เข้าสู่ระบบ‘พูดจาไม่เข้าเรื่อง จะมาให้ข้ามีบุตรจิ้งจอกสักฝูง เสียสติไปแล้วรึไง’
‘หนึ่งคำก็จือจือของข้า สองคำก็ปักษาของข้า’
นางไม่ใช่สิ่งของของใครเสียหน่อย!
ใบหน้าหวานงามใต้เครื่องหน้าโฉบเฉี่ยวเฝ้ามองพรรณพฤกษาใต้จันทราทอแสงอร่ามงาม มองผิวเผินแล้วดูเหมือนกับว่านางขยับริมฝีปากสีชาดพึมพำปรับทุกข์กับต้นไม้ใบหญ้าด้านหลังจวน
อีกาตนหนึ่งบนกิ่งไม้พลิ้วไหวกล่าวกับนางว่าไม่ควรตัดพ้อเรื่องสามี เป็นเรื่องดีเสียอีก ราชาจิ้งจอกเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของนาง ถึงขั้นว่ายอมออกคำสั่งกับองครักษ์ ไม่ให้เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปทะเลาะวิวาทกับเทพ ขอให้รีบไปรีบกลับ ให้พวกเขายอมลดเกียรติศักดิ์ศรีของปีศาจลงเมื่อความปลอดภัยของภรรยามาเป็นอันดับแรก
จะเป็นเรื่องอะไรไปได้ ในเมื่อชีวิตของนาง หมายถึงชีวิตของเขา
จือจือไม่มีโอกาสถกเถียงมารปักษา อีกาสีนิลหายไปทันทีที่กลุ่มไอหยินก่อตัว มือหนาคว้าหมับเข้าเอวบาง รวบตัวภรรยาเข้าแนบกาย พลันหายไปในชั่วพริบตา โดยที่นางยังคงมีสีหน้างุนงงสงสัย ไม่ทันได้ตั้งตัวในอ้อมแขนของราชาจิ้งจอก บังคับจับนางให้นั่งทับหน้าตัก บนตั่งไม้สลักอันงดงามสีนิลคลับคล้ายคลับคลาบัลลังก์เหนือท้องนทีอันมืดมิด โดยรอบกายมองเห็นเพียงภาพสะท้อนของเหล่าจิ้งจอกมากหน้าหลายตา
ด้วยนิสัยของสามีชอบนำพานางผ่านกลุ่มไอหยิน ไปไหนต่อไหนของเขาเสมือนนางเป็นของชิ้นเล็ก ๆ เขาจะมาหานาง นำตัวนางไปที่ไหนเมื่อไรก็ย่อมได้
“ดูหน้าตาบึ้งตึง แก้มแดงซ่านอับอายของเจ้าสิ น่ารักใคร่เอ็นดูนัก เจ้าปักษาของข้า”
ฮุ่ยเฟินกำลังคิดถึงภรรยาหลังออกคำสั่งให้ทหารและบ่าวรับใช้คอยเฝ้าดูแลงานรื่นเริง ขณะใบหน้าหวานงามก้มลงมองพื้นเยียบเย็นราวกับว่าจะเหยียบจมลงไปได้ด้วยท่าทางสงสัยใคร่รู้
งานสังสรรค์ของปีศาจทั้งบุรุษสตรีในจวนหลังใหญ่ของเจ้านครปีศาจผู้รักความเป็นส่วนตัว ฮุ่ยเฟินมักเฝ้ามองพวกเขาเต้นรำร่ำสุรา เมามายในอ้อมกอดสตรีร่างเย้ายั่ว ล้วนเป็นสุขในกำหนัดราคะ ในสถานที่อันเงียบเหงาลำพัง ภาพผ่านผืนน้ำเป็นกระจกอีกด้านหนึ่ง เคยมีเพียงเขาเท่านั้น
“ข้าได้ยินมาว่าท่านเหม็นกลิ่นปีศาจสตรี ไยจึงเป็นเช่นนั้นไปได้?”
“อาจเป็นเพราะว่าข้ามีเลือดเซียนฝ่ายเทพแห่งสายน้ำไหลเวียนในร่างทิพย์ส่วนหนึ่ง น้ำไม่ถูกกับไฟ ราชาจิ้งจอกครั้นโบราณกาลล้วนเป็นธาตุไฟ”
การคิดวิเคราะห์ของราชาจิ้งจอกมีโอกาสเป็นไปได้ ถึงที่ผ่านมาทำได้เพียงคาดเดา ไม่มีการจารึกเรื่องราวเหล่านี้ในตำราเล่มใด ในเทวโลกเป็นเช่นไร เมืองปีศาจสมควรเป็นเช่นเดียวกัน บางเรื่องไม่ได้มีข้อมูลที่แน่ชัด
ฮุ่ยเฟินเล่าเรื่องท่านย่าของเขาให้ภรรยาฟังว่าพลัดหลงมาได้อย่างไรในเมืองปีศาจ ท่านย่ามีความรักใคร่ต่อสามีผู้เป็นปีศาจ ก่อนที่ต่างฝ่ายจะแยกจากกันไป เมื่อท่านปู่มิอาจปรับความเข้าใจอันดีต่อเทพได้
ถึงแม้ว่าเทพและมารจะต่อสู้กันมาแต่ครั้งบรรพกาล จือจือเกิดความคิดว่าเรื่องราวของพวกเขาแตกต่างไปจากตัวนางซึ่งตกลงมาในบ่อโคลนพิษในสภาพปักษาปีกหัก ราชาฮุ่ยเฟินไม่สนใจว่านางเป็นเทพหรือปีศาจ หรือต่อให้นางเป็นมนุษย์สตรีไร้ซึ่งพลังใด
“แล้วธาตุน้ำไฟเกี่ยวอันใดกับจมูกท่าน?”
“เกี่ยวซี...” เสียงเข้มว่าพลางเคาะหน้าผากที่มีแต้มสีชาด สัญลักษณ์ของปีศาจจิ้งจอก ด้วยแววตาเอ็นดูภรรยาช่างซักถาม “เมื่อธาตุไม่สมดุล ทั้งร่างกายและจิตใจจึงเกิดความผิดพลาด ข้ามิอาจเป็นราชาผู้ไร้เทียมทาน แต่เป็นราชาผู้แข็งแกร่ง ผู้ถือกำเนิดขึ้นพร้อมจุดอ่อน”
ฮุ่ยเฟินไม่ได้บอกนางต่อจากนั้นว่าคือสิ่งใด เมื่อมีเรื่องสำคัญกว่า
“เจ้าล่ะ วันนี้เจ้าไม่พอใจอะไรข้าอีก? จือจือ”
“ข้ามิบังอาจเจ้าค่ะ”
“เจ้าปิดบังข้าไม่ได้”
นัยน์ตาสีชาดจ้องลึกลงไปในดวงตาใสซื่อของภรรยา นางเบือนหน้าหนีไปเพราะความอับอาย ฮุ่ยเฟินนึกขึ้นได้ว่าจะมีเรื่องอะไร ถ้ามิใช่เรื่องบุตร
“ข้าเคยได้ยินผู้คนกล่าวว่าสามีภรรยาทะเลาะวิวาทกันบ่อยครั้งเท่าไร ลูกดกนัก”
“ท่านพูดอะไรไม่เข้าท่า”
“ข้าสามารถทำให้เจ้าโมโหได้ เรื่องอื่น ๆ คงไม่ใช่เรื่องยากเย็น เจ้าทำตาขวางใส่ข้าครั้งหนึ่ง ข้ามอบจุมพิตให้เจ้าครั้งหนึ่ง ดีหรือไม่?”
“ไม่ดี”
“ดีแน่”
เขี้ยวยาวที่โผล่พ้นออกมาตรงมุมปากแลดูเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ สตรีเทพลุกหนีไปจากตั่งนั่ง ก่อนที่นางจะถูกผลักตกลงไปในท้องนทีสีนิล โผล่พ้นให้อีกห้วงหนึ่งของเรือนซึ่งเป็นสถานที่จริง
‘อะไรกัน คิดจะกอดก็กอด คิดจะผลักก็ผลักนาง’
จือจือรู้จักเล่ห์เหลี่ยมสามีเป็นอย่างดีในค่ำคืนแสนหวาน หากนางคาดว่าเขาจะมอบจุมพิตให้นางก็ไม่ ในความเป็นจริงแล้วนางอาจไม่รู้จักเขาเลยแม้แต่น้อย
ทว่า...
‘ข้าเป็นห่วงจือจือ’
ถึงนางจะบอกว่าไม่เป็นไร นั่นเป็นความเจ็บปวดทรมานที่แสนเป็นสุข ฮุ่ยเฟินไม่ยอมให้นางเจ็บปวดทรมาน“เราจะไม่มีบุตรอีก เว้นเสียแต่ว่าข้าสามารถอุ้มครรภ์แทนภรรยาได้ ข้าจึงจะเปลี่ยนใจ” ถ้อยคำอ่อนโยนทำให้ภรรยาหัวเราะออกมา นางยกมือป้องปากอย่างรักษากิริยา“ข้าเคยได้ยินเรื่องใต้เท้าจีกงอุ้มครรภ์แทนธิดาฟางเหนียง ท่านเป็นสามีที่มีเมตตารักใคร่ต่อภรรยานัก”“ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้”จือจือเล่าให้สามีฟังว่านางถือกำเนิดจากลูกแก้วแห่งชีวิต ไม่มีความทรงจำในอดีต ทว่านางทำงานในเรือนเทพแห่งสายน้ำ เรื่องเล่ากล่าวขานมากมายเกี่ยวกับใต้เท้าจีกงทำให้ผู้คนเลื่อมใส“อ้อ... สรุปว่าเทพสามารถให้กำเนิดบุตรได้ ท่านไปพบผู้เฒ่าลึกลับในทะเลลึก เพื่อขอลูกแก้วมาใส่ท้องตน เพราะว่าเห็นบุรุษเทพตั้งครรภ์แทนภรรยาได้ น่าขันนัก”เสียงหัวเราะลั่นดังไปทั่วเรือนปีศาจ สีหน้าของเขาเหยียดหยัน ไม่ว่าอย่างไร ปีศาจก็ยังไม่ชอบเทพอยู่ดี ธิดาจือจือคงเป็นกรณียกเว้นผู้เดียวขณะนัยน์ตาสีชาดราวกับว่ามีแสงวิ่งอยู่ภายในยามจ้องมองแก้มแดงซ่าน นางพูดจาเจื้อยแจ้วถึงเรื่องที่นางจะขอบาดเจ็บแทนสามี เฉกเช่นที่เขาขอเจ็บปวดแทนนาง หากเป็นเช่นนี้ก็คงไม่ได้มีบุ
“ท่านใจเต้นแรงเพราะภรรยาอยู่เสมอ”“ในภพภูมิบาดาล... ไม่มีบุรุษมาชอบพอเจ้าหรือ? ไม่มีใครทำให้เจ้ามีความรู้สึกเช่นนี้”“อาจมีแต่ข้าไม่รู้ ก็เป็นไปได้”รู้ทั้งรู้ว่าสามีพ่ายแพ้ต่ออารมณ์ริษยา จือจือมองเห็นเขี้ยวคมของสามี ปีกปักษาสีชาดกะพริบแสงในอกของเขา สีของปีกปักษาในอกเข้มขึ้นตามลำดับ พอ ๆ กับนัยน์ตาที่อาบด้วยโทสะในหัวของราชาจิ้งจอกวางแผนลอบสังหารบุรุษเทพผู้นั้น หลังตามหาตัวพบว่าเป็นใครแน่ ภรรยาผู้แสนดีทำลายแผนการของเขาลงเสียหมด“ข้าล้อท่านเล่น ไม่มีแน่นอนเจ้าค่ะ”“เจ้านี่ชอบหยอกล้อข้า ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง” ว่าแล้วเคาะหน้าผากเนียนเข้าทีหนึ่ง บนแต้มสีชาดปรากฏสัญลักษณ์ของภรรยาจิ้งจอกขณะดวงตาเรียวรีของนางราวจะยิ้มออกมาได้ เด็กชายทั้งสองวิ่งกลับมาหาบิดามารดาอ้ายเฉินมีนัยน์ตาสีชาด อ้ายเยว่มีนัยน์ตาสีมรกตทอประกายอย่างเผ่าพันธุ์ปักษา หากใบหน้าละม้ายคล้ายบิดามากกว่า โดยเฉพาะคิ้วหนาที่เรียบขนานไปกับดวงตาสดใส เขาดูเป็นปีศาจเข้มขรึมดุดัน ทว่ายังซุกซนอย่างเด็ก แม้เติบโตอยู่ในร่างของเด็กวัยสิบสองปีแล้ว แค่ผ่านพ้นไปไม่กี่วันบิดามารดานั่งฟังพวกเขาแย่งกันพูดจา บอกเล่าเรื่องราวสารพัด“ข้าไม่ว่าพว
ฮุ่ยเฟินนั่งหงุดหงิดภรรยา ไม่เข้าใจว่าทำไมนางจึงยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตน นางควรเห็นแก่ตัวบ้างในเมืองปีศาจ ไม่นานนัก ขนตางามงอนเป็นแพที่ขยับไหวเปิดเผยดวงตาสว่างใสให้เห็นอีกครา แสงสีชาดกะพริบในอกพร้อมหัวใจที่เต้นระรัวแรงจือจือชะโงกคอมองหาบุตรชายทั้งสอง “ลูกชายข้าเล่า?”“จะไม่ถามถึงสามีเลยหรือ?”“ข้าเชื่อว่าท่านคงดูแลตนเองดี โดยเฉพาะตอนนี้ บิดาอาจกำลังเวียนหัวกับการเลี้ยงดูเด็ก ๆ”“ข้าให้บ่าวรับใช้ดูแล เพียงออกไปดูพวกเขาเป็นครั้งคราว พวกเขาเข้ามาดูอาการของเจ้าอยู่ เพิ่งออกไปไม่นาน”“ข้าอยากพบลูกชายเจ้าค่ะ” ในสีหน้าออดอ้อนของนาง สามีจอมบงการเลื่อนมือไปแตะหน้าผากและแก้มเย็นเฉียบ“เจ้ายังไม่หายดี อดทนรออีกสักนิดไม่ได้เลยหรือ? ข้าไม่อยากให้ใครเข้ามารบกวนการพักผ่อนของเจ้า ข้าเองก็จะออกไป”“ได้โปรดเถิด เขาเป็นความรักของข้าและท่าน จะห่วงภรรยาก็ห่วง แต่จะริษยาเด็กน้อยไปทำไม อย่างไรเสียข้าก็มอบหัวใจให้ท่าน บุรุษเพียงผู้เดียว”“ภรรยา เจ้าทำเป็นพูดดีไป ข้าไม่ได้ริษยาพวกเขาเลย ข้ากำลังเป็นห่วงเจ้า”ถึงต่อว่าไปอย่างไร ฮุ่ยเฟินกลับใจอ่อนยอมนาง เห็นแววตาสุกใสเปล่งประกาย ปรารถนาจะพบบุตรชาย นางรับปากว่าห
นี่อาจเป็นการสมานฉันท์ระหว่างเผ่าพันธุ์จิ้งจอกและเหล่าเทพ แม้อาจทำให้เกิดสงครามระหว่างดินแดนขึ้น องค์ชายทั้งสิบจากเมืองฉางส่งสารมาถามไถ่เรื่องฝาแฝดทั้งสองอย่างไม่พึงพอใจนักเมืองฉางตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองฟู ในภพภูมิแห่งจิ้งจอก ถัดไปเป็นเมืองเหยียนของเหล่าอสรพิษ ได้ยินข่าวคราวจากองครักษ์ว่าพวกเขาไม่มีปัญหาแต่อย่างใด“ข้าไม่ชอบเสียงดัง คำโต้แย้ง ที่ผ่านมาถือว่าข้าเกรงใจพวกเขามาก กลายเป็นว่ามีเพียงองครักษ์ทั้งสาม บ่าวรับใช้ในจวนที่เป็นมิตรต่อจือจือ ส่วนผู้อื่น ไม่มีผู้ใดหยุด...”ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าเกรี้ยวกราดของราชาฮุ่ยเฟิน อาจสังหารปีศาจได้ทั้งเมืองโดยง่ายดาย เขาเดินผ่านโถงกว้างขวางในจวนอย่างสุขุม บอกตงหยางให้ส่งสารผ่านจิ้งจอกลูกสมุนไปเมืองเหยียน ขอให้เหล่าจิ้งจอกเอ็นดูเด็กชายทั้งสอง นั่นเป็นคำสั่งเสียมากกว่าคำขอร้อง“การต่อสู้กับแคว้นฟู่ซึ่งทุกเมืองปีศาจสวามิภักดิ์ เป็นเรื่องยากต่อกร จะเสียกำลังพลปีศาจไปโดยเปล่าประโยชน์ ใครดูถูกเหยียดหยามบุตรชายของนายท่าน เท่ากับเป็นปฏิปักษ์” ตงหยางให้ท้ายนายท่านหลายวันมานี้เหล่าองครักษ์ได้รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็ก รู้สึกเอ็นดูเด็กชายทั้งสองไม่น้อย
“เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไปจือจือ ไม่ว่าใครก็ตามเข้ามาขัดขวางการคลอดบุตรของภรรยาข้า มีโทษสถานเดียว ทุกชีวิตในสายเลือดมันผู้นั้นต้องตาย”“ท่านเดินทางไปร้องขอชีวิตข้าและบุตรของเราจากแดนยมทูตไม่ดีกว่าหรือ?”“ยากเกินไป” เอ่ยแล้วจึงก้มหน้าลงจูบหน้าผากเนียน “ข้าจะปกป้องเจ้าเป็นอย่างดี เจ้าจะคลอดบุตรโดยปลอดภัย ทั้งฝาแฝดสตรีหรือบุรุษจิ้งจอก ล้วนน่ายินดี พวกเขาจะเป็นพี่น้องที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน”จือจือได้ยินเช่นนั้น เงยหน้าขึ้นลอบมองกรามแกร่งด้วยสีหน้าเป็นสุข“ท่านไม่ควรเป็นกังวลไป สามี เทพล้วนโปรดปรานเด็กตัวเล็ก ๆ นัก บุตรของเราทั้งสองจะได้รับคำอวยพรจากเทพในเทวโลก แม้กระทั่งราชาผู้ยิ่งใหญ่...”ชั่วครู่หนึ่งของการสนทนา นางได้พบรอยยิ้มอ่อนโยน จากที่เคยแลดูเกรี้ยวกราดหากพูดถึงราชาแห่งสวรรค์เมื่อไร เขาไม่ได้ปฏิเสธเมตตาธรรมของท่านผู้ยิ่งใหญ่ ใครเมตตาบุตรของเขาก็ยินดี“เราจะตั้งชื่อ... พวกเขาว่าอะไร? เจ้าคิดไว้หรือยัง”“อ้ายเฉิน อ้ายเยว่ ชื่อของเขาหมายความถึงความรัก ข้าคิดว่าไม่เป็นอุปสรรค เมื่อเขาเติบใหญ่อาจไปบำเพ็ญเพียรในเมืองเทพก็ย่อมได้”“เจ้าไม่อยากให้บุตรชายเดินทางมาร?”จือจือส่ายหน้าไปมา “เขาอ
“หลายล้านปีเทวโลก อาจมีเพียงหนึ่ง นางผู้เปรียบดั่งดวงใจข้า สวรรค์ลิขิตให้ปีศาจผู้ไร้ใครต้านทานอย่างข้ามีความรักครั้งหนึ่ง เมื่อการถือกำเนิดของข้าไม่ควรมีอยู่ในทุกภพภูมิโลก หากนางไม่รับรักข้า จะสิ้นใจไปอย่างเชื่องช้า ร่างกายแข็งเป็นหิน เกล็ดน้ำแข็งเกาะกุมไปทั่วร่าง...”จางเหว่ยหัวเราะอย่างรักษากิริยา เป็นเรื่องน่าขันสำหรับเขา“เห็นทีว่านายท่านคงเป็นอมตะนิรันดร์กาล พวกข้าเคยได้ยินเรื่องเล่ากล่าวขานว่าเผ่าพันธุ์ปักษามีความรักที่มั่นคง”องครักษ์จิ้งจอกไม่ให้นายท่านได้กลายเป็นก้อนน้ำแข็งสมใจ ขณะใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มดีใจ ปรารถนาความรักของธิดาปักษาไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่าเป็นวาสนา ชะตากรรม พรหมลิขิต หรือว่าสิ่งใดแน่ทว่าการพบสบตานางผู้เปรียบดั่งดวงใจ นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุด...สตรีตั้งครรภ์ย่อมเป็นกังวลต่าง ๆ นานา สารพัดเรื่องราวซึ่งนางสามารถจินตนาการได้ จือจือชงชาให้สามี ระหว่างนั่งสนทนากับเขาอยู่ด้านหลังจวนกว้าง ในสวนที่มีพรรณพฤกษางอกเงย ดอกจื่อเถิงใต้จันทราสีชาด สามีภรรยานั่งพักพิงอิงแอบในอ้อมแขนกันและกันเป็นนิจราตรีนี้บ่าวรับใช้ยกจานใส่ขนมแป้งปั้นหน้าตาน่ารับประทานเข้ามาวางบนโ







