เข้าสู่ระบบไม่ว่านางเกล้าผมทรงไหนอย่างไร สามีมักเอ่ยชม ‘น่ารักใคร่นัก’ ‘วันนี้แสนงดงามดุจปักษาสวรรค์’
ทั้งที่นางก็เป็นปักษาจากเทวโลกอันงดงาม ทว่าด้วยความปากไวของนางจึงตอบไปว่านางเป็นเพียงปักษาตกสวรรค์ แถมตกลงในโคลนตมอีกต่างหาก ถึงแม้ว่าหลังจากนั้นจวนหลังนี้ได้กลายเป็นสรวงสวรรค์อีกแห่งหนึ่ง
ในห้องแต่งตัวซึ่งเจ้าของจวนไม่ยอมเข้ามาโดยเด็ดขาด บ่นว่าเหม็นกลิ่นจิ้งจอกสตรี พวกนางมีกลิ่นตัวที่รุนแรงกว่าบุรุษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามส่งเสียงหัวเราะ ปัดหางปุกปุยสะบัดส่ายไปมา บอกได้ชัดว่าพวกนางคิดสิ่งใด
“ท่านผู้นำของเราเป็นที่ยกย่องสรรเสริญ เหล่าปีศาจกล่าวว่าท่านสุขุม มีสติปัญญา สัมปชัญญะเป็นเลิศ มองการณ์ไกล เห็นจะมีใจร้อนอยู่เรื่องเดียว”
“เจ้าพูดเช่นนี้ได้ยังไงเล่าหนิงเหอ เจ้าลองมองดูสีหน้าของธิดาจือจือสิ ไม่ชอบให้ใครพูดถึงสามีนาง ท่านผู้นำของเราแต่เป็นสามีของนาง”
“พวกเจ้าพูดต่อไปเถิด ข้ากำลังฟัง”
หากมีปีศาจสตรีกล่าวชื่นชมท่านผู้นำเมืองฟู่ ใบหน้าบึ้งตึงของสตรีเทพบอกว่านางไม่ใคร่พอใจ ถึงแม้นางจะปฏิเสธว่านางไม่ได้คิดสิ่งใด ธิดาผู้สำเร็จเป็นเซียนย่อมมีเพียงความคิดในทางประเสริฐ ยินดีต่อคำเยินยอ
ขณะที่เหล่าจิ้งจอกหัวเราะนางด้วยความเอ็นดู มิได้หัวเราะเย้ยหยันนางอีกต่อไป พวกเขาภาคภูมิใจความมักมากในกามารมณ์ของท่านผู้นำ ในทุกรุ่งอรุณ บ่าวรับใช้เข้ามาช่วยทำความสะอาดเรือนด้วยเวทปีศาจ พบสภาพจวนกว้างขวางซึ่งเคยสะอาดสะอ้านราวกับว่าถูกข้าศึกบุกรุกทำลาย ทั้งข้าวของเครื่องใช้แตกหัก ผู้บุกรุกอาจค้นหาบางสิ่งเมื่อไม่มีสิ่งของชิ้นใดอยู่ที่เดิม หมอนผ้าห่มกระจัดกระจายไปคนละทิศทาง
ไหนจะเสียงกรีดร้องของสตรีเทพ เมื่อนางถูกทรมานด้วยบทเรียนสวาทอย่างสาหัส รอบกายเขาและนางห้อมล้อมด้วยไอหยินตามธรรมดาปีศาจผู้แข็งแกร่ง กระทั่งสามีออกไปจากจวนเมื่อไรนางพอได้รับอิสรภาพ จัดการกับเนื้อตัวช้ำเขียวของตนให้กลับมาเกลี้ยงเกลา
“ธิดาจือจืออาจมีจิ้งจอกน้อยมาวิ่งเล่นในจวนในเร็ววัน ไม่เหมือนพวกข้า...”
“หนิงเหอ ลี่มี่ เจ้ามีผู้คอยปรนเปรอใจไม่น้อยไม่ขาดไปสักวัน แต่เพราะว่าเจ้าไปเคี้ยวหญ้าพิษต่างหาก ไม่มีทางที่เจ้าจะตั้งครรภ์...”
“หญ้าอะไรหรือ?” ในสีหน้าสงสัยของธิดาปักษา สตรีจิ้งจอกทั้งสี่ตนยกมือป้องปากหลังพลั้งเผลอพูดเรื่องที่ไม่ควรพูด
“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ข้าลาก่อน ธิดาจือจือ”
สามตนพลันหายไปในเวหาเยียบเย็น เหลือเพียงลี่มี่ทำอึก ๆ อัก ๆ เปลี่ยนหัวข้อสนทนา หยิบพัดสีนิลส่งให้เทพธิดาถือ ขณะที่นางยังมีคำถามไม่จบสิ้น
“เอ้อ... ข้าเพิ่งได้ยินว่าหนิงเหอลี่มี่มีผู้ปรนเปรอใจไม่ขาด พวกเจ้ามีสามีได้มากกว่าหนึ่งหรือ?”
“ตามสะดวกเจ้าค่ะ จะมีกี่สิบกี่ร้อยก็ได้ทั้งนั้น”
ตามสะดวก! จือจือเบิกตากว้าง ยกพัดขึ้นปิดป้องริมฝีปาก “เป็นเรื่องคาดไม่ถึงจริง ๆ จิ้งจอกสตรีมีบุรุษนับสิบนับร้อย จะไม่มีเรื่องหึงหวงริษยา สามีข้าสามีเจ้า... จนสังหารกันตายหรือ?”
“ไม่เจ้าค่ะ หากจะมีก็นับว่าน้อยมาก เหล่าจิ้งจอกล้วนหลงใหลในอิสรภาพ”
เทพธิดาไม่เคยทราบเรื่องราวพิสดารแม้เคยร่ำเรียนมาว่าปีศาจโปรดปรานการมั่วสุมราคะ บุรุษสตรีสานสัมพันธ์ความใคร่ แลกเปลี่ยนพลังด้วยการสอดสวมร่างกายให้เป็นหนึ่ง จะเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อย ๆ ก็ย่อมได้
นางมองสตรีจิ้งจอกลอบยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วจากไปในเวหาเยียบเย็น
-----------
สามีหายตัวไปเสียเฉย ๆ ร่วมอาทิตย์ โดยที่เขามิได้บอกอะไรนางแม้สักคำ
สตรีเทพผู้แต่งกายอย่างปีศาจ สวมอาภรณ์ทับกันสามชั้นหากเปิดเผยเนินอกอิ่ม แต้มสีชาดกลางหน้าผากเป็นสัญลักษณ์ของจิ้งจอกผู้มีสามีแล้ว หลุบตามองฟูกนอนว่างเปล่า ด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดใจ
‘มีเรื่องเร่งด่วนหรือว่ายังไงกัน?’
ภายในจิตใจนางคิดไปได้สารพัด เกรงว่าเขาจะได้รับอันตราย ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นไปไม่ได้ นางได้รับสารจากเมืองเทพครั้งหนึ่ง สหายเทพกล่าวเล่ารายละเอียดว่าราชาจิ้งจอกฮุ่ยเฟินแข็งแกร่งที่สุดในภพภูมิปีศาจในยามนี้ ก่อนที่นางจะตัดสินใจเดินทางกลับจวนเดิม เพื่อตามหาองครักษ์คนสนิท ทว่าไม่พบใคร นางพลันอันตรธานไปห้องโถงกว้างขวางราวท้องพระโรงในพระราชวัง เมื่อได้รับการเรียกหาด้วยสารปีศาจ
เวหาที่ปรากฏไอหยินชั่วขณะหนึ่งบอกนางว่าควรไปร่วมสังสรรค์ในห้องโถง นางนั่งลงบนตั่งสีนิลหลังเนรมิตมันขึ้นมาในฝั่งตรงกันข้ามกับเหล่าจิ้งจอก พวกเขาสวมอาภรณ์สง่า เหมาะควรกับชนชั้นสูงศักดิ์ แลเห็นเขี้ยวคมอย่างปีศาจ ขณะนั่งเจรจาพลางร่ำสุรา ชื่นชมการร่ายรำของสตรีจิ้งจอกในอาภรณ์น้อยชิ้น พวกนางกรีดกรายกรงเล็บสีนิลด้วยท่วงท่าเย้ายั่ว
ถึงนางจะบอกว่าไม่เป็นไร นั่นเป็นความเจ็บปวดทรมานที่แสนเป็นสุข ฮุ่ยเฟินไม่ยอมให้นางเจ็บปวดทรมาน“เราจะไม่มีบุตรอีก เว้นเสียแต่ว่าข้าสามารถอุ้มครรภ์แทนภรรยาได้ ข้าจึงจะเปลี่ยนใจ” ถ้อยคำอ่อนโยนทำให้ภรรยาหัวเราะออกมา นางยกมือป้องปากอย่างรักษากิริยา“ข้าเคยได้ยินเรื่องใต้เท้าจีกงอุ้มครรภ์แทนธิดาฟางเหนียง ท่านเป็นสามีที่มีเมตตารักใคร่ต่อภรรยานัก”“ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้”จือจือเล่าให้สามีฟังว่านางถือกำเนิดจากลูกแก้วแห่งชีวิต ไม่มีความทรงจำในอดีต ทว่านางทำงานในเรือนเทพแห่งสายน้ำ เรื่องเล่ากล่าวขานมากมายเกี่ยวกับใต้เท้าจีกงทำให้ผู้คนเลื่อมใส“อ้อ... สรุปว่าเทพสามารถให้กำเนิดบุตรได้ ท่านไปพบผู้เฒ่าลึกลับในทะเลลึก เพื่อขอลูกแก้วมาใส่ท้องตน เพราะว่าเห็นบุรุษเทพตั้งครรภ์แทนภรรยาได้ น่าขันนัก”เสียงหัวเราะลั่นดังไปทั่วเรือนปีศาจ สีหน้าของเขาเหยียดหยัน ไม่ว่าอย่างไร ปีศาจก็ยังไม่ชอบเทพอยู่ดี ธิดาจือจือคงเป็นกรณียกเว้นผู้เดียวขณะนัยน์ตาสีชาดราวกับว่ามีแสงวิ่งอยู่ภายในยามจ้องมองแก้มแดงซ่าน นางพูดจาเจื้อยแจ้วถึงเรื่องที่นางจะขอบาดเจ็บแทนสามี เฉกเช่นที่เขาขอเจ็บปวดแทนนาง หากเป็นเช่นนี้ก็คงไม่ได้มีบุ
“ท่านใจเต้นแรงเพราะภรรยาอยู่เสมอ”“ในภพภูมิบาดาล... ไม่มีบุรุษมาชอบพอเจ้าหรือ? ไม่มีใครทำให้เจ้ามีความรู้สึกเช่นนี้”“อาจมีแต่ข้าไม่รู้ ก็เป็นไปได้”รู้ทั้งรู้ว่าสามีพ่ายแพ้ต่ออารมณ์ริษยา จือจือมองเห็นเขี้ยวคมของสามี ปีกปักษาสีชาดกะพริบแสงในอกของเขา สีของปีกปักษาในอกเข้มขึ้นตามลำดับ พอ ๆ กับนัยน์ตาที่อาบด้วยโทสะในหัวของราชาจิ้งจอกวางแผนลอบสังหารบุรุษเทพผู้นั้น หลังตามหาตัวพบว่าเป็นใครแน่ ภรรยาผู้แสนดีทำลายแผนการของเขาลงเสียหมด“ข้าล้อท่านเล่น ไม่มีแน่นอนเจ้าค่ะ”“เจ้านี่ชอบหยอกล้อข้า ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง” ว่าแล้วเคาะหน้าผากเนียนเข้าทีหนึ่ง บนแต้มสีชาดปรากฏสัญลักษณ์ของภรรยาจิ้งจอกขณะดวงตาเรียวรีของนางราวจะยิ้มออกมาได้ เด็กชายทั้งสองวิ่งกลับมาหาบิดามารดาอ้ายเฉินมีนัยน์ตาสีชาด อ้ายเยว่มีนัยน์ตาสีมรกตทอประกายอย่างเผ่าพันธุ์ปักษา หากใบหน้าละม้ายคล้ายบิดามากกว่า โดยเฉพาะคิ้วหนาที่เรียบขนานไปกับดวงตาสดใส เขาดูเป็นปีศาจเข้มขรึมดุดัน ทว่ายังซุกซนอย่างเด็ก แม้เติบโตอยู่ในร่างของเด็กวัยสิบสองปีแล้ว แค่ผ่านพ้นไปไม่กี่วันบิดามารดานั่งฟังพวกเขาแย่งกันพูดจา บอกเล่าเรื่องราวสารพัด“ข้าไม่ว่าพว
ฮุ่ยเฟินนั่งหงุดหงิดภรรยา ไม่เข้าใจว่าทำไมนางจึงยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตน นางควรเห็นแก่ตัวบ้างในเมืองปีศาจ ไม่นานนัก ขนตางามงอนเป็นแพที่ขยับไหวเปิดเผยดวงตาสว่างใสให้เห็นอีกครา แสงสีชาดกะพริบในอกพร้อมหัวใจที่เต้นระรัวแรงจือจือชะโงกคอมองหาบุตรชายทั้งสอง “ลูกชายข้าเล่า?”“จะไม่ถามถึงสามีเลยหรือ?”“ข้าเชื่อว่าท่านคงดูแลตนเองดี โดยเฉพาะตอนนี้ บิดาอาจกำลังเวียนหัวกับการเลี้ยงดูเด็ก ๆ”“ข้าให้บ่าวรับใช้ดูแล เพียงออกไปดูพวกเขาเป็นครั้งคราว พวกเขาเข้ามาดูอาการของเจ้าอยู่ เพิ่งออกไปไม่นาน”“ข้าอยากพบลูกชายเจ้าค่ะ” ในสีหน้าออดอ้อนของนาง สามีจอมบงการเลื่อนมือไปแตะหน้าผากและแก้มเย็นเฉียบ“เจ้ายังไม่หายดี อดทนรออีกสักนิดไม่ได้เลยหรือ? ข้าไม่อยากให้ใครเข้ามารบกวนการพักผ่อนของเจ้า ข้าเองก็จะออกไป”“ได้โปรดเถิด เขาเป็นความรักของข้าและท่าน จะห่วงภรรยาก็ห่วง แต่จะริษยาเด็กน้อยไปทำไม อย่างไรเสียข้าก็มอบหัวใจให้ท่าน บุรุษเพียงผู้เดียว”“ภรรยา เจ้าทำเป็นพูดดีไป ข้าไม่ได้ริษยาพวกเขาเลย ข้ากำลังเป็นห่วงเจ้า”ถึงต่อว่าไปอย่างไร ฮุ่ยเฟินกลับใจอ่อนยอมนาง เห็นแววตาสุกใสเปล่งประกาย ปรารถนาจะพบบุตรชาย นางรับปากว่าห
นี่อาจเป็นการสมานฉันท์ระหว่างเผ่าพันธุ์จิ้งจอกและเหล่าเทพ แม้อาจทำให้เกิดสงครามระหว่างดินแดนขึ้น องค์ชายทั้งสิบจากเมืองฉางส่งสารมาถามไถ่เรื่องฝาแฝดทั้งสองอย่างไม่พึงพอใจนักเมืองฉางตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองฟู ในภพภูมิแห่งจิ้งจอก ถัดไปเป็นเมืองเหยียนของเหล่าอสรพิษ ได้ยินข่าวคราวจากองครักษ์ว่าพวกเขาไม่มีปัญหาแต่อย่างใด“ข้าไม่ชอบเสียงดัง คำโต้แย้ง ที่ผ่านมาถือว่าข้าเกรงใจพวกเขามาก กลายเป็นว่ามีเพียงองครักษ์ทั้งสาม บ่าวรับใช้ในจวนที่เป็นมิตรต่อจือจือ ส่วนผู้อื่น ไม่มีผู้ใดหยุด...”ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าเกรี้ยวกราดของราชาฮุ่ยเฟิน อาจสังหารปีศาจได้ทั้งเมืองโดยง่ายดาย เขาเดินผ่านโถงกว้างขวางในจวนอย่างสุขุม บอกตงหยางให้ส่งสารผ่านจิ้งจอกลูกสมุนไปเมืองเหยียน ขอให้เหล่าจิ้งจอกเอ็นดูเด็กชายทั้งสอง นั่นเป็นคำสั่งเสียมากกว่าคำขอร้อง“การต่อสู้กับแคว้นฟู่ซึ่งทุกเมืองปีศาจสวามิภักดิ์ เป็นเรื่องยากต่อกร จะเสียกำลังพลปีศาจไปโดยเปล่าประโยชน์ ใครดูถูกเหยียดหยามบุตรชายของนายท่าน เท่ากับเป็นปฏิปักษ์” ตงหยางให้ท้ายนายท่านหลายวันมานี้เหล่าองครักษ์ได้รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็ก รู้สึกเอ็นดูเด็กชายทั้งสองไม่น้อย
“เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไปจือจือ ไม่ว่าใครก็ตามเข้ามาขัดขวางการคลอดบุตรของภรรยาข้า มีโทษสถานเดียว ทุกชีวิตในสายเลือดมันผู้นั้นต้องตาย”“ท่านเดินทางไปร้องขอชีวิตข้าและบุตรของเราจากแดนยมทูตไม่ดีกว่าหรือ?”“ยากเกินไป” เอ่ยแล้วจึงก้มหน้าลงจูบหน้าผากเนียน “ข้าจะปกป้องเจ้าเป็นอย่างดี เจ้าจะคลอดบุตรโดยปลอดภัย ทั้งฝาแฝดสตรีหรือบุรุษจิ้งจอก ล้วนน่ายินดี พวกเขาจะเป็นพี่น้องที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน”จือจือได้ยินเช่นนั้น เงยหน้าขึ้นลอบมองกรามแกร่งด้วยสีหน้าเป็นสุข“ท่านไม่ควรเป็นกังวลไป สามี เทพล้วนโปรดปรานเด็กตัวเล็ก ๆ นัก บุตรของเราทั้งสองจะได้รับคำอวยพรจากเทพในเทวโลก แม้กระทั่งราชาผู้ยิ่งใหญ่...”ชั่วครู่หนึ่งของการสนทนา นางได้พบรอยยิ้มอ่อนโยน จากที่เคยแลดูเกรี้ยวกราดหากพูดถึงราชาแห่งสวรรค์เมื่อไร เขาไม่ได้ปฏิเสธเมตตาธรรมของท่านผู้ยิ่งใหญ่ ใครเมตตาบุตรของเขาก็ยินดี“เราจะตั้งชื่อ... พวกเขาว่าอะไร? เจ้าคิดไว้หรือยัง”“อ้ายเฉิน อ้ายเยว่ ชื่อของเขาหมายความถึงความรัก ข้าคิดว่าไม่เป็นอุปสรรค เมื่อเขาเติบใหญ่อาจไปบำเพ็ญเพียรในเมืองเทพก็ย่อมได้”“เจ้าไม่อยากให้บุตรชายเดินทางมาร?”จือจือส่ายหน้าไปมา “เขาอ
“หลายล้านปีเทวโลก อาจมีเพียงหนึ่ง นางผู้เปรียบดั่งดวงใจข้า สวรรค์ลิขิตให้ปีศาจผู้ไร้ใครต้านทานอย่างข้ามีความรักครั้งหนึ่ง เมื่อการถือกำเนิดของข้าไม่ควรมีอยู่ในทุกภพภูมิโลก หากนางไม่รับรักข้า จะสิ้นใจไปอย่างเชื่องช้า ร่างกายแข็งเป็นหิน เกล็ดน้ำแข็งเกาะกุมไปทั่วร่าง...”จางเหว่ยหัวเราะอย่างรักษากิริยา เป็นเรื่องน่าขันสำหรับเขา“เห็นทีว่านายท่านคงเป็นอมตะนิรันดร์กาล พวกข้าเคยได้ยินเรื่องเล่ากล่าวขานว่าเผ่าพันธุ์ปักษามีความรักที่มั่นคง”องครักษ์จิ้งจอกไม่ให้นายท่านได้กลายเป็นก้อนน้ำแข็งสมใจ ขณะใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มดีใจ ปรารถนาความรักของธิดาปักษาไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่าเป็นวาสนา ชะตากรรม พรหมลิขิต หรือว่าสิ่งใดแน่ทว่าการพบสบตานางผู้เปรียบดั่งดวงใจ นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุด...สตรีตั้งครรภ์ย่อมเป็นกังวลต่าง ๆ นานา สารพัดเรื่องราวซึ่งนางสามารถจินตนาการได้ จือจือชงชาให้สามี ระหว่างนั่งสนทนากับเขาอยู่ด้านหลังจวนกว้าง ในสวนที่มีพรรณพฤกษางอกเงย ดอกจื่อเถิงใต้จันทราสีชาด สามีภรรยานั่งพักพิงอิงแอบในอ้อมแขนกันและกันเป็นนิจราตรีนี้บ่าวรับใช้ยกจานใส่ขนมแป้งปั้นหน้าตาน่ารับประทานเข้ามาวางบนโ







