคยอยู่จนถึงงานเลิกเลยแม้แต่งานเดียวแต่งานนี้อาชายอมเสียเวลางานที่เป็นเงินเป็นทอง นั่งเฝ้าเหมยหญิงในดวงใจที่เขามีความสนใจใคร่รู้มากเป็นพิเศษ

“เหมย เรื่องครั้งนั้นพี่ขอโทษนะ” ธงที่เห็นโอกาสขณะที่เจสซี่เดินไปชนแก้วแชมเปญกับเพื่อนๆ ทุกคน จึงเอ่ยปากขอโทษเหมย

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ธง เรื่องมันผ่านมาแล้ว เหมยเองก็ไม่ได้คิดอะไรตั้งนานแล้ว” เหมยตอบห้วนๆ เพราะรู้สึกรำคาญธงขึ้นมา

“ถ้างั้นน้องเหมยก็ช่วยรับไวน์แก้วนี้ ดื่มเชื่อมสัมพันธ์ครั้งใหม่ให้พี่หน่อยสิ” ธงถือโอกาสที่เจสซี่ปล่อยให้เหมยอยู่คนเดียวทำคะแนนกับเหมย

“ไม่เอาค่ะ เหมยไม่ดื่ม ไม่ใช่ว่าไม่อยากรับสัมพันธ์แต่เดี๋ยวเราก็คงไม่ได้เจอกันแล้ว ไม่จำเป็นต้องดื่มหรอกค่ะ” เหมยที่พูดตัดเยื่อใยกับธง

“โถ่น้องเหมย แสดงว่ายังโกรธพี่ น้องเหมยอยากกลับมาเป็นแฟนกับพี่ไหมล่ะ ตอนนี้พี่ยังไม่มีใครนะ” ธงที่พูดออกไป

“ไม่ล่ะค่ะ เหมยไม่อยากเจ็บอีกรอบ เหมยขอตัวออกไปสูดอากาศข้างนอกสักหน่อยแล้วกันนะคะ” เหมยพูดจบก็ลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปด้านนอกอาคาร

อาชาที่มองเห็นว่าเหมยได้เดินออกไปด้านนอก จึงถือโอกาสนี้เดินตามออกไปแสร้งทำทีว่าออกไปดูดบุหรี่

เสือที่เห็นว่าผู้เป็นนายเดินตามผู้หญิงที่กำลังเล็งไว้ ก็บอกให้บอดี้การ์ดตามออกไปด้านนอกให้อยู่ห่างๆ ให้ความเป็นส่วนตัวกับผู้เป็นเจ้านาย อย่ารบกวนเด็ดขาด

เหมยที่เดินออกมาสำรวจด้านนอก สูดอากาศ เหมยรู้สึกว่าตอนนี้ในหัวใจของเหมยได้ปลดล็อคทุกความเจ็บในอดีต ธงก็แค่ผู้ชายห่วยๆ คนนึงที่ทำนิสัยเสียใส่เธอก็เท่านั้น ไม่ได้มีค่าให้เธอไม่รักตัวเองแบบทุกวันนี้ซะที่ไหน

“คิดอะไรอยู่หรอ” เสียงหล่อทุ้มคมเข้มดังมาจากทางด้านหลัง

เหมยที่คิดอะไรเพลินๆ จึงเอี้ยวคอหันตามเสียง แล้วก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งภายใต้แสงเงามืด ยืนพิงกำแพงในชุดสูทหรูพร้อมกับในมือถือบุหรี่

“เอ่อ คุณ....” เหมยตั้งท่าจะถามชื่อ

“ผมชื่ออาชาครับ ไม่ทราบคุณชื่ออะไร” อาชาถามชื่อเหมยแบบสุภาพ

“ชื่อเหมยค่ะ”

อาชาโยนบุหรี่ลงพื้น ใช้เท้าขยี้แล้วเดินย่างสามขุมตรงมาหาเหมยที่กำลังเอี้ยวคอมองอาชาอย่างไม่ค่อยใส่ใจ

“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณเหมย” อาชายื่นมือหนาออกไปเหมือนเป็นท่าทางเช็กแฮนด์ อาชายืนจ้องเข้าไปในดวงตาสวย ราวกับอยากค้นหาความรู้สึกบางอย่างก่อเกิดภายในใจของอาชา

“รังเกียจผมหรอ” อาชาที่ทำท่าทางจะชักมือกลับ เพราะเห็นว่าเหมยไม่ยอมจับมือด้วยจึงได้เอ่ยปากถามไปตรงๆ

“เปล่าหรอกนะคะ เหมยแค่ไม่ค่อยได้พบเจอผู้คนสักเท่าไหร่ค่ะ” เหมยจึงยื่นมือไปจับกับมือหนาใหญ่ของอาชาอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท

“ทำไมคุณถึงไม่ค่อยได้พบเจอใครครับ” อาชาอยากสอบถามความเป็นมาของชีวิต เหมย

“เหมยเป็นนักเขียนนิยายนะคะ ปกติก็ไม่ค่อยได้พบเจอผู้คนสักเท่าไหร่ จะอยู่กับตัวอักษรเหมือนหนอนหนังสือซะมากกว่า”

ตอนที่เหมยพูดถึงงานเขียนและการอ่านหนังสือ เหมยดูมีความสุข จึงหัวเราะยิ้มร่าออกไป โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ารอยยิ้มนี้กำลังไปสะกดและตราตรึงหัวใจของผู้ชายที่ชื่ออาชาจนหมดใจ

อาชาที่ยืนจ้องมองผู้หญิงตรงหน้าเพียงแรกพบและก็ตกหลุมรักรอยยิ้มนี้จนหัวใจของอาชาเต้นไม่เป็นจังหวะ อาชาจ้องมองรอยยิ้มของเหมยราวกับโลกหยุดหมุน เหมือนเวลาไม่เดินหน้า

“แล้วคุณอาชาทำงานอะไรคะ” เหมยที่ไม่ได้ตั้งใจฟังอาชาตอนที่ขึ้นไปพูดประกาศโรงเรียนสักเท่าไหร่ เพราะมัวแต่ฟังธงกับ ต๊อบที่เอาแต่พูดเรื่องสมัยก่อนจนน่าเบื่อ

“ผมทำงานที่ไร่ชาครับ” อาชาไม่ได้บอกเหมยว่าเป็นเจ้าของไร่ชา เพียงจะบอกว่าทำงานที่ไร่ชา

“จริงหรอคะ ไร่ชาที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่หรือเปล่า เห็นว่ามีคาเฟ่ชาเขียวด้วย” เหมยที่หันไปถามตาเป็นประกาย

“ใช่ครับคุณเหมยรู้จักหรอ” อาชาก็หันไปส่งรอยยิ้มมุมปาก

“เคยได้ยินแต่ชื่อไร่ชาพรหมเทพค่ะ ปกติเหมยชอบดื่มชาเขียวนะคะ แต่ส่วนใหญ่เหมยจะสั่งออนไลน์มา"

"แล้วก็เหมยชอบอยู่ที่บ้านมากกว่าที่จะออกไปเที่ยว” เหมยรู้สึกอยู่กับอาชาแล้วเป็นตัวเอง สบายใจที่จะพูดคุยเรื่องราวหลายๆ อย่างให้ฟัง โดยที่รู้สึกมีความเป็นกันเอง

“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เชิญคุณเหมยมาที่ไร่ชาสิครับ เดี๋ยวผมรับรองคุณเหมยเอง คุณเหมย อยากทานอะไรผมเลี้ยง” อาชาเอ่ยปากชวนเหมยไปเที่ยวไร่ชาของเขา ความสัมพันธ์นี้กำลังจะเริ่มต้นขึ้นจากคนสองคนที่เริ่มรู้จักกัน...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รักสุดท้ายของอาชา   ตอนพิเศษ

    วันเวลาเดินเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็วก็เข้าปีที่ 3 เด็กๆโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกันเหมยที่ทำหน้าที่ดูแลลูกและหนูน้อยลิลลี่ในเวลาเดียวกันเธอทำทุกอย่างออกมาได้ดีมีแม่บ้านคอยช่วยเหลือบ้างเพราะเธอเองก็ยังทำงานที่เธอรักทำอะไรแต่เช้าครับขณะที่อยู่บนเตียงกว้างกับสามีสุดที่รักอย่างอาชาเขาที่ตื่นมาเห็นหน้าเหมือนเป็นคนแรกในทุกๆวันเช่นนี้เสมอ"กำลังคิดเรื่องพร็อพนิยายใหม่นะคะเดี๋ยวว่าจะแวะเข้าไปที่ไร่ชาสักอาทิตย์หน้าเผื่อไปหาบรรยากาศเปลี่ยนโหมดการทำงานหน่อย"เหมยยิ้มกว้างขณะที่นั่งอยู่บนเตียงหลังจากที่เธอล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ"ก็ดีสิครับ จะได้เปลี่ยนบรรยากาศด้วยตอนนี้ที่ร้านมีขนมใหม่ ๆ เยอะเลยนะ ผมก็อยากให้เหมยไปดูเหมือนกัน" อาชาส่งยิ้มแล้วก็ขยับมานอนบนตักของเหมยด้วยท่าทีออดอ้อนแม้จะแต่งงานกันมาเข้าปีที่ 3 แล้วเหยียบปีที่ 4 ทั้งคู่ก็ยังคงความหวานใส่กันและกันเสมออาชาไม่เคยรักเหมยน้อยลงเช่นเดียวกับเหมยที่ไม่เคยรักอาชาน้อยลงเลย"อาทิตย์นี้เห็นหนูน้อยลิลลี่ของเรากับอคินจะไปบ้านของคุณย่าน้ำฟ้านะคะเดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่ เหมยจะมารับเอง เห็นว่าบ่นคิดถึงหลาน ๆ" เหมยใช้มือลูบไปตามกลุ่มผมของอาชาแล้วก็ส่งยิ้มอา

  • รักสุดท้ายของอาชา   บทส่งท้าย

    แสงไฟสลัว ๆ ที่โถงทางเดินของโรงพยาบาลส่องให้เห็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนและนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ ทุกคนในที่นั้นต่างมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลและความหวังปะปนกันไป มีทั้งคุณหญิงวสุธรและคุณบุญรอด ผู้เป็นพ่อและแม่ของอาชา, คุณแม่น้ำฟ้าและคุณพ่อบุญทอง พ่อแม่ของเหมย, และหนูน้อยลิลลี่ ลูกสาววัย 5 ขวบเศษที่มาเฝ้ารอน้องชายคนใหม่ของเธออาชาเดินวนไปมาไม่หยุด เขากุมมือแน่นจนเหงื่อออกซึม ดวงตาจับจ้องไปที่ประตูห้องคลอดอย่างไม่คลาดสายตา ทุก ๆ นาทีที่ผ่านไปเหมือนเป็นชั่วโมงอันยาวนานสำหรับเขาคุณหญิงวสุธรลุกขึ้นจากเก้าอี้พลางวางมือบนบ่าของลูกชาย "ใจเย็น ๆ เถอะลูก เหมยเขาเข้มแข็งจะตาย"คุณบุญรอดเสริมขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้หนักแน่น "นั่นสิอาชา เราทุกคนอยู่ที่นี่พร้อมหน้าพร้อมตา ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกลูก"พ่อของอาชาตกไปที่บ่าของลูกชายเพื่อเป็นกำลังใจเพราะเขาก็เคยผ่านช่วงเวลานี้ในวันที่อาชาได้คลอดออกมาลืมตาดูโลกเช่นกัน"ครับพ่อ" อาชาหันไปตอบแต่ก็ไม่สามารถลดละสีหน้าความเป็นกังวลที่เป็นห่วงเหมยและลูกในท้องที่กำลังรออยู่ในห้องคลอดได้เลยส่วนอีกฟากหนึ่ง คุณพ่อบุญทองก็โอบกอดคุณแม่น้ำฟ้าไว้แน่น คุณแม่น้ำ

  • รักสุดท้ายของอาชา   ความสุขที่สมบูรณ์แบบ

    ตัดภาพมาที่ทางด้านอาชากับเหมยที่เดินทางมาถึงประเทศญี่ปุ่นในเวลาที่แตกต่างจากไทยทั้งสองมาถึงในวันที่หิมะเริ่มตกพอดีและเป็นช่วงเวลาที่ไม่ได้ตกหนักมากจนเกินไปทำให้เธอได้มองเห็นบรรยากาศที่สวยงามเกินคำบรรยายราวกับออกมาจากเทพนิยายสองร่างก้าวเท้าออกมาจากสนามบินชินชิโตเซะสู่โลกที่ปกคลุมไปด้วยความขาวบริสุทธิ์ของหิมะ เหมยสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่บริสุทธิ์จนขนลุกไปทั่วทั้งร่าง เธอหันไปมองอาชาที่กำลังยืนยิ้มอยู่ข้างๆ“สวยจังเลยค่ะพี่อาชา เหมือนความฝันเลย” เหมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความตื่นเต้นอาชาโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูเธอ “นี่ไม่ใช่ความฝันครับ มันคือโลกแห่งความจริงที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไป”เมื่อมาถึงโรงแรม ทั้งสองก็ไม่รอช้าที่จะออกไปสำรวจเมืองที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ เหมยกับอาชาจูงมือกันเดินไปตามถนนที่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ผู้คนต่างแต่งกายด้วยชุดกันหนาวสีสันสดใส ทำให้บรรยากาศดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นเหมยไม่เคยรู้สึกมีความสุขเท่านี้มาก่อนในชีวิต เธอได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้แสดงความรู้สึกอย่างท

  • รักสุดท้ายของอาชา   เจสซี่เสือ หวานๆๆ

    เสือยืนนิ่งอึ้งในห้องเก็บของที่มืดสลัว ความรู้สึกทั้งประหลาดใจ สับสน และตื่นเต้นปะปนกันไปหมด ริมฝีปากของเขายังคงรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาแต่ร้อนแรงของเจสซี่ หัวใจเต้นรัวราวกับกลองศึก“คุณเจสซี่...นี่คุณทำบ้าอะไรเนี่ย!” เสือหลุดปากออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประหม่า เขาพยายามผลักดันเจสซี่ออก แต่เธอกลับยิ่งกอดเขาไว้แน่นเจสซี่หัวเราะเบาๆ “ก็เจสซี่บอกแล้วไงคะ ว่าเจสซี่จะทวนความจำให้เสือ” เธอกระซิบข้างหูเขาอย่างหยอกล้อ “แล้วตอนนี้เสือจำได้หรือยังคะ ว่าใครเป็นคนทำแบบนี้กับเสือ”เสือหลับตาลงอย่างอ่อนใจ เขาพยายามรวบรวมสติทั้งหมดที่มี “คุณเจสซี่ครับ ปล่อยผมเถอะครับ” น้ำเสียงของเขาเริ่มสั่นเครือ “มันไม่ถูกต้อง”“ไม่ถูกต้องตรงไหนคะ” เจสซี่แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “หรือเสือคิดว่าเจสซี่ไม่ดีพอ? เจสซี่เป็นผู้หญิงที่ไม่ได้แย่นะคะ”“คุณดีเกินไปครับ” เสือสวนกลับทันควัน เขาหมายความอย่างนั้นจริงๆ เจสซี่เป็นผู้หญิงที่สวย ฉลาด และมาจากครอบครัวดีๆ . เขาเป็นแค่บอดี้การ์ด...เป็นได้เพียงแค่เงา ที่ไม่ควรมีตัวตนในชีวิตของใคร“เสือไม่ต้องมาหาข้ออ้างเลย” เจสซี่สวนกลับอย่างรู้ทัน “เจสซี่รู้ว่าเสือไม่ได้รังเกียจเจส

  • รักสุดท้ายของอาชา   การแต่งงานที่อบอุ่นและจุดเริ่มต้นของเสือกับเจสซี่

    สามเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหกเลิกและงานแต่งของเหมยและอาชาก็มาถึง เพื่อนสาวอย่างเจสซี่บินตรงมาจากออสเตรเลียรวมถึงพราวที่ขับรถจากเชียงรายเพื่อมาหาเพื่อนรักในวันพิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นอย่างอบอุ่นท่ามกลางแขกในงานมากหน้าหลายตาเสือและเหล่าบอดี้การ์ดทุกคนเข้าประจำจุดด้วยความพร้อมเพียงวันนี้บอดี้การ์ดของอาชาสวมใส่เสื้อทักซิโด้สีขาวแทนสีดำทำให้บรรยากาศยิ่งดูสดใสขึ้นไปอีกเท่าตัวนึงส่วนเหมยที่ได้สวมใส่ชุดเจ้าสาวแบบฝรั่งโดยมีเพื่อนสาวอย่างเจสซี่เป็นผู้ออกแบบและตัดเย็บเองกับมือเธอภูมิใจในไม้แขวนชุดนี้เหลือเกินเพราะคนที่เป็นไม้แขวนเสื้อตัวนี้ก็คือเหมยเพื่อนสาวที่เธอรักที่สุดพิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นสไตล์ฝรั่งและมีบาทหลวงมากล่าวคำพิธีมงคลต่างๆขณะที่อาชายืนรอเหมยให้เดินออกมากับพ่อบุญทองเขาก็ต้องตกตะลึงเพราะเหมยไม่เคยลองชุดเจ้าสาวให้เขาเห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียวเธอบอกว่าเป็นความลับเหมยในชุดเกาะอกสีขาวโชว์ให้เห็นคองามระหงชุดถุงมือสีขาวบางลายลูกไม้ผ้าคลุมผมเหมือนดั่งเจ้าหญิงชุดฟูฟ่องเล็กน้อยไม่ได้ดูมากไปและน้อยเกินไปต่างหูไข่มุกถูกประดับลงบนใบหูทั้งสองข้างสร้อยไข่มุกและตรงกลางฝังด้วยเพชรขนาด สิบห้ากะรัตดูไม่เ

  • รักสุดท้ายของอาชา   ความคิดถึง NC

    ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ก้าวเท้าอย่างแผ่วเบาเข้าไปในห้องนอน กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคยของเหมย ลอยมาแตะจมูก ยิ่งทำให้ใจที่คิดถึงแทบขาดของอาชาเต้นรัวแรง เขาปิดประตูอย่างเบามือที่สุดแล้วเดินตรงไปยังเตียงกว้างอย่างเงียบเชียบดวงตาคมกริบไล่มองร่างเล็กที่นอนขดอยู่ภายใต้ผ้าห่มสีขาวสะอาดตา แสงไฟสลัวจากโคมไฟหัวเตียงส่องกระทบใบหน้าหวานที่กำลังหลับใหล อย่างเป็นสุข เรียวปากบางอิ่มที่เผยอยิ้มเล็กน้อยในยามหลับใหลแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังมีความสุขในห้วงฝัน อาชากลัวเหลือเกินว่าถ้าหากไม่ใช่เขาที่ยืนอยู่ตรงนี้ แต่เป็นชายอื่นที่ล่วงล้ำเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเธอ เหมยจะเป็นอย่างไรความคิดเหล่านั้นทำให้แววตาของอาชาเต็มไปด้วยความหวงแหนและหึงหวง เขาทรุดตัวลงนั่งข้างเตียง ค่อยๆ เอื้อมมือไปลูบผมยาวสลวยที่กระจัดกระจายอยู่บนหมอนอย่างแผ่วเบา จากนั้นจึงเลื่อนปลายนิ้วไล้ไปตามโครงหน้าหวาน ไล่ลงมาตามลำคอระหง อาชาโน้มตัวลงไปกระซิบเสียงแผ่วข้างหูของเธอ "คิดถึงนะครับ...คิดถึงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว"คำกระซิบแผ่วเบาคล้ายจะปลุกให้เหมยรู้สึกตัว เธอขยับตัวเล็กน้อยแล้วลืมตาขึ้นช้าๆ แสงสลั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status