มหาวิทยาลัย
กรี๊ด!!!! ทุกสายตาในนั้นต่างจ้องมองมาที่รถหรูจอดอยู่หน้ามอเหมือนจะมาส่งใครสักคน ทั้งเสียงซุบซิบ เสียงกรี๊ดดังลั่นสนั่นอยู่ตรงระแวกนั้นเต็มไปหมด นั่นใครอ่ะแก!! รถนั่นมันราคาตั้งหลายร้อยล้านเลยนะ!! คนขับต้องหล่อแน่ๆ!! ทุกคนต่างลุ้นว่าใครคือคนอยู่ในรถ สายตาทุกคู่จับจ้องอย่างไม่มีคลาด และเมื่อประตูรถถูกเปิดออกเสียงกรี๊ดพร้อมใจกันก็ดังขึ้นอีกครั้ง กรี๊ด!!!!อร๊าย!!!! แกเห็นมั้ย!!! นั่นมันพี่เจส!!!! สวยมาก!!!! แล้วคนในรถนั่นใครอ่ะ ดูเหมือนจะเป็นผู้ชายนะ!!! หรือว่าจะเป็นแฟนพี่เค้า!!?? แล้วข่าวลือที่ว่าพี่เค้ากับพี่ปอร์เช่กำลังจีบกันอยู่ล่ะ!?? เฮ้ยๆ นั่นไง!!เค้าลงมาแล้วแกร!!หล่อมาก!!! เพียงแค่เจสสิก้ายื่นเท้าลงจากรถ ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ภายในก็รีบเปิดประตูตามลงมา เขาเดินเข้ามาใกล้ รอยยิ้มบนใบหน้าของทั้งคู่เผยให้เห็นถึงความสนิทสนม สองสายตาประสานกันอย่างมีความหมาย ก่อนที่มือใหญ่ของชายหนุ่มจะเอื้อมไปขยี้ผมของเธอเบาๆด้วยความเอ็นดู เสียงกรี๊ดกร๊าดจากนักศึกษารอบข้างดังขึ้นทันที “คนมองหมดแล้วเฮีย!” เจสสิกาเอ็ดเบา ๆ “ก็แค่น้องสาวเฮียเอง ช่างคนเค้าสิ“ เขาตอบพลางยิ้มกวนๆ “ชิ! ไม่คุยด้วยแล่ว ไปละ!” พูดจบเจสสิก้าก็วิ่งแจ้นเข้าไปในมหาวิทยาลัย ปล่อยให้พี่ชายยืนมองตามพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน เขามองน้องสาวตัวเองจนลับสายตา ก่อนจะหันกลับไปขึ้นรถแล้วขับออกไป แต่ยังไม่ทันที่เจสสิก้าจะเดินถึงห้องเรียน มือใหญ่ของใครบางคนก็คว้าตัวเธอไว้แล้วดึงเข้าไปในห้องเก็บของแรงจนคนตัวเล็กตั้งตัวไม่ทัน ปัง! เสียงประตูปิดดังเหมือนเจ้าของแรงโมโห “พี่ปอร์เช่!!” แน่นอนว่าเป็นใครไปไม่ได้แล้วที่กล้าทำเรื่องแบบนี้กลางที่แจ้ง นอกจากเขา ปอร์เช่ยืนขวางเธอไว้ มือทั้งสองยันผนังล็อกเธอชิดกำแพง ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจแต่ก็พยายามควบคุมอารมณ์ไว้ “นี่! พี่ดึงหนูมาที่นี่ทำไ—” เจสสิก้ายังพูดไม่ทันจบ ชายหนุ่มก็โน้มหน้าซบลงบนไหล่บางก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “ขอโทษ…” เจสสิก้าเบิกตากว้างด้วยความงง ขอโทษ? เมื่อกี้เขายังทำหน้าขึงขังอยู่เลย ตอนนี้กลับมากอดแล้วพูดจาน่าสงสารอีกต่างหาก? ไบโพล่าร์ป่ะเนี่ย “พี่เป็นอะไรของพี่เนี่ย ขอโทษเรื่องอะไร?” “พี่คงหมดโอกาสจีบหนูแล้วสินะ… พี่ขอโทษจริงๆ… พี่จะไม่ทำอีกแล้ว…” “ห้ะ? เดี๋ยวๆ พี่พูดเรื่องอะไรเนี่ย หนูงงไปหมดเลย” “ก็… หนูโกรธพี่เรื่องในห้างไม่ใช่เหรอ หนูคงไม่ให้โอกาสพี่แล้วใช่ไหม…” “หนูเนี่ยนะโกรธพี่?” “ก็ใช่น่ะสิ! แล้วไอ้ผู้ชายที่มาส่งหนูมันเป็นใคร!? หนูชอบมันเหรอ!? มันหล่อกว่าพี่ตรงไหน!?” จากที่กำลังงงๆ เจสสิก้าก็ยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ทันที ในหัวเธอมีแผนผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว… ‘หึ! กำลังเข้าใจผิดงั้นเหรอ? เอาสิ จะเล่นด้วยหน่อยละกัน’ เธอแกล้งทำตาโตพูดเสียงตกใจ “พี่เห็นเหรอ! ม-มัน…คือ…” “แสดงว่าจริงสินะ… ฮึก…” ตอนนี้ปอร์เช่ไม่เพียงแค่ซบไหล่เธอ เขากอดเธอแน่น ร่างของหญิงสาวเริ่มรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นจากเสื้อของตัวเอง… เขาร้องไห้!? “ฮึก… พี่ขอโอกาสจีบหนูต่อได้ไหม พี่สัญญาว่าจะดูแลหนูให้ดีกว่าไอ้ผู้ชายคนนั้น…” เจสสิก้าเริ่มรู้สึกใจอ่อน แต่ก็ยังพูดเล่นกลับไป “พี่…ดูแลหนูดีเท่าเขาไม่ได้หรอกค่ะ” “ฮึก… ทำไมล่ะ… พี่ชอบหนูจริงๆนะ ชอบแบบไม่เคยชอบใครมาก่อนเลย พี่เลิกเจ้าชู้เพื่อหนูได้จริงๆนะ…” ‘บ้าไปแล้ว! ร้องไห้สารภาพรักแบบนี้เลยเหรอ?’ เจสสิก้าเริ่มอึกอัก ก็มีแอบยิ้มในใจนิดๆแต่แล้วก็แกล้งพูดต่อ “พี่ดูแลหนูดีเท่าเขาไม่ได้หรอก… เพราะเขาเป็นพี่ชายที่ดูแลหนูมาตั้งแต่เด็กต่างหาก” “พี่ชาย!?” ปอร์เช่ผละตัวออกมามองหน้าคนพูดด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด “ใช่ค่ะ พี่ชาย!” “โถ่… แล้วทำไมไม่บอกพี่ตั้งแต่แรก ปล่อยให้พี่ร้องไห้อยู่ตั้งนาน!” “ก็อยากเอาคืนพี่น่ะสิ! ชิ!” เจสสิก้าบ่นพลางเปิดประตูเดินออกไป ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนยิ้มแป้นอยู่คนเดียว แต่ทันใดนั้น… “เดี๋ยวนะ… ที่เธอบอกว่า ‘เอาคืน’ งั้นเหรอ!?” แววตาเขาเปล่งประกายทันที รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แต่งแต้มบนใบหน้า “งั้นก็แปลว่า… เจสมีใจให้กูน่ะสิ!!!” เขาเดินออกจากห้องอย่างอารมณ์ดีสุดขีด ⸻ ในห้องเรียน “อ้าว! ไอ้ปอร์เช่มาแล้ว!” “เฮ้ย มันเป็นอะไรของมันวะ ยิ้มเป็นคนบ้าเลย” เพื่อนสองคนมองหน้ากันอย่างงงๆ ขณะเห็นปอร์เช่เดินยิ้มหน้าบานเข้ามา ราวกับถ่ายโฆษณายาสีฟัน เขาทรุดตัวลงนั่งที่นั่งของตัวเอง ก่อนจะเอียงคอหันมายิ้มกรุ้มกริ่มใส่เพื่อน “เจสสนใจกูแล้วเว้ย~~!!”“คุณเจสครับ…” เสียงของชายหนุ่มร่างสูงในชุดบอดี้การ์ดดังขึ้นเบาๆ เมื่อเห็นหญิงสาวกำลังกอดร่างไร้วิญญาณที่ถูกคลุมด้วยผ้าห่มผืนใหญ่แน่นจนตัวสั่นสะท้าน น้ำตาไหลพรากไม่หยุดราวกับจะขาดใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาทั้งน้ำตา เมื่อได้ยินเสียงเรียกนั้น “ใจเย็นก่อนเถอะครับ…คุณเจส” “ฮึก…จะให้ใจเย็นได้ยังไง!” เธอตะโกนเสียงสั่น “คนที่เป็นเหมือนทั้งชีวิตของฉันจากไปแล้ว…พวกนายยังมีหน้ามายืนอยู่เฉยๆ อีกเหรอ!” บอดี้การ์ดหนุ่มถอนหายใจแผ่ว ดวงตาเศร้าหมองไม่แพ้กัน “พวกเราก็เจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าคุณหรอกครับ แต่ก่อนที่นายจะจากไป เขาฝากคำขอไว้ข้อหนึ่ง…คำขอสุดท้ายที่สำคัญมาก” หญิงสาวเงียบกริบ ก่อนถามทั้งน้ำตา “เขาขออะไรไว้…รีบไปทำสิ!” “ไม่มีใครทำได้หรอกครับ…นอกจากคุณเจสคนเดียว” “ทำอะไรล่ะ ก็รีบพูดมาสิ!” ชายลูกน้องสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ “นาย…อยากให้คุณเจสให้อภัยเขาครับ” เธอสะอื้นหนักกว่าเดิม หัวใจดวงน้อยบีบรัดจนหายใจแทบไม่ออก “ฮึก…ฉันให้อภัยเขาไปตั้งนานแล้ว เรากำลังจะกลับมาเริ่มต้นกันใหม่อยู่แล้วแท้ๆ…ฮึก…ทำไมเขาต้องมาทิ้งฉันไปแบบนี้ด้วย…” เธอหันกลับไปมองร่างที่นิ่งสงบ ดวงตาแดงช้ำเต็มไปด้วยควา
หญิงสาวกลับมาถึงคอนโดหรูของตัวเอง ร่างเล็กไม่อาจอยู่นิ่งได้ เดินวนไปมารอบห้องอย่างกระวนกระวาย ใจเต้นแรงด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ตีรวนอยู่ข้างใน มือที่กำโทรศัพท์ไว้แน่นถูกยกขึ้นมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนที่เธอจะตัดสินใจจะโทรออกไปยังหมายเลขที่ห่างหายจากการติดต่อมานาน ทว่าปลายนิ้วที่เตรียมจะกดโทรกลับต้องชะงัก เมื่อเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นเบาๆ ตริ้ง! เธอแตะเข้าไปดูข้อความนั้น และถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาคล้ายคนที่ยังถูกความรู้สึกเก่าทำร้ายไม่เลิก “พี่ครับ ออกมาเจอผมที่ร้าน XXX หน่อยได้มั้ยครับ ผมอยากเล่าความจริงทั้งหมดให้พี่ฟัง ผมขอร้องนะครับ” เอาเถอะ ในเมื่อปัญหาอย่างหนึ่งเพิ่งจะถูกคลี่คลาย เหลือเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่ยังค้างคาอยู่ในใจ ก็คงถึงเวลาต้องจัดการให้มันจบสิ้นเสียที ส่วนเรื่องที่เธอกำลังจะทำเมื่อครู่ ก็คงต้องเลื่อนออกไปก่อน ⸻ “พี่ครับ ทางนี้” เมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาในร้านอาหารหรูตามนัด เธอก็พบกับเด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าของข้อความนั่งรออยู่ที่โต๊ะด้านใน เขาโบกมือเรียกเธอด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ หญิงสาวเดินเข้าไปหาด้วยใบหน้าเรียบเฉยและไร้อารมณ์ “เข้าประเด็นเลยดีกว่า” เพิ่งจะนั่งลง เธอก็พ
“อีเจส มึงรู้ป่ะ กูโคตรเกลียดมึงเลย” “แต่ยังไงเราก็ยังเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอ” “มึงโลกสวยไปป่ะ มึงมันอีตัวขัดขวาง… อีตัวทำลายชีวิตกู ถ้าไม่มีมึงเข้ามาในชีวิตกูตั้งแต่แรก กูคงจะมีแต่ความสุข!” “กูผิดขนาดนั้นเลยเหรอ…” “มึงยังไม่รู้ตัวอีกเหรอวะ? ไร้ยางอายสิ้นดี! จำใส่หัวมึงไว้ด้วยว่ากูเกลียดมึงเข้าไส้เลย มึงมันอีเพื่อนทรยศ!!!” “ไม่จริง…” อีเพื่อนทรยศ “ไม่จริง!!!!” เฮือก!… แฮก… แฮก… หญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างตกใจ ทั้งร่างชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็นๆ ความฝันอันเจ็บปวดนั้นเหมือนจริงยิ่งกว่าความจริง เธอกวาดตามองไปรอบห้อง ก่อนพบว่าตนเองกำลังสวมชุดผู้ป่วย และอยู่ภายในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล “เจส!! เป็นอะไรรึเปล่า?” เสียงทุ้มด้วยความตระหนกทำให้เธอหันไปมองต้นเสียงทันที แล้วก็พบกับสีหน้าอันเต็มไปด้วยความกังวลของชายหนุ่มที่แม้เธอจะหลบซ่อนจากเขายังไง ก็ไม่มีวันรอดพ้นสายตาเขาได้… และครั้งนี้ก็เช่นกัน “เปล่า… แค่ฝันร้าย” “ดูสิ เหงื่อเต็มเลย” ปอร์เช่รีบยื่นมือมาแตะใบหน้าจิ้มลิ้มเพื่อเช็ดเหงื่อให้เธอ เจสไม่ได้ห้ามปรามแต่อย่างใด เพียงแต่นิ่งเฉย ปล่อยให้เขาทำไป “กอบัวล่ะ… กอบัวเป็นยังไงบ้าง?”
“เฮ้ย! จัดการดิ รออะไรอยู่ล่ะ? เหยื่อสวยๆ ขาวๆ อึ๋มๆ แบบที่พวกแกชอบเลยไม่ใช่เหรอ เอาให้เต็มที่เท่าที่พวกแกต้องการเลย ฮ่าฮ่าฮ่า!” เสียงหัวเราะสะใจดังลั่นจากริมฝีปากของ วิว เธอยืนกอดอกด้วยท่าทีพึงพอใจ มองเหตุการณ์ตรงหน้าราวกับเป็นฉากละครที่เธอรอคอยมานานแสนนาน “หึ ได้เลย แบบนี้แหละ…ของชอบ~” หนึ่งในชายร่างใหญ่กล่าวขึ้น พลางยักคิ้วให้พรรคพวกอย่างพออกพอใจ ก่อนที่ชายฉกรรจ์ทั้งห้าคนจะก้าวเท้าเข้าหาเหยื่อสาวสองคนอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวก่อน!!” เสียงหวานแฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยวของ กอบัว ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เรียกความสนใจของพวกมันได้ทันที “อะไรวะ?” “ถ้าจะทำอะไร ก็แก้มัดฉันก่อนสิ! มัดไว้กับเก้าอี้แบบนี้ จะทำอะไรก็ลำบากมั้ยล่ะวะ!” “เออว่ะ จริงของมึง” หนึ่งในชายห้าคนเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวร่างเล็กด้วยเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ แต่หารู้ไม่ว่านั่นคือกับดัก เจส ที่อยู่ข้างกอบัวค่อยๆ ชักมีดพับขนาดเล็กซึ่งเธอซ่อนไว้บริเวณเอวอย่างแนบเนียน เธอเตรียมไว้ตั้งแต่สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของสถานที่นี่ “เฮ้ย! มันมีมีด!!” ชายที่กำลังจะเข้ามาแก้มัดรีบถอยกรูดด้วยความตกใจ เมื่อเห็นมีดแหลมคมวาววับสะท้อนแสงในมือหญิงสาว
“เฮือก!” หญิงสาวสะดุ้งลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ พร้อมหอบหายใจแรงเหมือนคนเพิ่งเผชิญกับอะไรบางอย่างที่น่ากลัวสุดขีด เธออยู่ในสภาพเหมือนช็อก ความรู้สึกเหมือนจิตหลุดออกจากร่าง “นี่ฉันฝันไปเหรอเนี่ย…ฝันบ้าอะไรวะ” เธอยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองเบาๆ ราวกับจะเรียกสติกลับคืนมา หัวใจยังเต้นระรัวขณะที่เธอครุ่นคิดถึงภาพในฝันเมื่อครู่ มันทั้งน่าอาย น่าเวทนา และเหมือนจริงเสียจนเธอแทบแยกไม่ออก “พึมพำอะไรแต่เช้าครับ…ที่รัก” “เฮือก!!” เสียงทุ้มข้างๆเรียกคนตัวเล็กให้รีบหันควับไปมอง แล้วต้องตกใจยิ่งกว่าเดิม ภาพตรงหน้าแทบจะทำให้เธอหยุดหายใจ ชายหนุ่มรูปร่างเซ็กซี่ หุ่นกำยำ นอนเปลือยท่อนบนอยู่ข้างๆ ร่างกายเขาถูกคลุมไว้เพียงท่อนล่างด้วยผ้าห่ม บนใบหน้าประกบด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ มือขาวข้างหนึ่งยังโอบเธอไว้แน่นราวกับเธอเป็นของเขา “อร๊าย!!” เจสสิก้ากรี๊ดเสียงดังลั่นห้อง พร้อมดีดตัวลุกขึ้นทั้งที่ยังเอาผ้าห่มคลุมร่างเปลือยเปล่าของตัวเองไว้แน่น ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยให้ชายหนุ่มนอนยิ้มพอใจอยู่บนเตียงกับปฏิกิริยานั้นของเธอ “หึ…เด็กน้อย…” แกร๊ก! ไม่นานนัก ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก ร่างเล็กเดินออ
“มันเรื่องบ้าอะไรอีกวะ ทำไมเรื่องบ้าพวกนี้ถึงต้องเกิดกับฉันด้วย ทำไมมันไม่จบไม่สิ้นสักที” ในที่ที่ดังไปด้วยเสียงเพลง เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แสงสีกระจัดกระจาย หญิงสาวในชุดราตรียาวสีขาวนั่งกระดกเหล้าอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ไม่สนว่าคนรอบๆ จะมีใครมองหรือพูดจานินทา ใบหน้าจิ้มลิ้มแดงก่ำไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่นั่งดื่มมาตั้งแต่ช่วงเย็น หญิงสาวดื่มพลางถามคำถามตัวเองที่ตอบไม่ได้ “ชอบของขวัญสำหรับงานแต่งวันนี้มั้ยครับ ที่รัก…” ก่อนที่เธอจะกระดกเข้าปากอีกแก้วนั้น ได้มีเสียงชายรูปหล่อกระซิบเข้ามาในหูเธอเสียก่อน หญิงสาวหันไปมองก็พบกับชายหนุ่มคนนั้นอีกแล้ว… คนที่เธอแอบรอเขาอยู่ลึกๆ แต่ก็ไม่โผล่มา แต่มาตอนนี้กลับมาถามว่าชอบของขวัญที่เขาให้หรือเปล่า คนตัวเล็กหรี่ตามองใบหน้าหล่อเหลานั้น ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของเธอ “หึ… เมื่อกี้คงเป็นแผนของนายสินะ” “เป็นไงครับ ชอบมั้ย” “ชอบหรอ… อืม… คงจะชอบมากกว่านี้ถ้าหากนาย—” ฟึบ! “อ้าว… ทำไมไม่พูดให้จบล่ะ” เมื่อเธอพูดยังไม่ทันจบก็ฟุบหลับไปกับโต๊ะ ทั้งในมือยังคงถือแก้วเหล้าเอาไว้แน่น “พี่เธอมานั่งตั้งแต่ร้านเปิดเลยครับ เหล้าหมดไปเป็นเจ็ดขวดแล้วครับ” ชาย