ทั้งไร่ชาปกคลุมด้วยความมืดมิด มีเพียงแสงไฟดวงเล็กๆ จากบ้านพักของอาชาที่ส่องสว่างอยู่ ในที่สุดอาชาก็เคลียร์งานทุกอย่างเสร็จสิ้น เขามองดูนาฬิกา "หกโมงครึ่ง..." เขาพึมพำกับตัวเอง
ชายหนุ่มรีบอาบน้ำแต่งตัว เขาเลือกเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวสะอาดตา กางเกงผ้าลินินสีเบจ และรองเท้าหนังคู่โปรด เขามองตัวเองในกระจกพลางยิ้มอย่างพึงพอใจ อาชาไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อนเลย ระหว่างรอรับเหมยที่แต่งตัวอยู่ในห้องหัวใจของอาชาก็เต้นรัวไม่ต่างกัน ยิ่งคิดว่ากำลังจะไปออกเดทกับคนที่ชอบ หัวใจก็ยิ่งเต้นแรง "นายต้องใจเย็น ๆ นะอาชา" เขาบอกตัวเองในใจ พลางขับรถกอล์ฟไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย เมื่อผ่านไปสักพักเหมยก็ออกมาจากห้อง อาชาก็เห็นเหมยในชุดเดรสยาวสีขาวพลิ้วไหวเข้ากับบรรยากาศของไร่ชาที่รายล้อมไปด้วยต้นชาเขียวขจี เธอดูสวยงามมากเสียจนอาชาแทบหยุดหายใจ "คุณเหมย..." อาชาเอ่ยเรียกชื่อเธอเบาๆ เหมยหันมามองอาชาแล้วยิ้มหวาน "ไปกันเลยไหมคะ" ทั้งสองคนขึ้นรถกอล์ฟและขับออกไป ไม่นานนักก็มาถึงลานกว้างใกล้กับทะเลสาบเล็กๆ ในไร่ ที่นี่ถูกจัดเตรียมไว้เป็นอย่างดี มีโต๊ะอาหารเล็กๆ ที่ประดับประดาด้วยดอกไม้และเทียนหอม อาชากำลังจะบอกเหมยว่า "ผมจัดเตรียมไว้ให้คุณโดยเฉพาะเลยนะครับ" แต่เหมยกลับพูดขึ้นมาก่อน "ว้าว สวยจังเลย" เหมยมองไปรอบๆ ด้วยสายตาเป็นประกาย อาชายิ้มอย่างภูมิใจ "ผมตั้งใจทำมันเพื่อคุณโดยเฉพาะเลยครับ" ทั้งสองคนนั่งลงที่โต๊ะ อาชาชวนเหมยคุยเรื่องต่างๆ ในชีวิต อาชาได้รู้ว่าเหมยเป็นคนที่ชอบการถ่ายภาพและชอบไปเที่ยวทะเลเป็นที่สุด อาชาจึงจดจำทุกอย่างไว้ในใจ "แล้วคุณอาชาล่ะคะ ทำไมถึงมาทำไร่ชา" เหมยเอ่ยถาม "ผมรักในความสงบที่นี่ครับ และผมก็อยากให้ความรักนี้คงอยู่ตลอดไป" อาชาตอบ บทสนทนาดำเนินไปอย่างราบรื่น ความรู้สึกดีๆ ก่อตัวขึ้นในหัวใจของทั้งคู่โดยที่ทั้งสองคนไม่รู้ตัว ท้องฟ้าสีครามเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อนๆ ก่อนที่แสงดาวจะส่องประกายพร่างพราวไปทั่วทั้งไร่ "คืนนี้ดาวสวยจังเลยนะคะ" เหมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน อาชามองหน้าเหมย "แต่ผมว่าคุณเหมยสวยกว่าครับ" เหมยหน้าแดงก่ำ ไม่เคยมีใครบอกว่าเธอสวยขนาดนี้มาก่อน "ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับเหมย" อาชาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น เหมยพยักหน้าตอบรับ "ได้สิคะ" "ถ้าคืนนี้เราไม่ได้ทานดินเนอร์ด้วยกัน คุณจะเสียใจไหม" อาชาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง เหมยเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยตอบ "ฉันคงจะเสียใจมากเลยค่ะ" อาชายิ้มกว้างอย่างมีความสุข "ผมขอถามอีกคำถามได้ไหมครับ" ... บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบสงบ มีเพียงเสียงหรีดหริ่งเรไรที่ส่งเสียงประสานกันเบาๆ กับแสงดาวที่ส่องประกายระยิบระยับ เหมยรอฟังคำถามจากอาชาอย่างตั้งใจ เธอรู้สึกได้ว่าหัวใจตัวเองเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง ตั้งแต่ได้มาอยู่กับอาชาในค่ำคืนนี้ เธอก็รู้สึกเหมือนถูกสะกดอยู่ในห้วงเวลาที่แสนพิเศษ อาชารวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี จ้องมองดวงตาคู่สวยของเหมยอย่างลึกซึ้ง "เหมย..." เขาเอ่ยชื่อเธอแผ่วเบา "ถ้าพรุ่งนี้...เรายังได้เจอกันอีก คุณจะให้โอกาสผมได้จีบคุณไหมครับ" สิ้นเสียงของอาชา ความเงียบก็เข้าปกคลุมอีกครั้ง เป็นความเงียบที่ทำให้อาชารู้สึกประหม่าจนเกือบหยุดหายใจ เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี ถ้าเหมยปฏิเสธ...เขาคงจะผิดหวังมาก เหมยหลุบตาลงเล็กน้อยเพื่อซ่อนความรู้สึกที่ปะทุขึ้นในใจ คำถามของอาชาทำให้เธอรู้สึกเหมือนหัวใจพองโต เธอไม่เคยคิดเลยว่าความรู้สึกที่เธอมีให้อาชานั้นจะเป็นความรู้สึกเดียวกันกับที่อาชามีให้เธอ "เหมย..." เหมยเริ่มต้นประโยคด้วยเสียงที่สั่นเครือ "เหมย...รอคำถามนี้มานานแล้วค่ะ" อาชายิ้มกว้างอย่างมีความสุข หัวใจของเขาเหมือนดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน เธอยอมรับในความรู้สึกที่เขามีให้แล้วใช่ไหม? "หมายความว่า..." อาชาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง เหมยเงยหน้าขึ้นสบตากับอาชาอีกครั้ง รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ "หมายความว่า...เหมยตกลงค่ะ" อาชารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนไปชั่วขณะ เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินเข้าไปหาเหมยอย่างช้าๆ "ผมดีใจที่สุดเลยครับเหมย" เขากล่าวพร้อมจับมือของเธอไว้เบาๆ เหมยยิ้มตอบ "เหมยก็ดีใจเหมือนกันค่ะ" ในค่ำคืนนั้น ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย แต่ความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กันนั้นกลับเด่นชัดยิ่งกว่าคำพูดใดๆ แสงดาวบนท้องฟ้าเป็นพยานให้ความรักที่กำลังก่อตัวขึ้นในหัวใจของคนทั้งสอง อาชาเดินย่องเข้าไปในห้องนอนของเหมย อย่างเงียบเชียบ หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความประหม่าปนตื่นเต้น เขามองไปรอบๆ ห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยรสนิยมแบบเดียวกับตัวตนของเธอ บนโต๊ะเครื่องแป้ง มีรูปถ่ายที่เหมยถ่ายเองวางอยู่หลายรูป แสดงให้เห็นถึงความหลงใหลในการถ่ายภาพของเธอ อาชายิ้มออกมาอย่างมีความสุข เขาชอบที่ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของเหมยที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน ทันใดนั้น เสียงน้ำในห้องน้ำก็เงียบลง อาชารีบเดินไปซ่อนตัวหลังม่านที่ดูเหมือนจะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดเท่าที่เขาจะหาได้ตอนนี้ เหมยเปิดประตูห้องน้ำออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่พันรอบตัว เธอฮัมเพลงเบาๆ ด้วยความรู้สึกมีความสุข เธอนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้ อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างเขินอาย เหมยเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อหวีผม อาชาที่แอบซ่อนตัวอยู่หลังม่านมองดูเธออย่างไม่ละสายตา เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีในสถานการณ์นี้ จะออกไปตอนนี้ก็คงจะดูไม่ดี จะอยู่อย่างนี้ต่อไปก็คงจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ทันใดนั้น เหมยก็เหลือบไปเห็นเงาของใครบางคนสะท้อนอยู่ในกระจก เธอตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้น "ใครน่ะ!" เธอร้องออกมาด้วยเสียงที่สั่เครือ อาชาที่เห็นว่าความลับของเขาถูกเปิดเผยแล้วก็ค่อยๆ เดินออกมาจากหลังม่าน "คุณอาชา..." เหมยอึ้งไปเล็กน้อย "คุณเข้ามาในห้องเหมยได้ยังไงคะ" อาชารู้สึกผิดและรู้สึกแย่ที่ต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ "ผม...ผมขอโทษนะครับเหมย" "คุณ...คุณมาทำอะไรในห้องเหมย"เหมย ถามเสียงเบา อาชาหลุบตาลงเล็กน้อย "ผม...ผมแค่...อยากจะเห็นหน้าคุณเหมยอีกครั้งนึงก่อนนอนครับ" เหมยเงียบไป เธอมองดูอาชาที่ดูประหม่าและรู้สึกผิด เธอรู้สึกได้ว่าความรู้สึกโกรธของเธอได้จางหายไปแล้ว เหลือไว้เพียงความรู้สึกอบอุ่นและหัวใจที่เต้นแรงอีกครั้ง "ต่อไป...อย่าทำแบบนี้อีกนะคะ" เหมยพูดเสียงนุ่มนวล อาชาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเหมยอย่างมีความหวัง "ครับ...ผมสัญญา" ค่ำคืนนั้นจบลงด้วยการที่อาชากลับไปที่ห้องของตัวเองอย่างว่าง่าย ทิ้งไว้เพียงเหมยที่ยังยืนนิ่งอยู่หน้ากระจกเงาด้วยรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวความรักของทั้งสองคน. รุ่งเช้าของวันอาทิตย์ อากาศเย็นสบายในไร่ชาปลุกให้เหมยและอาชาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกสดชื่นและหัวใจที่พองโต เหมยเห็นอาชายืนอยู่ริมหน้าต่าง มองดูไร่ชาเขียวขจีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสุข "อรุณสวัสดิ์ค่ะ" เหมยเอ่ยทัก อาชาหันมามองเหมยแล้วยิ้ม "อรุณสวัสดิ์ครับ ว่าที่แฟน" เหมยหน้าแดงก่ำแล้วหัวเราะเบาๆ "คุณอาชา..." อาชาเดินเข้ามาหาเหมยแล้วสวมกอดเธอเบาๆ "ผมมีความสุขที่สุดเลยครับ" "เหมยก็เหมือนกันค่ะ" เหมยตอบกลับเหมือนชีวิตของเหมยและอาชาจะผ่านไปได้ด้วยดีเหมือนยังคงทำหน้าที่คุณครูสอนกวดวิชาให้กับหนูน้อยลิลลี่อย่างทุกวัน แต่ความสงบมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นคงอยู่และจีรังเมื่อดารินผู้หญิงที่เป็นอดีตของอาชาปรากฏตัวและพยายามที่จะพบอาชาให้ได้...ทั้งไร่ชาปกคลุมด้วยความมืดมิด มีเพียงแสงไฟดวงเล็กๆ จากบ้านพักของอาชาที่ส่องสว่างอยู่ ในที่สุดอาชาก็เคลียร์งานทุกอย่างเสร็จสิ้น เขามองดูนาฬิกา "หกโมงครึ่ง..." เขาพึมพำกับตัวเองชายหนุ่มรีบอาบน้ำแต่งตัว เขาเลือกเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวสะอาดตา กางเกงผ้าลินินสีเบจ และรองเท้าหนังคู่โปรด เขามองตัวเองในกระจกพลางยิ้มอย่างพึงพอใจ อาชาไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อนเลยระหว่างรอรับเหมยที่แต่งตัวอยู่ในห้องหัวใจของอาชาก็เต้นรัวไม่ต่างกัน ยิ่งคิดว่ากำลังจะไปออกเดทกับคนที่ชอบ หัวใจก็ยิ่งเต้นแรง "นายต้องใจเย็น ๆ นะอาชา" เขาบอกตัวเองในใจ พลางขับรถกอล์ฟไปตามเส้นทางที่คุ้นเคยเมื่อผ่านไปสักพักเหมยก็ออกมาจากห้อง อาชาก็เห็นเหมยในชุดเดรสยาวสีขาวพลิ้วไหวเข้ากับบรรยากาศของไร่ชาที่รายล้อมไปด้วยต้นชาเขียวขจี เธอดูสวยงามมากเสียจนอาชาแทบหยุดหายใจ"คุณเหมย..." อาชาเอ่ยเรียกชื่อเธอเบาๆเหมยหันมามองอาชาแล้วยิ้มหวาน "ไปกันเลยไหมคะ"ทั้งสองคนขึ้นรถกอล์ฟและขับออกไป ไม่นานนักก็มาถึงลานกว้างใกล้กับทะเลสาบเล็กๆ ในไร่ ที่นี่ถูกจัดเตรียมไว้เป็นอย่างดี มีโต๊ะอาหารเล็กๆ ที่ประดับประดาด้วยดอกไม้และเทียนหอม อาชากำลังจะบอกเหม
เช้าวันต่อมา ธง ปรากฏตัวที่คาเฟ่ไร่ชาพรหมเทพตั้งแต่ก่อนที่คาเฟ่จะเปิดเสียอีก เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กางเกงชิโน่สีครีม ดูสบาย ๆ แต่ก็เนี้ยบ ใบหน้าหล่อเหลาประดับด้วยรอยยิ้มสดใส มือถือช่อดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนช่อโต ธงตั้งใจจะมาทำคะแนนกับเหมยอย่างเต็มที่ และเขาก็เตรียมพร้อมรับมือกับคู่แข่งอย่างเมฆินทร์และอาชาแล้วแม้ว่าเขาเป็นเพียงแค่ผู้จัดการไร่ชาฝึกหัดของไร่ชาพรหมเทพแต่เรื่องหัวใจธงไม่มีทางยอมแพ้เมื่อเหมยเดินมาถึงคาเฟ่เพื่อเตรียมเปิดร้าน ธงก็เดินเข้าไปหาทันที"อรุณสวัสดิ์ครับน้องเหมย! พี่มารอตั้งแต่เช้าเลยครับ" ธงยื่นช่อดอกไม้ให้เหมยและส่งยิ้มให้วันนี้เขาเห็นว่าเป็นวันดีที่ยังไม่เห็นศัตรูหัวใจอย่างอาชาและเขาสังเกตว่าอาทิตย์ที่ผ่านมามีผู้ชายหน้าหล่อคนนึงพร้อมกับบอดี้การ์ดมาป้วนเปี้ยนอยู่ที่คาเฟ่จึงทำให้ธงไม่รอช้าอะไรที่ได้มายากๆมันยิ่งท้าทาย "สำหรับน้องเหมยครับ ดอกไม้สวย ๆ เหมาะกับคนสวย ๆ อย่างน้องเหมยเลยครับ"เหมยทำท่าทางลังเลเล็กน้อยที่จะรับดอกไม้จากธง "ขอบคุณมากค่ะพี่ธง ไม่คิดว่าจะมาแต่เช้าขนาดนี้""ก็อยากเจอน้องเหมยเร็ว ๆ นี่ครับ" ธงยิ้มหวาน "วันนี้พีีว่างทั้งวันเลย ถ้าน้องเหมยมีอ
วันรุ่งขึ้น เมฆินทร์ปรากฏตัวที่คาเฟ่แต่เช้าผิดปกติ เขานั่งอยู่ที่โต๊ะเดิม ริมหน้าต่าง และแทนที่จะจิบกาแฟสบาย ๆ เหมือนเคย วันนี้กลับมีหนังสือเล่มหนาอยู่ในมือ เมื่อเหมยเดินผ่านมาเพื่อนำดอกไม้สดที่เธอตั้งใจตัดมาจัดที่โต๊ะเพราะหนูน้อยลิลลี่กับอาชาเป็นคนช่วยกันปลูกทำให้เหมยอยากจะเชยชมและประดับห้องเรียนของเธอและลิลลี่ให้ออกมาเป็นบรรยากาศที่สวยงาม เมฆินทร์ก็เงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้ม "อรุณสวัสดิ์ครับคุณเหมย เช้านี้อากาศดีจังเลยนะครับ"เมฆินทร์ที่วันนี้ตั้งใจมาหาเหมยตั้งแต่เช้าเพราะเขาอยากจะรู้ว่าอาชาจะดิ้นทุรนทุรายขนาดไหน "อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเมฆินทร์" เหมยตอบพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ เธอยังคงรู้สึกประหลาดใจกับการปรากฏตัวของเขาในทุก ๆ วันและนับวันก็ยิ่งประหลาดขึ้นทุกวัน "ผมกำลังอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่พอดีเลยครับ" เมฆินทร์ชูหนังสือในมือขึ้นมา "เป็นนิยายแนวแฟนตาซี "ผมไม่ค่อยได้อ่านแนวนี้เท่าไหร่ แต่พออ่านแล้วก็รู้สึกว่าน่าสนใจมากเลยครับ" เมฆินทร์หาทางเชื่อมสัมพันธ์กับเหมยผ่านการอ่านหนังสือซึ่งตัวเขาเองก็ชอบอ่านหนังสือเป็นทุนเดิมทำให้เข้ากับเหมยได้ค่อนข้างง่าย เหมยเหลือบมองหนังสือในมือเมฆินทร์ "อ้อ
เสียงตึงเครียดของอาชาและเมฆินทร์ดังไปทั่วห้อง ท่ามกลางบรรยากาศที่พร้อมจะปะทุอยู่ดี ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา หนูน้อยลิลลี่ที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดหนังสือในห้องสมุดก็เดินกลับมาพร้อมกับหนังสือภาพเล่มโปรดในมือ"คุณลุงอาชาขา ลิลลี่อยากให้คุณลุงอ่านนิทานเรื่องนี้ให้ฟังก่อนนอนกลางวันค่ะ" ลิลลี่เงยหน้ามองอาชาด้วยดวงตากลมโตไร้เดียงสาน้ำเสียงใสซื่อของลิลลี่ดึงสติของอาชาให้กลับมา เขาสูดหายใจลึกๆ พยายามระงับโทสะที่คุกรุ่น เมฆินทร์เองก็ลดรอยยิ้มยียวนลงเล็กน้อยเมื่อเห็นเด็กน้อยเดินเข้ามา"ได้สิครับคนเก่ง" อาชาย่อตัวลงรับหนังสือจากลิลลี่ พลางเอื้อมมือไปลูบผมหนูน้อยอย่างอ่อนโยน "เดี๋ยวคุณลุงไปอ่านให้ฟังที่ห้องนะครับ"เหมยที่เดินตามมาก็พยกหัว 1 ครั้งและรีบจูงมือหนูลิลลี่ที่อยู่กับอาชาเพื่อจะกลับไปนอนอ่านนิทานด้วยกัน"ลิลลี่คะคุณลุงทำงานไปฟังนิทานกับคุณครูดีกว่า เดี๋ยวคุณครูจะนอนเป็นเพื่อน"เหมยที่พูดตลอดให้หนูลิลลี่เชื่อฟังอาชาหันไปมองเมฆินทร์ด้วยสายตาเย็นชา "ผมคงต้องขอตัวพาหลานไปพักผ่อนก่อน หวังว่าคุณจะเข้าใจนะ เมฆินทร์""ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณเหมยงั้นเราไปพร้อมกันเลยดีกว่า"อาชาที่พูดกันท่าไม่ให้เ
บรรยากาศระหว่างอาชาและเมฆินทร์ยังคงคุกรุ่นราวกับมีไฟฟ้าสถิตย์ แม้เหมยจะเดินจากไปแล้ว แต่ความตึงเครียดก็ยังคงอยู่เต็มเปี่ยม"ฉันเตือนนายแล้วนะ เมฆินทร์" อาชากล่าวเสียงเย็น "อย่าคิดจะทำอะไรไม่ดีที่นี่"เมฆินทร์ยิ้มมุมปาก "คุณอาชาครับ ผมมาเที่ยว มาพักผ่อน ไม่ได้มาสร้างปัญหาอะไร" เขาเว้นจังหวะ "แต่ถ้ามีอะไรที่น่าสนใจ...ผมก็ไม่พลาดที่จะคว้าไว้หรอกนะ" สายตาของเขาจงใจกวาดมองไปทางที่เหมยเพิ่งจากไปอาชากำหมัดแน่น พยายามระงับอารมณ์ที่พุ่งพล่าน "คนของฉันไม่ใช่ของเล่นของนาย""ผมก็ไม่ได้บอกว่าเป็นของเล่นนี่ครับ" เมฆินทร์ตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน "แต่คุณเหมยดูเป็นคนน่าสนใจจริงๆ นั่นแหละ"เสือที่ยืนอยู่ข้างกายอาชาขยับตัวเล็กน้อย แผ่รังสีข่มขู่ไปยังถังลี่ที่ยืนอยู่ข้างเมฆินทร์เช่นกัน ถังลี่เองก็จ้องกลับอย่างไม่ยอมแพ้"กลับไปซะ..! เมฆินทร์" อาชาสั่งเสียงห้วน "ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน"เมฆินทร์หัวเราะเบาๆ "ใจเย็นๆ สิครับเพื่อนเก่า เราเพิ่งเจอกันเองนะ" เขาหยิบถุงกระดาษสีน้ำตาลออกมาจากด้านหลัง "พอดีผมมีของขวัญมาฝากคุณหนูลิลลี่ด้วยน่ะครับ"อาชามองถุงในมือเมฆินทร์อย่างระแวง "ไม่จำเป็น.!""แหม อย่าใจร้ายอย่า
"เออ ครับ" อาชาตอบสั้น ๆ และหันไปพยักหน้าให้เสือเสริมเก้าอี้และโต๊ะมาเพื่อให้นั่ง ข้าง ๆ เหมย "งั้นผมขอร่วมวงด้วยเลยก็แล้วกันนะครับคุณเมฆินทร์" อาชานั่งลงแล้วหันหน้าไปมองเมฆินทร์ด้วยสายตาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ "แหม คุณอาชาเพื่อนรัก อย่าพูดห่างเหินอย่างนั้นสิครับ เดี๋ยวคุณเหมยก็คิดว่าเราไม่ได้เป็นเพื่อนกันหรอก" เมฆินทร์หาช่องว่างพูดกระแทกแดกดันใส่อาชา บรรยากาศบนโต๊ะยังคงอบอวลไปด้วยความตึงเครียดที่ซ่อนเร้น อาชาพยายามวางตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี แต่สายตาคมกริบของเขายังคงจับจ้องไปที่เมฆินทร์เป็นระยะ ขณะที่เมฆินทร์เองก็ยังคงรักษาท่าทีเป็นมิตร แต่แฝงไปด้วยความมั่นใจที่ยากจะเข้าถึง "หนูลิลลี่เรียนเป็นยังไงบ้างครับ" เมฆินทร์หันไปถามหนูลิลลี่ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ทำให้หนูลิลลี่รู้สึกสบายใจที่จะตอบ "ดีค่ะ คุณครูเหมยใจดีมากเลยค่ะ สอนเข้าใจง่ายด้วย" หนูลิลลี่ตอบอย่างกระตือรือร้น "งั้นเหรอครับ" เมฆินทร์เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองเหมย "เห็นไหมครับคุณเหมย ศิษย์รักชมขนาดนี้ ต้องเก่งจริงแน่ ๆ" เหมยยิ้มเล็กน้อยด้วยความเขินอาย "ลิลลี่ก็เก่งอยู่แล้วค่ะ" อาชายิ้มเล็กน้อยอย่างภูมิใจ "ลิลลี่เป็นเด็