คิณภัทรกลับถึงบ้านด้วยอารมณ์ดีเป็นพิเศษ พอไม่เห็นรถของน้องชายก็เข้าใจได้ว่าคงไปหาพราวตะวัน แต่เขาไม่สนใจเพราะวันนี้เขาได้อย่างที่ใจอยากแล้ว
พอล้มตัวลงนอนพักบนเตียงก็นึกถึงเรือนร่างของเธอที่พึ่งได้เสพสม ความต้องการในใจลึกๆยังเฝ้ารอที่จะได้เจอเธออีก จนกระทั่งแม่ของเขาให้แม่บ้านมาเคาะประตูเรียกให้เขาไปทานมื้อเย็น
“เจตยังไม่กลับบ้านหรือเนี่ย?”
คิณภัทรถามขึ้นพลางดึงเก้าอี้แล้วนั่งลงเพื่อรับประทานอาหารพร้อมหน้าพ่อและแม่
“น้องบอกขอไปกินข้าวกับหนูพราว เห็นบอกว่าไม่ได้เจอกันหลายวัน ขออยู่นั่งเล่นที่บ้านน้องนานหน่อย”
เขาส่ายหน้ายิ้มขำน้องชาย
“สมกับเป็นลูกรักแม่จริงๆ”
“หือ..ทำไมพูดแบบนั้น แม่ก็รักเท่ากันแหละน่า”
คิณภัทรสบตากับพ่อแล้วยิ้มอย่างรู้กัน ทีนี้ตาพ่อเป็นฝ่ายพูดกับภรรยาบ้าง
“เมื่อก่อนเจตติดคุณ เดี๋ยวนี้ติดแฟนไปแล้ว มาดามน้อยใจมั้ย?”
ทำเอามาดามเจตสุภาถึงกับหัวเราะออกมาที่โดนสามีแซว
“ลูกรักใคร ภาก็รักด้วยค่ะ หนูพราวน่ารักออก”
“แล้วทีกับคิณ แม่อยากให้จับคู่กับลูกของเพื่อน ทีกับเจต แม่ให้อิสระเลือกใครก็ได้ ไหงงั้น?”
“คิณ ลูกเป็นพี่คนโต เป็นทุกอย่างของบ้านเรา จะเลือกใครก็ต้องดูให้ดีสิ เพราะสะใภ้ต้องเข้ากับครอบครัวเราได้ ต้องรักและดูแลลูกไม่พอนะ ต้องดีกับเจตด้วย ไม่ใช่เลือกมาแล้วเอาแต่ลูกแต่สามีตัวเอง ยุแยงให้ทิ้งน้อง แม่ไม่เอานะ”
“งั้นให้เจตมีเมียคนเดียวก็พอแล้ว คิณไม่ต้องแต่งงานก็ได้ ถ้าเจตแต่งงานมีลูกก็สายเลือดเดียวกัน ลูกเจตก็เหมือนลูกคิณ รับเป็นลูกบุญธรรมก็ยังได้”
“ไหวเหรอลูก จะอยู่แบบนี้คนเดียวไม่แต่งงานน่ะเหรอ? ตอนนี้พูดได้หรอก เดี๋ยวเจอคนที่ชอบแล้วจะเปลี่ยนคำพูดไม่ทัน”
คิณภัทรยิ้มกริ่มไม่พูดอะไรแล้วกินข้าวต่อ
ผมเจอแล้วล่ะ..คนๆนั้น ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้แต่งงานกับเธอก็ตาม..
ทางด้านเจตนิพัทธ์ที่อยู่บ้านของพราวตะวัน วันนี้แม่ของเธอสั่งพิซซ่ามากินกันที่บ้านเนื่องจากวันอาทิตย์เป็นวันพักผ่อนจึงไม่อยากทำอาหารเย็น สักพักหนึ่งแม่ก็ขึ้นไปแต่งตัวเพื่อจะไปข้างนอก
“พราว แม่จะไปชิลกับเพื่อนนิดนึงนะ อาจกลับดึกหน่อย อยู่คนเดียวล็อกบ้านดีๆด้วยนะลูก”
“ผมจะอยู่เป็นเพื่อนพราวจนกว่าคุณแม่จะกลับมาก็ได้ครับ ผมบอกที่บ้านไว้แล้ว”
ชโลทรยิ้มให้ทั้งสองแบบที่รู้กัน พร้อมกับยักไหล่
“โอเค ฝากบ้านด้วยนะ แล้วจะซื้อขนมมาฝากจ๊ะ”
เธอรู้ดีว่าเลี้ยงลูกให้อยู่ในร่องในรอยได้โดยไม่ต้องตีกรอบเข้มมากเกินไป บางครั้งการหลับตาข้างหนึ่งก็ช่วยได้มาก เมื่อนึกถึงตัวเองในช่วงวัยรุ่นก็เฉกเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นความโชคดีของพราวตะวันที่มีแม่ค่อนข้างหัวทันสมัย ตราบใดที่ลูกสาวของเธอรับผิดชอบตัวเองในระดับหนึ่งได้จนเรียนจบ
“พราว เรื่องฝึกงานน่ะ ไหนๆก็ฝึกที่นี่แล้วจะออกไปกะทันหันมันจะดูไม่ดีไหม? ต่อไปรุ่นน้องเราไปขอฝึกงานกับแกลลอรี่นี้ก็จะลำบากนะ”
เธอลำบากใจแต่พูดให้แฟนฟังไม่ได้ จึงปล่อยให้เจตนิพัทธ์เข้าใจว่าเป็นเพราะพ่อที่ฝรั่งเศสอยากให้ไปหา
“ก็จริงนะ เฮ้อ..พราวคิดน้อยไปหน่อย ขอบคุณนะที่เตือนสติ”
เจตนิพัทธ์ดึงเธอให้มานั่งบนตักแล้วกอดเอาไว้ พราวตะวันก็ซบออดอ้อน เธอรู้สึกดีจริงๆที่วันนี้มีเขาอยู่ด้วย
ในขณะที่อีกฝ่ายตอนแรกดูมีความสุขที่ได้อย่างใจหวัง ตอนนี้เอาแต่ดูเวลาว่าเมื่อไหร่น้องชายจะกลับบ้านเสียที
คิณภัทรเริ่มคิดว่าพวกเขาทำอะไรกันอยู่? ดีกันแล้วหรือยังไง? เขาอยากโทรหาเธอแต่ก็ทำไม่ได้ถ้าเจตนิพัทธ์ยังอยู่ที่นั่น และคิดปลอบใจตัวเองว่าพวกเขาคงไม่สามารถทำอะไรกันได้เพราะแม่ของเธอก็อยู่ที่บ้าน
“พราวจะไปอาบน้ำก่อนนะ เจตจะไปนั่งเล่นในห้องพราวก่อนก็ได้”
เจตนิพัทธ์ถึงกับดีใจจนออกทางสีหน้า นี่เป็นครั้งแรกที่จะได้เข้าห้องนอนของแฟนสาวที่น่ารักของเขา เธอจูงมือแฟนหนุ่มขึ้นไปบนห้อง แล้วเตรียมชุดนอนเพื่อเข้าไปอาบน้ำและปล่อยให้เขานั่งเล่นสบายๆบนเตียง
“จะเปิดทีวีดูหรือใช้คอมพิวเตอร์ก็ได้นะ”
เสียงอาบน้ำในห้องน้ำชวนให้เจตนิพัทธ์คิดไปถึงไหนต่อไหน เขายอมรับกับตัวเองว่ารักและหลงแฟนหนักมาก จนสองปีแล้วยังรู้สึกเหมือนแรกๆที่รู้จักกัน
พราวตะวันออกมาด้วยชุดนอนสายเดี่ยวสีขาวบางเบาดูน่ารักใสๆ และไม่ใส่เสื้อชั้นในทำให้เขาถึงกับตื่นตัวขึ้นทันที เธอเข้ามานั่งนัวเนียอ้อนเขาที่อยู่บนเตียง ซึ่งเจตนิพัทธ์ก็พร้อมอยู่แล้วเช่นกัน
“วันนี้อ้อนจังก่อนนี้ยังงอนน่าดู นึกว่าจะต้องรอวันจันทร์ถึงจะได้เจอหน้าซะแล้ว”
เขาประคองหน้าเธอ ใช้นิ้วลูบไล้แก้มเนียนใสอย่างนุ่มนวล ก่อนจะประทับจูบที่อ่อนโยนให้
“หัวใจพราวจะอยู่กับเจตเสมอนะ”
“ขอโทษนะที่เจตไม่เอาไหนเท่าไหร่ นี่คิดอยู่ว่าอยากพาพราวไปเที่ยวต่างประเทศเหมือนคนอื่นบ้าง”
“พราวเคยขออะไรหรือบ่นน้อยใจกับเจตด้วยเหรอ? ไม่มีนะ ไม่ต้องคิดมาก”
“เมื่อกี้ตอนพราวอาบน้ำเห็นโทรศัพท์ใหม่ใช่ไหม? เจตควรน่าจะเป็นคนซื้อเปลี่ยนให้ ไม่น่าปล่อยให้แฟนต้องใช้เครื่องเก่ามาตั้งนาน แต่ตัวเองดันใช้เครื่องใหม่”
พราวตะวันแอบสะดุ้งเฮือกเพราะเธอลืมโทรศัพท์ทิ้งไว้บนเตียงจริงๆ
“เจต..เรายังเรียนอยู่ พ่อแม่ซื้อให้ไม่แปลก แต่ถ้าซื้อของราคาแพงให้กันทั้งที่เรายังไม่มีรายได้ พราวไม่ได้ดีใจหรอกนะ”
“ถ้าเจตเรียนจบต้องทำงานกับครอบครัวเมื่อไหร่ เจตจะชดเชยให้พราวเอง ยิ่งพราวไม่เคยขอ ไม่เคยบ่นน้อยใจสักครั้ง ยิ่งทำให้เจตรู้สึกผิดอยู่ทุกวัน”
“ของพวกนั้นเก็บเงินได้ก็ค่อยซื้อทีหลัง เป็นคนดีของพราวและเรารักกันก็พอแล้ว”
เธอยื่นหน้าไปจูบเขาอย่างอ่อนโยน พลอยทำให้วันนี้เจตนิพัทธ์ตั้งใจจะทำอย่างทะนุถนอมเพื่อตอบแทนที่เธอยังรักเขาไม่แปรเปลี่ยน
หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ ชโลทรก็ส่งข้อความมาบอกพราวตะวันว่าอยู่ที่ปารีสกับครอบครัวโบว์ฟัว เพื่อทำงานศิลปะอย่างที่เคยฝันว่าอยากมีแกลลอรี่เป็นของตัวเองบ้าง แต่ช่วงนี้ต้องอาศัยแกลลอรี่ของกาเบรียลเพื่อวางผลงานไปก่อน พราวตะวันตกใจที่แม่ของเธออยู่ร่วมกับพ่อและภรรยาใหม่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ “พ่อทำยังไงถึงโน้มน้าวแม่ได้คะ? เหลือเชื่อมาก”“ก็เพราะพ่อรู้จักเธอดีกว่าใครๆ เผลอๆรู้จักเธอมากกว่าตัวเธอรู้จักตัวเองเสียอีก แล้วก็ต้องให้เครดิตโคลเอ้นะ น้องสาวลูกตีบทแตกไปเลย”พราวตะวันหัวเราะคิก “พ่อเล่าหน่อยสิ”“ไว้ลูกมาที่ปารีสเดี๋ยวก็เห็นว่าโคลเอ้ทำยังไง?”ที่อเมริกาช่วงพักฟื้นได้จบลง คิณภัทรได้กลับมาประเทศไทยอย่างสุขภาพที่ดี จากการพักผ่อนเต็มที่ อาหารที่แม่ของเขาทำเพื่อลูกอย่างถูกสุขอนามัยทุกวัน แม่บอกรักเขา ดูแลและโอบกอดเสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาอยากได้มาตลอด ทำให้ช่วงเวลาหนึ่งเดือนเป็นการฟื้นฟูความรู้สึกที่ขาดหายในวัยเด็กด้วยเลยทีเดียวพราวตะวันและเจตนิพัทธ์ที่ใส่ชุดนักศึกษาได้จูงมือกันเข้ามาในบ้าน ก็เจอกับคิณภัทรและแม่ที่บินกลับมาแล้ว“นี่ในบ้านนะ ไม่ต้องกลัวคนหายหรอก”“หายดีก็ปากเหมือนเดิมเลยนะพี่ค
ชโลทรหมดแรงที่จะต่อล้อต่อเถียงกับคิณภัทรอีกแล้ว“เธอเป็นของคุณ..ดูแลเธอให้ดีก็แล้วกัน..”เธอพูดจบและจะเดินหนีขึ้นข้างบน พราวตะวันรีบเรียกและดึงแขนแม่เอาไว้“แม่!..”“ปล่อยแม่..พราว! รักเขามากกว่าแม่ก็ไปซะ”“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะแม่”“ไม่ใช่แล้วมาปรึกษากันบ้างมั้ย?”“หนูขอโทษค่ะ..”“ให้แม่อยู่คนเดียวซักพักเถอะ ไปสิ..ไปอยู่กับพวกเขา ไปซะ” ชโลทรสะบัดแขนจากลูกสาวแล้วรีบเดินขึ้นไปบนชั้นสองและปิดประตูห้องล็อก คิณภัทรรีบมากอดเธอไม่ให้ตามขึ้นไป เขาจะสู้เพื่อไม่ให้เสียเธอ โดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นแม่ของเธอหรือใครก็ตาม “พี่คิณ..เอาไงดี?”“แม่ว่าพาหนูพราวไปที่บ้านก่อนดีกว่า บางทีปล่อยให้แม่เค้าคิดอะไรสักพักก่อนนะ”“พราว..ไปกับเรานะ พี่ไม่ได้บอกให้ทิ้งแม่ แต่พี่ไม่อยากให้ทุกคนสุขภาพจิตเสีย เดือนหน้าหนูอาจตั้งท้องแล้ว พี่ห่วงลูก เดี๋ยวพี่จะหาทางมาคุยกับคุณแม่ของพราวอีกที พี่ไม่ยอมแพ้หรอก”“เจตจะไปช่วยเก็บของ แม่กับพี่คิณรอนี่แป็บนึงนะ”เจตนิพัทธ์จับมือพราวตะวันให้ออกจากกอดของคิณภัทร เพื่อไม่ให้เสียเวลา“พราวไม่ไปได้ไหม? ขออยู่ที่นี่กับแม่…”“เชื่อเจตนะ เจตมีวิธี”ทั้งสองขึ้นไปเก็บแค่เสื้อผ้ามาไม่มากร
คุณเจตสุภาตัดสินใจจะไปคุยกับชโลทรที่บ้าน เพราะเจตนิพัทธ์ได้บอกกับทุกคนว่าท่าทางคุณแม่ของพราวตะวันดูสับสนกับสิ่งที่ลูกสาวบอกคร่าวๆ“แม่คิดว่ามีส่วนต้องช่วยรับผิดชอบ เพราะลูกชายของแม่ทั้งสองคนไปอีนุงตุงนังกับลูกสาวของเค้าก่อน อีกอย่างอยากทำอะไรให้ถูกต้อง ไหนๆก็จะเรียนจบอยู่แล้ว”พราวตะวันที่จัดของออกจากกระเป๋าอยู่ พอเห็นสายโทรเข้าจากเจตนิพัทธ์ก็รีบรับสายอย่างกระตือรือร้นทันที “ว่าไงเจต? พราวกำลังเครียดเลย”“เดี๋ยวอีกชั่วโมงนึงเจอกัน ที่บ้านเจตโอเคทุกอย่าง ราบรื่นไม่มีอะไร ไม่ต้องเครียดนะ พวกเราเอาอยู่”“เฮ้อ..ไม่รู้สิ กลัวไปหมด”“เจตจะปกป้องพราวเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ช่าง เราต้องได้อยู่ด้วยกัน”วันนี้ชโลทรลางานจากมหาวิทยาลัย จึงว่างครึ่งวันโดยเธอนั่งวาดรูปเงียบๆที่ห้องรับแขก ไม่นานนักก็มีรถยนต์คันใหญ่ที่หรูหรามาจอดที่หน้าบ้าน เธอที่เห็นแบบนั้นจึงออกไปดู พอเห็นหน้าสองพี่น้องและหญิงวัยกลางคนที่ดูก็รู้ทันทีว่าคือคุณแม่ของพวกเขา ซึ่งดูอายุอานามมากกว่าเธอ จึงเป็นฝ่ายยกมือสวัสดีขึ้นก่อน“สวัสดีค่ะ เชิญค่ะ”“โอ้..ยินดีมากค่ะ อยากเจอคุณแม่หนูพราวมาสักพักแล้ว”คุณเจตสุภารับไหว้และจับมือของชโลทรอ
ถึงเวลาบินกลับไทยก่อนหน้าเปิดเทอมสุดท้ายสามวัน ครอบครัวจิรวราพงศ์มารับคิณภัทรและพราวตะวันที่สนามบิน โดยมีชโลทรคุณแม่ของพราวตะวันได้มารอรับลูกสาวเช่นกัน ซึ่งเธอประหลาดใจมากที่ลูกสาวลงเครื่องมากับคิณภัทร ขณะที่แฟนหนุ่มอย่างเจตนิพัทธ์มารอรับทั้งคู่ด้วยและนี่เป็นครั้งแรกที่พ่อแม่ของพวกเขาได้รู้จักคุณแม่ของแฟนสาว ทุกคนดูไม่แปลกใจกับทุกสิ่งที่เห็นยกเว้นชโลทรที่รู้สึกแปลกๆพราวตะวันยกมือไหว้พ่อแม่ของแฟนหนุ่มทั้งสอง และปรี่เข้าไปกอดแม่ของเธอแน่น เพราะไม่ได้อยู่ด้วยกันถึงสองเดือนกว่า คิณภัทรกอดกับแม่ของเขาแล้วก็เดินมาหาชโลทร “สวัสดีครับคุณแม่ พอดีผมกลับมากับน้อง วันนี้ผมจะขออนุญาตไปคุยกับคุณแม่ที่บ้านนะครับ เออ..เจต ของเยอะมากเลย ต้องช่วยกันขนใส่รถนะ”คิณภัทรคุยกับชโลทรแล้วหันไปบอกน้องชาย ก่อนจะหันมากระซิบกับพราวตะวันเบาๆ“ที่รัก ตอนเย็นผมกับเจตจะไปหาที่บ้านนะ ขอคุยกับที่บ้านก่อน”พราวตะวันพยักหน้ารับ ขณะที่เจตนิพัทธ์มากอดเธอเป็นคนสุดท้าย “เจตไม่เจอแป็บเดียว พราวสวยขึ้นนะ คิดถึงจะตายละ”“เย็นนี้เจอกันนะ”เธอกล่าวลาทุกคนแล้วกลับบ้านไปกับแม่ ระหว่างอยู่ในรถ แม่ของเธอสังเกตว่าลูกสาวดูสวยขึ้นจร
พราวตะวันไม่เคยไปที่อื่นนอกจากฝรั่งเศส เธอจึงตื่นเต้นมาก ชุดว่ายน้ำทูพีชสีสดใสหลายชุดที่ไปช็อปปิ้งมา เธอจึงใส่ไม่ซ้ำกันสักวันเพื่อว่ายน้ำทั้งในโรงแรมและที่ชายหาดใกล้กับ Brook Point ในเวลาที่สามีทำงานอยู่ในห้อง เธอถ่ายรูปส่งให้เจตนิพัทธ์และแม่ของเธอมากมาย จนแม่ต้องส่งข้อความมาหาว่าทำไมถึงไปอยู่ที่นั่นได้ “แล้วหนูจะกลับไปอธิบายให้แม่ฟังนะคะ”คิณภัทรโทรเข้ามาหาเพราะตามหาภรรยาไม่เจอ “ที่รัก อยู่ไหน? ห้ามไปที่ไหนไกลเกินไปคนเดียวสิ พี่เดินหาไม่เจอเลย”“มานั่งเล่นใกล้กับซากเรือเก่าค่ะ สวยมากๆ ถ่ายรูปส่งไปให้แม่ด้วยเผื่อเป็นแบบให้วาดภาพ มีประภาคารด้วยพี่คิณ ปลาก็เยอะน้ำก็ใสสีฟ้าสุดๆ”“เดี๋ยวๆ ทำไมไปไกลจากโรงแรมแบบนั้น? อยู่นั่นเลยห้ามลงน้ำ พี่กำลังไปหา”เขาเอารถของโรงแรมขับอ้อมไปหาเธอ 1.7 กิโล ใช้เวลาห้านาทีก็ถึง พอดูพิกัดในโทรศัพท์ก็รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน “แพริส ห้ามใส่ชุดว่ายน้ำแบบนี้มาคนเดียว เห็นมั้ยว่าคนท้องถิ่นอยู่ที่นี่ แล้วตอนนี้นักท่องเที่ยวก็ไม่มีใครสักคนน่ะ ถ้าจะมาให้รอพี่สิ”เธอเงยหน้ามองแบบไม่พอใจแต่ก็ไม่พูดอะไร พลางใส่เสื้อและกางเกงขาสั้นทับชุดว่ายน้ำไปเลย แล้วทำหน้าหงิก“เดี๋
ตอนนี้สุขภาพของคิณภัทรดีขึ้นแต่ก็ยังต้องจำกัดอาหารและดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้เหมือนเดิม พวกเขาได้รับเอกสารการจดทะเบียนเรียบร้อยและบินไปนีซอีกครั้งเพื่อแสดงเอกสารให้กับทางโบสถ์ รวมถึงไปดูการรีโนเวทโรงแรมอยู่สามวันเหลืออีกครึ่งเดือนเขาและพราวตะวันต้องกลับไทย การใช้ชีวิตด้วยกันกับครอบครัวของเธอสองเดือนกว่านี้ทำให้ชีวิตเขาสงบและร่างกายได้พักผ่อนยาวๆเป็นครั้งแรก ทางด้านเจตนิพัทธ์รู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์กับพราวตะวันดีขึ้นมาก พออยู่ไกลกันกลับห่วงหาคิดถึงกันมากกว่าเดิม ไม่มานั่งทะเลาะกัน ได้คุยกันทุกวันแม้จะไม่นานมาก ลมทะเลที่พัดปลิวผ้าม่าน ผมยาวเป็นลอนสวยที่ปลิวตามแรงลม พราวตะวันนั่งที่ระเบียงห้องเพลินๆระหว่างที่คิณภัทรนั่งทำงานคุยซูมประชุมอยู่กับลูกน้องที่ต่างประเทศ เธอนึกอะไรขึ้นได้จึงลุกไปค้นอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋าสะพาย มองมันในมืออยู่ครู่หนึ่งเหมือนชั่งใจ สุดท้ายก็ทิ้งมันลงถังขยะ..ฉันตัดสินใจแล้วล่ะ..อีกไม่กี่เดือนก็จบแล้วด้วย…พราวตะวันเห็นว่าคิณภัทรยังคุยงานอยู่ เธอจึงหยิบบางอย่างในตู้เสื้อผ้าและเข้าห้องน้ำไป ไม่นานเธอก็ออกมาพร้อมกับหยิบหนังสือมาเล่มหนึ่งแล้วเดินผ่านเขาไปนั่งเอนหลังบ