ANMELDENนางคิดพลางเฝ้ามองเขาด้วยแววตากลมโต ฮุ่ยเฟินลอบยิ้มจนมองเห็นเขี้ยวคมตรงมุมปาก เมื่อเขานำพานางไปชมเรือน มือกอดประคองเอวนาง ไอสีนิลห้อมล้อมรอบสองกาย พลันปรากฏขึ้นในห้องนอนกว้างขวางโอ่อ่า ใกล้เคียงกับจวนเดิมซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกล นางไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าราชาจิ้งจอกใช้เพียงฝ่ามือขวาข้างเดียว ยังทรงพลังถึงเพียงนี้ นางผู้บำเพ็ญเพียรมาแปดพันปีคงไม่ได้สักเศษเสี้ยวของเขา
“...ก็เลยมิได้ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ เพราะหมดพลังไปการสร้างเรือนไม้อันงดงามท่ามกลางท้องนทีในเมืองฟู่เสียแล้ว ข้าควรทำอย่างไรดี?”
ในคำถามของราชาจิ้งจอก พึ่งแต่งเรื่องโกหกขึ้นมา ด้วยความอยากรู้ว่านางจะโต้ตอบอย่างไร นัยน์ตาคู่คมจรดลงมองใบหน้างามใต้ริมฝีปากสีชาด สบแววตาใสซื่อของเทพธิดา ดูท่าทางว่านางคงไม่รู้เรื่องรู้ราวจริง ๆ
“ท่านจะให้ข้าทำอะไร?”
“หากข้าไม่ได้กอดหอมภรรยา จะแต่งงานกับเจ้าเพื่อไปอะไร?”
“ข้าไม่ทราบ...”
“เจ้าเป็นสตรีเฉลียวฉลาด รู้จักเอาตัวรอด เรื่องนี้แค่นี้ไยเจ้าไม่รู้ มิเช่นนั้นเจ้าก็แกล้งทำเป็นไม่รู้”
จือจือกลอกตาไปมา นึกขึ้นได้เรื่องหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่เคยเล่าให้นางฟัง ตอบสามีไปตามตรง “เทพล้วนถือกำเนิดจากลูกแก้วแห่งชีวิต จิตวิญญาณของผู้บำเพ็ญเพียร เมื่อสำเร็จเป็นเซียนจึงกลายเป็นเทพผู้ยึดถือความบริสุทธิ์ ถือครองพรหมจรรย์ บนเทวโลกที่ข้าพำนักอาศัยมีเพียงมิตรสหาย ศิษย์พี่ศิษย์น้อง หาได้มีเทพที่แต่งงานกันฉันสามีภรรยาไม่”
“ข้าได้ยินว่ามี... เจ้าไม่รู้จักเทพแห่งสายน้ำทิศประจิมหรือ?”
“นับว่าหาได้ยากยิ่งนัก กระทั่งว่าเคยมี พวกเขาเป็นคู่คิดคู่ครอง ร่วมทุกข์ร่วมสุข ถือความรักบริสุทธิ์เยี่ยงเทพ พวกเขาถือครองพรหมจรรย์”
สิ้นคำนั้น ผู้ให้ความเคารพตั้งใจฟังนางพูดจนจบ โน้มตัวลงประทับจุมพิตบนริมฝีปากของนางอย่างอ่อนโยน ธิดาปักษาไม่ทันตั้งตัวกับการจู่โจมแสนอ่อนหวาน นางเพียงปิดตาลงรับสัมผัสประหลาดนั้น
บุรุษร่างสูงกำยำค่อย ๆ ขบเม้มริมฝีปากบนอันนิ่มนวล ละเมียดละไมสัมผัสนาง ราวกับว่ากำลังลิ้มชิมอาหารอันโอชะ ฮุ่ยเฟินกลืนกินริมฝีปากทั้งบนและล่างของนางอย่างเชื่องช้า กอดประคองนางอย่างระมัดระวัง ให้สมกับที่เฝ้ารอคอยการปรากฏตัวของนาง ครั้งหนึ่งเคยคิดว่านางจะงดงามเพียงไหนในร่างของปักษาที่เฝ้าดูแล สบนัยน์ตาคู่สวยสีมรกต มองลึกลงไปราวกับว่านางถือครองมนตราแห่งความลุ่มหลง
เมื่อรองเท้าสีชาดลอยขึ้นเหยียบยืนในเวหาโดยไม่รีรอให้ผู้มีพลังมากกว่าจัดการ อ้อมแขนแข็งแรงกระชับกอดเอวคอดบาง จือจือไร้สำนึกรู้โดยสิ้นเชิง หัวสมองของนางขาวโพลนโล่งเปล่า ไม่รู้ตนด้วยซ้ำไปว่านางองอาจกล้าหาญมอบจุมพิตให้เขาเช่นกัน นางไม่รู้ว่านางกำลังทำอะไร ทั้งที่นางกล่าวกับเขาไปกว่านางเป็นเทพธิดาผู้ถือพรหมจารี นางกลืนคำพูดตนเองสิ้น
ชายอาภรณ์สีชาดพัดปลิวในเวหาเยียบเย็น ละอองบุปผาพลิ้วปลิวรอบกายของทั้งสองที่กอดจูบ เทพธิดาไม่อาจควบคุมพลังแห่งหยาง ปล่อยให้มันพัดปลิวไปตามลม สอดแทรกเข้าทุกไออณูของเวทสีนิลสนิท เมื่อนางถูกล่อลวงด้วยอ้อมกอดและจุมพิตปีศาจ ผู้มีความตั้งใจกระทำ กอดจูบนางปานจะกลืนกิน กว่าจะยอมปล่อยนาง ยกมุมปากขึ้นเปิดเผยรอยยิ้มพึงใจ ฮุ่ยเฟินหลุบตามองริมฝีปากสีชาดเอิบอิ่มเพราะพิษจูบ
“ตกลงว่าผู้ถือความบริสุทธิ์ ปรารถนาความรักของเทพ หรือว่าความหลงใหลคลั่งไคล้ของปีศาจ?”
ร่างบางในอาภรณ์สีชาดเหยียบปลายเท้าลงบนพื้น เมื่อสติของนางหวนคืน หลังพลั้งเผลอไปตามอารมณ์ นางตะกุกตะกักตอบ “ขะ... ข้าไม่ทราบ ข้าไม่เคยมีสามี ข้าไม่เคยใกล้ชิดบุรุษมาก่อน”
“ข้าไม่เคยใกล้ชิดสตรีเช่นกัน ข้ารู้สึกเหม็นกลิ่นของพวกนางนัก ส่วนเจ้าปักษาของข้าเป็นข้อยกเว้น”
นางได้ยินเรื่องนี้เพราะแอบฟังองครักษ์เจรจากัน ก้มหน้าลงมองเสื้อสีนิลอย่างเอียงอาย มืออุ่นร้อนเลื่อนขึ้นวางล้อมแก้มเย็นเฉียบของนาง ราชาจิ้งจอกตระหนักได้ว่ามีเรื่องสำคัญ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยากบอกลานางไปเลยก็ตาม
“ข้าคงต้องไปจัดการปีศาจในเมืองเสียก่อน พวกเขาไม่พึงพอใจเรื่องการแต่งงานของข้ากับเทพธิดา ข้ารับปากว่าจะรีบกลับมาหาภรรยาในทันที เร็วที่สุดเมื่อข้าเสร็จจัดการธุระเสร็จสิ้นทุกอย่าง ไม่มีปัญหาตามมา”
“ท่านไปเถิด... ข้ารอได้ ไยต้องรีบร้อน” นางยิ้มตอบอย่างไม่เต็มใจให้เขารีบกลับมา หาได้รู้ไม่ว่านั่นเป็นรอยยิ้มแรกของนาง ที่ประทับสำหรับบุรุษจิ้งจอกยิ่งนัก
ถึงนางจะบอกว่าไม่เป็นไร นั่นเป็นความเจ็บปวดทรมานที่แสนเป็นสุข ฮุ่ยเฟินไม่ยอมให้นางเจ็บปวดทรมาน“เราจะไม่มีบุตรอีก เว้นเสียแต่ว่าข้าสามารถอุ้มครรภ์แทนภรรยาได้ ข้าจึงจะเปลี่ยนใจ” ถ้อยคำอ่อนโยนทำให้ภรรยาหัวเราะออกมา นางยกมือป้องปากอย่างรักษากิริยา“ข้าเคยได้ยินเรื่องใต้เท้าจีกงอุ้มครรภ์แทนธิดาฟางเหนียง ท่านเป็นสามีที่มีเมตตารักใคร่ต่อภรรยานัก”“ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้”จือจือเล่าให้สามีฟังว่านางถือกำเนิดจากลูกแก้วแห่งชีวิต ไม่มีความทรงจำในอดีต ทว่านางทำงานในเรือนเทพแห่งสายน้ำ เรื่องเล่ากล่าวขานมากมายเกี่ยวกับใต้เท้าจีกงทำให้ผู้คนเลื่อมใส“อ้อ... สรุปว่าเทพสามารถให้กำเนิดบุตรได้ ท่านไปพบผู้เฒ่าลึกลับในทะเลลึก เพื่อขอลูกแก้วมาใส่ท้องตน เพราะว่าเห็นบุรุษเทพตั้งครรภ์แทนภรรยาได้ น่าขันนัก”เสียงหัวเราะลั่นดังไปทั่วเรือนปีศาจ สีหน้าของเขาเหยียดหยัน ไม่ว่าอย่างไร ปีศาจก็ยังไม่ชอบเทพอยู่ดี ธิดาจือจือคงเป็นกรณียกเว้นผู้เดียวขณะนัยน์ตาสีชาดราวกับว่ามีแสงวิ่งอยู่ภายในยามจ้องมองแก้มแดงซ่าน นางพูดจาเจื้อยแจ้วถึงเรื่องที่นางจะขอบาดเจ็บแทนสามี เฉกเช่นที่เขาขอเจ็บปวดแทนนาง หากเป็นเช่นนี้ก็คงไม่ได้มีบุ
“ท่านใจเต้นแรงเพราะภรรยาอยู่เสมอ”“ในภพภูมิบาดาล... ไม่มีบุรุษมาชอบพอเจ้าหรือ? ไม่มีใครทำให้เจ้ามีความรู้สึกเช่นนี้”“อาจมีแต่ข้าไม่รู้ ก็เป็นไปได้”รู้ทั้งรู้ว่าสามีพ่ายแพ้ต่ออารมณ์ริษยา จือจือมองเห็นเขี้ยวคมของสามี ปีกปักษาสีชาดกะพริบแสงในอกของเขา สีของปีกปักษาในอกเข้มขึ้นตามลำดับ พอ ๆ กับนัยน์ตาที่อาบด้วยโทสะในหัวของราชาจิ้งจอกวางแผนลอบสังหารบุรุษเทพผู้นั้น หลังตามหาตัวพบว่าเป็นใครแน่ ภรรยาผู้แสนดีทำลายแผนการของเขาลงเสียหมด“ข้าล้อท่านเล่น ไม่มีแน่นอนเจ้าค่ะ”“เจ้านี่ชอบหยอกล้อข้า ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง” ว่าแล้วเคาะหน้าผากเนียนเข้าทีหนึ่ง บนแต้มสีชาดปรากฏสัญลักษณ์ของภรรยาจิ้งจอกขณะดวงตาเรียวรีของนางราวจะยิ้มออกมาได้ เด็กชายทั้งสองวิ่งกลับมาหาบิดามารดาอ้ายเฉินมีนัยน์ตาสีชาด อ้ายเยว่มีนัยน์ตาสีมรกตทอประกายอย่างเผ่าพันธุ์ปักษา หากใบหน้าละม้ายคล้ายบิดามากกว่า โดยเฉพาะคิ้วหนาที่เรียบขนานไปกับดวงตาสดใส เขาดูเป็นปีศาจเข้มขรึมดุดัน ทว่ายังซุกซนอย่างเด็ก แม้เติบโตอยู่ในร่างของเด็กวัยสิบสองปีแล้ว แค่ผ่านพ้นไปไม่กี่วันบิดามารดานั่งฟังพวกเขาแย่งกันพูดจา บอกเล่าเรื่องราวสารพัด“ข้าไม่ว่าพว
ฮุ่ยเฟินนั่งหงุดหงิดภรรยา ไม่เข้าใจว่าทำไมนางจึงยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตน นางควรเห็นแก่ตัวบ้างในเมืองปีศาจ ไม่นานนัก ขนตางามงอนเป็นแพที่ขยับไหวเปิดเผยดวงตาสว่างใสให้เห็นอีกครา แสงสีชาดกะพริบในอกพร้อมหัวใจที่เต้นระรัวแรงจือจือชะโงกคอมองหาบุตรชายทั้งสอง “ลูกชายข้าเล่า?”“จะไม่ถามถึงสามีเลยหรือ?”“ข้าเชื่อว่าท่านคงดูแลตนเองดี โดยเฉพาะตอนนี้ บิดาอาจกำลังเวียนหัวกับการเลี้ยงดูเด็ก ๆ”“ข้าให้บ่าวรับใช้ดูแล เพียงออกไปดูพวกเขาเป็นครั้งคราว พวกเขาเข้ามาดูอาการของเจ้าอยู่ เพิ่งออกไปไม่นาน”“ข้าอยากพบลูกชายเจ้าค่ะ” ในสีหน้าออดอ้อนของนาง สามีจอมบงการเลื่อนมือไปแตะหน้าผากและแก้มเย็นเฉียบ“เจ้ายังไม่หายดี อดทนรออีกสักนิดไม่ได้เลยหรือ? ข้าไม่อยากให้ใครเข้ามารบกวนการพักผ่อนของเจ้า ข้าเองก็จะออกไป”“ได้โปรดเถิด เขาเป็นความรักของข้าและท่าน จะห่วงภรรยาก็ห่วง แต่จะริษยาเด็กน้อยไปทำไม อย่างไรเสียข้าก็มอบหัวใจให้ท่าน บุรุษเพียงผู้เดียว”“ภรรยา เจ้าทำเป็นพูดดีไป ข้าไม่ได้ริษยาพวกเขาเลย ข้ากำลังเป็นห่วงเจ้า”ถึงต่อว่าไปอย่างไร ฮุ่ยเฟินกลับใจอ่อนยอมนาง เห็นแววตาสุกใสเปล่งประกาย ปรารถนาจะพบบุตรชาย นางรับปากว่าห
นี่อาจเป็นการสมานฉันท์ระหว่างเผ่าพันธุ์จิ้งจอกและเหล่าเทพ แม้อาจทำให้เกิดสงครามระหว่างดินแดนขึ้น องค์ชายทั้งสิบจากเมืองฉางส่งสารมาถามไถ่เรื่องฝาแฝดทั้งสองอย่างไม่พึงพอใจนักเมืองฉางตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองฟู ในภพภูมิแห่งจิ้งจอก ถัดไปเป็นเมืองเหยียนของเหล่าอสรพิษ ได้ยินข่าวคราวจากองครักษ์ว่าพวกเขาไม่มีปัญหาแต่อย่างใด“ข้าไม่ชอบเสียงดัง คำโต้แย้ง ที่ผ่านมาถือว่าข้าเกรงใจพวกเขามาก กลายเป็นว่ามีเพียงองครักษ์ทั้งสาม บ่าวรับใช้ในจวนที่เป็นมิตรต่อจือจือ ส่วนผู้อื่น ไม่มีผู้ใดหยุด...”ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าเกรี้ยวกราดของราชาฮุ่ยเฟิน อาจสังหารปีศาจได้ทั้งเมืองโดยง่ายดาย เขาเดินผ่านโถงกว้างขวางในจวนอย่างสุขุม บอกตงหยางให้ส่งสารผ่านจิ้งจอกลูกสมุนไปเมืองเหยียน ขอให้เหล่าจิ้งจอกเอ็นดูเด็กชายทั้งสอง นั่นเป็นคำสั่งเสียมากกว่าคำขอร้อง“การต่อสู้กับแคว้นฟู่ซึ่งทุกเมืองปีศาจสวามิภักดิ์ เป็นเรื่องยากต่อกร จะเสียกำลังพลปีศาจไปโดยเปล่าประโยชน์ ใครดูถูกเหยียดหยามบุตรชายของนายท่าน เท่ากับเป็นปฏิปักษ์” ตงหยางให้ท้ายนายท่านหลายวันมานี้เหล่าองครักษ์ได้รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็ก รู้สึกเอ็นดูเด็กชายทั้งสองไม่น้อย
“เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไปจือจือ ไม่ว่าใครก็ตามเข้ามาขัดขวางการคลอดบุตรของภรรยาข้า มีโทษสถานเดียว ทุกชีวิตในสายเลือดมันผู้นั้นต้องตาย”“ท่านเดินทางไปร้องขอชีวิตข้าและบุตรของเราจากแดนยมทูตไม่ดีกว่าหรือ?”“ยากเกินไป” เอ่ยแล้วจึงก้มหน้าลงจูบหน้าผากเนียน “ข้าจะปกป้องเจ้าเป็นอย่างดี เจ้าจะคลอดบุตรโดยปลอดภัย ทั้งฝาแฝดสตรีหรือบุรุษจิ้งจอก ล้วนน่ายินดี พวกเขาจะเป็นพี่น้องที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน”จือจือได้ยินเช่นนั้น เงยหน้าขึ้นลอบมองกรามแกร่งด้วยสีหน้าเป็นสุข“ท่านไม่ควรเป็นกังวลไป สามี เทพล้วนโปรดปรานเด็กตัวเล็ก ๆ นัก บุตรของเราทั้งสองจะได้รับคำอวยพรจากเทพในเทวโลก แม้กระทั่งราชาผู้ยิ่งใหญ่...”ชั่วครู่หนึ่งของการสนทนา นางได้พบรอยยิ้มอ่อนโยน จากที่เคยแลดูเกรี้ยวกราดหากพูดถึงราชาแห่งสวรรค์เมื่อไร เขาไม่ได้ปฏิเสธเมตตาธรรมของท่านผู้ยิ่งใหญ่ ใครเมตตาบุตรของเขาก็ยินดี“เราจะตั้งชื่อ... พวกเขาว่าอะไร? เจ้าคิดไว้หรือยัง”“อ้ายเฉิน อ้ายเยว่ ชื่อของเขาหมายความถึงความรัก ข้าคิดว่าไม่เป็นอุปสรรค เมื่อเขาเติบใหญ่อาจไปบำเพ็ญเพียรในเมืองเทพก็ย่อมได้”“เจ้าไม่อยากให้บุตรชายเดินทางมาร?”จือจือส่ายหน้าไปมา “เขาอ
“หลายล้านปีเทวโลก อาจมีเพียงหนึ่ง นางผู้เปรียบดั่งดวงใจข้า สวรรค์ลิขิตให้ปีศาจผู้ไร้ใครต้านทานอย่างข้ามีความรักครั้งหนึ่ง เมื่อการถือกำเนิดของข้าไม่ควรมีอยู่ในทุกภพภูมิโลก หากนางไม่รับรักข้า จะสิ้นใจไปอย่างเชื่องช้า ร่างกายแข็งเป็นหิน เกล็ดน้ำแข็งเกาะกุมไปทั่วร่าง...”จางเหว่ยหัวเราะอย่างรักษากิริยา เป็นเรื่องน่าขันสำหรับเขา“เห็นทีว่านายท่านคงเป็นอมตะนิรันดร์กาล พวกข้าเคยได้ยินเรื่องเล่ากล่าวขานว่าเผ่าพันธุ์ปักษามีความรักที่มั่นคง”องครักษ์จิ้งจอกไม่ให้นายท่านได้กลายเป็นก้อนน้ำแข็งสมใจ ขณะใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มดีใจ ปรารถนาความรักของธิดาปักษาไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่าเป็นวาสนา ชะตากรรม พรหมลิขิต หรือว่าสิ่งใดแน่ทว่าการพบสบตานางผู้เปรียบดั่งดวงใจ นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุด...สตรีตั้งครรภ์ย่อมเป็นกังวลต่าง ๆ นานา สารพัดเรื่องราวซึ่งนางสามารถจินตนาการได้ จือจือชงชาให้สามี ระหว่างนั่งสนทนากับเขาอยู่ด้านหลังจวนกว้าง ในสวนที่มีพรรณพฤกษางอกเงย ดอกจื่อเถิงใต้จันทราสีชาด สามีภรรยานั่งพักพิงอิงแอบในอ้อมแขนกันและกันเป็นนิจราตรีนี้บ่าวรับใช้ยกจานใส่ขนมแป้งปั้นหน้าตาน่ารับประทานเข้ามาวางบนโ







