LOGINเพราะนั่งนิ่งเฉยมาทั้งวันจนรู้สึกเบื่อหน่าย สามีก็ยังไม่กลับเรือนเสียที จือจือออกไปเก็บดอกไม้ในสวนด้านหน้าจวน พบเหล่าแมลงบุปผา เผ่าพันธุ์นกปีศาจไม่ได้ตั้งแง่รังเกียจนาง ถึงแม้ว่าพวกมันสัมผัสได้ถึงพลังหยางของเทพธิดา นางพอจะนั่งเจรจาปรับทุกข์กับพวกมันได้
‘...คิดถึงศิษย์พี่รองศิษย์พี่ใหญ่ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไร ได้ไปเกิดในภพภูมิใหม่ที่ดีหรือไม่ ข้าเป็นผู้เอาตัวรอดผู้เดียว ใช้ชีวิตสุขสบายดี’
“ขออภัยเทพธิดา ข้ารบกวน...”
เสียงที่ดังขึ้นพร้อมการปรากฏกายของสตรีปีศาจ วางถาดอาหารให้นางบนพื้นหญ้า อยู่ดี ๆ หางทั้งเก้าของนางกลับดูดกลืนสตรีแปลกหน้าไปเสีย ไม่ทันได้เจรจากันว่านำของว่างมาให้นางหรืออย่างไร
ทันใดนั้น เจ้าของจวนปรากฏขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล ก่อนที่เขาจะมีสีหน้าเรียบเฉย เมื่อพบนางปลอดภัยสบายดีอยู่ในสวนหย่อม ใต้จันทราสีชาด ทอแสงอร่ามงามตกกระทบบนแก้มขาวผ่อง ค่อย ๆ เป็นสีแดงระเรื่อ
นัยน์ตาสีมรกตเผลอหลุบมองริมฝีปากอันนิ่มนวลของสามี นึกถึงจุมพิตแสนอ่อนหวาน หากพอนางดึงสติตนกลับมาได้ นางมองซ้ายขวาหาบ่าวรับใช้ปีศาจ
“เมื่อครู่นี้มีบ่าวรับใช้สตรีหายไป ข้าไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง?”
“เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ เวทปกป้องภรรยาของข้าคงกลืนนางเข้าไปกระมัง”
“อย่างไรหรือ?” สีหน้าเต็มไปด้วยคำถามมองตามสามีที่เข้ามาประชิดตัว ฮุ่ยเฟินกลัวใครจะมาทำร้ายนาง หลังจากที่เขาหายไปครึ่งค่อนวันในฤกษ์มงคล
“อย่างเช่นว่าหากปีศาจเจ้าเล่ห์ คิดสกปรก ออกอุบายจะทำร้ายเจ้า เมื่อใดเข้าใกล้เจ้า จะถูกกลืนเข้าไป กลายเป็นพลังวิญญาณอีกทางหนึ่งของข้า”
‘ของอันตรายเช่นนี้มาอยู่กับข้าได้ยังไง!’ นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างตกใจ
ฮุ่ยเฟินกลับส่งยิ้มอ่อนโยน บอกกับนางว่ารู้สึกอิ่มท้อง สตรีรับใช้คนเมื่อสักครู่ดับกระหายปีศาจผู้โหยหาพลังวิญญาณพอสมควรได้ไปอีกสักระยะ
“เช่นนั้นเอาออกไปได้ไหม? ได้โปรดเถิด หางทั้งเก้าของท่านอันตรายนัก”
“ทำไม่ได้ ต่อให้หย่าเจ้า หางเหล่านี้ก็ไม่หายไป คงต้องตายจากกันเพียงเท่านั้น”
ฮุ่ยเฟินไม่โอนอ่อนตามใจนางในเรื่องนี้ ต่อให้นางรับรู้แล้วการรับภรรยาของราชาจิ้งจอกมีแต่ประโยชน์ เหล่าผู้อาวุโสจึงได้คะยั้นคะยอเขานักเพื่อที่เขาจะลุแก่อำนาจอันไร้ขีดจำกัด ธิดาปักษากลับคิดว่ามันอาจทำร้ายนางก็อาจเป็นไปได้ ขอให้เขาลองหาสักหนทางหนึ่งนำหางเหล่านี้กลับไป เขาผู้เป็นเจ้าของพลังกล่าวว่าเป็นไปไม่ได้ พลังของราชาจิ้งจอกมีหน้าที่เดียวคือปกป้องภรรยา กว่าจะพูดจากับนางรู้เรื่อง นับว่านางดื้อรั้นเอาการ ต่างจากนางผู้แสนเอียงอายโอนอ่อน ประจวบเหมาะพอดี นกปีศาจร่างดำทะมึนโผปีกลงบนพื้นหญ้า ฮุ่ยเฟินถือโอกาสเบี่ยงเบนประเด็นของการสนทนาไป
“เจ้าคุยกับนกพวกนี้ได้ด้วยหรือ? เจ้าปักษาพลัดถิ่นของข้า”
“ข้าเข้าใจภาษานก ปักษาในเมืองเทพล้วนเจรจากับนกปีศาจได้ แม้กระทั่งภาษาของนกบนโลกมนุษย์ พวกข้าเข้าใจ”
“แล้วคุยเรื่องอะไรกัน เล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่?”
ธิดาปักษาเพียงเลื่อนสายตาไปมองพรรณพฤกษาใต้แสงจันทรา ไม่กล้าสบนัยน์ตาสีชาด นางก็คงไม่ยอมบอกเขาหรอกว่านางคุยอะไรกับนกเหล่านี้
“ท่านเพิ่งกลับจวนมา เหนื่อยล้าจากการทำงาน ควรกลับเข้าเรือนไปพักผ่อน อย่าได้เก็บเรื่องของข้าไปให้เป็นกังวล ปีศาจที่นี่จะยิ่งตั้งแง่รังเกียจเดียดฉันท์ข้า”
“จริงของเจ้า เราสามีภรรยากลับเข้าเรือนกันเถิด” พูดพลันเข้าไปคว้าร่างบางเข้ากอดแนบกาย ฮุ่ยเฟินสะบัดมือเบา ๆ หายไปในกลุ่มเวหาสีนิล
ฮุ่ยเฟินไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรให้แววตาเศร้าหมองของเจ้าปักษาที่เฝ้าฟูมฟักดูแลกลับมาแจ่มใส ในร่างปักษานั้นนางมิได้แสดงอารมณ์มากนัก นางมักหลับใหล ทำหน้าเหมือนนกป่วย เขาจึงไม่เคยรู้ว่านางกำลังสับสน เศร้าหมองใจ นางเจรจากับนกปีศาจด้วยเรื่องของผู้ล่วงลับ และทั้งที่เขาได้ยินเสียงของนาง กลับเปิดโอกาสให้นางได้บอกเล่าความในใจ
“ข้าอยากรู้ว่าเจ้ามาจากที่ไหน ทำอะไรในยามว่าง ข้าอยากฟังทั้งหมดนั้น”
จือจือไม่คุ้นชินกับแววตาอ่อนโยนถึงเพียงนี้ นางก้มหน้าลงมองอาภรณ์สีนิลสง่างาม ปักทอด้วยด้ายทองคำ ลวดลายพฤกษชาติ “บางเรื่องเป็นกิจของเทพธิดา การจะให้ข้าเล่าให้ท่านฟังทั้งหมด ย่อมไม่สมควร”
“เอาเท่าที่เจ้าสามารถเล่าให้ข้าฟังได้ เรื่องราวของเจ้านับเป็นการคลายกังวลใจจากการทำงานอันเหน็ดเหนื่อยของสามี แต่ถ้าเจ้าไม่มีเรื่องเล่าให้ข้าฟัง เราก็หาเรื่องอื่นทำ...”
“ทำอะไรหรือ?”
ถึงนางจะบอกว่าไม่เป็นไร นั่นเป็นความเจ็บปวดทรมานที่แสนเป็นสุข ฮุ่ยเฟินไม่ยอมให้นางเจ็บปวดทรมาน“เราจะไม่มีบุตรอีก เว้นเสียแต่ว่าข้าสามารถอุ้มครรภ์แทนภรรยาได้ ข้าจึงจะเปลี่ยนใจ” ถ้อยคำอ่อนโยนทำให้ภรรยาหัวเราะออกมา นางยกมือป้องปากอย่างรักษากิริยา“ข้าเคยได้ยินเรื่องใต้เท้าจีกงอุ้มครรภ์แทนธิดาฟางเหนียง ท่านเป็นสามีที่มีเมตตารักใคร่ต่อภรรยานัก”“ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้”จือจือเล่าให้สามีฟังว่านางถือกำเนิดจากลูกแก้วแห่งชีวิต ไม่มีความทรงจำในอดีต ทว่านางทำงานในเรือนเทพแห่งสายน้ำ เรื่องเล่ากล่าวขานมากมายเกี่ยวกับใต้เท้าจีกงทำให้ผู้คนเลื่อมใส“อ้อ... สรุปว่าเทพสามารถให้กำเนิดบุตรได้ ท่านไปพบผู้เฒ่าลึกลับในทะเลลึก เพื่อขอลูกแก้วมาใส่ท้องตน เพราะว่าเห็นบุรุษเทพตั้งครรภ์แทนภรรยาได้ น่าขันนัก”เสียงหัวเราะลั่นดังไปทั่วเรือนปีศาจ สีหน้าของเขาเหยียดหยัน ไม่ว่าอย่างไร ปีศาจก็ยังไม่ชอบเทพอยู่ดี ธิดาจือจือคงเป็นกรณียกเว้นผู้เดียวขณะนัยน์ตาสีชาดราวกับว่ามีแสงวิ่งอยู่ภายในยามจ้องมองแก้มแดงซ่าน นางพูดจาเจื้อยแจ้วถึงเรื่องที่นางจะขอบาดเจ็บแทนสามี เฉกเช่นที่เขาขอเจ็บปวดแทนนาง หากเป็นเช่นนี้ก็คงไม่ได้มีบุ
“ท่านใจเต้นแรงเพราะภรรยาอยู่เสมอ”“ในภพภูมิบาดาล... ไม่มีบุรุษมาชอบพอเจ้าหรือ? ไม่มีใครทำให้เจ้ามีความรู้สึกเช่นนี้”“อาจมีแต่ข้าไม่รู้ ก็เป็นไปได้”รู้ทั้งรู้ว่าสามีพ่ายแพ้ต่ออารมณ์ริษยา จือจือมองเห็นเขี้ยวคมของสามี ปีกปักษาสีชาดกะพริบแสงในอกของเขา สีของปีกปักษาในอกเข้มขึ้นตามลำดับ พอ ๆ กับนัยน์ตาที่อาบด้วยโทสะในหัวของราชาจิ้งจอกวางแผนลอบสังหารบุรุษเทพผู้นั้น หลังตามหาตัวพบว่าเป็นใครแน่ ภรรยาผู้แสนดีทำลายแผนการของเขาลงเสียหมด“ข้าล้อท่านเล่น ไม่มีแน่นอนเจ้าค่ะ”“เจ้านี่ชอบหยอกล้อข้า ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง” ว่าแล้วเคาะหน้าผากเนียนเข้าทีหนึ่ง บนแต้มสีชาดปรากฏสัญลักษณ์ของภรรยาจิ้งจอกขณะดวงตาเรียวรีของนางราวจะยิ้มออกมาได้ เด็กชายทั้งสองวิ่งกลับมาหาบิดามารดาอ้ายเฉินมีนัยน์ตาสีชาด อ้ายเยว่มีนัยน์ตาสีมรกตทอประกายอย่างเผ่าพันธุ์ปักษา หากใบหน้าละม้ายคล้ายบิดามากกว่า โดยเฉพาะคิ้วหนาที่เรียบขนานไปกับดวงตาสดใส เขาดูเป็นปีศาจเข้มขรึมดุดัน ทว่ายังซุกซนอย่างเด็ก แม้เติบโตอยู่ในร่างของเด็กวัยสิบสองปีแล้ว แค่ผ่านพ้นไปไม่กี่วันบิดามารดานั่งฟังพวกเขาแย่งกันพูดจา บอกเล่าเรื่องราวสารพัด“ข้าไม่ว่าพว
ฮุ่ยเฟินนั่งหงุดหงิดภรรยา ไม่เข้าใจว่าทำไมนางจึงยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตน นางควรเห็นแก่ตัวบ้างในเมืองปีศาจ ไม่นานนัก ขนตางามงอนเป็นแพที่ขยับไหวเปิดเผยดวงตาสว่างใสให้เห็นอีกครา แสงสีชาดกะพริบในอกพร้อมหัวใจที่เต้นระรัวแรงจือจือชะโงกคอมองหาบุตรชายทั้งสอง “ลูกชายข้าเล่า?”“จะไม่ถามถึงสามีเลยหรือ?”“ข้าเชื่อว่าท่านคงดูแลตนเองดี โดยเฉพาะตอนนี้ บิดาอาจกำลังเวียนหัวกับการเลี้ยงดูเด็ก ๆ”“ข้าให้บ่าวรับใช้ดูแล เพียงออกไปดูพวกเขาเป็นครั้งคราว พวกเขาเข้ามาดูอาการของเจ้าอยู่ เพิ่งออกไปไม่นาน”“ข้าอยากพบลูกชายเจ้าค่ะ” ในสีหน้าออดอ้อนของนาง สามีจอมบงการเลื่อนมือไปแตะหน้าผากและแก้มเย็นเฉียบ“เจ้ายังไม่หายดี อดทนรออีกสักนิดไม่ได้เลยหรือ? ข้าไม่อยากให้ใครเข้ามารบกวนการพักผ่อนของเจ้า ข้าเองก็จะออกไป”“ได้โปรดเถิด เขาเป็นความรักของข้าและท่าน จะห่วงภรรยาก็ห่วง แต่จะริษยาเด็กน้อยไปทำไม อย่างไรเสียข้าก็มอบหัวใจให้ท่าน บุรุษเพียงผู้เดียว”“ภรรยา เจ้าทำเป็นพูดดีไป ข้าไม่ได้ริษยาพวกเขาเลย ข้ากำลังเป็นห่วงเจ้า”ถึงต่อว่าไปอย่างไร ฮุ่ยเฟินกลับใจอ่อนยอมนาง เห็นแววตาสุกใสเปล่งประกาย ปรารถนาจะพบบุตรชาย นางรับปากว่าห
นี่อาจเป็นการสมานฉันท์ระหว่างเผ่าพันธุ์จิ้งจอกและเหล่าเทพ แม้อาจทำให้เกิดสงครามระหว่างดินแดนขึ้น องค์ชายทั้งสิบจากเมืองฉางส่งสารมาถามไถ่เรื่องฝาแฝดทั้งสองอย่างไม่พึงพอใจนักเมืองฉางตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองฟู ในภพภูมิแห่งจิ้งจอก ถัดไปเป็นเมืองเหยียนของเหล่าอสรพิษ ได้ยินข่าวคราวจากองครักษ์ว่าพวกเขาไม่มีปัญหาแต่อย่างใด“ข้าไม่ชอบเสียงดัง คำโต้แย้ง ที่ผ่านมาถือว่าข้าเกรงใจพวกเขามาก กลายเป็นว่ามีเพียงองครักษ์ทั้งสาม บ่าวรับใช้ในจวนที่เป็นมิตรต่อจือจือ ส่วนผู้อื่น ไม่มีผู้ใดหยุด...”ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าเกรี้ยวกราดของราชาฮุ่ยเฟิน อาจสังหารปีศาจได้ทั้งเมืองโดยง่ายดาย เขาเดินผ่านโถงกว้างขวางในจวนอย่างสุขุม บอกตงหยางให้ส่งสารผ่านจิ้งจอกลูกสมุนไปเมืองเหยียน ขอให้เหล่าจิ้งจอกเอ็นดูเด็กชายทั้งสอง นั่นเป็นคำสั่งเสียมากกว่าคำขอร้อง“การต่อสู้กับแคว้นฟู่ซึ่งทุกเมืองปีศาจสวามิภักดิ์ เป็นเรื่องยากต่อกร จะเสียกำลังพลปีศาจไปโดยเปล่าประโยชน์ ใครดูถูกเหยียดหยามบุตรชายของนายท่าน เท่ากับเป็นปฏิปักษ์” ตงหยางให้ท้ายนายท่านหลายวันมานี้เหล่าองครักษ์ได้รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็ก รู้สึกเอ็นดูเด็กชายทั้งสองไม่น้อย
“เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไปจือจือ ไม่ว่าใครก็ตามเข้ามาขัดขวางการคลอดบุตรของภรรยาข้า มีโทษสถานเดียว ทุกชีวิตในสายเลือดมันผู้นั้นต้องตาย”“ท่านเดินทางไปร้องขอชีวิตข้าและบุตรของเราจากแดนยมทูตไม่ดีกว่าหรือ?”“ยากเกินไป” เอ่ยแล้วจึงก้มหน้าลงจูบหน้าผากเนียน “ข้าจะปกป้องเจ้าเป็นอย่างดี เจ้าจะคลอดบุตรโดยปลอดภัย ทั้งฝาแฝดสตรีหรือบุรุษจิ้งจอก ล้วนน่ายินดี พวกเขาจะเป็นพี่น้องที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน”จือจือได้ยินเช่นนั้น เงยหน้าขึ้นลอบมองกรามแกร่งด้วยสีหน้าเป็นสุข“ท่านไม่ควรเป็นกังวลไป สามี เทพล้วนโปรดปรานเด็กตัวเล็ก ๆ นัก บุตรของเราทั้งสองจะได้รับคำอวยพรจากเทพในเทวโลก แม้กระทั่งราชาผู้ยิ่งใหญ่...”ชั่วครู่หนึ่งของการสนทนา นางได้พบรอยยิ้มอ่อนโยน จากที่เคยแลดูเกรี้ยวกราดหากพูดถึงราชาแห่งสวรรค์เมื่อไร เขาไม่ได้ปฏิเสธเมตตาธรรมของท่านผู้ยิ่งใหญ่ ใครเมตตาบุตรของเขาก็ยินดี“เราจะตั้งชื่อ... พวกเขาว่าอะไร? เจ้าคิดไว้หรือยัง”“อ้ายเฉิน อ้ายเยว่ ชื่อของเขาหมายความถึงความรัก ข้าคิดว่าไม่เป็นอุปสรรค เมื่อเขาเติบใหญ่อาจไปบำเพ็ญเพียรในเมืองเทพก็ย่อมได้”“เจ้าไม่อยากให้บุตรชายเดินทางมาร?”จือจือส่ายหน้าไปมา “เขาอ
“หลายล้านปีเทวโลก อาจมีเพียงหนึ่ง นางผู้เปรียบดั่งดวงใจข้า สวรรค์ลิขิตให้ปีศาจผู้ไร้ใครต้านทานอย่างข้ามีความรักครั้งหนึ่ง เมื่อการถือกำเนิดของข้าไม่ควรมีอยู่ในทุกภพภูมิโลก หากนางไม่รับรักข้า จะสิ้นใจไปอย่างเชื่องช้า ร่างกายแข็งเป็นหิน เกล็ดน้ำแข็งเกาะกุมไปทั่วร่าง...”จางเหว่ยหัวเราะอย่างรักษากิริยา เป็นเรื่องน่าขันสำหรับเขา“เห็นทีว่านายท่านคงเป็นอมตะนิรันดร์กาล พวกข้าเคยได้ยินเรื่องเล่ากล่าวขานว่าเผ่าพันธุ์ปักษามีความรักที่มั่นคง”องครักษ์จิ้งจอกไม่ให้นายท่านได้กลายเป็นก้อนน้ำแข็งสมใจ ขณะใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มดีใจ ปรารถนาความรักของธิดาปักษาไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่าเป็นวาสนา ชะตากรรม พรหมลิขิต หรือว่าสิ่งใดแน่ทว่าการพบสบตานางผู้เปรียบดั่งดวงใจ นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุด...สตรีตั้งครรภ์ย่อมเป็นกังวลต่าง ๆ นานา สารพัดเรื่องราวซึ่งนางสามารถจินตนาการได้ จือจือชงชาให้สามี ระหว่างนั่งสนทนากับเขาอยู่ด้านหลังจวนกว้าง ในสวนที่มีพรรณพฤกษางอกเงย ดอกจื่อเถิงใต้จันทราสีชาด สามีภรรยานั่งพักพิงอิงแอบในอ้อมแขนกันและกันเป็นนิจราตรีนี้บ่าวรับใช้ยกจานใส่ขนมแป้งปั้นหน้าตาน่ารับประทานเข้ามาวางบนโ







