บทที่ 3 : นี่ฉันตกหลุมรักจริง ๆ เหรอ
นับตั้งแต่วันนั้นมา ฉันก็เอาแต่คิดถึงใบหน้าและสายตาของพี่สายชลไม่หยุด ทุกวันฉันได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พาลให้คิดอยากเร่งเวลาให้ได้ไปเรียนกวดวิชาไว ๆ
“น้ำหวาน ช่วงนี้แกเป็นอะไรไปเนี่ย เอาแต่เหม่อลอย เดี๋ยวก็ยิ้ม เดี๋ยวก็หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว” สายไหมเพื่อนของฉันคนหนึ่งเอ่ยทักขึ้นมาในระหว่างที่พักเที่ยง
“เปล่าซะหน่อย ก็เป็นปกตินี่” ฉันยังเฉไฉปฏิเสธออกไป เพื่อนตัวดีของฉันยังคงมองหน้าอย่างจับผิดไม่หยุด ฉันได้แต่หลุบตาต่ำ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างยอมแพ้
“ก็ได้ เล่าก็ได้ ว่าแต่สายไหม แกเคยแบบรู้สึกแปลก ๆ เวลาเจอใครสักคนอะไรแบบนี้ไหม” ฉันเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“แปลก ๆ ยังไง นี่อย่าบอกนะ ไปแอบตกหลุมรักใครเข้าให้น่ะ ดักแด้ในถ้ำอย่างแก พอโผล่เห็นแสงตะวันนิดหน่อยถึงกับใจแตกเลยเหรอ” สายไหมเอ่ยแซวพร้อมกระดกนิ้วชี้ไปมาตรงหน้าฉัน
“นี่แกว่าใครเป็นดักแด้ในถ้ำยะ ถ้าขืนยังพูดมากแบบนี้ ฉันไม่คุยด้วยแล้วนะ” ฉันบ่นอย่างอารมณ์เสีย พร้อมกุมนิ้วชี้ตรงหน้าไว้แน่น เพื่อนในกลุ่มต่างชอบล้อว่าฉันเป็นดักแด้ในถ้ำ เหตุผลก็ไม่ใช่อะไรหรอก ในเมื่อฉันไม่เคยออกไปเที่ยว พบปะหรือพูดคุยกับใครเลย แม้จะไม่อาจปฏิเสธแต่ฉันก็ไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่ นอกจากจะว่าฉันเป็นดักแด้ที่เอาแต่อยู่ในรังไหม หนำซ้ำยังให้ไปอยู่ในถ้ำซะอีก ฉันก็แค่มนุษย์ธรรมดาที่ชอบอยู่แต่ในบ้านก็เท่านั้น ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนซะหน่อย
“โอ๋...โอ๋...เด็กน้อย ไม่แซวแล้วก็ได้ ไหนว่ามาซิไปเจอใครมา” สายไหมเปลี่ยนท่าทีมางอนง้ออย่างเอาใจเมื่อเห็นฉันเริ่มอารมณ์บูด
“ก็แค่เพื่อนของพี่เพชร แต่ว่ายังไม่เคยคุยอะไรกันเลยนะ เคยเจอหน้ากันเฉย ๆ แต่ว่าช่วงนี้ไม่รู้ทำไม ฉันมักคิดถึงเขาอยู่บ่อย ๆ อะแก” ฉันเริ่มเล่าความรู้สึกแปลก ๆ ที่มีอยู่ในใจให้สายไหมฟัง เล่าไปก็ได้แต่อายปากตัวเอง แต่ความสงสัยที่มีอยู่มันทำให้ฉันอยากระบายให้ใครสักคนฟัง
“ตกหลุมรัก...แกตกหลุมรักพี่เขาให้แล้วนะซิ” สายไหมลากเสียงยาว สรุปให้ฉันฟัง
ฉันมองหน้าสายไหมอย่างตื่นตะลึง นี่ฉันตกหลุมรักพี่สายชลหรอกหรือเนี่ย จะเป็นไปได้ยังไงกัน ฉันยังไม่เคยพูดกับเขาสักคำเดียวเลยด้วยซ้ำ เมื่อคิดได้แบบนั้นฉันก็ส่ายหน้าปฏิเสธการคาดเดาของสายไหมทันที “เป็นไปไม่ได้หรอก ฉันเนี่ยนะ เรายังไม่เคยคุยกันสักคำจะรักได้ยังไงกัน” ฉันรีบแย้งออกมาหลังสมองประมวลผลเสร็จเรียบร้อย
สายไหมได้ฟังพลันทำหน้าเหมือนคนปวดไมเกรนทันที “โอ๊ย...ยายหวาน นี่จะใสซื่อเอาให้สุดเลยรึไงยะ ฉันถามหน่อยแกอยากเจอเขาทุกวันไหม” ฉันพยักหน้ารับ “แกดีใจเวลาได้เจอเขาไหม” ฉันพยักหน้ารับ “แล้วแกอยากรู้จัก อยากพูดคุยกับเขาให้มากขึ้นไหม” ฉันพยักหน้ารับ “แล้วสมมติถ้าได้คุยกัน หัวใจแกเต้นแรงไหม” ฉันยังคงพยักหน้ารับเช่นเคย “ก็นี่แหละเขาเรียกว่าตกหลุมรัก ไม่ใช่หลุมธรรมดานะจ๊ะ หลุมใหญ่เบ้อเร่อ” สายไหมอธิบายพร้อมวาดแขนกางออกกว้าง ฉันได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ มองเพื่อนสาวด้วยความคิดอย่างหนัก ตอนนี้สมองกับหัวใจของฉันทำงานไม่สัมพันธ์กันเสียแล้ว น้ำหวาน...นี่เธอตกหลุมรักจริง ๆ เหรอเนี่ย
Part : พี่สายชล
ผมปฏิเสธตัวเองไม่ได้เลยว่าผมเอาแต่คิดถึงน้ำหวาน ใบหน้าเรียวดูน่ารักน่าชัง เข้ากับดวงตาหวานซึ้ง แถมท่าทางที่ดูตื่นตระหนกตลอดเวลาบวกกับแววตาออกจะดูหวาดกลัวผู้คน ทำให้ผมนึกอยากจะเข้าไปกอดเธอไว้ ป้องกันไม่ให้ใครเข้าใกล้เธอได้เลย ผมพอจะรู้ข้อมูลคร่าว ๆ ของน้องหวานมาบ้าง เรื่องที่เธอไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ถ้าไม่นับว่าต้องไปโรงเรียน วัน ๆ เธอก็เอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในบ้าน ถึงว่าผมถึงไม่เคยรู้มาก่อนว่าไอ้เพชรมีน้องสาวกับเขาด้วยเหมือนกัน ตอนที่ผมได้ยินไอ้เพชรนินทาเรื่องน้องสาว ว่ามีฉายา ดักแด้ในถ้ำ ผมถึงกับน้ำพุ่งออกจากปาก พลางนึกในใจว่าใครกันช่างใจร้ายกล่าวหาน้องหวานแบบนี้ แมวน้อยหลงทางของผมจะกลายเป็นดักแด้ในถ้ำไปได้ยังไง แต่ก็แอบชื่นชมไอ้คนที่คิดฉายานี้ไม่ได้ ผมอดคิดถึงท่าทีตอนเธอได้ยินคนเรียกเธอด้วยฉายานี้ คงจะดูน่ารักน่าเอ็นดูเป็นแน่...เฮ้อ ผมคิดถึงแมวน้อยหลงทางของผมจัง
บทที่ 33 : เวลาที่รอคอย ฉันคบกับพี่สายชลมาได้ 4 ปีแล้ว ตอนนี้ฉันอยู่ปีสี่ใกล้จะจบแล้ว ส่วนพี่สายชลก็เข้าทำงานในบริษัทที่อยู่ในจังหวัดเดียวกัน โดยตั้งแต่ปีสองฉันก็ย้ายมาอยู่กับพี่สายชลที่ห้อง พี่สายชลยังคงหื่นกับฉันไม่เลิกจนฉันได้แต่ต้องคอยหลีกหนีไปให้ไกลสายตา ไม่อย่างนั้นพี่สายชลก็เอาแต่จะคอยจ้องจะกระโจนใส่ฉันไม่หยุด อยู่กับหมาป่าแล้วแมวน้อยอย่างฉันจะรอดพ้นไปได้อย่างไรเล่า “น้องหวาน พี่ง่วงแล้วพวกเราเข้าห้องกันเถอะ” เสียงกระซิบจากใบหน้าที่แนบชิดอยู่ตรงหน้าอกของฉัน เสียงหอบหายใจพร่าที่ดังแว่วมาทำให้ฉันขนลุกชันขึ้นมา เวลาเนิ่นนานขนาดนี้แต่ฉันก็ยังไม่คุ้นชินกับสัมผัสเหล่านี้อยู่ดี“พี่ชล อย่าเกเรสิคะ พรุ่งนี้หวานมีเรียนแต่เช้านะ” ฉันรีบประท้วงออกไปพร้อมกระถดตัวถอยห่างจากพี่สายชล พี่สายชลส่งสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ฉันทันที “งั้นน้องหวานต้องรีบนอนแล้วหละ” พูดไม่ทันจบก็รีบอุ้มฉันขึ้นแนบอกพร้อมเดินเข้าไปในห้องนอนทันที ทันทีที่ฉันนอนลงที่เตียง ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัวอันใด พี่สายชลก็โถมหน้าเข้ามาจูบปากของฉันอย่างเรียกร้อง “น้องหวาน...หวานเหลือเกิน ชิมกี่ครั้งก
บทที่ 32 : แนะนำตัว หลังงานเลี้ยงเลิก พี่สายชลตั้งใจจะไปส่งฉัน แต่พี่เพชรนี่สิ กลับรั้งตัวฉันให้กลับด้วยกัน ฉันได้แต่บ่นพึมพำแต่ก็ยอมกลับด้วยแต่โดยดี ฉันกลับถึงบ้านรีบโทรหาพี่สายชลทันที ฉันยังเป็นห่วงแผลพี่สายชลอยู่พอสมควร ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้หน้าจะบวมเป็นลูกมะกรูดหรือไม่ พี่สายชลได้แต่ปลอบฉันให้สบายใจ แต่ก็ยังคงกระเซ้าใส่ฉันว่าถ้าห่วงมาก ก็ให้มาหาที่บ้านพี่เขาเสียสิ ฉันได้แต่ถอนหายใจกับความหื่นของพี่สายชลเสียจริง สายวันถัดมา ฉันลุกขึ้นจากเตียงอย่างขี้เกียจ ฉันเพียงแปรงฟันล้างหน้าแล้วลงมาด้านล่างด้วยชุดนอนสบาย “แม่ขา หิวข้าวจังเลย มีอะไรกินบ้างคะ” ฉันตะโกนอ้อนแม่ของฉันด้วยความหิวโซ แต่พอลงมาถึงฉันก็ต้องตกใจเมื่อพ่อกับแม่กำลังนั่งคุยกับพี่สายชลอยู่ตรงห้องรับแขก พี่สายชลหันมามองฉันด้วยรอยยิ้มเป็นประกาย ฉันถึงกับชะงักไป ก่อนจะรีบวิ่งกลับขึ้นห้องไป ฉันยืนนิ่งหัวใจเต้นรัวอยู่อย่างนั้น ทั้งอายสภาพตัวเอง ทั้งสงสัยว่าพี่สายชลมาทำไมกัน ฉันเลยรีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะลงมาด้านล่างอีกครั้ง วันนี้พี่เพชรไม่อยู่ ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า พว
บทที่ 31 : เจ็บขนาดนี้เลยเหรอ พี่เพชรเดินเข้ามาภายในร้าน โดยมีพี่สายชลเดินมาตามหลัง ฉันรีบเดินไปหาพี่สายชลในทันที ทั้งใบหน้าและมุมปากมีรอยเขียวช้ำ แถมมีเลือดไหลซึมออกมา ทำเอาฉันหน้าหงิกงอลงไป พลางมองหน้าพี่เพชรด้วยความโกรธ “ทำไมต้องทำรุนแรงแบบนี้ด้วย” ฉันหันไปบ่นพี่เพชรก่อนจะหันกลับมามองพี่สายชลอีกครั้ง “พี่ชล เจ็บมากไหม” มือของฉันลูบไล้ไปที่บริเวณรอยช้ำด้วยความสงสาร “น้ำหวาน ให้มันน้อย ๆ หน่อย เรื่องที่แกทำฉันยังไม่ได้ชำระความเลย” พี่เพชรหันมาดุใส่ฉัน ฉันได้แต่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ สายไหมรีบเข้าไปกอดแขนพี่เพชรไว้แน่น “พอได้แล้วน่า พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ ไหมหิวแล้ว” ท่าทางออดอ้อนของสายไหม ทำเอาฉันกลั้นยิ้มไม่อยู่ทีเดียว พี่เพชรก็ดูจะว่าง่ายลงไปมากโข เขาหันมาปรายตาเขม่นมองฉันนิดหนึ่ง ก่อนจะเดินไปพร้อมสายไหม ฉันรีบประคองพี่สายชลมานั่งที่โต๊ะ พลางกอบกุมใบหน้าที่มีรอยเขียวช้ำไว้ไม่ปล่อย พี่สายชลยกมือขึ้นจับมือฉันเบา ๆ “ถ้าห่วงพี่นัก คืนนี้ไปปลอบใจพี่หน่อยได้ไหม” เสียงกระซิบแผ่วเบา พร้อมแววตาวาววับทำเอาฉันนึกหมั่นไส้พี่สายชลไม่ได้จริง ๆ
บทที่ 30 : ด่านแรก พี่เพชรลากฉันออกมาอย่างอารมณ์เสีย ยังโชคดีหน่อยที่มีสายไหมวิ่งตามออกมาเป็นเพื่อนกัน พอถึงหน้าร้านที่ค่อนข้างปลอดคน พี่เพชรก็รีบโวยวายใส่ฉันทันที “น้ำหวานนี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงไปคบกับไอ้ชลได้” เสียงเข้มของพี่เพชรทำเอาฉันใจหายวูบไปสักครู่ใหญ่ ก่อนที่ฉันจะพยายามตั้งสติเถียงพี่เพชรออกมา “หวานคบกับพี่ชล แล้วผิดตรงไหน ในเมื่อพวกเรารักกัน” ฉันเชิดหน้าตอบกลับพี่เพชรอย่างไม่ลดละ ฉันละไม่เข้าใจจริง ๆ ปกติพี่เพชรก็ไม่ได้จะอะไรกับฉันมากเสียหน่อย แล้วทำไมคราวนี้ต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ไปด้วย “น้ำหวาน พี่ไม่เห็นด้วย เลิกกับมันซะ” พี่เพชรสั่งฉันด้วยเสียงที่เด็ดขาด ทำเอาฉันตะลึงไปก่อนจะเปลี่ยนเป็นความโมโหแทน “พี่เพชรมีสิทธิ์อะไร หวานคบกับพี่สายชล หวานผิดตรงไหน พี่เพชรไม่มีเหตุผลเลย ยังไงหวานก็ไม่เลิก” ฉันยืนกรานเสียงแข็งใส่พี่เพชรทันที “น้ำหวาน...” พี่เพชรตะคอกใส่ฉันอย่างหัวเสีย ท่าทางที่เอาเรื่องทำให้สายไหมรีบเข้ามาดึงแขนพี่เพชรให้ใจเย็นลง “ทีพี่เพชรคบกับสายไหม หวานยัง
บทที่ 29 : ความลับแตกการสอบจบลงอีกครั้ง ฉันค่อยรู้สึกโล่งใจไปได้หน่อย หลังจากที่ต้องใช้เวลาอ่านหนังสือเสียยกใหญ่ ในที่สุดก็ปิดเทอมเสียที ฉันใช้เวลาอยู่กับพี่สายชลต่ออีกสองสามวันก่อนที่พวกเราจะกลับบ้านด้วยกันกลับมาคราวนี้พี่เพชรก็ถึงบ้านก่อนแล้ว ตอนที่พวกเรากำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ จู่ ๆ พี่เพชรก็ถามฉันขึ้นมากลางวงข้าว“น้ำหวานไปเรียนเป็นอย่างไรบ้าง แล้วไปแอบมีแฟนที่นั่นหรือเปล่า” คำถามทำเอาฉันแทบสำลักข้าวออกมา ทั้งพ่อแม่ ทั้งพี่เพชรต่างจ้องมองฉันกันเป็นตาเดียว เหมือนดั่งกำลังรอคำตอบจากฉัน“ไปเรียนก็สนุกดี แต่คนอย่างหวานจะมีใครมาสนใจกันเล่า” ฉันรีบแก้ตัว บ่ายเบี่ยงออกไป พี่เพชรยังคงจ้องหน้าฉันไม่หาย เหมือนกับพยายามหาพิรุธจากคำพูดของฉันอยู่นั่นแหละ “แล้วพี่เพชรล่ะ รอบที่แล้วก็ไม่กลับบ้าน ไปแอบซุกสาวที่ไหนหรือเปล่า” ฉันรีบเบี่ยงประเด็น โยนกลับไปให้พี่เพชรเสียอย่างนั้น“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องเลย ไม่มีก็ดีแล้ว ยังเด็กยังเล็กยังไม่ต้องรีบมีหรอก แฟนน่ะ” พี่เพชรพูดไปพลาง ตักข้าวเข้าปากไปพลาง ฉันได้แต่ทำหน้านิ่งเก็บอาการให้เป็นปกติเช่นเคยฉันรอดตัวไปได้อีกครั้งหนึ่งอย่างหวุดหวิด ฉันได้แต่พ่นลมหา
บทที่ 28 : หมาป่าหิวโซกับแมวน้อยจอมพยศ ฉันตื่นมาในตอนเช้าด้วยสภาพอิดโรย ยังดีที่วันนี้เป็นวันหยุดทำให้ฉันสามารถพักผ่อนได้สักหน่อย ร่างกายของฉันปวดเมื่อยไปทั้งตัว แถมตามตัวยังมีร่องรอยฝากรักที่พี่สายชลมอบให้เป็นรอยแดงจ้ำเต็มไปหมด จนฉันอดหันไปมองค้อนคนข้าง ๆ ไม่ไหว พี่สายชลยังคงหลับอยู่ ดวงตาที่ปิดสนิท ใบหน้าที่ราบเรียบ ทำให้ฉันอดจ้องมองต่อไปไม่ได้ ยิ่งเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน สัมผัสที่พี่สายชลมอบให้ทำเอาฉันยิ้มหน้าแดงก่ำ ฉันยกปลายนิ้วชี้ขึ้นไล้ใบหน้าของพี่สายชล ตั้งแต่หน้าผาก ไล่มาจนถึงจมูกและเลื่อนลงตรงริมฝีปากหนา ตอนนี้พี่สายชลเป็นแฟนของฉันเต็มตัวแล้ว ฉันอดยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้ ระหว่างที่ฉันกำลังคิดเรื่อยเปื่อย พี่สายชลก็ยกมือขึ้นมาจับนิ้วของฉันก่อนจะจูบลงบนนิ้วนั้น เปลือกตาปรือขึ้นมามองฉันอย่างกรุ้มกริ่ม “ซนแต่เช้าเลยนะ แมวน้อย” ฉันรู้สึกเก้อเขินขึ้นมาจึงพยายามดึงมือออกจากการกอบกุม แต่พี่สายชลกลับดึงฉันเข้าหาก่อนจะกอดฉันไว้แน่น “เล่นซนแล้วคิดจะหนีเหรอ” เสียงกระเซ้ายิ่งทำให้ฉันทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่ “พี่ชล เลิกเล่นได้แล้ว” ฉันรีบโต้แย้งขึ้นมาทันที “ใครว