เข้าสู่ระบบจือจือนั่งอยู่บริเวณกลางห้อง ซึ่งเคยเป็นที่นั่งข้างกายของราชาจิ้งจอก เมื่อสามียกย่องนางอย่างเทียมหน้าเทียมตา ไม่ว่าเขาจะอยู่หรือไม่ก็ตาม
“ข้ารอเจ้าอยู่ตั้งนาน ไม่คิดมาทักทายผู้ใดเสียหน่อยหรือ วัน ๆ อยู่เฝ้าแต่ในจวน”
สตรีจิ้งจอกใบหน้าโฉบเฉี่ยวบนตั่งนั่งไม้สลักมองตามธิดาปักษาในอาภรณ์สง่าเยี่ยงปีศาจ ขณะที่รอบกายเทพธิดา กลีบละอองบุปผาขาวสะอาดลอยละล่อง สัญลักษณ์แห่งเทพทำให้สายตาหลายคู่คอยลอบมองนาง
ลี่อินเห็นว่าเจ้าของจวนไม่อยู่ นำทัพทหารจิ้งจอกออกไปจัดการเรื่องบ้านเมือง จึงอยากทักทายสตรีเทพเสียหน่อย เป็นผู้ไปเรียกนางมา
“ข้าไม่รู้ว่าพวกท่านจะจัดงานสังสรรค์ ข้าเองก็อยากจะพักผ่อน”
“เช่นนั้นเจ้ามาแล้ว ดื่มสุรากับพวกข้า” ปลายนิ้วเรียวยาวใต้กรงเล็บสีชาดผายออกเชื้อเชิญ สุราบนโต๊ะหน้าตั่งไม้สลักวางเรียงราย หลายชนิดในไหใบสีน้ำตาลส่งกลิ่นหอมฟุ้ง
ขณะนัยน์ตาสีชาดยังคงจ้องมองจอกสุราอย่างไม่ละวาง ทั้งที่ยังไม่ได้หยิบมัน สตรีปีศาจผู้นี้แลดูไม่น่าไว้วางใจ จือจือแน่ใจว่านางจะไม่รับของจากปีศาจแปลกหน้า
“ข้าจำเป็นต้องดื่มเพียงยาสมุนไพรตามคำสั่งท่านผู้นำ ให้งดสุรา ขออภัยด้วย”
จือจือหาข้อแก้ตัวได้ดี อีกฝ่ายหัวเราะเยาะนางด้วยท่าทางเกลียดชัง
“ฮึ! น่าเสียดายที่ข้าสังหารจิ้งจอกเฒ่าไปเสีย เพราะคำทำนายไม่เข้าหู”
นึกย้อนกลับไป ปักษาพเนจรในเมืองปีศาจพูดถึงคำทำนายของปีศาจจิ้งจอกเฒ่า ก่อนจะถูกสังหารด้วยน้ำมือของจิ้งจอกระดับสูง โดยไม่กล้าเอ่ยชื่อของนางผู้หนึ่ง จือจือปะติดปะต่อเรื่องราวโดยสัญชาตญาณ พอสรุปได้ว่าก็สมควรเป็น ‘ลี่อิน’ อดีตคู่หมั้นหมายของราชาจิ้งจอก
“เป็นเจ้านี่เอง สังหารจิ้งจอกนักทำนายผู้นั้น ไยเจ้ากลับไม่ได้รับโทษทัณฑ์?”
“ข้าได้รับการยกเว้นเสมอ ไม่ว่าข้าจะทำอะไรในเมืองฟู่ ธิดาปักษา เจ้าควรรู้จักข้าเอาไว้สักหน่อย สนิทสนมเป็นมิตรสหายกันได้ ย่อมเป็นเรื่องดี”
“ข้าเห็นด้วยกับเจ้า แม้ในตำราแห่งเมืองเทพเคยว่าไว้ถึงลักษณะของมิตรที่ดีและมิตรสังหาร นำพาอันตรายและความตายมาให้ได้ทุกเมื่อ”
ทั้งใบหน้างามใต้ริมฝีปากสีชาด เหนือเปลือกตาขาวคมกริบด้วยการผัดหน้าโฉบเฉี่ยว แต่งกายด้วยอาภรณ์เย้ายั่วใจบุรุษ กระทั่งกลิ่นหอมฉุนของนาง หางจิ้งจอกทั้งเก้าพลิ้วไหวอยู่เบื้องหลัง เป็นหางสีชาด
ในระยะห่างของการระแวดระวังภัย อาจทำให้อีกฝ่ายไม่พอพึงพอใจนัก
จิ้งจอกอาวุโสตนอื่น ๆ นั่งดื่มสุรา ไม่ไกลจากลี่อิน จือจือสังเกตเห็นว่าพวกเขามีเจ็ดหางและเก้าหาง มิใช่จิ้งจอกซึ่งพบเห็นทั่วไปในงานสังสรรค์เมื่อวันก่อนซึ่งมีจำนวนหางน้อยกว่า ไอหยินที่ปกคลุมรอบกายปีศาจเป็นเครื่องชี้นำว่าพวกเขามีพละกำลังมากมหาศาล นอกเหนือไปกว่านั้นยังพบการประดับหางด้วยหยกล้ำค่า อักขระหน้าตาประหลาดบนหยกบอกถึงยศศักดิ์ของพวกเขา
“ผู้ให้คำทำนายกล่าวว่าราชาจิ้งจอกจะอ่อนแอ ทว่าเข้มแข็งในขณะเดียว อาจไร้ชีวิตซึ่งเป็นอมตะนิรันดร์ เสียชีวิตลงได้เพราะการรับภรรยา คำทำนายไร้สาระนั่นเอ่ยถึงสตรีเทพ ร่างปักษาสะอาดอาบด้วยโลหิต อาจกลายเป็นซากศพ อาจอยู่ไปอีกถาวรนาน หาได้มีผู้ใดล่วงรู้อนาคต”
“ท่านจะอ่อนแอเพราะความรักต่อเทพธิดา ทว่าแข็งแกร่งในขณะเดียว จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ฟังดูประหลาดนัก”
“เหตุใดเจ้าต่อเติมคำทำนายไปเกินความจริง ธิดาจือจือ ข้าไม่ได้พูดแม้สักคำว่า ‘รักเทพธิดา’ เจ้ามาพูดเรื่องความรักอะไรในเมืองปีศาจ”
จิ้งจอกอาวุโสหัวเราะ ลี่อินทำให้สตรีเทพกลายเป็นตัวตลกท่ามกลางเหล่าจิ้งจอก ถึงแม้ว่านางจะมิได้ให้ความสนใจกับจิ้งจอกผู้เปี่ยมไปด้วยความริษยาทั้งวาจากิริยา กระทั่งสายตาที่มองนางอย่างเชือดเฉือน
“วิชาการสู้รบสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด จิ้งจอกล้วนให้ความช่วยเหลือหัวหน้าฝูงยามคับขันอย่างเต็มกำลัง เรายอมสละชีพเพื่อท่านผู้นำ เจ้าล่ะ?”
“ปีศาจอย่างเจ้าแน่ใจว่าจะสู้กับข้าหรือ? เจ้าถึงได้กล้าท้าทายข้า”
“ดึงกระบี่ของเจ้าออกมา ธิดาจือจือ” เสียงหัวเราะลั่นดังไปทั่งห้องโถงกว้าง นัยน์ตาสีชาดทอประกายวาวโรจน์ด้วยความเคียดแค้นชิงชังนางผู้แย่งชิงตำแหน่งภรรยาท่านผู้นำไป
ต่างฝ่ายต่างเฝ้ารอเวลาที่จะได้พบศัตรูตัวฉกาจมาเนิ่นนาน คงไม่มีใครปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือ
-----------
จือจือใช้กระบี่เทพฟาดฟันนางจิ้งจอก ด้วยโทสะและความริษยาเกลียดชังอันไร้เหตุผล ขณะแสงสีชาดจากหางพลิ้วไหวเก้าทรงพลัง ต้านทานกระบี่ทอประกายแสงแห่งหยาง จิ้งจอกเก้าหางผู้ถือครองพลังสีชาดหายไปด้วยความรวดเร็วดุจสายลมพัดผ่าน
ถึงนางจะบอกว่าไม่เป็นไร นั่นเป็นความเจ็บปวดทรมานที่แสนเป็นสุข ฮุ่ยเฟินไม่ยอมให้นางเจ็บปวดทรมาน“เราจะไม่มีบุตรอีก เว้นเสียแต่ว่าข้าสามารถอุ้มครรภ์แทนภรรยาได้ ข้าจึงจะเปลี่ยนใจ” ถ้อยคำอ่อนโยนทำให้ภรรยาหัวเราะออกมา นางยกมือป้องปากอย่างรักษากิริยา“ข้าเคยได้ยินเรื่องใต้เท้าจีกงอุ้มครรภ์แทนธิดาฟางเหนียง ท่านเป็นสามีที่มีเมตตารักใคร่ต่อภรรยานัก”“ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้”จือจือเล่าให้สามีฟังว่านางถือกำเนิดจากลูกแก้วแห่งชีวิต ไม่มีความทรงจำในอดีต ทว่านางทำงานในเรือนเทพแห่งสายน้ำ เรื่องเล่ากล่าวขานมากมายเกี่ยวกับใต้เท้าจีกงทำให้ผู้คนเลื่อมใส“อ้อ... สรุปว่าเทพสามารถให้กำเนิดบุตรได้ ท่านไปพบผู้เฒ่าลึกลับในทะเลลึก เพื่อขอลูกแก้วมาใส่ท้องตน เพราะว่าเห็นบุรุษเทพตั้งครรภ์แทนภรรยาได้ น่าขันนัก”เสียงหัวเราะลั่นดังไปทั่วเรือนปีศาจ สีหน้าของเขาเหยียดหยัน ไม่ว่าอย่างไร ปีศาจก็ยังไม่ชอบเทพอยู่ดี ธิดาจือจือคงเป็นกรณียกเว้นผู้เดียวขณะนัยน์ตาสีชาดราวกับว่ามีแสงวิ่งอยู่ภายในยามจ้องมองแก้มแดงซ่าน นางพูดจาเจื้อยแจ้วถึงเรื่องที่นางจะขอบาดเจ็บแทนสามี เฉกเช่นที่เขาขอเจ็บปวดแทนนาง หากเป็นเช่นนี้ก็คงไม่ได้มีบุ
“ท่านใจเต้นแรงเพราะภรรยาอยู่เสมอ”“ในภพภูมิบาดาล... ไม่มีบุรุษมาชอบพอเจ้าหรือ? ไม่มีใครทำให้เจ้ามีความรู้สึกเช่นนี้”“อาจมีแต่ข้าไม่รู้ ก็เป็นไปได้”รู้ทั้งรู้ว่าสามีพ่ายแพ้ต่ออารมณ์ริษยา จือจือมองเห็นเขี้ยวคมของสามี ปีกปักษาสีชาดกะพริบแสงในอกของเขา สีของปีกปักษาในอกเข้มขึ้นตามลำดับ พอ ๆ กับนัยน์ตาที่อาบด้วยโทสะในหัวของราชาจิ้งจอกวางแผนลอบสังหารบุรุษเทพผู้นั้น หลังตามหาตัวพบว่าเป็นใครแน่ ภรรยาผู้แสนดีทำลายแผนการของเขาลงเสียหมด“ข้าล้อท่านเล่น ไม่มีแน่นอนเจ้าค่ะ”“เจ้านี่ชอบหยอกล้อข้า ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง” ว่าแล้วเคาะหน้าผากเนียนเข้าทีหนึ่ง บนแต้มสีชาดปรากฏสัญลักษณ์ของภรรยาจิ้งจอกขณะดวงตาเรียวรีของนางราวจะยิ้มออกมาได้ เด็กชายทั้งสองวิ่งกลับมาหาบิดามารดาอ้ายเฉินมีนัยน์ตาสีชาด อ้ายเยว่มีนัยน์ตาสีมรกตทอประกายอย่างเผ่าพันธุ์ปักษา หากใบหน้าละม้ายคล้ายบิดามากกว่า โดยเฉพาะคิ้วหนาที่เรียบขนานไปกับดวงตาสดใส เขาดูเป็นปีศาจเข้มขรึมดุดัน ทว่ายังซุกซนอย่างเด็ก แม้เติบโตอยู่ในร่างของเด็กวัยสิบสองปีแล้ว แค่ผ่านพ้นไปไม่กี่วันบิดามารดานั่งฟังพวกเขาแย่งกันพูดจา บอกเล่าเรื่องราวสารพัด“ข้าไม่ว่าพว
ฮุ่ยเฟินนั่งหงุดหงิดภรรยา ไม่เข้าใจว่าทำไมนางจึงยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตน นางควรเห็นแก่ตัวบ้างในเมืองปีศาจ ไม่นานนัก ขนตางามงอนเป็นแพที่ขยับไหวเปิดเผยดวงตาสว่างใสให้เห็นอีกครา แสงสีชาดกะพริบในอกพร้อมหัวใจที่เต้นระรัวแรงจือจือชะโงกคอมองหาบุตรชายทั้งสอง “ลูกชายข้าเล่า?”“จะไม่ถามถึงสามีเลยหรือ?”“ข้าเชื่อว่าท่านคงดูแลตนเองดี โดยเฉพาะตอนนี้ บิดาอาจกำลังเวียนหัวกับการเลี้ยงดูเด็ก ๆ”“ข้าให้บ่าวรับใช้ดูแล เพียงออกไปดูพวกเขาเป็นครั้งคราว พวกเขาเข้ามาดูอาการของเจ้าอยู่ เพิ่งออกไปไม่นาน”“ข้าอยากพบลูกชายเจ้าค่ะ” ในสีหน้าออดอ้อนของนาง สามีจอมบงการเลื่อนมือไปแตะหน้าผากและแก้มเย็นเฉียบ“เจ้ายังไม่หายดี อดทนรออีกสักนิดไม่ได้เลยหรือ? ข้าไม่อยากให้ใครเข้ามารบกวนการพักผ่อนของเจ้า ข้าเองก็จะออกไป”“ได้โปรดเถิด เขาเป็นความรักของข้าและท่าน จะห่วงภรรยาก็ห่วง แต่จะริษยาเด็กน้อยไปทำไม อย่างไรเสียข้าก็มอบหัวใจให้ท่าน บุรุษเพียงผู้เดียว”“ภรรยา เจ้าทำเป็นพูดดีไป ข้าไม่ได้ริษยาพวกเขาเลย ข้ากำลังเป็นห่วงเจ้า”ถึงต่อว่าไปอย่างไร ฮุ่ยเฟินกลับใจอ่อนยอมนาง เห็นแววตาสุกใสเปล่งประกาย ปรารถนาจะพบบุตรชาย นางรับปากว่าห
นี่อาจเป็นการสมานฉันท์ระหว่างเผ่าพันธุ์จิ้งจอกและเหล่าเทพ แม้อาจทำให้เกิดสงครามระหว่างดินแดนขึ้น องค์ชายทั้งสิบจากเมืองฉางส่งสารมาถามไถ่เรื่องฝาแฝดทั้งสองอย่างไม่พึงพอใจนักเมืองฉางตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองฟู ในภพภูมิแห่งจิ้งจอก ถัดไปเป็นเมืองเหยียนของเหล่าอสรพิษ ได้ยินข่าวคราวจากองครักษ์ว่าพวกเขาไม่มีปัญหาแต่อย่างใด“ข้าไม่ชอบเสียงดัง คำโต้แย้ง ที่ผ่านมาถือว่าข้าเกรงใจพวกเขามาก กลายเป็นว่ามีเพียงองครักษ์ทั้งสาม บ่าวรับใช้ในจวนที่เป็นมิตรต่อจือจือ ส่วนผู้อื่น ไม่มีผู้ใดหยุด...”ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าเกรี้ยวกราดของราชาฮุ่ยเฟิน อาจสังหารปีศาจได้ทั้งเมืองโดยง่ายดาย เขาเดินผ่านโถงกว้างขวางในจวนอย่างสุขุม บอกตงหยางให้ส่งสารผ่านจิ้งจอกลูกสมุนไปเมืองเหยียน ขอให้เหล่าจิ้งจอกเอ็นดูเด็กชายทั้งสอง นั่นเป็นคำสั่งเสียมากกว่าคำขอร้อง“การต่อสู้กับแคว้นฟู่ซึ่งทุกเมืองปีศาจสวามิภักดิ์ เป็นเรื่องยากต่อกร จะเสียกำลังพลปีศาจไปโดยเปล่าประโยชน์ ใครดูถูกเหยียดหยามบุตรชายของนายท่าน เท่ากับเป็นปฏิปักษ์” ตงหยางให้ท้ายนายท่านหลายวันมานี้เหล่าองครักษ์ได้รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็ก รู้สึกเอ็นดูเด็กชายทั้งสองไม่น้อย
“เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไปจือจือ ไม่ว่าใครก็ตามเข้ามาขัดขวางการคลอดบุตรของภรรยาข้า มีโทษสถานเดียว ทุกชีวิตในสายเลือดมันผู้นั้นต้องตาย”“ท่านเดินทางไปร้องขอชีวิตข้าและบุตรของเราจากแดนยมทูตไม่ดีกว่าหรือ?”“ยากเกินไป” เอ่ยแล้วจึงก้มหน้าลงจูบหน้าผากเนียน “ข้าจะปกป้องเจ้าเป็นอย่างดี เจ้าจะคลอดบุตรโดยปลอดภัย ทั้งฝาแฝดสตรีหรือบุรุษจิ้งจอก ล้วนน่ายินดี พวกเขาจะเป็นพี่น้องที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน”จือจือได้ยินเช่นนั้น เงยหน้าขึ้นลอบมองกรามแกร่งด้วยสีหน้าเป็นสุข“ท่านไม่ควรเป็นกังวลไป สามี เทพล้วนโปรดปรานเด็กตัวเล็ก ๆ นัก บุตรของเราทั้งสองจะได้รับคำอวยพรจากเทพในเทวโลก แม้กระทั่งราชาผู้ยิ่งใหญ่...”ชั่วครู่หนึ่งของการสนทนา นางได้พบรอยยิ้มอ่อนโยน จากที่เคยแลดูเกรี้ยวกราดหากพูดถึงราชาแห่งสวรรค์เมื่อไร เขาไม่ได้ปฏิเสธเมตตาธรรมของท่านผู้ยิ่งใหญ่ ใครเมตตาบุตรของเขาก็ยินดี“เราจะตั้งชื่อ... พวกเขาว่าอะไร? เจ้าคิดไว้หรือยัง”“อ้ายเฉิน อ้ายเยว่ ชื่อของเขาหมายความถึงความรัก ข้าคิดว่าไม่เป็นอุปสรรค เมื่อเขาเติบใหญ่อาจไปบำเพ็ญเพียรในเมืองเทพก็ย่อมได้”“เจ้าไม่อยากให้บุตรชายเดินทางมาร?”จือจือส่ายหน้าไปมา “เขาอ
“หลายล้านปีเทวโลก อาจมีเพียงหนึ่ง นางผู้เปรียบดั่งดวงใจข้า สวรรค์ลิขิตให้ปีศาจผู้ไร้ใครต้านทานอย่างข้ามีความรักครั้งหนึ่ง เมื่อการถือกำเนิดของข้าไม่ควรมีอยู่ในทุกภพภูมิโลก หากนางไม่รับรักข้า จะสิ้นใจไปอย่างเชื่องช้า ร่างกายแข็งเป็นหิน เกล็ดน้ำแข็งเกาะกุมไปทั่วร่าง...”จางเหว่ยหัวเราะอย่างรักษากิริยา เป็นเรื่องน่าขันสำหรับเขา“เห็นทีว่านายท่านคงเป็นอมตะนิรันดร์กาล พวกข้าเคยได้ยินเรื่องเล่ากล่าวขานว่าเผ่าพันธุ์ปักษามีความรักที่มั่นคง”องครักษ์จิ้งจอกไม่ให้นายท่านได้กลายเป็นก้อนน้ำแข็งสมใจ ขณะใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มดีใจ ปรารถนาความรักของธิดาปักษาไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่าเป็นวาสนา ชะตากรรม พรหมลิขิต หรือว่าสิ่งใดแน่ทว่าการพบสบตานางผู้เปรียบดั่งดวงใจ นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุด...สตรีตั้งครรภ์ย่อมเป็นกังวลต่าง ๆ นานา สารพัดเรื่องราวซึ่งนางสามารถจินตนาการได้ จือจือชงชาให้สามี ระหว่างนั่งสนทนากับเขาอยู่ด้านหลังจวนกว้าง ในสวนที่มีพรรณพฤกษางอกเงย ดอกจื่อเถิงใต้จันทราสีชาด สามีภรรยานั่งพักพิงอิงแอบในอ้อมแขนกันและกันเป็นนิจราตรีนี้บ่าวรับใช้ยกจานใส่ขนมแป้งปั้นหน้าตาน่ารับประทานเข้ามาวางบนโ







