LOGINแน่นอนว่าเธอได้ที่หนึ่งด้วยคะแนนเสียงที่ท่วมท้นแถมยังได้รางวัลขวัญใจช่างภาพอีกด้วย อย่างที่ผมบอกวันนี้เธอมีเสน่ห์มาก ผมเลยพาตัวเองเข้ามายืนรอข้างเวที รอช่วยเธอถือช่อดอกไม้และรางวัลที่เธอได้รับ เพราะลึกๆ แอบรู้สึกผิดที่มาไม่ทันให้กำลังใจเธอก่อนขึ้นเวที
แต่เหมือนว่าผมจะได้รับบัตรคิวเข้าร่วมแสดงความยินดีกับเธอเป็นคนสุดท้าย เพราะเวลานี้มีทั้งรุ่นพี่และเพื่อนของเธอพากันเข้าไปแสดงความยินดี ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ชายทั้งนั้น จนผมรู้สึกอยากจะเดินไปสับคัตเอาท์ปิดไฟให้หมดทุกคนจะได้แยกย้ายเลิกรุมเธอสักที น่าหงุดหงิดเหมือนกันนะ "ถือให้" ยืนรออยู่ครู่ใหญ่เพื่อนสนิทของเธอก็พาดาวป้ายแดงฝ่าวงล้อมเดินออกมา เพราะสีหน้าของเธอตอนนี้ถึงแม้ว่าปากสีชมพูจะยิ้มกว้างแต่ตากลมโตปรือดูง่วงเต็มที ทันทีที่เดินออกมาเจอหน้ากันรอยยิ้มที่เคยสดใสกลับหุบลงปากเล็กๆ เชิดขึ้นเล็กน้อยนัยน์ตากลมๆ ที่มองกันสั่นไหว ท่าทางแบบนี้โฟกัสทำให้เห็นอยู่บ่อยครั้งเวลาที่น้องน้อยใจ เพราะงั้นเธอคงรู้สึกน้อยใจผมสินะ "พี่ถือให้" ในเมื่อเธอไม่ส่งของในมือมาให้ช่วยถือ ผมเลยเอื้อมมือไปแย่งช่อดอกไม้ช่อโตที่เธอกอดไว้มาถือซะเอง มาถึงตอนนี้ผมรู้สึกอยากแบ่งความพูดมากของไอ้แฝดมาสักยี่สิบเปอร์เซ็นต์บ้างเหมือนกัน "อะ เอ่อ พรีมแกหิวข้าวไม่ใช่หรอให้พี่เขาพาไปสิ" ดูท่าทางเพื่อนของเธอจะพยายามช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้อีกครั้ง "ไหนแกบอกจะไปกินเป็นเพื่อนฉันไง" "อะ เอ่อ..." "พี่พาไปเอง" "น้องพรีมครับพี่ขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยครับ" เดือนปีก่อนเดินตรงเข้ามาหาคนตัวเล็ก ทั้งๆ ที่ผมยืนอยู่ตรงนี้กลับทำเป็นมองไม่เห็น น่าจัดให้หนักสักที! "อ่อ ดะ..." "ไม่ได้" ผมไม่รอให้เธอตอบอะไรหมอนั่นที่มันจะทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น ถือวิสาสะเอื้อมไปจับมือเล็กพาเดินออกมาท่ามกลางสายตาผู้คนซึ่งผมไม่จำเป็นต้องสนใจ พี่รหัสจะเดินจูงมือน้องรหัสผมว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร "จะพาพรีมไปไหนคะ" "กินข้าว" จนเดินมาถึงรถคู่ใจที่นั่งได้เพียงสองคนเท่านั้น ผมก็ค่อยๆ ดันตัวเล็กเข้าไปนั่งรอบนเบาะหนังสีน้ำตาล ใช่ว่าเธอยอมกันง่ายๆ แต่ผมก็เอาแต่ใจมากพอจะทำให้เธอยอมผมได้ ก่อนจะวิ่งเอาช่อดอกไม้ไปใส่ท้ายรถแล้วพาตัวเองขึ้นมานั่งฝั่งคนขับ "อยากกินอะไร" ดึกขนาดนี้ร้านไอ้ไอคงปิดแล้วด้วย "พรีมไม่หิวค่ะ" สงสัยวันนี้จะไม่ใช่วันของผมจริงๆ ถึงได้เจองานยากทั้งวัน จ๊อก จ๊อก จ๊อก "หึ" "ห้ามขำพรีมนะ!" "..." ตัวเล็กหันมาขึ้นเสียงใส่มองเอ็ดดุจนหน้าแดงด้วยความโมโห ซึ่งไม่ได้น่ากลัวสำหรับผมเลยสักนิดดูเหมือนลูกเสือซะมากกว่า ระหว่างที่พาเธอนั่งตากแอร์เย็นๆ ในรถ เขาก็พยายามคิดหาร้านอาหารที่จะพาเธอไป แต่เวลานี้คงไม่มีร้านสวยๆ ให้เธอนั่งสบายๆ ครั้นจะพาเธอไปหาของอร่อยแถวย่านดัง เป็นเขาเองที่ไม่ชอบคนพลุกพล่านจึงตัดตัวเลือกนี้ทิ้ง เห็นจะมีแค่ที่นี่เท่านั้น... "พาพรีมมาที่นี่ทำไมคะ" ซุปเปอร์คาร์สีดำจอดสนิทบนชั้นจอดรถวีไอพีของคอนโดหรู คอนโดของผม "หิวไม่ใช่?" "ก็ ค่ะ" "งั้นก็ลง" "พรีมไม่ลง" สองมือเล็กจับเข็มขัดนิรภัยแน่นไม่ยอมก้าวลงจากรถ "อย่าดื้อ" "เอ๊ะ!" แถมยังพองขนขู่ฟ่อๆ ทำผมมันเขี้ยวจนอยากจะบีบแก้มป่องนั่นสักที ก่อนจะตัดสินใจโน้มตัวลงไปใกล้ๆ ปลดเข็มขัดนิรภัยให้ลูกเสืออย่างใจกล้า กลิ่นหอมของแป้งเด็กทำผมแอบสูดดมเบาเบา ลมหายใจที่กำลังรดต้นคอทำใจแกร่งสั่นไหวจนร้อนรุ่มไปหมด แต่ตอนนี้คงทำได้เพียงกัดฟันตัวเองอย่างหักห้ามใจรีบผละตัวออก และในจังหวะนี้ทำให้จมูกเชิดรั้นสัมผัสเข้ากับแก้มสากโดยไม่ได้ตั้งใจ อยากลองตั้งใจสักครั้งเหมือนกัน... เพราะเธอไม่ยอมลงมาดีดี ผมเลยถือโอกาสช้อนตัวเธอขึ้นมาในท่าเจ้าสาวพาเธอเข้าลิฟต์ขึ้นมายังชั้นบนสุด แน่นอนว่าระหว่างทางไม่ง่ายสำหรับผม ไม่ใช่เพราะเธอตัวหนัก เธอเบากว่าแมวอ้วนของมามี๊ซะอีก แต่เพราะต้องทนความเจ็บที่โดนทั้งมือเล็กหยิกและโดนเธอกัด ได้แต่คิดคนเดียวในใจถึงเวลาได้เอาคืนเมื่อไหร่ เธอไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันแน่ "นั่งรอก่อนนะ" "ค่ะ" ฉันตอบรับเขาอย่างว่าง่ายเพราะทั้งเหนื่อยและหิวมาก เขาพาฉันมานั่งที่โซฟาหนังสีดำตรงกลางห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ก่อนจะปลีกตัวเดินหายตัวไปในโซนห้องครัว คงจะไปหาอะไรมาให้ฉันรองท้องละมั้ง ใจดีเหมือนกันนะเนี่ย ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะพาฉันมาที่นี่ ไม่สิ! ต้องบอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงก่อนจนถึงตอนนี้มันเกินฝันของฉันไปมาก ไม่รู้ว่าที่เขาพยายามทำทุกอย่างเรียกว่าง้อกันหรือเปล่า หรืออาจจะแค่สงสารที่เห็นน้องรหัสคนนี้หิวข้าวก็ได้ แต่ทุกการกระทำของเขามีผลต่อหัวใจดวงนี้นะ มากๆ เชียวหล่ะ "ข้าวไข่เจียวกุ้ง กินได้มั้ย" ไม่นานเขาก็ออกมาพร้อมกับข้าวไข่เจียวกุ้งดูนุ่มฟูหน้าตาน่ากินมาก "ทำไมมีจานเดียวละคะ" "ของหมด" เขาตอบเสียงเบา และเดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำเปล่ามาให้ฉัน ทำความน้อยใจที่มีมาทั้งวันหายวับไปเลย จริงอยู่ว่าตอนนี้สถานะของเราสองคนเป็นแค่พี่รหัสน้องรหัสกัน แต่ฉันก็แอบน้อยใจเขาไปแล้ว มันอดรู้สึกไม่ได้จริงๆ นี่นา "พี่เลนส์กินด้วยกันสิ พรีมป้อน" คนตัวเล็กตักข้าวพร้อมไข่เจียวกุ้งพอดีคำยื่นไปจ่อที่ปากคนตัวโต ใจก็แอบลุ้นว่าเขาจะยอมกินข้าวที่เธอป้อนหรือเปล่า สุดท้ายใบหวานก็เปื้อนยิ้มออกมาอย่างง่ายดายเพราะเขายอมกินแต่โดยดี และหลังจากนั้นเธอก็ตักข้าวใส่ปากตัวเองหนึ่งคำคอยป้อนเขาอีกหนึ่งคำสลับกันจนหมดจาน กินคนเดียวว่าอร่อยแล้ว แต่พอกินด้วยกันและเขาเป็นคนทำให้กิน ความอร่อยเพิ่มเป็นสองเท่าเลยหล่ะ "ไม่ต้องล้าง" "ไม่ได้สิ พี่เลนส์ทำให้พรีมกินแล้ว เพราะงั้นหน้าที่ล้างจานต้องเป็นของพรีม" เธอหันมายิ้มตาหยีเป็นรูปสระอิคุยกับเขาที่ยืนกอดอกพิงตู้เย็นมองเธอด้วยสายตาเกินคาดเดา เสียงหวานเจื้อยแจ้วคอยถามโน่นถามนี่มาให้เขาตอบให้เราได้รู้จักกันมากขึ้น เขาเองก็คอยตอบเธอทุกคำถามไม่ได้รู้สึกรำคาญแต่อย่างใด "อะไร" "พรีมขอรางวัลค่ะ" "ข้าวไข่เจียวกุ้งไง" "..." #เอ็นดูยัยน้อง🤭 #อ่านเพลินๆ สบายๆ กันเหมือนเดิมนะคะใครว่าคนสองคนอยู่ด้วยกัน ยิ่งทะเลาะกันจะยิ่งมีลูกหัวปีท้ายปี ผมขอค้านหัวชนฝา! เพราะตอนนี้ผมกับใยไหม เราแต่งงานกันเข้าสู่ปีที่สามแล้วตั้งแต่วันที่เธอเรียนจบ งานแต่งของเราก็เกิดขึ้นทันที ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ หรือเราสองคนอยู่ในสถานะไหน คุณเธอก็มีเรื่องให้ผมอยากฟาดได้ทุกวัน เถียงได้ทุกเรื่อง ต้องจับปรับทัศนคติกันทุกคืน แต่ถึงอย่างนั้นเราสองคนก็ยังไม่มีลูกให้ผมได้มีเพื่อนไปเตะฟุตบอลสักคนเพราะเธอยังสนุกกับอาชีพนักบินอยู่... ปีนี้ จะยังไงก็แล้วแต่ เป้าหมายของผมคือ ต้องมีลูกกับเธอสักคนให้ได้ และเริ่มลงมือทำตามแผนที่วางไว้คนเดียวเงียบๆ มาเกือบสองเดือนแล้ว เริ่มจากทำทีเป็นเผลอลืมใส่เกาะป้องกันบ้าง แอบใช้เข็มเจาะซองสีเงินทุกชิ้นในกล่องบ้าง ถึงจะมั่นใจความแข็งแรงของตัวเองว่ามีมากพอที่ฝ่าฝันทุกด่านผ่านเข้าไปได้ แต่ผมก็ปฏิบัติการทุกวันไม่มีขาดตกบกพร่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้มากยิ่งขึ้นไม่แน่ว่าตอนนี้...อาจจะมีตัวป่วนตัวน้อยๆ หลับอยู่ในท้องเธอแล้วก็ได้ส่วนวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งในแผนที่ผมวางเอาไว้ พาเธอมาเล่นกับน้องภนลูกชายวัยสองขวบของไอ้เลนส์กับน้องพรีม เพราะหว
หลังจากวันนั้น วันที่เขาทั้งย้ำและยัดเยียดความสัมพันธ์แบบก้าวกระโดดให้ฉัน ยอมรับตามตรงว่าภายในใจตอนนี้ยังคงมีคำถามว่า "ฉันกับเขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร" จุดที่...ต้องกินข้าวด้วยกันทุกวัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน พากันดูหนังบ้าง ช่วยกันทำการบ้านบ้าง แต่ข้อนี้เป็นสิ่งที่เขาต้องช่วยสอนฉันอยู่แล้วหล่ะ แต่ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ตีกันทุกวัน เป็นเขานั่นแหละที่ชอบหาเรื่องว่าฉัน ใส่กระโปรงสั้นก็ไม่ชอบ แต่งหน้าจัดเกินไปก็ขัดใจ แต่พอฉันพูดว่าเขาบ้าง เขาก็งอนไม่พูดด้วยหาเรื่องให้ฉันคอยง้อ ถามว่าฉันง้อไหม? ก็ต้องง้อซิ เพราะเขาเล่นนอนพลิกตัวเสียงดังไปมากวนจนฉันข่มตาหลับไม่ลงเลย จนบางครั้งฉันอยากจะทุบให้หลังแอ่นสักที แต่ติดตรงที่กลัวว่าเขาจะเอาคืนโดยการกดฉันให้จมเตียงหน่ะสิ และเขาทำอย่างนั้นแน่"วันนี้พี่ภัทรไม่มีเรียนไม่ใช่เหรอ""ไปทำงานกลุ่ม" "งั้นไหมขับรถไปเองแล้วกัน" "ไม่ ไปด้วยกัน" "ไหมเลิกเย็น" "...""โอเค โอเค" ในเมื่อเขาอยากจะขับรถให้ ฉันก็ไม่อยากขัดใจ ดีซะอีก จะได้นั่งสวยๆ ไม่ต้องคอยหงุดหงิดกับรถคันอื่นที่แซงไปปาดมาด้วย คิดได้อย่างนั้นก็รีบหยิบกระเป๋าสะพายและกล่องแซนว
"เป็นอะไรวะ""เปล่า"ผมนั่งมองความวุ่นวายตรงหน้าด้วยความรู้สึกหงุดหงิดโดยไม่มีสาเหตุ ถ้าเป็นงานเลี้ยงสายรหัสที่พวกผมจัดขึ้นรวมกันทั้งคณะเพื่อให้รุ่นพี่รุ่นน้องและเพื่อนๆ ได้พูดคุยทำความรู้จักกันมากขึ้น ผมก็คงนั่งดื่มเงียบๆ อยู่กับไอ้เลนส์ตามปกติ แต่ที่ทำให้ผมอยากกลับห้องตัวเองเต็มทน มองอะไรก็รู้สึกขวางหูขวางตาไปหมด ก็ตรงที่ยัยตัวป่วนนั่งยิ้มแป้นแล้นหัวเราะคิกคักกับทุกคนที่เข้ามาทักทายชนแก้วกับเธอไม่ขาด แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นผู้ชายทั้งนั้น เห็นแล้วรำคาญลูกตา"จะกลับกี่โมง""กี่โมงก็ได้ โตแล้ว" ตาคู่คมของผมกวาดตามองคนลอยหน้าลอยตาพูดอย่างน่าหมันไส้ ก่อนจะไปหยุดมองอะไรอะไรที่มันล้นขึ้นมาจนน่าหยิก หลักฐานที่บอกให้รู้ว่าเธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงตัวน้อยที่คอยวิ่งตามป่วนผมแล้ว เธอ...โตขึ้นแล้วจริงๆ"ฉันให้เวลาอีกสิบนาที""มีสิทธิ์อะไรมาสั่งไม่ทราบ""ฉันเป็นพี่รหัสเธอ""ก็แค่พี่รหัส"ปึก!ยัยตัวป่วนใช้ไหล่กระแทกตัวผมให้หลีกทางเธอ เพื่อจะเดินเข้าห้องน้ำด้วยท่าทางดื้อดึง เชิดหน้าอย่างอวดดี ทำผมแทบอยากจะตามเข้าไปจัดการจับฟาดให้หายซ่าสักที ถ้าไม่ติดว่าเพื่อนสนิทของป๊าฝากให้ผมช่วยดูแลเธอ ผมคงไม่ต้องมาหาเ
"รูปเสือเหรอ? ยากชะมัด" ฉันนอนมองคำใบ้รูปเสือในมือ คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ตกว่าพี่รหัสของฉันเป็นใครกันแน่คงไม่ใช่ตานั่นหรอกใช่ไหม? "หรือจะใช่ เขาเกิดปีเสือนี่นา" คิดได้อย่างนั้นฉันก็พาตัวเองลุกจากที่นอนออกจากห้องนอนเดินตรงไป ห้องของใครบางคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ใครบางคนที่เป็นคู่ปรับของฉันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ยังฝากฝังเขาให้ช่วยดูแลฉันที่เพิ่งย้ายออกมาอยู่คอนโดคนเดียว 'พี่ภัทร' ก๊อก ก๊อก ก๊อก"ไม่อยู่เหรอ" มือเล็กเคาะประตูอยู่นานหลายนาที แต่เคาะเท่าไหร่ก็ได้รับเป็นเพียงความเงียบงันกลับมาเท่านั้น ฉันจึงตัดสินใจหมุนตัวเตรียมกลับห้องตัวเอง ลองคิดคิดดูอีกที บางทีโลกอาจจะไม่ได้กลมจนทำให้เขามาเป็นพี่รหัสของฉันจริงๆ ก็ได้แกร๊ก! ในตอนที่ฉันกำลังจะเดินกลับไปห้องตัวเอง เสียงเปิดประตูจากด้านหลังก็ดังให้ได้ยิน เรียกความสนใจให้ฉันหันกลับไปมองอย่างมีความหวัง เป็นเขาที่ยืนผมชี้ฟูเปลือยอกทำหน้ายุ่งคิ้วขมวดอยู่ ทั้งตัวมีเพียงกางเกงกีฬาขาสั้นสีดำปกปิดบางอย่างเท่านั้น แต่เอ๊ะ! รอยสักตรงหน้าอกนั่น! "มีอะไร" "ไหมอยากรู้ว่าพี่ภัทรใช่พี่รหัสของไหมรึเปล่า" "แค่นี้?" "อืม สรุปใช่มั้ย" ปั้ง! ไ
"โกรธพี่?" "อยากให้พรีมโกรธเรื่องอะไรดีคะ" สงสัยจะแอบทดไว้หลายเรื่อง"ไม่อยาก" "เปิดตัวทั้งที ที่ร้านส้มตำ" คนตัวเล็กตีหน้าเศร้าราวกับว่ากำลังน้อยใจนักหนาดูน่าเอ็นดูมาก"หึ" ฟอด"พี่ขอโทษครับ" "ไม่เป็นไรค่ะ ตอนงานวันเกิดพี่เลนส์ พรีมก็ไม่สบาย อดไปสนุกด้วยเลย" "พี่ขอแก้ตัว วันงานเลี้ยงบริษัทนะ" "ค่ะ"อย่างที่เธอบอก ตอนแรกผมตั้งใจพาเธอไปเปิดตัวกับกลุ่มเพื่อนๆ ที่สนิทในงานเลี้ยงวันเกิดของผมกับไอ้ฟิล์มที่จัดขึ้นที่บ้านใหญ่ แต่เธอป่วยด้วยพิษไข้หวัดใหญ่เสียก่อน วันนั้นพอเปิดของขวัญจากน้องโฟและเป่าเค้กเสร็จ ผมก็รีบขับรถกลับไปหาเธอทันที เพราะไม่อยากทิ้งเธอให้นอนป่วยอยู่คนเดียว "งั้นพรีมต้องลดความอ้วนแล้วค่ะ" "เดี๋ยวไม่สวย" "พอแล้ว แค่นี้ก็สวยไม่ไหวแล้ว" "สวยไม่ไหว แปลว่าสวยหรือไม่สวยกันแน่คะ""หึ สวยที่สุดครับ" สิ่งหนึ่งที่เธออาจจะไม่รู้ตัวก็คือ ตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับเธอ เธอก็เจื้อยแจ้วช่างซักช่างถามช่างสงสัยมากขึ้น ตอบถูกใจก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้โลกทั้งใบดูสดใสอย่างตอนนี้ แต่ถ้าเกิดผมตอบไม่ถูกใจแล้วละก็ ใบสวยๆ ก็จะง้ำงองอนกันให้เห็นอย่างปิด
@ห้องพักเบรคพนักงาน"แกว่าผู้ช่วยเลขาคิน มีซัมติงกับท่านประธานป่ะ" "หัวข้อแรงมากจ้า" "ไม่กลัวท่านประธานจะผ่านมาได้ยินเหรอ" "สรุปคือ?" "ร้อยเปอร์เซ็นต์" "ฉันเคยเห็นน้องเขาลงมาจากรถท่านประธาน" "ไม่ใช่แค่มาด้วยกันนะ กลับพร้อมกันด้วย" "เศร้าจัง แอบมองมาตั้งนาน""น่าจะอยู่หล่อแบบโสดๆ ให้พวกเรามองไปนานๆ""จริง" หากใครมาเห็นฉันยืนอยู่ตรงนี้ คงหาว่าฉันเสียมารยาทแอบฟังคนอื่นคุยกันแน่ แต่ฉันเพียงบังเอิญจะเดินมากดน้ำใส่แก้วเก็บความเย็นทั้งของฉันกับพี่เลนส์ตรงตู้กดน้ำที่อยู่ในห้องพักเบรคของพนักงานก็เท่านั้น ใครจะไปคิดว่าจะได้ยินชื่อตัวเองอยู่ในบทสนทนาของบรรดาสาวๆ พนักงานออฟฟิศที่พอจะคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้างในระยะเวลาค่อนเดือนที่ฉันเข้ามาทำงานที่นี่ เพราะอย่างนี้ไงหล่ะ ฉันถึงอยากเก็บทุกอย่างเป็นความลับ ไม่อยากให้ใครคิดว่าฉันถือสิทธิพิเศษเหนือคนอื่นแต่ก็เอาเถอะ...อย่างน้อยฉันก็ได้รู้ว่าเขาฮอตมากขนาดไหน จะรู้ตัวบ้างไหมนะ ว่าตัวเองเป็นขวัญใจสาวๆ ทั้งบริษัท คิดคิดแล้วก็น่าหมันไส้อยู่เหมือนกันฉันยืนรอจนหัวข้อสนทนาเปลี่ยนเป็นเรื่องแฟชั่น ถึงทำทีเป็นไม่เคยได้ยินอะไรก่อนหน้าน







