#ห้างสรรพสินค้า
คุณหญิงแคทเล่นพาเอาว่าที่ลูกสะใภ้ที่ตนหมายปองเดินช็อปกันไปทั่วห้าง ของที่ซื้อถมที่ได้เลยทีเดียว สองคนควงแขนกันเดินไปทั่วจนเหนื่อย “หนูเจส เราไปร้านอาหารกันก่อนเถอะ น้าเริ่มหิวแล้ว” “งั้นก็ไปกันค่ะคุณน้า” “ส่วนพวกเธอ ไม่ต้องรอฉัน เอาของกลับไปเก็บได้เลย” แคทเมื่อพูดกับว่าที่สะใภ้เสร็จก็หันมาสั่งการ์ดที่เดินตามหลังถือของพะรุงพะรัง เมื่อลูกน้องรังคำ สองคนจึงเดินควงแขนกันเข้าไปในร้านอาหารหรูอย่างสนิทสนม #ในร้านอาหาร พนักงานเดินออกมาต้อนรับดิบดี แต่เมื่อเข้าไปยังไม่ทันได้นั่ง แไดคุณหญิงก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอของขึ้นได้ในพริบตาเลยทีเดียว หญิงสาวหันมองตามสายตาของน้าเธอก็ต้องชะงักไปกับสิ่งที่เห็นเช่นกัน “หนูเจส! หนูไม่ต้องห่วงนะลูก หนูคือสะไภ้คนเดียวของน้าเท่านั้น!” “ห..ห้ะ?คุณน้———“ “เดี๋ยวน้าจัดการเอง!” สายตาแคทตอนนี้จ้องไปทางสองคนนั้นไม่หยุด บ่งบอกว่าแม่นั่นชะตาขาดแล้วแหละ แค่คิดก็รีบลากเจสสิก้ามุ่งเข้าไปหาจุดหมายทันที ปัง!!!!! แคทเข้าไปทุบโต๊ะอาหารที่มีสองคนนั่งอยู่เสียงดังสนั่นไปทั่วร้านจนไม่เพียงแต่คนบนโต๊ะแต่สายตารอบๆร้านก็ต่างพากันหันมามองไม่หยุด ไม่นานเสียงซุบซิบก็ได้เกิดขึ้น “แก เค้าเป็นอะกันอ่ะ” “นั่นสิ ผู้หญิงคนนั้นดูโกรธมากนะ” “เรื่องชู้สาวหรอ” “ที่รัก เราไปร้านอื่นกันดีกว่าเสียบรรยากาศหมดเลย” “ไปค้าบ” ซุบซิบๆๆ “แม่!!” นั่นและ โต๊ะที่แคทเข้าไปทุบและคนที่นั่งกันอยู่สองคนก็ไปใครไม่ได้นอกจาก ไอ้ลูกชายตัวดีอย่างปอร์เช่! ส่วนอีกคนน่ะหรอ.. “ค…ใครหรอคะปอร์ เชอรี่กลัวจังค่ะ” ใช่! เธอชื่อเชอรี่…ก็คงจะไม่ได้เป็นอะไรไจาหรอกนอกเสียจาก หนึ่งในเด็กในสต็อกของเสืออย่างปอร์เช่ “แม่มาได้ไงครับ” “ขี่ม้ามามั้ง ถามได้! ว่าแต่แกเถอะ จะไม่ฟังที่ฉันสั่งเลยสินะ!?” “โถ่แม่..ผมแค่มาทานข้าวเอง” “ทานข้าวเสร็จแล้วทานไรล่ะ? กระรี่? แล้วแกอย่าลืมด้วยนะว่าเงินที่แกใช้อยู่ทุกวันคือเงินฉัน แล้วที่แกพาหนูเจสไปคอนโดล่ะ? แกไม่นึกถึงความรู้สึกน้องเลยรึไง” คุณหญิงเล่นเทสนาธรรมชุดใหญ่ไม่แม้แต่จะหยุดพักหายใจจนคนฟังสำนึกแทบไม่ทัน หันไปมองรุ่นน้องสาวที่ยืนอยู่เบื้องหลังมารดาเงียบๆ “เจส……” คนถูกเรียกหันมองหน้าเขาด้วยแววตาเหมือนงงอยู่กับเหตุการ ทว่าใบหน้ากลับนิ่งไม่แสดงถึงความรู้สึกไดๆออกมาทั้งสิ้น อะไรวะเนี่ย อยู่ๆก็มาลงดราม่าใส่เธอเสียอย่างนั้น เจสสิก้าเงียบอยู่นานก่อนสมองเกิดคิดการแกล้งไอ้คนเจ้าชู้มันให้เข็ดหลาบจำ ถือสะว่าเป็นค่าจูบเมื่อเช้าก็แล้วกัน หึๆ นึกแล้วก็การแสดงเข้ามาเต็ม “ฮึก…ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณน้า…หนูเข้าใจ มันคงจะเป็นความสุขของพี่เค้าอยู่แล้ว” “โถ่..หนูเจส..น้าไม่ยอมหรอก!เราเป็นผู้หญิงนะ เราไม่ควรยอมมัน!” แคทพูดโอ๋ว่าที่ลูกสะใภ้เสร็จก็หันกลับมามองจิกลูกชายตัวดี “สรุปแกจะไม่หยุดใช่ไหม?” “แม่คิดจะทำอะไรครับ?” ปอร์เช่เอ่ยถามด้วยสีหน้ากังวล เมื่อเห็นมารดาสบตาเขาด้วยแววตาที่แฝงบางสิ่งไว้ ซึ่งเขาเดาได้เลยว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน ก่อนที่คุณหญิงแคทจะค่อยๆหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วกดอะไรบางอย่างลงไปอย่างนิ่งเฉย ขณะที่ลูกชายตัวดีได้แต่มองงงๆ ไม่เข้าใจว่าเธอกำลังทำอะไร เมื่อแคทจัดการบางอย่างเสร็จ ก็เก็บโทรศัพท์กลับใส่กระเป๋าตามเดิม แล้วหันไปมองหญิงสาวอีกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างไม่พอใจนัก “หึ… ถ้าเธอยังอยากได้ลูกชายฉันนัก ก็เชิญเอาไปเลย!” เชอรี่ที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบทุกซี่ แทบจะกระโดดดีใจ “จริงเหรอคะ!” “ถ้าเธอเลี้ยงเขาไหว ก็เอาไปเลย” “ห-หมายความว่ายังไงคะ?” “แม่! แม่หมายความว่ายังไงครับ!” “ก็หมายความว่า… ตอนนี้แกเหลือแค่ตัวแล้ว ฉันระงับบัตรทุกใบของแกเรียบร้อย!” “ห้ะ แม่!!!” “อ…เอ่อ…คือหนูปวดท้องน่ะค่ะ ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ!” เชอรี่รีบลุกขึ้นวิ่งออกไปแทบจะทันทีหลังพูดจบ “อี๋! เหลือแต่ตัว? จะเอามาทำอะไรได้วะ! กูไม่เอาหรอก! กลับไปหาไอ้เสี่ยหน้าโง่นั่นยังดีกว่า!!” เชอรี่เบ้ปากบ่นพึมพำออกมาด้วยความหงุดหงิดขณะเดินจากไป หล่อล้นฟ้าเธอก็ไม่เอาหรอกถ้ากระเป๋าไม่หนัก! — ร้านอาหาร — “แม่! แม่ระงับบัตรผมจริงๆ เหรอ!!” “ไม่จริงมั้ง! ไปกันเถอะ หนูเจส ในเมื่อลูกชายน้าไม่ดี เดี๋ยวน้าหาผัวใหม่ให้!” “ไปค่ะ!” “แม่!!” ทั้งสองควงแขนกันเดินออกจากร้านไปโดยไม่สนใจเสียงเรียกโวยวายของปอร์เช่เลยแม้แต่น้อย “เหอะ… แม่รู้จักผมน้อยไปแล้วสิ คิดว่าผมมีแค่เงินจากแม่เหรอ?” คนหน้าบูดหยิบแบล็คการ์ดใบหนึ่งขึ้นมาแล้วเรียกพนักงานมาเช็กบิลอย่างไม่สะทกสะท้าน “มีพ่อเป็นเสือก็ดีแบบนี้แหละ ขู่เอาเงินค่าปิดปากได้สบายๆ โฮะๆ!” เขาเค้นหัวเราะออกมาอย่างสะใจ ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อย “เฮ้ย! ลืมไปเลยว่าเราจีบเจสอยู่นี่หว่า!! แบบนี้แล้วกูจะไปต่อยังไงเนี่ย!” จากที่อารมณ์กำลังดี กลับต้องเปลี่ยนเป็นความหงุดหงิดทันทีเมื่อเรื่องเจสสิก้าผุดขึ้นมาในหัว แล้วเดี๋ยวนะ… คุณหญิงผู้เอาแต่ใจเพิ่งจะบอกว่าจะพาเจสสิก้าไปหาผัวใหม่ เหอะ หาเจอเข้าจริงเมื่อไหร่ ได้เจอดีกับเขาแน่ กล้าก็ลองดูสิ! — ไม่นานยามเวลาก็ผ่านไปสู่ค่ำคืนอันมืดมิด คอนโดเจสสิก้า หญิงสาวเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย และกำลังจะขึ้นเตียงพักผ่อน แต่แล้ว… ก๊อก ก๊อก ก๊อก!! เสียงเคาะประตูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ เธอชะงัก แล้วลุกเดินไปเปิดประตูด้วยความสงสัย เอี๊ยด— !!!! เมื่อบานประตูเปิดออก หญิงสางก็ต้องตกใจสุดขีดกับคนที่ยืนอยู่หน้าห้องเธอ!สหรัฐอเมริกา “ข่าวเด็ดสดๆใหม่ๆค่ะคุณผู้ชม! ประธานแห่ง K กรุ๊ป ผู้ที่เพิ่งก้าวขึ้นรับตำแหน่งได้เพียงหนึ่งปี กลับสามารถสร้างอิทธิพลในแวดวงธุรกิจได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ประเด็นร้อนที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องอิทธิพลของคุณปอร์เช่นะคะ แต่เป็นเรื่องของหัวใจค่ะ! ใช่แล้วค่ะ ภาพหลุดของคุณปอร์เช่กับซูเปอร์สตาร์ชื่อดังหน้าใหม่อย่างคุณกอบัว กำลังเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล! หลายคนกำลังลุ้นกันว่า หรือทั้งคู่จะแอบคบหากันอยู่จริงๆ!?” หญิงสาวผู้หนึ่งนั่งฟังข่าวจากอีกซีกโลกผ่านไอแพดในมือ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แววตาทั้งคมและเย็นชาราวกับรู้อะไรมากกว่าที่ใครคิด “หึ…คบกันงั้นเหรอ…น่าสนใจดีนี่” “คุณหนูเล็กคะ คุณท่านให้มาตามให้ไปรับประทานของว่างค่ะ” เสียงของสาวใช้ดังขึ้นจากหน้าห้อง หญิงสาวเงยหน้าขึ้นเพียงเล็กน้อยก่อนตะโกนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เดี๋ยวเจสลงไปค่ะ” ⸻ ด้านล่างคฤหาสน์ “มาเร็วสิหลานรัก ย่าทำของโปรดไว้ให้เพียบเลยนะจ๊ะ” มาเดลิน ผู้เป็นย่าเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม ขณะหญิงสาวเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร เจสสิก้ารีบเดินตรงไปยังโต๊ะที่เต็มไปด้วยของว่างหน้าตาน่ารับ
ประเทศสหรัฐอเมริกา เสียงเบรกของรถหรูดังขึ้นเบาๆ หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ เอี๊ยด~ รถยนต์คันงามจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าคฤหาสน์สุดหรู ก่อนที่ประตูหน้าจะเปิดออกพร้อมร่างสูงในชุดสูทดำของบอดี้การ์ดคนสนิท เขาก้าวเท้าไปยังประตูหลังด้วยท่วงท่าสง่างามและมั่นคง ก่อนจะเปิดมันออกอย่างสุภาพเพื่อรับหญิงสาวคนสำคัญ ขาเรียวยาวของหญิงสาวเหยียบลงจากรถทีละข้างอย่างเรียบหรูร่างของเธอปรากฏพร้อมกับเสื้อผ้าสุดหรูดูมีระดับ และทันทีที่คนตัวเล็กก้าวลงมาเต็มตัว ชายชุดดำก็ก้มศีรษะทำความเคารพด้วยความนอบน้อม “หลานรักของย่า~~~” เสียงหญิงชราเอ่ยขึ้นอย่างเปี่ยมสุข รอยยิ้มอบอุ่นของท่านปรากฏอยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์ ผู้เป็นย่ายืนกางแขนออกพร้อมต้อนรับหลานสาวที่ตนรักสุดหัวใจ “คุณย่า!!” หญิงสาวร้องเรียกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ร่างเล็กรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดร่างอันอบอุ่นของย่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน ทั้งสองสวมกอดกันแน่นราวกับโลกนี้มีกันแค่สองคน “คิดถึงที่สุดเลยหลานรักของย่า” “หนูก็คิดถึงคุณย่ามากกกกเลยค่ะ” เสียงใสๆ ที่แฝงด้วยความน่ารักของหญิงสาวทำเอาผู้สูงวัยยิ้มกว้าง ดวงตาเปล่งประกายไปด้วยความรักและความคิดถึง ทั้งสองเดินเคี
“ทำไมไม่ยิ้มหน่อยวะไอ้ปอร์เช่” “นั่นดิ กูเห็นมึงเหม่อตั้งนานละ” เสียงเพื่อนสองคนดังขึ้นติดกัน คล้ายจะดึงสติชายหนุ่มให้กลับมาจากภวังค์ แต่ปอร์เช่ก็ยังคงนั่งเงียบ สีหน้าเรียบนิ่งจนเกือบจะดูเย็นชา ดวงตาเขาไม่หยุดเหลือบมองไปทั่วบริเวณคล้ายกำลังตามหาใครบางคน ทว่า…ไม่ว่าจะมองเท่าไรก็ไม่เห็นเธอคนนั้นเลย “…..” ไม่มีคำตอบ ไม่มีคำอธิบาย มีแค่ความเงียบที่แผ่ซ่านไปทั่วโต๊ะ จนเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยเริ่มรู้สึกอึดอัดแทน “อ่อ กูรู้ละ…” “เอาน่า ไม่เป็นไรหรอก มึงจะคิดมากทำไม น้องเจสเขาอาจจะติดธุระอยู่ก็ได้” เซนเซพูดพลางตบบ่าเบา ๆ เหมือนจะปลอบใจ แต่ปอร์เช่กลับไม่แม้แต่จะหันมามอง ริมฝีปากเม้มแน่นเล็กน้อยเหมือนกำลังพยายามสะกดกลั้นบางอย่างไว้ ทันใดนั้น เขาก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ คว้าโทรศัพท์ในมือแน่น ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร “เอ้า! มึงจะไปไหนวะ!” เสียงเพื่อนร้องตามหลัง แต่ชายหนุ่มไม่ได้หยุดเดิน เขากดโทรศัพท์หาหมายเลขเดิมอีกครั้ง รอสาย แต่ก็เหมือนเดิม หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้… มือที่ถือโทรศัพท์เริ่มสั่นเล็กน้อย เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เสียงบรรยากาศงานด้านหลังก็ดูจะค่อยๆ เ
ซ่า… ซ่า… ซ่า… เสียงเนื้อที่กำลังถูกผัดอยู่ในกระทะดังต่อเนื่องในห้องครัวของคอนโดสุดหรู หญิงสาวร่างบางกำลังยืนเตรียมอาหารเช้าด้วยท่าทีคล่องแคล่ว ขณะที่แสงแดดยามเช้าส่องผ่านม่านโปร่งบางเข้ามาอาบตัวเธอเบาๆ ฟุ่บ… แขนแกร่งวงใหญ่เข้ามารัดรอบเอวเธอจากด้านหลัง พร้อมกับใบหน้าคมที่ซุกลงมาตรงซอกคอขาวอย่างออดอ้อน “หอมจัง ที่รักทำอะไรครับ” เสียงทุ้มแหบเอ่ยถามพลางสูดกลิ่นหอมจากผิวเนียนตรงลำคอ “ที่รัก หนูทำอาหารอยู่นะคะ อย่าเพิ่งกวนสิ” “ก็พี่คิดถึงนี่นา” เขาไม่ฟังเลยสักนิด มือยังคงกอดแน่นราวกับไม่อยากให้เธอขยับไปไหน ร่างสูงเอาแต่แนบชิดจนหญิงสาวต้องถอนหายใจนิดๆ อย่างเอ็นดู “อีกไม่กี่วันก็วันรับปริญญาแล้ว พี่อยากได้อะไรคะ?” “พี่อยากได้หนู” “หนูบ้านหรือหนูนาคะ?” “ที่รักอ่ะ!” หญิงสาวหลุดหัวเราะออกมากับสีหน้าและน้ำเสียงแบบเด็กน้อยสามขวบของเขา ใบหน้าที่เคยเคร่งขรึมกลายเป็นออดอ้อนราวกับแมวที่อ้อนเจ้าของ เพราะรู้ว่าเขาจะไม่มีวันหยุดกวนหากยังยืนอยู่แบบนี้ ร่างเล็กจึงยื่นมือไปปิดเตาแก๊ส และหันกลับมาเผชิญหน้า— !!! แต่ไม่ทันตั้งตัว ร่างสูงก็พุ่งเข้าประกบริมฝีปากนุ่มอย่างรวดเร็ว พร
“อย่าคิดว่ากูต่อยยัยนั่นเพราะมันว่ามึงล่ะ กูทำเพราะหมั่นไส้มันเฉยๆ” “กูก็ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนี่ มึงจะรีบแก้ตัวทำไม” ได้ยินแบบนั้น กอบัวเงียบลงทันที ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองขึ้นมาแล้วเดินออกจากตรงนั้น ปล่อยให้เจสยืนอยู่ลำพังโดยไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม ไม่นาน เจสสิก้าก็เดินออกจากคาเฟ่โดยไม่มองกลับหลัง เธอเดินเรื่อยๆ ไปตามทางเท้าที่ทอดยาวราวกับปล่อยให้มันพาไปตามความรู้สึก หัวใจที่ปั่นป่วนทำให้เธอต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ความสงบในความโดดเดี่ยวนั้นก็จบลง เมื่อจู่ๆก็มีใครบางคนเดินเข้ามาทักเธออย่างไม่คาดฝัน “มีเรื่องไม่สบายใจอยู่หรอครับ” เสียงนั้น…เสียงที่คุ้นหูอย่างบอกไม่ถูก ใครกัน? เธอหันกลับไปมองต้นเสียง และพบกับชายหนุ่มร่างสูงในชุดแต่งกายสไตล์ผู้ชายจีนทันสมัย แต่ใบหน้าของเขากลับมองไม่เห็นชัดเจน เพราะหมวกสีดำกับแมสสีขาวที่บดบังใบหน้าทั้งหมด เขาเดินเข้ามาเคียงข้างเธออย่างใจเย็น หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยก่อนจะเอ่ยถาม “นายเป็นใคร?” “พี่ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกครับ รู้แค่ว่า…ตอนที่เราเจอกันครั้งล่าสุด พี่ก็อยู่ในสภาพแบบนี้…แต่เพิ่มเติมคือกลิ่นควันบุหรี่” “อ้อ…นายคือเด็กคนนั
“พี่ยอมรับว่าพี่เคยชอบกอบัวจริงๆ แต่นั่นมันก็นานมาแล้ว… ตอนนั้นพี่ยังไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่าความรักมันคืออะไร แต่ตั้งแต่ที่พี่ได้เจอเจส…พี่พูดได้เลยว่า นอกจากแม่แล้ว พี่ไม่เคยรักผู้หญิงคนไหนมากขนาดนี้เลย”เสียงของปอร์เช่เอ่ยขึ้นช้าๆ แววตาเขาสงบนิ่งขณะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเหนือหัว ดวงดาวนับพันดวงลอยอยู่กลางความมืด เสียงลมหอบเบาๆ พัดผ่านเส้นผมของคนทั้งคู่ที่นั่งอยู่บนดาดฟ้าสูง ทำให้บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบสงบและอบอุ่นเจสนั่งอยู่ข้างๆ มองเขาเงียบๆ ดวงตาของเธอสะท้อนแสงดาว และบางอย่างในใจเธอก็เริ่มชัดเจนขึ้น เธอยิ้มบางๆ ออกมาอย่างอ่อนโยน…ยิ้มที่แฝงด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งโล่งใจ ทั้งเศร้า ทั้งอบอุ่นและเสียใจไปพร้อมๆกัน หากย้อนเวลากลับไปได้ เธอคงไม่หนี ไม่หลบหน้าปอร์เช่อย่างที่เคยทำ เธอควรจะฟังเขาตั้งแต่แรก“ทีนี้หนูเข้าใจแล้วใช่มั้ย?” เขาหันมาถามเสียงนุ่ม“เข้าใจแล้ว~” เจสตอบกลับด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย ดวงตาเธอมองเขาอย่างแน่นิ่ง เหมือนคนที่เพิ่งยอมรับความจริงบางอย่างได้อย่างเต็มหัวใจ“เจส…” เขาเรียกชื่อเธออีกครั้ง คราวนี้สายตาเขาจริงจังขึ้น เหมือนกำลังจะพูดอะไรที่สำคัญแต่ก่อนที่เข