“ไอ้บ้านี่ก็นะ… นั่งยิ้มอยู่ได้ทั้งวัน ใกล้สอบเต็มทีแล้ว ไม่คิดจะทบทวนอะไรบ้างรึไงวะ?”
“นั่นสิ เพ้อหาน้องเจสทั้งวันเลยจริง ๆ” ฮันน่าพูดเสริมพร้อมกลอกตาอย่างเอือมระอา ปอร์เช่ไหวไหล่อย่างไม่ทุกข์ร้อน “คนอย่างกูไม่ต้องอ่านก็ได้เว้ย ฉลาดอยู่แล้ว” “เออ ว่าแต่… หวานใจสมัยเด็กของมึงนั่น กอบัวจริงดิ?” ฮันน่าถามอย่างอยากรู้ คำถามนั้นทำให้บรรยากาศคึกคักเงียบลงทันที เซนเซกับปอร์เช่ชะงัก สายตาสองคู่ที่เคยสดใสพลันหลุบต่ำ เงียบงันจนน่าอึดอัด ฮันน่าเหลือบมองทั้งสอง ก่อนจะพยายามพูดกลบเกลื่อน “เอ่อ ช่างเถอะ มาทบทวน——” ยังไม่ทันพูดจบดี ปอร์เช่ก็พูดแทรกขึ้นมากะทันหัน “อืม… เด็กคนนั้นคือกอบัว” คำตอบนั้นยิ่งตอกย้ำความเงียบ เซนเซก้มหน้าหลบสายตาทุกคน ไม่เอ่ยคำใดแม้แต่นิดเดียว “แล้วมึงจะเอายังไงวะ?” ฮันน่าหันไปถามปอร์เช่ “ดูเหมือนนางจะชอบมึงนะ ช่วงนี้ก็เห็นพยายามเข้าหาตลอด แถมยังเป็นเพื่อนสนิทของน้องเจสด้วยอีกต่างหาก…” “กูรักเจสคนเดียว ส่วนกอบัว… กูคิดกับเธอแค่น้องสาว” เซนเซเงยหน้าขึ้นในที่สุด สีหน้าเย็นชา แฝงความประชดอย่างชัดเจน “แน่ใจเหรอวะ? มึงก็เคยชอบกอบัวไม่ใช่เหรอ แล้วมึงแน่ใจได้ไง… ว่าจะไม่กลับไปคิดแบบเดิมอีก?” ทั้งฮันน่าและปอร์เช่ชะงักไป เซนเซกัดฟันแน่น ก่อนลุกพรวดขึ้นอย่างหัวเสีย เดินออกจากห้องไปเงียบๆ ปอร์เช่กำลังจะตามไป แต่ถูกฮันน่ารั้งไว้ “เฮ้ย ไอ้ปอร์เช่ ใจเย็นก่อนดิวะ! มึงก็รู้ว่ามันชอบกอบัวมานาน ตามจีบจนแทบยอมหมดทุกอย่าง แต่สุดท้ายมารู้เรื่องแบบนี้ ใครจะทำใจได้วะ…” “แต่มันก็ไม่ควรพูดแบบนั้นไง ถ้าเจสมาได้ยินเข้า เธอจะคิดยังไง?” “เอาเถอะน่า… แต่มึงยังไม่ได้บอกเจสใช่ไหมล่ะ เรื่องกอบัวน่ะ” “…ยัง” “กูว่า มึงควรบอกนะ ถ้าเกิดน้องเขารู้จากคนอื่น… มันอาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ก็ได้” “อืม… กูรู้แล้ว” ⸻ เวลาผ่านไป แม้จะตั้งใจจะบอก แต่ปอร์เช่ก็ยังหาจังหวะเหมาะไม่ได้เสียที เขาติดแฟนสาวมากขึ้นทุกวัน แต่เรื่องสำคัญนั้นกลับยังค้างคาอยู่ในใจ ค่ำวันหยุด ปอร์เช่นั่งวีดีโอคอลกับเจส แฟนสาวสุดที่รัก “ที่รักกกก เค้าคิดถึง ขอไปหาหน่อยน้า~” เขาอ้อนเสียงหวาน ดวงตาเว้าวอน “ไม่ค่ะ” เจสตอบกลับอย่างหนักแน่น “น้าา~ พี่คิดถึงนะ พี่ตั้งใจเรียนแล้ว เตรียมสอบอย่างที่หนูขอแล้วไง ทำไมยังใจร้ายกับพี่อยู่ล่ะ ฮึก…” เสียงอ้อนเริ่มสั่นเครือ น้ำตาคลอเบ้า เรียกร้องความสนใจอย่างน่าสงสาร เจสเงียบไปชั่วครู่ สายตาอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด “ก็ได้ๆ จะมาก็มา…” “จริงนะ!!” ปอร์เช่เบิกตากว้าง กระโดดคว้ากุญแจรถที่เตรียมวางไว้ล่วงหน้า แล้วรีบวิ่งออกจากห้องโดยไม่ยอมวางสาย อะไรมันจะขนาดนั้นกัน “อย่าวางสายนะ!” “พี่อย่ารีบ ขับรถดีๆนะ!” คนในสายเอาแต่ละลิกละลี้ไม่รู้จะดีใจตื่นเต้นอะไรนักหนา อย่างกับคนไม่ได้เจอกันนานนับปี จนหญิงสาวต้องเอ่ยเตือน “ค้าบบบ~” ⸻ หน้าห้องเจส เสียงเบรกดัง เอี๊ยด! ก่อนที่เขาจะเปิดประตูรถอย่างรวดเร็ว พุ่งตัวไปกอดแฟนสาวทันทีโดยไม่รีรอ ปากประกบจูบเธอแนบแน่น มือใหญ่โอบประคองใบหน้าเล็กไว้ราวกับหวงแหนเธอที่สุดในโลก “อื้อ…” สัมผัสที่ทั้งโหยหาและคิดถึงส่งผ่านกันอย่างชัดเจน เธอก็โต้ตอบกลับไม่แพ้กัน มือใหญ่ค่อยๆ ปิดประตู ล็อกกลอนแน่นหนาโดยที่ริมฝีปากยังไม่ยอมผละออก เขาดันเธอไปยังโซฟาอย่างเร่งเร้า ปากยังคงจูบดูดดื่ม ถกเสื้อเธอขึ้นด้วยมืออันชำนาญ ก่อนปลดบราแล้วบีบเค้นทรวงอกอวบอิ่มราวกับอดกลั้นมานาน จ๊วบ… จ๊วบ… เสียงจูบดูดดื่มกึกก้องไปทั่วห้องที่มีเพียงเขาและเธอ มือเล็กเกี่ยวคอเขาแน่น อีกข้างขยุ้มเส้นผมด้วยอารมณ์ที่เดือดพล่าน เสียงหายใจถี่แรงดังสอดประสานกับเสียงดูดกลืนผิวเนื้อ ลิ้นของเขาค่อยๆ ลากไล้ไปยังซอกคอ ซุกไซร้อย่างหิวกระหาย ก่อนจะเลื่อนต่ำลงไปจนถึงสองเต้าตูมที่กลายเป็นของโปรดในค่ำคืนนี้ ยอดอกที่แข็งเป็นไตถูกเขาดูดเม้มอย่างรุนแรง จนเธอเผลอครางเสียงหวาน “อื้ม… อ่า…”สหรัฐอเมริกา “ข่าวเด็ดสดๆใหม่ๆค่ะคุณผู้ชม! ประธานแห่ง K กรุ๊ป ผู้ที่เพิ่งก้าวขึ้นรับตำแหน่งได้เพียงหนึ่งปี กลับสามารถสร้างอิทธิพลในแวดวงธุรกิจได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ประเด็นร้อนที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องอิทธิพลของคุณปอร์เช่นะคะ แต่เป็นเรื่องของหัวใจค่ะ! ใช่แล้วค่ะ ภาพหลุดของคุณปอร์เช่กับซูเปอร์สตาร์ชื่อดังหน้าใหม่อย่างคุณกอบัว กำลังเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล! หลายคนกำลังลุ้นกันว่า หรือทั้งคู่จะแอบคบหากันอยู่จริงๆ!?” หญิงสาวผู้หนึ่งนั่งฟังข่าวจากอีกซีกโลกผ่านไอแพดในมือ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แววตาทั้งคมและเย็นชาราวกับรู้อะไรมากกว่าที่ใครคิด “หึ…คบกันงั้นเหรอ…น่าสนใจดีนี่” “คุณหนูเล็กคะ คุณท่านให้มาตามให้ไปรับประทานของว่างค่ะ” เสียงของสาวใช้ดังขึ้นจากหน้าห้อง หญิงสาวเงยหน้าขึ้นเพียงเล็กน้อยก่อนตะโกนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เดี๋ยวเจสลงไปค่ะ” ⸻ ด้านล่างคฤหาสน์ “มาเร็วสิหลานรัก ย่าทำของโปรดไว้ให้เพียบเลยนะจ๊ะ” มาเดลิน ผู้เป็นย่าเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม ขณะหญิงสาวเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร เจสสิก้ารีบเดินตรงไปยังโต๊ะที่เต็มไปด้วยของว่างหน้าตาน่ารับ
ประเทศสหรัฐอเมริกา เสียงเบรกของรถหรูดังขึ้นเบาๆ หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ เอี๊ยด~ รถยนต์คันงามจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าคฤหาสน์สุดหรู ก่อนที่ประตูหน้าจะเปิดออกพร้อมร่างสูงในชุดสูทดำของบอดี้การ์ดคนสนิท เขาก้าวเท้าไปยังประตูหลังด้วยท่วงท่าสง่างามและมั่นคง ก่อนจะเปิดมันออกอย่างสุภาพเพื่อรับหญิงสาวคนสำคัญ ขาเรียวยาวของหญิงสาวเหยียบลงจากรถทีละข้างอย่างเรียบหรูร่างของเธอปรากฏพร้อมกับเสื้อผ้าสุดหรูดูมีระดับ และทันทีที่คนตัวเล็กก้าวลงมาเต็มตัว ชายชุดดำก็ก้มศีรษะทำความเคารพด้วยความนอบน้อม “หลานรักของย่า~~~” เสียงหญิงชราเอ่ยขึ้นอย่างเปี่ยมสุข รอยยิ้มอบอุ่นของท่านปรากฏอยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์ ผู้เป็นย่ายืนกางแขนออกพร้อมต้อนรับหลานสาวที่ตนรักสุดหัวใจ “คุณย่า!!” หญิงสาวร้องเรียกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ร่างเล็กรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดร่างอันอบอุ่นของย่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน ทั้งสองสวมกอดกันแน่นราวกับโลกนี้มีกันแค่สองคน “คิดถึงที่สุดเลยหลานรักของย่า” “หนูก็คิดถึงคุณย่ามากกกกเลยค่ะ” เสียงใสๆ ที่แฝงด้วยความน่ารักของหญิงสาวทำเอาผู้สูงวัยยิ้มกว้าง ดวงตาเปล่งประกายไปด้วยความรักและความคิดถึง ทั้งสองเดินเคี
“ทำไมไม่ยิ้มหน่อยวะไอ้ปอร์เช่” “นั่นดิ กูเห็นมึงเหม่อตั้งนานละ” เสียงเพื่อนสองคนดังขึ้นติดกัน คล้ายจะดึงสติชายหนุ่มให้กลับมาจากภวังค์ แต่ปอร์เช่ก็ยังคงนั่งเงียบ สีหน้าเรียบนิ่งจนเกือบจะดูเย็นชา ดวงตาเขาไม่หยุดเหลือบมองไปทั่วบริเวณคล้ายกำลังตามหาใครบางคน ทว่า…ไม่ว่าจะมองเท่าไรก็ไม่เห็นเธอคนนั้นเลย “…..” ไม่มีคำตอบ ไม่มีคำอธิบาย มีแค่ความเงียบที่แผ่ซ่านไปทั่วโต๊ะ จนเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยเริ่มรู้สึกอึดอัดแทน “อ่อ กูรู้ละ…” “เอาน่า ไม่เป็นไรหรอก มึงจะคิดมากทำไม น้องเจสเขาอาจจะติดธุระอยู่ก็ได้” เซนเซพูดพลางตบบ่าเบา ๆ เหมือนจะปลอบใจ แต่ปอร์เช่กลับไม่แม้แต่จะหันมามอง ริมฝีปากเม้มแน่นเล็กน้อยเหมือนกำลังพยายามสะกดกลั้นบางอย่างไว้ ทันใดนั้น เขาก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ คว้าโทรศัพท์ในมือแน่น ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร “เอ้า! มึงจะไปไหนวะ!” เสียงเพื่อนร้องตามหลัง แต่ชายหนุ่มไม่ได้หยุดเดิน เขากดโทรศัพท์หาหมายเลขเดิมอีกครั้ง รอสาย แต่ก็เหมือนเดิม หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้… มือที่ถือโทรศัพท์เริ่มสั่นเล็กน้อย เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เสียงบรรยากาศงานด้านหลังก็ดูจะค่อยๆ เ
ซ่า… ซ่า… ซ่า… เสียงเนื้อที่กำลังถูกผัดอยู่ในกระทะดังต่อเนื่องในห้องครัวของคอนโดสุดหรู หญิงสาวร่างบางกำลังยืนเตรียมอาหารเช้าด้วยท่าทีคล่องแคล่ว ขณะที่แสงแดดยามเช้าส่องผ่านม่านโปร่งบางเข้ามาอาบตัวเธอเบาๆ ฟุ่บ… แขนแกร่งวงใหญ่เข้ามารัดรอบเอวเธอจากด้านหลัง พร้อมกับใบหน้าคมที่ซุกลงมาตรงซอกคอขาวอย่างออดอ้อน “หอมจัง ที่รักทำอะไรครับ” เสียงทุ้มแหบเอ่ยถามพลางสูดกลิ่นหอมจากผิวเนียนตรงลำคอ “ที่รัก หนูทำอาหารอยู่นะคะ อย่าเพิ่งกวนสิ” “ก็พี่คิดถึงนี่นา” เขาไม่ฟังเลยสักนิด มือยังคงกอดแน่นราวกับไม่อยากให้เธอขยับไปไหน ร่างสูงเอาแต่แนบชิดจนหญิงสาวต้องถอนหายใจนิดๆ อย่างเอ็นดู “อีกไม่กี่วันก็วันรับปริญญาแล้ว พี่อยากได้อะไรคะ?” “พี่อยากได้หนู” “หนูบ้านหรือหนูนาคะ?” “ที่รักอ่ะ!” หญิงสาวหลุดหัวเราะออกมากับสีหน้าและน้ำเสียงแบบเด็กน้อยสามขวบของเขา ใบหน้าที่เคยเคร่งขรึมกลายเป็นออดอ้อนราวกับแมวที่อ้อนเจ้าของ เพราะรู้ว่าเขาจะไม่มีวันหยุดกวนหากยังยืนอยู่แบบนี้ ร่างเล็กจึงยื่นมือไปปิดเตาแก๊ส และหันกลับมาเผชิญหน้า— !!! แต่ไม่ทันตั้งตัว ร่างสูงก็พุ่งเข้าประกบริมฝีปากนุ่มอย่างรวดเร็ว พร
“อย่าคิดว่ากูต่อยยัยนั่นเพราะมันว่ามึงล่ะ กูทำเพราะหมั่นไส้มันเฉยๆ” “กูก็ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนี่ มึงจะรีบแก้ตัวทำไม” ได้ยินแบบนั้น กอบัวเงียบลงทันที ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองขึ้นมาแล้วเดินออกจากตรงนั้น ปล่อยให้เจสยืนอยู่ลำพังโดยไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม ไม่นาน เจสสิก้าก็เดินออกจากคาเฟ่โดยไม่มองกลับหลัง เธอเดินเรื่อยๆ ไปตามทางเท้าที่ทอดยาวราวกับปล่อยให้มันพาไปตามความรู้สึก หัวใจที่ปั่นป่วนทำให้เธอต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ความสงบในความโดดเดี่ยวนั้นก็จบลง เมื่อจู่ๆก็มีใครบางคนเดินเข้ามาทักเธออย่างไม่คาดฝัน “มีเรื่องไม่สบายใจอยู่หรอครับ” เสียงนั้น…เสียงที่คุ้นหูอย่างบอกไม่ถูก ใครกัน? เธอหันกลับไปมองต้นเสียง และพบกับชายหนุ่มร่างสูงในชุดแต่งกายสไตล์ผู้ชายจีนทันสมัย แต่ใบหน้าของเขากลับมองไม่เห็นชัดเจน เพราะหมวกสีดำกับแมสสีขาวที่บดบังใบหน้าทั้งหมด เขาเดินเข้ามาเคียงข้างเธออย่างใจเย็น หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยก่อนจะเอ่ยถาม “นายเป็นใคร?” “พี่ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกครับ รู้แค่ว่า…ตอนที่เราเจอกันครั้งล่าสุด พี่ก็อยู่ในสภาพแบบนี้…แต่เพิ่มเติมคือกลิ่นควันบุหรี่” “อ้อ…นายคือเด็กคนนั
“พี่ยอมรับว่าพี่เคยชอบกอบัวจริงๆ แต่นั่นมันก็นานมาแล้ว… ตอนนั้นพี่ยังไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่าความรักมันคืออะไร แต่ตั้งแต่ที่พี่ได้เจอเจส…พี่พูดได้เลยว่า นอกจากแม่แล้ว พี่ไม่เคยรักผู้หญิงคนไหนมากขนาดนี้เลย”เสียงของปอร์เช่เอ่ยขึ้นช้าๆ แววตาเขาสงบนิ่งขณะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเหนือหัว ดวงดาวนับพันดวงลอยอยู่กลางความมืด เสียงลมหอบเบาๆ พัดผ่านเส้นผมของคนทั้งคู่ที่นั่งอยู่บนดาดฟ้าสูง ทำให้บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบสงบและอบอุ่นเจสนั่งอยู่ข้างๆ มองเขาเงียบๆ ดวงตาของเธอสะท้อนแสงดาว และบางอย่างในใจเธอก็เริ่มชัดเจนขึ้น เธอยิ้มบางๆ ออกมาอย่างอ่อนโยน…ยิ้มที่แฝงด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งโล่งใจ ทั้งเศร้า ทั้งอบอุ่นและเสียใจไปพร้อมๆกัน หากย้อนเวลากลับไปได้ เธอคงไม่หนี ไม่หลบหน้าปอร์เช่อย่างที่เคยทำ เธอควรจะฟังเขาตั้งแต่แรก“ทีนี้หนูเข้าใจแล้วใช่มั้ย?” เขาหันมาถามเสียงนุ่ม“เข้าใจแล้ว~” เจสตอบกลับด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย ดวงตาเธอมองเขาอย่างแน่นิ่ง เหมือนคนที่เพิ่งยอมรับความจริงบางอย่างได้อย่างเต็มหัวใจ“เจส…” เขาเรียกชื่อเธออีกครั้ง คราวนี้สายตาเขาจริงจังขึ้น เหมือนกำลังจะพูดอะไรที่สำคัญแต่ก่อนที่เข