หยานซูขับรถเบนซ์กลับมายังหมู่บ้านฮวนฮวาเซียง เมื่อจอดรถที่ลานจอดเรียบร้อย เธอก็ขึ้นลิฟต์ไป เดิมทีตั้งใจจะแอบกลับมาเงียบ ๆ แต่ใครจะคิด ทันทีที่เปิดประตูออก แม่ของเธอก็ยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว"ซูซู กลับมาแล้วหรอลูก?" แม่ลากเธอให้เข้าไปนั่งบนโซฟาด้วยความตื่นเต้น และเริ่มถามคำถามรัวเป็นชุด"คุยเรื่องแต่งงานกับหยูเฉิงไปถึงไหนแล้ว? เขาตกลงจะจัดงานแต่งตอนปีใหม่นี้เลยหรือเปล่า?"หยานซูมองหน้าที่เต็มไปด้วยความความคาดหวังของแม่ เธอก็ไม่รู้จะกัดฟันพูดออกไปยังไง"แม่ ไม่มีงานแต่งอะไรทั้งนั้นค่ะ"แม่ของเธอร้องเสียงหลง "หมายความว่ายังไงที่บอกไม่มีงานแต่ง? ก่อนออกจากบ้านไปยังให้คำมั่นสัญญากับแม่อยู่หยก ๆ ไหนบอกว่ารอบนี้จะกล่อมให้กู่หยูเฉิงแต่งงานกับเราให้ได้ไง แม่โทรไปบอกข่าวดีกับพวกเพื่อน ๆ หมดแล้วว่าให้มาร่วมงานของลูกตอนวันปีใหม่ แล้วแบบนี้แม่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?"หยานซูก้มหน้าเงียบคนเป็นแม่โวยลั่น "ครอบครัวเราอุตส่าห์ยอมอ่อนให้ขนาดนี้แล้ว สินสอดก็ไม่เอา เรือนหอก็ไม่ได้เรียกร้อง นี่ก็แทบจะให้ลูกสาวไปฟรี ๆ อยู่แล้ว กู่หยูเฉิงยังไม่พอใจอะไรอีก? หยานซู โทรหากู่หยูเฉิงเดี๋ยวนี้ แม่จะถามเองว่าเขาจะม
ผู้เป็นพ่อพยายามประนีประนอม "แต่งงานวันปีใหม่เป็นมงคลกับชีวิตดี พ่อกับคุณหวังปรึกษากันแล้ว เราสองบ้านมาจัดงานร่วมกันเลย ต้องคึกคักมากแน่ ๆ""พ่อ แม่ หนูไม่อยากแต่งงานปีใหม่นี้" หยานซูคัดค้านเสียงหนักได้ยินแบบนั้น แม่ของเธอก็ถึงจุดระเบิด จึงแผดเสียงดังลั่น "ถ้าปีใหม่นี้ไม่มีงานแต่ง ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่"เพราะถูกกระตุ้นมากเกินไป แม่ของเธอที่มีโรคหัวใจก็อาการกำเริบ ริมฝีปากของแม่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงจนเห็นได้ชัด หยานซูตกใจจนไม่กล้าพูดอะไรอีกหยานซูรีบพยักหน้าแต่โดยดี "แม่ ไม่ต้องโมโหแล้ว หนูรับปาก ปีใหม่นี้หนูจะแต่งงานค่ะ"คำพูดเดียวของเธอมีประสิทธิภาพยิ่กงว่ายาทั้งหมดที่กินมา จู่ ๆ อาการของแม่ก็ทรงตัวดีขึ้นในทันทีเมื่อแม่หลับไปแล้ว หยานซูถึงได้เดินเข้าห้องของตัวเองอย่างหนักใจ เธอทิ้งตัวนอนบนเตียงพลางครุ่นคิดเรื่องการแต่งงานในปีใหม่นี้ จนหัวสมองแทบระเบิดไม่รู้ว่าโป๋ซู่จะยอมจัดงานแต่งกับเธอด้วยหรือเปล่า?หยานซูย้อนคิดถึงตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอพูดคุยกับกู่หยูเฉิงเรื่องแต่งงานมานับครั้งไม่ถ้วน และเธอก็ถูกปฏิเสธอย่างเจ็บปวดมาทุกครั้ง และครั้งนี้ เธอก็ไม่เหลือซึ่งความมั่น
"งั้นหนูไปเตรียมอาหารก่อนนะ"หยานซูเดินไปได้ก้าวนึงก็ไม่วายต้องหันกลับมาดู ยิ่งเห็นพ่อกับแม่ใส่ใจโป๋ซู่มากเป็นพิเศษ เธอก็ยิ่งปาดเหงื่อมากขึ้นเมื่อเข้ามาในครัว หยานซูหยิบซี่โครงหมู ปากระพง และอาหารทะเลออกมาจากตู้เย็น...ดีที่เมื่อไหร่ก็ตามที่น้ำหนักขึ้น หยานซูก็มักจะมีสติแจ่มชัดอยู่เสมอซี่โครงทอดกระเทียม ปลากระพงนึ่ง อาหารทะเลทอดกระเทียมพริกไทย ทั้งหมดนี่ล้วนเป็นเมนูโปรดของกู่หยูเฉิงแต่ตอนนี้ เธอกำลังจะทำอาหารให้โป๋ซู่ สามีข้าวใหม่ปลามันของเธอนะหยานซูสลัดเมนูเหล่านั้นทิ้งไป และเลือกเมนูข้าวต้มรวมมิตร กับของกินเล่นอีกนิดหน่อยณ ห้องรับแขกพ่อและแม่ของหยานซูนั่งอยู่บนโซฟาด้วย ดวงตาทั้งสี่ข้างจับจ้องไปยังโป๋ซู่ราวกับตำรวจกำลังสอบสวนผู้ร้ายความคิดเดียวที่ทั้งคู่มีต่อเพื่อนต่างเพศของหยานซู นั่นก็คือ ไอ้หมอนี่มันคิดไม่ซื่อกับลูกสาวของพวกเขาแน่ ๆแต่ในเมื่อหยานซูมีเจ้าของอยู่แล้ว เพื่อปกป้องชื่อเสียงของหยานซู หากสามารถตัดไฟตั้งแต่ต้นลมได้ก็ต้องรีบทำ"โป๋ซู่ หยานซูน่ะกำลังจะแต่งงานกับกู่หยูเฉิงปีใหม่นี้แล้ว ตอนนั้นต้องมาแสดงความยินดีกับทั้งสองคนให้ได้ล่ะ"โป๋ซู่กระตุกมุมปาก ภรรยาขอ
หยานซูรีบอธิบายทันควัน "โป๋ซู่มีโรคกระเพาะที่ค่อนข้างรุนแรง เขากินของที่ย่อยยากไม่ได้ค่ะ"เสียงบ่นของแม่ถึงได้เงียบลงโป๋ซู่ทอดสายตามองข้าวต้มทรงเครื่องที่วางอยู่บนโต๊ะ อัตราส่วนผสมของวัตถุดิบทั้งหมดล้วนอิงตามสูตรบำรุงกระเพาะอย่างเห็นได้ชัด ไหนจะผักตามฤดูกาลหลากหลายชนิดซึ่งที่ให้ทานคู่กัน อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย อาหารทุกจานที่อยู่บนโต๊ะนี้ แม้จะดูเรียบง่ายแต่กลับต้องใช้ความพิถีพิถันและความใส่ใจมากจู่ ๆ ก็รู้สึกอบอุ่นอยู่ภายในใจ เขาก็แค่พูดแบบแตะ ๆ ว่าตัวเองมีโรคกระเพาะตอนที่ไปหาหมอ ไม่คิดว่าหยานซูจะจำได้ขึ้นใจ เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักเอาใจใส่จริงด้วยสินะโป๋ซู่ลากเก้าอี้แล้วนั่งลงด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติเมื่อหยานซูเดินเข้ามา เธอก็นั่งข้างโป๋ซู่โดยอัตโนมัติผู้เป็นพ่อกับแม่หันไปสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย ทั้งคู่ส่งกระแสจิตกลางอากาศ"ซูซู ลูกรู้ได้ยังไงว่าโป๋ซู่เขามีโรคกระเพาะ?" แม่เป็นฝ่ายเริ่มต้นเกมด้วยการยิงลูกดอกไปที่หยานซูหยานซูเกือบสำลักข้าวต้มที่อยู่ในปาก "เขา...เป็นคนไข้ของหนูไง""แม่จำได้ว่าเราเป็นหมอจิตนะ หมอจิตก็รักษากระเพาะเป็นด้วยหรอ?" แม่ยังคงต้อนเธออย่างไม่รู้จักย่อ
โป๋ซู่กอดหญิงสาวแน่น แล้วย้ำอีกที "ถ้าตอนนี้คุณยังไม่อยากเปิดเผยสถานะของเรา ผมก็เคารพการตัดสินใจของคุณ แต่เวลาที่เราอยู่ด้วยกันตามลำพัง คุณควรเรียกผมว่าสามีหรือเปล่า?"หยานซูหน้าแดงก่ำ หัวใจของเธอเต้นรัว"ฉัน..." เธออึกอักอยู่นาน ไม่ยอมเอ่ยออกมาสักทีโป๋ซู่ก้มลงมองใบหน้าของหยานซูที่แดงฉ่ำยิ่งกว่าตูดลิง เขาก็หัวเราะอย่างกลั้นไม่ได้บรรดาผู้หญิงที่อยู่รอบตัวเขามีหลากหลายประเภท ทั้งกร้านโลก รักสนุก ไม่ผูกมัด พวกเธอสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อเข้าหาเขา เขาจึงรู้สึกว่าผู้หญิงที่ขี้อายอย่างหยานซู เป็นผู้หญิงที่ล้ำค่าและหาได้ยากโป๋ซู่คลายกอดออก เขาไม่อยากทำให้เธอรู้สึกลำบากใจ "คิดถึงผมด้วยนะ"หยานซูพยักหน้า "ค่ะ"โป๋ซู่สตาร์ทรถ สายตาของเขาจ้องไปที่หยานซูอีกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะค่อย ๆ ขับออกไปสองมือของหยานซูกุมใบหน้าที่แสนร้อนผ่าว แล้วก็แอบโมโหตัวเอง อันที่จริง เรียกเขาว่าสามีแล้วมันแปลกตรงไหน? เขาก็เป็นสามีของเธอจริง ๆ นี่นาวันหยุดพักร้อนระยะสั้นสามวันของหยานซูก็สิ้นสุดลง วันต่อมาเธอจึงไปทำงานปกติหญิงสาวบังเอิญเจอเขากับหัวหน้าที่หน้าห้องตรวจแผนกจิตเวช หัวหน้ากำลังเดินเข้าห้องประชุ
"หยานซู ถึงเธอจะทิ้งแม่ของฉันไว้ที่โรงพยาบาลอย่างไร้ซึ่งความปราณี แต่ฉันก็ต้องขอบคูณที่เธออุตส่าส์เมตตาพาแม่ฉันไปส่งโรงพยาบาล คนอย่างกู่หยูเฉิงไม่ยอมติดหนี้บุญคุณใครอยู่แล้ว เย็นนี้ว่างไหม? ฉันกับจื่อเหวินจะขอเลี้ยงข้าว" ความโมโหแปรเปลี่ยนเป็นความรำคาญ เขาเอ่ยปากเชิญทั้งที่ไม่มีความจริงใจแม้แต่น้อยหยานซูมองบนจนตาดำจะทะลุเพดาน เธอหมดคำจะพูดสุด ๆ "กู่หยูเฉิง ถ้ามีปัญญาเลี้ยงข้าวฉัน ก็คืนเงินมาก่อนเถอะ"กู่หยูเฉิงเริ่มเดือด "หยานซู ทำไมตอนนี้เธอเห็นแก่เงินขนาดนี้ ความรู้สึกที่มีต่อกันตลอดสิบปี มันเหลือแค่เรื่องเงินแล้วหรือไง? ไม่ต้องมาทวงเงินทุกครั้งที่เห็นหน้าฉันหรอก สบายใจได้ ตอนนี้ฉันเริ่มฝึกงาน อีกไม่นานก็จะผ่านโปร ถ้าฉันมีเงินเดือนเมื่อไหร่ ฉันจะคืนเงินเธอเป็นอย่างแรกเลยคอยดู"หยานซูสวนกลับ "ระหว่างเรานอกจากเรื่องเงินแล้ว ยังจะมีอะไรได้อีก?" พูดจบ หยานซูก็เดินจากไปด้วยสีหน้าทะมึนตึงแต่กู่หยูเฉิงกลับเรียกเธอเอาไว้ "หยานซู..."หยานซูหยุดฝีเท้า เธอแอบตั้งความหวังเล็ก ๆ อยู่ภายในใจแต่แล้วเธอกลับต้องรู้สึกสมเพชตัวเอง เมื่อได้ยินกู่หยูเฉิงออกคำเตือน "เธอก็รู้ว่าฉันกับจื่อเหวินมาถึ
"Dear Baby รู้ว่าคุณชอบทำงานจนลืมกินข้าวทุกที ผมไม่อยากให้คุณไปกินที่ซากผักเศษเนื้อแบบนั้นที่โรงอาหาร ผมก็เลยส่งกล่องข้าวแสนรักมาให้ อย่าลืมกินข้าวให้ตรงเวลานะครับ ซู่ของคุณไง!"เพื่อนร่วมงานทุกคนต่างพากันอุทานเสียงหลง "ว้าววว พ่อคุณคนนี้เป็นงานเกินนน ผู้ชายที่อ่อนโยนใส่ใจเอาใจเก่งแบบนี้ บนโลกนี้จะเหลืออยู่กี่คน""ทุกคนทายซิ ว่าคุณหมอหน้านิ่งอย่างหยานซูของเราจะแพ้พ่ายให้กับความอ่อนโยนของคุณคนนี้หรือไม่?""ก็ต้องดูว่าคุณคนนี้เขาจะมีความอดทนเสมอต้นเสมอปลายแบบนี้ไปได้นานแค่ไหน เพราะถึงยังไงคุณหมอหยานของเราน่ะ ก็เป็นพวกคลั่งงานไม่ได้คลั่งคนหล่ออยู่แล้ว"กู่หยูเฉิงไม่คิดเลยว่า หญิงสาวที่ถูกเขาเทราวกับผ้าขี้ริ้ว จะเป็นของล้ำค่าในสายตาผู้ชายคนอื่น ความรู้สึกนี้มันเหมือนกับว่าเขาใกล้เกลือกินด่างยังไงไม่รู้เขาเหล่ตามองดูดอกกุหลาบสีสดใส กับอาหารที่แสนอุดมสมบูรณ์ ในใจก็รู้สึกเสียดาย แต่ไม่ว่าหมอนี่จะลงแรงลงเงินตามจีบหยานซูสักแค่ไหน หยานซูก็ไม่มีทางหวั่นไหวอยู่แล้วเพราะนอกจากเขาแล้ว หยานซูก็ไม่มีทางหลงรักผู้ชายคนอื่นอีก และถ้าเธอไม่ได้รัก เธอก็จะปฏิเสธท่าเดียวกระนั้นเอง การกระทำต่อมาของห
กู่หยูเฉิงเห็นแชทในกลุ่ม ก็ต่อสายหาหวังจื่อเหวินด้วยสีหน้าบึ้งตึง"จื่อเหวิน ใครใช้ให้เธอซี้ซั้วส่งข้อความลงไปในกลุ่มห้องฉัน?"หวังจื่อเหวินสุดจะน้อยใจ เธอพูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้น "หยูเฉิง เมื่อไหร่นายจะบอกทุกคนเรื่องความสัมพันธ์ของเรา? คนอื่นเข้าใจผิดกันหมดว่านายยังคบอยู่กับหยานซู ฉันโกรธมากนะ" น้ำเสียงของเธอออดอ้อน และรู้จังหวะผ่อนหนักผ่อนเบา"ถึงยังไงหยานซูก็ลบรูปสมัยรักยังหวานซึ้งของพวกนายไปหมดแล้ว เพื่อน ๆ คนอื่นก็เริ่มสงสัยกันหมด นายก็ใช้โอกาสนี้บอกความจริงไปซะเลยสิ"กู่หยูเฉิงพูดอย่างเหนื่อยหน่าย "ฉันรู้แล้ว"เมื่อกดวางสาย กู่หยูเฉิงก็ใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งข้อความลงกลุ่ม "เพื่อนที่รักทุกคน ฉันขอเป็นเจ้าภาพพาทุกคนไปกินจิ้มจุ่มร้านประจำ ฉันมีเรื่องอยากจะประกาศให้ทุกคนทราบ"เพื่อน ๆ ทุกคนตอบรับด้วยความยินดี "เอาดิ ร้อยวันพันปีพี่กู้เด็กหน้าห้องของเราจะใจป๋าขนาดนี้ ทุกคนต้องให้เกียรตินะโว้ยยย"เมื่อหยานซูเลิกงาน กู่หยูเฉิงก็ดักรออยู่ที่หน้าห้องตรวจของเธออยู่ก่อนแล้ว"หยานซู เย็นนี้พวกเพื่อน ๆ จะไปมีตติ้งกัน เธอไปกับฉันสิ จะได้ใช้โอกาสนี้บอกทุกคนไปเลยว่าเราเลิกกันแล