เช้าวันต่อมา ธง ปรากฏตัวที่คาเฟ่ไร่ชาพรหมเทพตั้งแต่ก่อนที่คาเฟ่จะเปิดเสียอีก เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กางเกงชิโน่สีครีม ดูสบาย ๆ แต่ก็เนี้ยบ
ใบหน้าหล่อเหลาประดับด้วยรอยยิ้มสดใส มือถือช่อดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนช่อโต ธงตั้งใจจะมาทำคะแนนกับเหมยอย่างเต็มที่ และเขาก็เตรียมพร้อมรับมือกับคู่แข่งอย่างเมฆินทร์และอาชาแล้วแม้ว่าเขาเป็นเพียงแค่ผู้จัดการไร่ชาฝึกหัดของไร่ชาพรหมเทพแต่เรื่องหัวใจธงไม่มีทางยอมแพ้ เมื่อเหมยเดินมาถึงคาเฟ่เพื่อเตรียมเปิดร้าน ธงก็เดินเข้าไปหาทันที "อรุณสวัสดิ์ครับน้องเหมย! พี่มารอตั้งแต่เช้าเลยครับ" ธงยื่นช่อดอกไม้ให้เหมยและส่งยิ้มให้วันนี้เขาเห็นว่าเป็นวันดีที่ยังไม่เห็นศัตรูหัวใจอย่างอาชาและเขาสังเกตว่าอาทิตย์ที่ผ่านมามีผู้ชายหน้าหล่อคนนึงพร้อมกับบอดี้การ์ดมาป้วนเปี้ยนอยู่ที่คาเฟ่จึงทำให้ธงไม่รอช้าอะไรที่ได้มายากๆมันยิ่งท้าทาย "สำหรับน้องเหมยครับ ดอกไม้สวย ๆ เหมาะกับคนสวย ๆ อย่างน้องเหมยเลยครับ" เหมยทำท่าทางลังเลเล็กน้อยที่จะรับดอกไม้จากธง "ขอบคุณมากค่ะพี่ธง ไม่คิดว่าจะมาแต่เช้าขนาดนี้" "ก็อยากเจอน้องเหมยเร็ว ๆ นี่ครับ" ธงยิ้มหวาน "วันนี้พีีว่างทั้งวันเลย ถ้าน้องเหมยมีอะไรให้ช่วยบอกได้เลยนะครับ"วันนี้เป็นวันเสาร์ วันหยุดของธง ในขณะที่ธงกำลังทำคะแนนอย่างออกรส เมฆินทร์ ก็เดินเข้ามาในคาเฟ่พอดี เขาสวมชุดสบาย ๆ เช่นเคย แต่แววตาเฉียบคมจับจ้องไปที่ช่อดอกไม้ในมือเหมยทันที "อรุณสวัสดิ์ครับคุณเหมย" เมฆินทร์เอ่ยทักด้วยน้ำเสียงที่ดังพอให้ธงได้ยิน "เช้านี้มีเรื่องน่ายินดีอะไรหรือเปล่าครับ ถึงได้มีดอกไม้สวย ๆ ขนาดนี้" ธงหันไปมองเมฆินทร์เล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้เหมย "ผมเอามาให้น้องเหมยเองครับคุณ..... ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ" ธงที่ไม่รู้จักเมฆินทร์ก็เซ็นชื่อและพร้อมจะเปิดเกมส์กับคนตรงหน้าแม้ไม่รู้ว่ากระดูกคนละเบอร์กัน "ผมเมฆินทร์ ...."เมฆินทร์กินแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการเพราะเขารู้ว่าคนตรงหน้าน่าจะเป็นศัตรูอีกคนนึงของเขาอย่างแน่นอน "เปล่าหรอกครับ" เมฆินทร์เดินเข้ามาใกล้ "แค่สงสัยว่าทำไมคุณถึงมาแต่เช้าจัง ไม่คิดว่าจะสนใจเรื่องดอกไม้เหมือนกันนะครับ" "ผมก็แค่ทำในสิ่งที่ผมอยากทำครับ" ธงตอบกลับอย่างไม่ลดละและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับผู้ชายตรงหน้าไม่ต่างกับที่เขามองว่าเป็นศัตรูเหมือนอาชา คำพูดของธงทำให้เมฆินทร์ยิ้มมุมปาก "คุณนี่ปากกล้าดีนะครับ แต่ก็ระวังหน่อยนะครับ การพูดอะไรโดยไม่คิด อาจจะทำให้เสียมิตรภาพในการพบเจอกันครั้งแรกก็ได้ได้"เมฆินทร์ได้พูดเตือนธงเป็นนัยยะเพราะดูท่าเมฆินทร์จะไม่ชอบขี้หน้าธงยิ่งกว่าอาชาซะอีก "มิตรภาพที่ไหนครับ" ธงสวนกลับ "ผมกับคุณเมฆินทร์ก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น"ธงที่พูดจาเหมือนขวานผ่าซากไม่ไว้หน้าเมฆินทร์และไม่ได้มีแววความเป็นมิตรตอบกลับ บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้งเหมยรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์ตรงหน้า เธอพยายามจะหาทางเปลี่ยนเรื่อง "เอ่อ...เหมยว่าเราเข้าไปข้างในกันดีกว่านะคะ เดี๋ยวลูกค้าจะมาแล้ว"เหมยพยายามคลี่คลายสถานการณ์ให้เป็นไปในทางที่ดีเธอรู้สึกอึดอัดมากที่อยู่ดีๆก็มีคนมารายล้อมเธอ ในจังหวะที่ธงและเมฆินทร์กำลังปะทะคารมกันอย่างดุเดือด และเหมยกำลังจะเดินเข้าไปในร้าน อาชา ก็เดินเข้ามาในคาเฟ่พอดี เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวสะอาดตา กางเกงสแล็คสีเข้ม ใบหน้าคมคายดูเคร่งขรึมกว่าปกติ อาชาเหลือบมองช่อดอกไม้ในมือเหมยเล็กน้อย ก่อนจะกวาดสายตาไปมองธงและเมฆินทร์ที่ยืนประจันหน้ากันด้วยสายตาเย็นชา "มีอะไรกันหรือเปล่าครับ เช้า ๆ แบบนี้ ไม่น่าจะมีเรื่องวุ่นวายอะไรนะครับแล้วคาเฟ่ผมก็เพิ่งจะเปิดไม่ทราบว่าคุณสองคนจะมาทำอะไรกันครับ" อาชาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่แฝงไปด้วยพลังอำนาจที่ทำให้ทุกคนต้องหันมาสนใจ ธงและเมฆินทร์หันไปมองอาชาพร้อมกัน สีหน้าของทั้งคู่แปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าศัตรูตัวฉกาจเบอร์ 1 ของทั้งสองคนได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้า "เปล่าครับคุณอาชา" ธงรีบตอบ "แค่คุยเรื่องทั่วไปกับคุณเหมยครับ"ธงก็ยังคงต้องเคารพอาชาในฐานะเจ้าของไร่ชาและหัวหน้าของตน "ใช่ครับคุณอาชา ผมแค่อวยพรให้คุณ เหมยในเช้าวันใหม่เท่านั้นเอง" เมฆินทร์เสริมถังลี่ที่เห็นเจ้านายก็รู้สึกอดขำไม่ได้แม้ในสนามธุรกิจเมฆินทร์จะจริงจังมากไม่ว่าหนทางไหนเขาก็จะหาทางเอาชนะอาชาให้ได้ อาชาพยักหน้ารับช้า ๆ "อย่างนั้นเหรอครับ" เขาเดินตรงเข้ามาหาเหมย แล้วเอื้อมมือไปจับมือเธออย่างอ่อนโยน "คุณเหมยครับ วันนี้ลิลลี่อยากให้คุณเหมยไปสอนระบายสีแต่เช้าเลยน่ะครับ เธอตื่นเต้นมาก" เหมยรู้สึกอบอุ่นในมือของอาชา เธอหันไปมองหน้าเขาแล้วยิ้ม "ค่ะคุณอาชา เหมยกำลังจะไปพอดีค่ะ" อาชายิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองธงและเมฆินทร์ด้วยสายตาที่ชัดเจนว่า 'คนนี้ของฉัน' "ต้องขอตัวก่อนนะครับพี่ธง คุณเมฆินทร์ พอดีผมมีธุระสำคัญกับคุณเหมยน่ะครับ" อาชาพูดจบก็จูงมือเหมยเดินออกไปจากคาเฟ่ ปล่อยให้ธงและเมฆินทร์ยืนมองตามหลังทั้งสองด้วยความรู้สึกที่ไม่พอใจ ธงกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจ "ไอ้อาชา! มาฉกไปต่อหน้าต่อตาเลยนะ!" เมฆินทร์ยิ้มมุมปากเล็กน้อย "คุณธงไม่ต้องรีบร้อนหรอกครับ เกมส์นี้เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง" "คุณก็เหมือนกันนั่นแหละคุณเมฆินทร์" ธงหันมามองเมฆินทร์ "อย่าคิดว่าคุณจะได้เปรียบกว่าผมเลย" เมฆินทร์หัวเราะเบา ๆ "ก็รอดูกันต่อไปครับว่าใครจะเป็นผู้ชนะที่แท้จริง" ทั้งธงและเมฆินทร์ต่างยืนมองเส้นทางที่อาชาจูงมือเหมยเดินลับหายไปจากสายตา ต่างฝ่ายต่างก็คิดวางแผนการต่อไปในใจ โดยที่ไม่รู้เลยว่า หมากตัวเดินสำคัญอย่าง เหมยนั้น กำลังเริ่มสับสนกับความรู้สึกของตัวเองมากขึ้นทุกที หลังจากที่เดินตามอาชากลับมานั่งรถกอล์ฟกลับมาที่คฤหาสน์เหมยเองรู้ว่าอาชาเข้ามาช่วยเธอให้พ้นจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดนี้ "ขอบคุณนะคะที่มาช่วยเหมย" เหมยเอ่ยขอบคุณอาชาอย่างไม่จริงจังนัก "ขอบคุณผมเรื่องอะไรล่ะครับ ผมยังไม่ทำอะไรเลย"อาชาแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว "ขอบคุณที่พาเหมยมาจากคาเฟ่นะคะ" เหมยหัวเราะคึกคักเธอรู้สึกตลกกับท่าทางของสองหนุ่มนั่น "ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี แต่ว่าลิลลี่ก็อยากจะเรียนระบายสีจริง ๆ นะครับ"อาชารีบแก้ตัวเพราะไม่อยากให้เหมยรู้สึกอึดอัด "ค้าาา...เหมยเข้าใจไม่ต้องคิดมากนะคะ"เหมยที่รู้สึกว่าอาชาเป็นผู้ชายที่อบอุ่นและเข้าใจทุกอย่างได้ง่ายเฉียบขาดแม้จะไม่พูดแต่การแสดงออกชัดเจน "วันนี้วันเสาร์วันนี้มีแพลนเรียนกี่ชั่วโมงครับเราไปเที่ยวกันไหมครับ"อาชารวบรวมความกล้าชวนเหมยออกไปเที่ยว เหมยหันกลับมามองอาชาเล็กน้อยขณะที่นั่งอยู่บนรถกอล์ฟถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาแค่ 5 นาทีมันก็ทำให้เหมยรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงกับอาชาและมันเป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่ได้เจออาชา "ไปไหนคะ"เหมยเอ่ยถาม "เป็นความลับครับเอาเป็นว่าเย็นนี้เจอกันเดี๋ยวผมเคลียร์งานที่ไร่ชาเสร็จแล้วผมมารับนะครับ"อาชาเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับเย็นนี้เขาอยากจะทานดินเนอร์กับเหมยสองคนทั้งไร่ชาปกคลุมด้วยความมืดมิด มีเพียงแสงไฟดวงเล็กๆ จากบ้านพักของอาชาที่ส่องสว่างอยู่ ในที่สุดอาชาก็เคลียร์งานทุกอย่างเสร็จสิ้น เขามองดูนาฬิกา "หกโมงครึ่ง..." เขาพึมพำกับตัวเองชายหนุ่มรีบอาบน้ำแต่งตัว เขาเลือกเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวสะอาดตา กางเกงผ้าลินินสีเบจ และรองเท้าหนังคู่โปรด เขามองตัวเองในกระจกพลางยิ้มอย่างพึงพอใจ อาชาไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อนเลยระหว่างรอรับเหมยที่แต่งตัวอยู่ในห้องหัวใจของอาชาก็เต้นรัวไม่ต่างกัน ยิ่งคิดว่ากำลังจะไปออกเดทกับคนที่ชอบ หัวใจก็ยิ่งเต้นแรง "นายต้องใจเย็น ๆ นะอาชา" เขาบอกตัวเองในใจ พลางขับรถกอล์ฟไปตามเส้นทางที่คุ้นเคยเมื่อผ่านไปสักพักเหมยก็ออกมาจากห้อง อาชาก็เห็นเหมยในชุดเดรสยาวสีขาวพลิ้วไหวเข้ากับบรรยากาศของไร่ชาที่รายล้อมไปด้วยต้นชาเขียวขจี เธอดูสวยงามมากเสียจนอาชาแทบหยุดหายใจ"คุณเหมย..." อาชาเอ่ยเรียกชื่อเธอเบาๆเหมยหันมามองอาชาแล้วยิ้มหวาน "ไปกันเลยไหมคะ"ทั้งสองคนขึ้นรถกอล์ฟและขับออกไป ไม่นานนักก็มาถึงลานกว้างใกล้กับทะเลสาบเล็กๆ ในไร่ ที่นี่ถูกจัดเตรียมไว้เป็นอย่างดี มีโต๊ะอาหารเล็กๆ ที่ประดับประดาด้วยดอกไม้และเทียนหอม อาชากำลังจะบอกเหม
เช้าวันต่อมา ธง ปรากฏตัวที่คาเฟ่ไร่ชาพรหมเทพตั้งแต่ก่อนที่คาเฟ่จะเปิดเสียอีก เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กางเกงชิโน่สีครีม ดูสบาย ๆ แต่ก็เนี้ยบ ใบหน้าหล่อเหลาประดับด้วยรอยยิ้มสดใส มือถือช่อดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนช่อโต ธงตั้งใจจะมาทำคะแนนกับเหมยอย่างเต็มที่ และเขาก็เตรียมพร้อมรับมือกับคู่แข่งอย่างเมฆินทร์และอาชาแล้วแม้ว่าเขาเป็นเพียงแค่ผู้จัดการไร่ชาฝึกหัดของไร่ชาพรหมเทพแต่เรื่องหัวใจธงไม่มีทางยอมแพ้เมื่อเหมยเดินมาถึงคาเฟ่เพื่อเตรียมเปิดร้าน ธงก็เดินเข้าไปหาทันที"อรุณสวัสดิ์ครับน้องเหมย! พี่มารอตั้งแต่เช้าเลยครับ" ธงยื่นช่อดอกไม้ให้เหมยและส่งยิ้มให้วันนี้เขาเห็นว่าเป็นวันดีที่ยังไม่เห็นศัตรูหัวใจอย่างอาชาและเขาสังเกตว่าอาทิตย์ที่ผ่านมามีผู้ชายหน้าหล่อคนนึงพร้อมกับบอดี้การ์ดมาป้วนเปี้ยนอยู่ที่คาเฟ่จึงทำให้ธงไม่รอช้าอะไรที่ได้มายากๆมันยิ่งท้าทาย "สำหรับน้องเหมยครับ ดอกไม้สวย ๆ เหมาะกับคนสวย ๆ อย่างน้องเหมยเลยครับ"เหมยทำท่าทางลังเลเล็กน้อยที่จะรับดอกไม้จากธง "ขอบคุณมากค่ะพี่ธง ไม่คิดว่าจะมาแต่เช้าขนาดนี้""ก็อยากเจอน้องเหมยเร็ว ๆ นี่ครับ" ธงยิ้มหวาน "วันนี้พีีว่างทั้งวันเลย ถ้าน้องเหมยมีอ
วันรุ่งขึ้น เมฆินทร์ปรากฏตัวที่คาเฟ่แต่เช้าผิดปกติ เขานั่งอยู่ที่โต๊ะเดิม ริมหน้าต่าง และแทนที่จะจิบกาแฟสบาย ๆ เหมือนเคย วันนี้กลับมีหนังสือเล่มหนาอยู่ในมือ เมื่อเหมยเดินผ่านมาเพื่อนำดอกไม้สดที่เธอตั้งใจตัดมาจัดที่โต๊ะเพราะหนูน้อยลิลลี่กับอาชาเป็นคนช่วยกันปลูกทำให้เหมยอยากจะเชยชมและประดับห้องเรียนของเธอและลิลลี่ให้ออกมาเป็นบรรยากาศที่สวยงาม เมฆินทร์ก็เงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้ม "อรุณสวัสดิ์ครับคุณเหมย เช้านี้อากาศดีจังเลยนะครับ"เมฆินทร์ที่วันนี้ตั้งใจมาหาเหมยตั้งแต่เช้าเพราะเขาอยากจะรู้ว่าอาชาจะดิ้นทุรนทุรายขนาดไหน "อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเมฆินทร์" เหมยตอบพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ เธอยังคงรู้สึกประหลาดใจกับการปรากฏตัวของเขาในทุก ๆ วันและนับวันก็ยิ่งประหลาดขึ้นทุกวัน "ผมกำลังอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่พอดีเลยครับ" เมฆินทร์ชูหนังสือในมือขึ้นมา "เป็นนิยายแนวแฟนตาซี "ผมไม่ค่อยได้อ่านแนวนี้เท่าไหร่ แต่พออ่านแล้วก็รู้สึกว่าน่าสนใจมากเลยครับ" เมฆินทร์หาทางเชื่อมสัมพันธ์กับเหมยผ่านการอ่านหนังสือซึ่งตัวเขาเองก็ชอบอ่านหนังสือเป็นทุนเดิมทำให้เข้ากับเหมยได้ค่อนข้างง่าย เหมยเหลือบมองหนังสือในมือเมฆินทร์ "อ้อ
เสียงตึงเครียดของอาชาและเมฆินทร์ดังไปทั่วห้อง ท่ามกลางบรรยากาศที่พร้อมจะปะทุอยู่ดี ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา หนูน้อยลิลลี่ที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดหนังสือในห้องสมุดก็เดินกลับมาพร้อมกับหนังสือภาพเล่มโปรดในมือ"คุณลุงอาชาขา ลิลลี่อยากให้คุณลุงอ่านนิทานเรื่องนี้ให้ฟังก่อนนอนกลางวันค่ะ" ลิลลี่เงยหน้ามองอาชาด้วยดวงตากลมโตไร้เดียงสาน้ำเสียงใสซื่อของลิลลี่ดึงสติของอาชาให้กลับมา เขาสูดหายใจลึกๆ พยายามระงับโทสะที่คุกรุ่น เมฆินทร์เองก็ลดรอยยิ้มยียวนลงเล็กน้อยเมื่อเห็นเด็กน้อยเดินเข้ามา"ได้สิครับคนเก่ง" อาชาย่อตัวลงรับหนังสือจากลิลลี่ พลางเอื้อมมือไปลูบผมหนูน้อยอย่างอ่อนโยน "เดี๋ยวคุณลุงไปอ่านให้ฟังที่ห้องนะครับ"เหมยที่เดินตามมาก็พยกหัว 1 ครั้งและรีบจูงมือหนูลิลลี่ที่อยู่กับอาชาเพื่อจะกลับไปนอนอ่านนิทานด้วยกัน"ลิลลี่คะคุณลุงทำงานไปฟังนิทานกับคุณครูดีกว่า เดี๋ยวคุณครูจะนอนเป็นเพื่อน"เหมยที่พูดตลอดให้หนูลิลลี่เชื่อฟังอาชาหันไปมองเมฆินทร์ด้วยสายตาเย็นชา "ผมคงต้องขอตัวพาหลานไปพักผ่อนก่อน หวังว่าคุณจะเข้าใจนะ เมฆินทร์""ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณเหมยงั้นเราไปพร้อมกันเลยดีกว่า"อาชาที่พูดกันท่าไม่ให้เ
บรรยากาศระหว่างอาชาและเมฆินทร์ยังคงคุกรุ่นราวกับมีไฟฟ้าสถิตย์ แม้เหมยจะเดินจากไปแล้ว แต่ความตึงเครียดก็ยังคงอยู่เต็มเปี่ยม"ฉันเตือนนายแล้วนะ เมฆินทร์" อาชากล่าวเสียงเย็น "อย่าคิดจะทำอะไรไม่ดีที่นี่"เมฆินทร์ยิ้มมุมปาก "คุณอาชาครับ ผมมาเที่ยว มาพักผ่อน ไม่ได้มาสร้างปัญหาอะไร" เขาเว้นจังหวะ "แต่ถ้ามีอะไรที่น่าสนใจ...ผมก็ไม่พลาดที่จะคว้าไว้หรอกนะ" สายตาของเขาจงใจกวาดมองไปทางที่เหมยเพิ่งจากไปอาชากำหมัดแน่น พยายามระงับอารมณ์ที่พุ่งพล่าน "คนของฉันไม่ใช่ของเล่นของนาย""ผมก็ไม่ได้บอกว่าเป็นของเล่นนี่ครับ" เมฆินทร์ตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน "แต่คุณเหมยดูเป็นคนน่าสนใจจริงๆ นั่นแหละ"เสือที่ยืนอยู่ข้างกายอาชาขยับตัวเล็กน้อย แผ่รังสีข่มขู่ไปยังถังลี่ที่ยืนอยู่ข้างเมฆินทร์เช่นกัน ถังลี่เองก็จ้องกลับอย่างไม่ยอมแพ้"กลับไปซะ..! เมฆินทร์" อาชาสั่งเสียงห้วน "ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน"เมฆินทร์หัวเราะเบาๆ "ใจเย็นๆ สิครับเพื่อนเก่า เราเพิ่งเจอกันเองนะ" เขาหยิบถุงกระดาษสีน้ำตาลออกมาจากด้านหลัง "พอดีผมมีของขวัญมาฝากคุณหนูลิลลี่ด้วยน่ะครับ"อาชามองถุงในมือเมฆินทร์อย่างระแวง "ไม่จำเป็น.!""แหม อย่าใจร้ายอย่า
"เออ ครับ" อาชาตอบสั้น ๆ และหันไปพยักหน้าให้เสือเสริมเก้าอี้และโต๊ะมาเพื่อให้นั่ง ข้าง ๆ เหมย "งั้นผมขอร่วมวงด้วยเลยก็แล้วกันนะครับคุณเมฆินทร์" อาชานั่งลงแล้วหันหน้าไปมองเมฆินทร์ด้วยสายตาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ "แหม คุณอาชาเพื่อนรัก อย่าพูดห่างเหินอย่างนั้นสิครับ เดี๋ยวคุณเหมยก็คิดว่าเราไม่ได้เป็นเพื่อนกันหรอก" เมฆินทร์หาช่องว่างพูดกระแทกแดกดันใส่อาชา บรรยากาศบนโต๊ะยังคงอบอวลไปด้วยความตึงเครียดที่ซ่อนเร้น อาชาพยายามวางตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี แต่สายตาคมกริบของเขายังคงจับจ้องไปที่เมฆินทร์เป็นระยะ ขณะที่เมฆินทร์เองก็ยังคงรักษาท่าทีเป็นมิตร แต่แฝงไปด้วยความมั่นใจที่ยากจะเข้าถึง "หนูลิลลี่เรียนเป็นยังไงบ้างครับ" เมฆินทร์หันไปถามหนูลิลลี่ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ทำให้หนูลิลลี่รู้สึกสบายใจที่จะตอบ "ดีค่ะ คุณครูเหมยใจดีมากเลยค่ะ สอนเข้าใจง่ายด้วย" หนูลิลลี่ตอบอย่างกระตือรือร้น "งั้นเหรอครับ" เมฆินทร์เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองเหมย "เห็นไหมครับคุณเหมย ศิษย์รักชมขนาดนี้ ต้องเก่งจริงแน่ ๆ" เหมยยิ้มเล็กน้อยด้วยความเขินอาย "ลิลลี่ก็เก่งอยู่แล้วค่ะ" อาชายิ้มเล็กน้อยอย่างภูมิใจ "ลิลลี่เป็นเด็