ANMELDENสตรีปีศาจผู้หนึ่งตะโกนกึกก้องด้วยแววตาก้าวร้าว กล่าวว่าอย่างไรปีศาจและเทพก็ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ จะต้องสู้รบกันจนกว่าจะมีผู้ใดเสียชีวิตไปเท่านั้น ไม่เว้นแม้กระทั่งเผ่าพันธุ์เทพปักษา
จือจือรู้สึกว่านางเป็นส่วนเกินของนครปีศาจแห่งนี้ ขณะที่นางไม่มีทางเลือกมากนัก เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาลง
“ข้ามิบังอาจมีความคิดเช่นนั้น ท่านฮุ่ยเฟินช่วยชีวิตข้าจากโคลนพิษ ค่ำคืนนั้นข้ากำลังจะขาดอากาศจนสิ้นใจ จนได้พบท่านที่ผ่านมาโดยบังเอิญ มิได้เพิกเฉยข้าเหมือนปีศาจตนอื่น ท่านป้อนข้าวป้อนน้ำ ป้อนยาข้า ท่านหยดยาให้ปีกที่หักพังของข้า ท่านเป็นมากเสียยิ่งกว่าผู้มีพระคุณ สำหรับข้า... ชีวิตที่เหลือหากต้องตาย ย่อมมอบให้ท่านเป็นการตอบแทน”
“จำได้ว่าก่อนหน้านี้เข้ายังจะหนีข้าไป เมื่อเจ้าได้ครอบครองมุกทะเลลึกทิศประจิม”
นัยน์ตาสีชาดดุดันทำให้นางเสียหน้าไม่น้อย นางก้มศีรษะ ยกมือประสานกันไว้ข้างหน้า ในกำมือนางมีพัดปักด้วยด้ายทอง “ขออภัย ๆ ไยข้าช่างเป็นเทพธิดาผู้กระทำการเสียมารยาทนัก ข้าตกใจจึงไม่ทันไตร่ตรองให้ดี”
ฮุ่ยเฟินคว้าจับข้อมือเล็กเพื่อห้ามปราม ไม่ให้ทำความเคารพสามี เพ่งมองไปยังป้ายสีชาดบนหน้าผากของนาง ด้วยแววตาเอ็นดู “ข้าไม่ถือสาภรรยา อาจมีบ้างที่จะใช้ความคิดในทางผิด เลือกทางเดินผิดพลาดได้ แต่ถ้าเจ้าเลือกได้แล้วก็ดี...”
“หลังจากที่ข้าได้ไตร่ตรองเป็นระยะเวลาหลายราตรี ข้ามีความตั้งใจว่าจะตอบแทนบุญคุณท่าน”
จือจือคาดไม่ถึงว่านางจะพูดไปโดยไม่คิดว่าจะตอบแทนอะไรเขา ฮุ่ยเฟินเสนอทางเลือกให้นางด้วยรอยยิ้มที่ปรากฏเขี้ยวขาวคม ด้วยใบหน้าหล่อเหลาอย่างปีศาจจิ้งจอก
“เช่นนั้นเจ้าคงรู้ใช่ไหมว่าเจ้าพำนักอาศัยในเป็นเมืองปีศาจ เจ้าแต่งงานกับราชาจิ้งจอกผู้รู้เพียงเรื่องของปีศาจ ที่นี่... มิใช่แดนเทพ...”
“ข้าทราบดี ท่านฮุ่ยเฟิน”
ด้วยสัญชาตญาณของเทพ ตระหนักรู้เป็นอย่างดีว่าปีศาจทำเรื่องอะไรบ้าง ถึงนางอาจไม่หนักแน่นพอกล่าวต่อเขาไปว่านางจะสามารถทำมันได้หรือไม่ กลุ่มไอปีศาจดึงนางเข้าไปกอดแนบกาย สบประสานสายตา อีกครู่หนึ่งฮุ่ยเฟินเบือนหน้าไปทางโคลนพิษกลิ่นเหม็นเน่า มันเป็นทั้งโคลนพิษและโคลนดูดในขณะเดียว
“เราจะสร้างเรือนหอที่นี่ ดีหรือไม่?”
‘ที่ ๆ นางตกโคลนเนี่ยนะ!’ อุทานในใจ ก่อนสัมผัสได้ถึงแววตารุ่มร้อน เมื่อมือหนากระชับเอวคอดบางเข้าแนบกาย บางสิ่งแข็งขึงดึงดัน รั้งร่างของมันขึ้นผงาดเหนือสะดือของนาง ใต้อาภรณ์สีชาดเป็นสิ่งขวางกั้นกลางระหว่างเขาและนาง ลอบกลืนน้ำลายลงคอ เพียงมือหนาขยับกระชับเอวนางอีกครั้งหนึ่งให้นางรับรู้ว่าเขาต้องการนาง เผลอสะดุ้งด้วยสีหน้าหวาดผวา
“ขะ ข้า... แล้วแต่สามี ข้าอยู่ได้ทุกที่...”
----------
เมื่อเรือนไม้กว้างขวางโอ่อ่าเนรมิตขึ้นในชั่วพริบตา ด้วยขุมพลังแห่งราชาจิ้งจอก จือจือแทบไม่เชื่อสายตาตน นางเคยได้ยินจากท่านอาจารย์ จากการอ่านตำราโบราณเล่มหนึ่งซึ่งส่งผ่านมาจากมือศิษย์พี่รองศิษย์พี่ใหญ่ ได้อ่านมันโดยละเอียดถี่ถ้วนตามคำสั่งของท่านอาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชาให้ศิษย์ในเทวโลกแล้วนางจะเป็นผู้รับตำราคนสุดท้าย
นับแต่ครั้งบรรพกาลมา ยากจะพบจิ้งจอกเก้าหางผู้ทรงพลานุภาพ ประหนึ่งว่าการพลิกแผ่นดินเป็นเรื่องการใช้เวทปีศาจทั่วไป เสมือนผ่อนลมหายใจเข้าออก
ท่านอาจารย์เล่าให้ศิษยานุศิษย์ฟังว่าปีศาจผู้ถือกำเนิดขึ้นพร้อมพลังอันยิ่งใหญ่ เมื่อห้าหมื่นปีที่แล้ว ทำเอากองทัพสวรรค์ค่อนข้างวุ่นวายทีเดียว ถึงขั้นต้องเกณฑ์กำลังจากเทวโลกชั้นน้ำ ชั้นดิน ไปช่วยเหลืออีกแรง จนได้ข่าวคราวจากแม่เฒ่านักทำนายว่าเขาไม่ได้เป็นผู้อันตรายต่อเทวโลกแต่อย่างใด ออกจะเป็นประโยชน์ด้วยซ้ำเมื่อจอมมารผู้ชั่วช้าโดยแท้จริงจุติขึ้นเพื่อการทำลายล้าง
คำทำนายของแม่เฒ่าอาวุโสไม่เคยผิดพลาดแม้สักครั้งหนึ่ง ถึงมีก็นับว่าน้อยมาก ครั้งนี้ยังเกิดเรื่องประหลาดเมื่อผู้ครอบครองเนตรแห่งการหยั่งรู้ รู้เห็นทุกสิ่งนับแสนปีเทวโลกอย่างราชาแห่งสวรรค์มิอาจมองเห็นอนาคตของจิ้งจอกเก้าหาง ก็ไม่แปลกที่จะเกิดการตื่นตระหนก เมื่อการปกป้องเทพหมู่มากผู้รักความสงบสุขมาเป็นอันดับแรก
น่าเสียดายอีกเรื่องหนึ่งคือจือจือและเทพอื่น ๆ กลายเป็นผู้ว่างงานหลังจากนั้นมา นางกิน ๆ นอน ๆ เฝ้าบำเพ็ญเพียรในเรือนไม้ท่ามกลางท้องนทีงดงาม เต็มไปด้วยมัจฉานานาชนิด
ขณะที่นางเฝ้ามองสามีเสกสร้างพายุแผ่นไม้ไล่เรียง พัดไหวใต้ลมเยียบเย็นพร้อมกลีบบุปผาพรรณหลากสีสัน ก่อกลายเป็นสถานที่พำนักอาศัย นางได้เล่าให้เจ้าของจวนฟังว่านางเคยอยู่กับศิษย์พี่รองศิษย์พี่ใหญ่อย่างไร นัยน์ตาสีชาดเปล่งประกายเจิดจรัส สนใจนางครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะกลับมามีสีหน้าเรียบเฉย
‘ราชาจิ้งจอกผู้นี้ช่างรูปโฉมงดงามปานหยกสลัก แม้จะดูเป็นบุรุษผู้มีเล่ห์เหลี่ยมร้ายกาจ ดูคิ้วเข้มหนาที่เรียงตัวเหนือดวงตาเรียวรีนั่นสิ ผิวพรรณขาวผ่องงามมิใช่นักรบองอาจแต่เป็นปีศาจจิ้งจอกผู้ล่อลวงสตรี ข้าจะตกหลุมพรางมิได้เป็นอันขาด’
ถึงนางจะบอกว่าไม่เป็นไร นั่นเป็นความเจ็บปวดทรมานที่แสนเป็นสุข ฮุ่ยเฟินไม่ยอมให้นางเจ็บปวดทรมาน“เราจะไม่มีบุตรอีก เว้นเสียแต่ว่าข้าสามารถอุ้มครรภ์แทนภรรยาได้ ข้าจึงจะเปลี่ยนใจ” ถ้อยคำอ่อนโยนทำให้ภรรยาหัวเราะออกมา นางยกมือป้องปากอย่างรักษากิริยา“ข้าเคยได้ยินเรื่องใต้เท้าจีกงอุ้มครรภ์แทนธิดาฟางเหนียง ท่านเป็นสามีที่มีเมตตารักใคร่ต่อภรรยานัก”“ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้”จือจือเล่าให้สามีฟังว่านางถือกำเนิดจากลูกแก้วแห่งชีวิต ไม่มีความทรงจำในอดีต ทว่านางทำงานในเรือนเทพแห่งสายน้ำ เรื่องเล่ากล่าวขานมากมายเกี่ยวกับใต้เท้าจีกงทำให้ผู้คนเลื่อมใส“อ้อ... สรุปว่าเทพสามารถให้กำเนิดบุตรได้ ท่านไปพบผู้เฒ่าลึกลับในทะเลลึก เพื่อขอลูกแก้วมาใส่ท้องตน เพราะว่าเห็นบุรุษเทพตั้งครรภ์แทนภรรยาได้ น่าขันนัก”เสียงหัวเราะลั่นดังไปทั่วเรือนปีศาจ สีหน้าของเขาเหยียดหยัน ไม่ว่าอย่างไร ปีศาจก็ยังไม่ชอบเทพอยู่ดี ธิดาจือจือคงเป็นกรณียกเว้นผู้เดียวขณะนัยน์ตาสีชาดราวกับว่ามีแสงวิ่งอยู่ภายในยามจ้องมองแก้มแดงซ่าน นางพูดจาเจื้อยแจ้วถึงเรื่องที่นางจะขอบาดเจ็บแทนสามี เฉกเช่นที่เขาขอเจ็บปวดแทนนาง หากเป็นเช่นนี้ก็คงไม่ได้มีบุ
“ท่านใจเต้นแรงเพราะภรรยาอยู่เสมอ”“ในภพภูมิบาดาล... ไม่มีบุรุษมาชอบพอเจ้าหรือ? ไม่มีใครทำให้เจ้ามีความรู้สึกเช่นนี้”“อาจมีแต่ข้าไม่รู้ ก็เป็นไปได้”รู้ทั้งรู้ว่าสามีพ่ายแพ้ต่ออารมณ์ริษยา จือจือมองเห็นเขี้ยวคมของสามี ปีกปักษาสีชาดกะพริบแสงในอกของเขา สีของปีกปักษาในอกเข้มขึ้นตามลำดับ พอ ๆ กับนัยน์ตาที่อาบด้วยโทสะในหัวของราชาจิ้งจอกวางแผนลอบสังหารบุรุษเทพผู้นั้น หลังตามหาตัวพบว่าเป็นใครแน่ ภรรยาผู้แสนดีทำลายแผนการของเขาลงเสียหมด“ข้าล้อท่านเล่น ไม่มีแน่นอนเจ้าค่ะ”“เจ้านี่ชอบหยอกล้อข้า ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง” ว่าแล้วเคาะหน้าผากเนียนเข้าทีหนึ่ง บนแต้มสีชาดปรากฏสัญลักษณ์ของภรรยาจิ้งจอกขณะดวงตาเรียวรีของนางราวจะยิ้มออกมาได้ เด็กชายทั้งสองวิ่งกลับมาหาบิดามารดาอ้ายเฉินมีนัยน์ตาสีชาด อ้ายเยว่มีนัยน์ตาสีมรกตทอประกายอย่างเผ่าพันธุ์ปักษา หากใบหน้าละม้ายคล้ายบิดามากกว่า โดยเฉพาะคิ้วหนาที่เรียบขนานไปกับดวงตาสดใส เขาดูเป็นปีศาจเข้มขรึมดุดัน ทว่ายังซุกซนอย่างเด็ก แม้เติบโตอยู่ในร่างของเด็กวัยสิบสองปีแล้ว แค่ผ่านพ้นไปไม่กี่วันบิดามารดานั่งฟังพวกเขาแย่งกันพูดจา บอกเล่าเรื่องราวสารพัด“ข้าไม่ว่าพว
ฮุ่ยเฟินนั่งหงุดหงิดภรรยา ไม่เข้าใจว่าทำไมนางจึงยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตน นางควรเห็นแก่ตัวบ้างในเมืองปีศาจ ไม่นานนัก ขนตางามงอนเป็นแพที่ขยับไหวเปิดเผยดวงตาสว่างใสให้เห็นอีกครา แสงสีชาดกะพริบในอกพร้อมหัวใจที่เต้นระรัวแรงจือจือชะโงกคอมองหาบุตรชายทั้งสอง “ลูกชายข้าเล่า?”“จะไม่ถามถึงสามีเลยหรือ?”“ข้าเชื่อว่าท่านคงดูแลตนเองดี โดยเฉพาะตอนนี้ บิดาอาจกำลังเวียนหัวกับการเลี้ยงดูเด็ก ๆ”“ข้าให้บ่าวรับใช้ดูแล เพียงออกไปดูพวกเขาเป็นครั้งคราว พวกเขาเข้ามาดูอาการของเจ้าอยู่ เพิ่งออกไปไม่นาน”“ข้าอยากพบลูกชายเจ้าค่ะ” ในสีหน้าออดอ้อนของนาง สามีจอมบงการเลื่อนมือไปแตะหน้าผากและแก้มเย็นเฉียบ“เจ้ายังไม่หายดี อดทนรออีกสักนิดไม่ได้เลยหรือ? ข้าไม่อยากให้ใครเข้ามารบกวนการพักผ่อนของเจ้า ข้าเองก็จะออกไป”“ได้โปรดเถิด เขาเป็นความรักของข้าและท่าน จะห่วงภรรยาก็ห่วง แต่จะริษยาเด็กน้อยไปทำไม อย่างไรเสียข้าก็มอบหัวใจให้ท่าน บุรุษเพียงผู้เดียว”“ภรรยา เจ้าทำเป็นพูดดีไป ข้าไม่ได้ริษยาพวกเขาเลย ข้ากำลังเป็นห่วงเจ้า”ถึงต่อว่าไปอย่างไร ฮุ่ยเฟินกลับใจอ่อนยอมนาง เห็นแววตาสุกใสเปล่งประกาย ปรารถนาจะพบบุตรชาย นางรับปากว่าห
นี่อาจเป็นการสมานฉันท์ระหว่างเผ่าพันธุ์จิ้งจอกและเหล่าเทพ แม้อาจทำให้เกิดสงครามระหว่างดินแดนขึ้น องค์ชายทั้งสิบจากเมืองฉางส่งสารมาถามไถ่เรื่องฝาแฝดทั้งสองอย่างไม่พึงพอใจนักเมืองฉางตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองฟู ในภพภูมิแห่งจิ้งจอก ถัดไปเป็นเมืองเหยียนของเหล่าอสรพิษ ได้ยินข่าวคราวจากองครักษ์ว่าพวกเขาไม่มีปัญหาแต่อย่างใด“ข้าไม่ชอบเสียงดัง คำโต้แย้ง ที่ผ่านมาถือว่าข้าเกรงใจพวกเขามาก กลายเป็นว่ามีเพียงองครักษ์ทั้งสาม บ่าวรับใช้ในจวนที่เป็นมิตรต่อจือจือ ส่วนผู้อื่น ไม่มีผู้ใดหยุด...”ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าเกรี้ยวกราดของราชาฮุ่ยเฟิน อาจสังหารปีศาจได้ทั้งเมืองโดยง่ายดาย เขาเดินผ่านโถงกว้างขวางในจวนอย่างสุขุม บอกตงหยางให้ส่งสารผ่านจิ้งจอกลูกสมุนไปเมืองเหยียน ขอให้เหล่าจิ้งจอกเอ็นดูเด็กชายทั้งสอง นั่นเป็นคำสั่งเสียมากกว่าคำขอร้อง“การต่อสู้กับแคว้นฟู่ซึ่งทุกเมืองปีศาจสวามิภักดิ์ เป็นเรื่องยากต่อกร จะเสียกำลังพลปีศาจไปโดยเปล่าประโยชน์ ใครดูถูกเหยียดหยามบุตรชายของนายท่าน เท่ากับเป็นปฏิปักษ์” ตงหยางให้ท้ายนายท่านหลายวันมานี้เหล่าองครักษ์ได้รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็ก รู้สึกเอ็นดูเด็กชายทั้งสองไม่น้อย
“เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไปจือจือ ไม่ว่าใครก็ตามเข้ามาขัดขวางการคลอดบุตรของภรรยาข้า มีโทษสถานเดียว ทุกชีวิตในสายเลือดมันผู้นั้นต้องตาย”“ท่านเดินทางไปร้องขอชีวิตข้าและบุตรของเราจากแดนยมทูตไม่ดีกว่าหรือ?”“ยากเกินไป” เอ่ยแล้วจึงก้มหน้าลงจูบหน้าผากเนียน “ข้าจะปกป้องเจ้าเป็นอย่างดี เจ้าจะคลอดบุตรโดยปลอดภัย ทั้งฝาแฝดสตรีหรือบุรุษจิ้งจอก ล้วนน่ายินดี พวกเขาจะเป็นพี่น้องที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน”จือจือได้ยินเช่นนั้น เงยหน้าขึ้นลอบมองกรามแกร่งด้วยสีหน้าเป็นสุข“ท่านไม่ควรเป็นกังวลไป สามี เทพล้วนโปรดปรานเด็กตัวเล็ก ๆ นัก บุตรของเราทั้งสองจะได้รับคำอวยพรจากเทพในเทวโลก แม้กระทั่งราชาผู้ยิ่งใหญ่...”ชั่วครู่หนึ่งของการสนทนา นางได้พบรอยยิ้มอ่อนโยน จากที่เคยแลดูเกรี้ยวกราดหากพูดถึงราชาแห่งสวรรค์เมื่อไร เขาไม่ได้ปฏิเสธเมตตาธรรมของท่านผู้ยิ่งใหญ่ ใครเมตตาบุตรของเขาก็ยินดี“เราจะตั้งชื่อ... พวกเขาว่าอะไร? เจ้าคิดไว้หรือยัง”“อ้ายเฉิน อ้ายเยว่ ชื่อของเขาหมายความถึงความรัก ข้าคิดว่าไม่เป็นอุปสรรค เมื่อเขาเติบใหญ่อาจไปบำเพ็ญเพียรในเมืองเทพก็ย่อมได้”“เจ้าไม่อยากให้บุตรชายเดินทางมาร?”จือจือส่ายหน้าไปมา “เขาอ
“หลายล้านปีเทวโลก อาจมีเพียงหนึ่ง นางผู้เปรียบดั่งดวงใจข้า สวรรค์ลิขิตให้ปีศาจผู้ไร้ใครต้านทานอย่างข้ามีความรักครั้งหนึ่ง เมื่อการถือกำเนิดของข้าไม่ควรมีอยู่ในทุกภพภูมิโลก หากนางไม่รับรักข้า จะสิ้นใจไปอย่างเชื่องช้า ร่างกายแข็งเป็นหิน เกล็ดน้ำแข็งเกาะกุมไปทั่วร่าง...”จางเหว่ยหัวเราะอย่างรักษากิริยา เป็นเรื่องน่าขันสำหรับเขา“เห็นทีว่านายท่านคงเป็นอมตะนิรันดร์กาล พวกข้าเคยได้ยินเรื่องเล่ากล่าวขานว่าเผ่าพันธุ์ปักษามีความรักที่มั่นคง”องครักษ์จิ้งจอกไม่ให้นายท่านได้กลายเป็นก้อนน้ำแข็งสมใจ ขณะใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มดีใจ ปรารถนาความรักของธิดาปักษาไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่าเป็นวาสนา ชะตากรรม พรหมลิขิต หรือว่าสิ่งใดแน่ทว่าการพบสบตานางผู้เปรียบดั่งดวงใจ นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุด...สตรีตั้งครรภ์ย่อมเป็นกังวลต่าง ๆ นานา สารพัดเรื่องราวซึ่งนางสามารถจินตนาการได้ จือจือชงชาให้สามี ระหว่างนั่งสนทนากับเขาอยู่ด้านหลังจวนกว้าง ในสวนที่มีพรรณพฤกษางอกเงย ดอกจื่อเถิงใต้จันทราสีชาด สามีภรรยานั่งพักพิงอิงแอบในอ้อมแขนกันและกันเป็นนิจราตรีนี้บ่าวรับใช้ยกจานใส่ขนมแป้งปั้นหน้าตาน่ารับประทานเข้ามาวางบนโ







